NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 540 ผมคือหนีเตียจริง ๆ นะ

บทที่ 540 ผมคือหนีเตียจริง ๆ นะ

บทที่ 540 ผมคือหนีเตียจริง ๆ นะ

ในเวลานี้ประตูกระจกของบาร์ Recalling the past ได้ถูกล็อกจากข้างใน

เวลาเปิดทำการของบาร์คือตั้งแต่สองทุ่มถึงหกโมงเช้า นั่นก็คือ บาร์พึ่งปิดร้านไปได้ไม่นาน

หลี่ฝางเดินไป และตบไปที่ประตูกระจก เขาตบอยู่ราวนาทีกว่า ๆ ถึงได้มีคนที่คุ้นเคยคนหนึ่ง สวมกางเกงชั้นในขาสั้นเดินมาเปิดประตู

“แม่งเอ๊ย ใครวะ ร้านพึ่งปิดไปก็มาเคาะประตูซะแล้ว หรือว่าดื่มเยอะไปแล้วลืมของไว้ที่บาร์?” คนคุ้นเคยคนนี้ แน่นอนว่าก็คือถังหยู่ซวนนั่นเอง ถังหยู่ซวนตาปรือ วิ่งไปเปิดประตู พลางร้องถามต่อว่าหลี่ฝางและป๋ายหม่าอย่างไม่สบอารมณ์

“เงยหัวขึ้นดูว่าฉันเป็นใคร” หลี่ฝางยิ้มกล่าว

เมื่อถังหยู่ซวนได้ยินเสียงที่คุณหูนี้ ก็เอามือขยี้ตาทันที เขามองหลี่ฝาง ปรากฏสีหน้าท่าทางปลื้มปีติยินดีออกมา: “เย็ดเข้ คุณชายหลี่ กลับมาแล้วเหรอครับ”

“คุณชายหลี่เหี้ยอะไร เมื่อก่อนนายเรียกฉันว่ายังไง ก็เรียกอย่างนั้น ทำไม ไม่เจอแค่ไม่กี่วัน ก็ห่างเหินกันแบบนี้แล้วเหรอ? หรือว่า หรือว่าในใจของนายไม่เห็นฉันคนนี้เป็นเพื่อนแล้ว?”

หลี่ฝางจ้องมองถังหยู่ซวน พลางหัวเราะเหอะ ๆ : “ยังถือโทษฉันอยู่?”

“ถือโทษนาย? จะเป็นไปได้ยังไง? เดิมทีก็เป็นของฉันที่ทำผิดไป สูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง กลายเป็นคนเลวทรามต่ำช้า ในตอนแรกที่ลุงเฉียนว่าให้ฉัน ฉันก็ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ใช้ความสัมพันธ์ของนาย……ช่างเหอะ ไม่พูดแล้ว หลี่ฝาง ขอบใจนายมาก ขอบใจที่นายยังเห็นฉันเป็นเพื่อน ถึงยังไง ฉันก็เคยทำเรื่องที่ผิดต่อนาย ฉันไม่ควรใกล้ชิดสนิทสนมกับพวกโจวเจ๋มากเกินไป” ถังหยู่ซวนกล่าวด้วยท่าทีรู้สึกผิด

หลี่ฝางส่ายหน้า และกล่าวอย่างสงบ: “เรื่องที่มันผ่านไปแล้ว ก็ให้มันผ่านไปเถอะ ต่อไปก็อย่าพูดถึงมันอีก ฉันได้ยินลุงเฉียนบอกว่า ระยะนี้นายแสดงออกได้ไม่เลย”

หลี่ฝางยิ้มอย่างพอใจ: “ไปเก็บของ แล้วไปอยู่กับฉันที่เมืองเอกเป็นยังไง?”

“หา? ฉันทำงานอยู่ที่บาร์ก็ไม่เลว อีกอย่างระยะนี้ กำลังสอนศิลปะการต่อสู้ให้ฉันโหจื่อด้วย ช่วงนี้ฉันยังไม่อยากจากไปไหน ฉันอยากจะเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้กับโหจื่อหน่อย” ถังหยู่ซวนประหลาดใจ และกล่าวปฏิเสธในทางอ้อม

ในขณะที่หลี่ฝางเหมือนกำลังจะพูดอะไรต่อ ทันใดนั้นเองป๋ายหม่าก็กระแอมไอขึ้นมา

หลี่ฝางเก้อเขินเล็กน้อย เขาได้ลืมป๋ายหม่าไปซะแล้ว

“นายเป็นพนักงานที่นี่ใช่ไหม?” จ้องมองถังหยู่ซวน ป๋ายหม่าพลางเอ่ยถามขึ้น

“ดูนายก็ไม่เลวเลย ถ้าหากนายเต็มใจ ก็สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้” ป๋ายหม่ายิ้มอ่อน พลางกล่าว

ถังหยู่ซวนมองป๋ายหม่าด้วยท่าทีประหลาดใจ เขาขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยถาม: “หลี่ฝาง เขาเป็นใคร? ที่เขาพูดหมายความว่ายังไง?”

“เถ้าแก่ในอนาคตของนาย” หลี่ฝางกล่าวอย่างเรียบ ๆ แต่ในใจยังคงรู้สึกเศร้าเล็กน้อย

ถึงยังไงบาร์แห่งนี้ ก็เป็นถึงของขวัญที่คุณพ่อของตัวเองมอบให้

โดยเฉพาะมังกรทองตัวนี้ พี่ทำขึ้นเพื่อตัวเองโดยเฉพาะ

เอาให้คนอื่นไปแบบนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อตอนที่คุณพ่อของตัวเองรู้เข้า จะเสียใจหรือเปล่า

ในใจของหลี่ฝางค่อนข้างเป็นกังวล เขาไม่รู้เลยว่าจะบอกกับพ่อของตัวเองยังไง

ถึงยังไงบาร์แห่งนี้ ก็มีมูลค่าสูงถึงสามพันกว่าล้าน อีกทั้งยังเป็นที่ได้รับความนิยม เอาไปให้คนอื่นแบบนี้ โดยที่ไม่ได้บอกพ่อของตัวเองเลยสักคำ มันก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควรจริง ๆ แหละ

“อะไรนะ? เขาเป็นเจ้าของบาร์ในอนาคต?” ถังหยู่ซวนสีหน้าท่าทางตะลึงงัน และมองหลี่ฝางอย่างไม่อยากจะเชื่อ: “หลี่ฝาง นี่มันเรื่องอะไรกัน ครอบครัวของนายล้มละลายแล้วเหรอ? ทำไมถึงต้องขายบาร์ล่ะ?

“ธุรกิจของบาร์นี่ดีซะขนาดนี้ คนเต็มทุกวัน จนลูกข้าเข้าคิวไม่ทัน นายขายออกไปแบบนี้……มันไม่น่าเสียดายไปหน่อยเหรอ”

สีหน้าของถังหยู่ซวน ปรากฏแววความยากลำบากขึ้นมา เห็นได้ชัด แม้แต่เพื่อนอย่างถังหยู่ซวน ก็ไม่อยากให้บาร์แห่งนี้เปลี่ยนเจ้าของ

ในหัวใจของหลี่ฝาง ยิ่งเสียดายขึ้นไปอีก

ป๋ายหม่าเดินเข้าไปในร้านทันที เขากวาดสายตามอง สุดท้ายจึงหยุดลงที่ด้านหน้าของมังกรทองตัวนั้น: “เป็นของดีจริง ๆ เลย”

สำหรับคนอย่างป๋ายหม่า สิ่งที่มีค่าที่สุด ไม่มีอะไรมากไปกว่าทองคำและเพชร

ป๋ายหม่าลูบคลำอย่างไม่รู้ตัว ราวกับคนบ้านนอกคอกนาไม่ผิด

“หลี่ฝาง ตกลงแล้วมันยังไงกันแน่ ฉันไม่ได้ยินว่าครอบครัวของนายล้มละลายนี่นา ทำไมนายถึงได้จะขายบาร์ล่ะ?” ถังหยู่ซวนเดินเข้าไปหาหลี่ฝาง แล้วกระซิบถาม

หลี่ฝางกล่าวอย่างจำใจ: “ไม่ได้ขาย พูดให้ถูกหน่อยก็คือ ยกให้คนคนนั้น”

“เย็ดเข้? นายว่ายังไงนะ? หลี่ฝาง นายจะยกบาร์นี่ให้กับคนคนนั้น? เขาเป็นใครกัน นายถึงจะยกบาร์นี่ให้เขา ฉันได้ยินลุงเฉียนพูด บาร์แห่งนี้มีมูลค่าหลายพันล้าน นายยกเงินหลายพันล้านนี่ให้กับเขา?” ถังหยู่ซวนจ้องมองหลี่ฝางอย่างตะลึงสุดขีด ตกใจอ้าปากกว้างจนแทบจะฉีก

หลี่ฝางอืมหนึ่งครั้ง พลางพยักหน้า กล่าว: “เพื่อช่วยลูกพี่หลิน นี่เป็นสิ่งเดียวที่ทำได้”

“ลูกพี่หลิน? ตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หลี่ฝาง นางพูดให้ฉันฝังหน่อยสิ” ถังหยู่ซวนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นสุดขีด

หลี่ฝางกล่าว: “ลูกพี่หลินทำผิดนิดหน่อย ถ้าฉันไม่ยกบาร์นี่ให้กับเขาคนนั้น เขาคนนั้น ก็จะฆ่าลูกพี่หลิน”

“เขาฆ่าลูกพี่หลิน แล้วเกี่ยวอะไรกับนายล่ะ หลี่ฝาง?” ถังหยู่ซวนยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นกว่าเดิม

หลี่ฝางเหลือกตาให้กับถังหยู่ซวน: “ฉันกับลูกพี่หลินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกัน แต่นายลืมความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับหลินชิงชิงไปแล้วเหรอ? บอกนายเรื่องหนึ่ง นายอย่าเอาไปพูดมั่ว ๆ ล่ะ ฉันกำลังคบหากับหลินชิงชิงอยู่ ดังนั้นลูกพี่หลินนี่ มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นพ่อตาฉันในอนาคต นายว่า นั่นคือว่าที่พ่อตาของฉัน ฉันจะไปให้เขาตายโดยไม่ช่วยได้เหรอ?”

“มันก็ต้องช่วยเนอะ เพียงแต่ว่า สิ่งที่ต้องเสียไปมันมากมายเกิน”

ถังหยู่ซวนพยักหน้า และยังคงกล่าวอย่างเสียดาย: “เฮ้อ นี่ถ้าให้โหจื่ออาจารย์ของฉันรู้เข้า โหจื่อของฉันจะต้องระเบิดขึ้นมาแน่”

“เรื่องนี้ ยังไม่ต้องบอกเขา” หลี่ฝางเกรงว่าจะก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็น เขาจึงเดินไปที่ข้างหน้าของป๋ายหม่าทันที

“เป็นยังไงบ้าง พวกเราเซ็นสัญญากันเถอะ”

หลี่ฝางไม่อยากจะยืดเวลาไปมากกว่านี้ จึงเอ่ยขึ้นมา

ป๋ายหม่าหัวเราะเหอะ ๆ จ้องมองหลี่ฝาง: “คุณชายหลี่ ทำไมถึงใจร้อนกว่าฉันอีกล่ะ ดูเหมือนว่าพ่อตาของนายคนนี้สำหรับนายแล้ว สำคัญอยู่ไม่น้อยเลย”

“ไม่พูดไม่ได้ว่า เขาได้ลูกเขยที่ไม่เลวเลยจริง ๆ ดูสิ บาร์ที่ดีมากขนาดนี้ เพื่อช่วยเขา บอกว่าจะยกให้ฉันก็ยกให้ โดยที่ไม่รู้สึกเสียดายเลยแม้แต่น้อย” ป๋ายหม่ายั่วเย้า

หลี่ฝางขมวดคิ้ว และมองดูป๋ายหม่าอย่างไม่สบอารมณ์: “ทำไม เสียดายแล้วมีประโยชน์อะไร?”

“ก็ได้ ผมจะบอกคุณก็ได้ ผมเสียดายจนแทบตายอยู่แล้ว บาร์แห่งนี้ เป็นของขวัญที่พ่อของผมมอบให้เชียวนะ ผมยังไม่ได้บอกเขาเลย ถ้าหากเขารู้เข้าล่ะก็ จะต้องด่าผมจนหูชาแน่ ๆ เลย” ทันทีที่นึกถึงเรื่องนี้ ในใจของหลี่ฝางก็กระวนกระวายเป็นพิเศษ

“เหอะ ๆ ถ้าหากหลอซ่ารู้เข้า จะต้องโมโหมากแน่ ๆ ทั้งยังจะต้องมาหาเรื่องฉัน แต่ว่าความร่ำรวยไม่ใช่ว่าจะได้มาง่าย ๆ จะต้องมีเสี่ยงกันบ้าง นายว่าไหม? บาร์เหล้าที่ดีขนาดนี้ คู่ควรที่ฉันจะต้องล่วงเกินปีศาจที่ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น” ป๋ายหม่ากล่าวเสียงแข็ง

ช่างเป็นคนที่อยากได้เงินจนไม่ห่วงชีวิตจริง ๆ

หลี่ฝางเบ้ปาก แล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์ กล่าว: “มีหมึกพิมพ์ลายนิ้วมือไหม?”

“สบายใจได้เมื่อกี้ทนายของฉัน ได้เอาให้ฉันหมดแล้ว นี่ปากกา นี่หมึกพิมพ์ลายนิ้วมือ ล้วนอยู่ตรงนี้ นายแซ็นชื่อ แล้วประทับลายนิ้วมือ บาร์นี่ก็จะกลายเป็นของฉัน”

ป๋ายหม่าวางเอกสารสัญญาลงข้างหน้าหลี่ฝาง: “คุณชายหลี่ นายจะตรวจดูสักหน่อยไหม?”

หลี่ฝางหัวเราะเหอะ ๆ : “ตรวจดูสักหน่อยอะไรกัน ฉันจะตรวจดูให้ละเอียดเลย”

“นายแน่ใจว่าบาร์แห่งนี้อยู่ในนามของนาย ใช่ไหม?” ในขณะที่กำลังตรวจสอบเอกสาร ป๋ายหม่าถามขึ้นมาอย่างเป็นกังวล

หลี่ฝางพยักหน้าอย่างขอไปที พลางตรวจดูเอกสารอย่างละเอียดรอบคอบ

หลังจากที่ดูเสร็จ หลี่ฝางก็หยิบปากกาในมือของป๋ายหม่า เอามาถือไว้ในมือ: “เอาล่ะ เอกสารสัญญาไม่มีปัญหาอะไร ผมจะเซ็นแล้ว”

หลังจากที่เซ็นชื่อเสร็จ หลี่ฝางก็ประทับลายนิ้วมือ

จะว่าไป ในวินาทีที่เซ็นชื่อ หลี่ฝางล้วนรู้สึกเจ็บแปล๊บอยู่ในใจ

นี่มันสามพันล้านเชียวนะ อยู่ดี ๆ ก็อันตรธานหายไป

รอจนทุกอย่างเรียบร้อย หลี่ฝางตบไปที่ไหล่ของถังหยู่ซวนเบา ๆ : “ถังหยู่ซวน นายไปเก็บของ อีกสักครู่บอกกับพวกโหจื่อ ให้ไปที่เมืองเอกด้วยกัน”

“หนีเตีย? ใครคือหนีเตีย?” มองดูตรงเซ็นชื่อบนเอกสารแวบหนึ่ง ป๋ายหม่าก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

“หนีเตียคือผมเอง ทำไมเหรอ?” หลี่ฝางกล่าว

“แกเล่นตลกกับฉัน?” ป๋ายหม่าจ้องมองหลี่ฝางอย่างเยือกเย็น และปรากฏแววอาฆาตออกมา

หลี่ฝากถูกสายตาของป๋ายหม่าทำให้ตกใจกลัว เขารีบนำเอาบัตรประชาชนออกมา แล้วยื่นให้ป๋ายหม่า: “คุณเห็นหรือยัง ผมคือหนีเตียจริง ๆ นะ ถ้าไม่เชื่อล่ะก็ คุณดูให้ชัด ๆ สิ”

ป๋ายหม่ามองดูบัตรประชาชน แววความอาฆาตในสายตา ถึงได้ค่อย ๆ หายไป ป๋ายหม่าโบกมือ กล่าว: “เอาล่ะ บาร์แห่งนี้ ต่อไปก็เป็นของฉันแล้ว”

ป๋ายหม่าพูดยังไม่ทันขาดคำ โหจื่อที่เดิมทีได้หลับไปแล้ว ทันใดนั้นก็ได้ลืมตาขึ้นม

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน