บทที่ 545 ลูกของถังหยู่ซวน
“อย่าเอาเรื่องทั้งหมดไปลงที่ตัวเองคนเดียว พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน นายไม่กลัว ฝั่งพ่อของฉันก็ไม่กลัว……ตัวคนเดียวจะอ่อนแอกว่า ที่ฉันพูดไปเหนี่ย นายคงเข้าใจนะ”
“ป๋ายหม่าตายแล้ว บัญชีนี้ก็คงจะจบแบบนี้ไม่ได้แน่ ไม่แน่อาจจะมีคนมาก่อเรื่องที่บาร์ ถ้างั้น……นายไปซ่อนตัวที่บ้านพักตากอากาศสักระยะนึงมั้ย?”
หลี่ฝางถามอย่างลองเชิง ถึงยังไงเบื้องหลังของป๋ายหม่า ก็คือองค์กรลับที่ยิ่งใหญ่องค์กรนึง องค์กรนี้ใหญ่ขนาดไหน แข็งแกร่งขนาดไหน หลี่ฝางไม่สามารถนึกภาพได้
เป็นองค์กรที่ถึงกระทั่งสามารถทำให้ส้าวส้วย และพ่อของตนเกิดความหวาดกลัวได้ เกรงว่า จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโหจื่อหรอกมั้ง?
โหจื่อฝีมือยิงปืนดีมาก แต่ว่าฝีมือที่มี ก็อยู่ระดับประมาณเจ้าหัวแบนเท่านั้น
ดังนั้น หลี่ฝางถึงได้ถามแบบนี้
โหจื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงความไม่แฮปปี้: “เจ้านาย เรื่องอะไรกัน ทำไมถึงได้ดูถูกผมแบบนี้ แค่องค์กรเล็กๆ อยู่ในประเทศ ผมไม่ได้เห็นอยู่ในสายตาเลยจริงๆ ”
“ถ้าหากอยู่เมืองนอก ผมคงลั่นปืนใส่หัวลูกพี่ใหญ่มันไปนานแล้ว ให้พวกมันทั้งองค์กรปากสั่น นายเชื่อมั้ย?”
โหจื่อหัวเราะเหอะๆ : “ช่างเถอะ ลูกพี่ใหญ่ ที่ผมพูดแบบนี้ นายคงคิดว่าผมกำลังพูดโอ้อวดแน่ๆ ”
“ไม่ใช่ ฉันแค่เป็นห่วงนาย” หลี่ฝางพูดอย่างกระอักกระอ่วน
“นายไม่ต้องกังวล ถ้าหากโหจื่อไม่ไหว ก็ยังมีฉันอยู่นี่?” ขณะที่พูด กู่หยุ่งฉีก็เดินลงมาจากชั้นบน: “หลายวันมานี้ ฉันไม่ได้อยู่ที่คาเฟ่ จะอยู่ที่บาร์สักระยะ ถ้าหากมีคนมาก่อความวุ่นวาย ฉันช่วยจัดการให้ได้”
“พี่ฉีฉี?” หลี่ฝางมองผู้หญิงที่ส้าวส้วยเรียกเธอว่าแม่มด แล้วชะงักอยู่ครู่
กู่หยุ่งฉีสวมชุดนอนสีแดงทั้งร่าง ใบหน้าสดปรากฏขึ้น แต่กลับยังคงความสง่างามไว้
“วางใจได้ คุณชายน้อย ที่บาร์ไม่มีเรื่องอะไร”
กู่หยุ่งฉียิ้มอ่อนแล้วพูด: “นอกจากพวกเขาจะใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดลงมา”
“ไม่เป็นไรแน่เหรอ?” หลี่ฝางยังคงกังวลอยู่: “ฉันได้ยินมาว่าองค์กรของพวกนั้นยิ่งใหญ่มาก”
“ใหญ่ไม่ได้หมายความว่าจะเก่ง รู้มั้ยว่าพี่ฉีฉีของนายเป็นใครมาจากไหน นางเข้าไปลอบฆ่าผู้เฒ่าของสำนักหยิ่งซาด้วยตัวคนเดียว นายอาจจะไม่ค่อยรู้เรื่องสำนักหยิ่งซา พูดแบบนี้แล้วกัน องค์กรของป๋ายหม่ากับสำนักหยิ่งซาเมื่อเทียบกัน ก็เหมือนเด็กอนุบาลกับมหาลัย ก็แค่ในประเทศไม่ค่อยมีคู่ต่อสู้อะไร ที่จะทำให้พวกเขาแสดงฝีมือ”
“เมื่อบนภูเขาไม่มีสิงโต ลิงถึงได้กลายเป็นเจ้าป่า” กู่หยุ่งฉียิ้มที่มุมปาก
หลี่ฝางลูบหัว มองไปที่โหจื่อกับกู่หยุ่งฉีแล้วพูด: “ช่างเถอะ พวกนายเป็นเทพกันทั้งคู่ พวกนายมีความสามารถขนาดนั้น งั้นฉันก็ไม่กล่อมพวกนายและ เอาล่ะ งั้นฉันไปและ”
หลี่ฝางเหลือบมองถังหยู่ซวน แล้วถาม: “ไม่คิดจะอยู่ที่เมืองเอกกับฉันจริงๆ เหรอ เสี่ยวเสี่ยวกับลู่หลุ่ยก็อยู่ที่นั่น”
เห็นได้ชัดว่าถังหยู่ซวนใจอ่อน เขามองโหจื่อ แล้วถามความเห็นของโหจื่อ
“อย่ามามองฉัน โตป่านนี้แล้ว ตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได้หรือไง? นายไม่ใช่เด็กสองสามขวบแล้วนะ ฉันไม่ใช่พี่เลี้ยงของนายนะ แต่ว่าการฝึกการต่อสู้ ไม่สามารถเลิกกลางคันได้ นายเพิ่งจะเข้ามา……”
โหจื่อยังไม่ทันพูดจบ ถังหยู่ซวนก็เข้าใจความหมายของโหจื่อ
ถังหยู่ซวนมองหลี่ฝางแล้วพูด: “หลี่ฝาง ผมจะไป”
“โอเค เมื่อไหร่ศึกษาได้แล้ว ก็ไปที่เมืองเอกแล้วโทรหาฉัน” หลี่ฝางพยักหน้าแล้วพูด
ถังหยู่ซวนส่งหลี่ฝางที่หน้าประตู แล้วพูด: “ฉันได้ยินมาว่านายกับลู่หลุ่ยคืนดีกันแล้ว เป็นเรื่องที่ดี ยินดีกับนายด้วย”
“แล้วก็ฉันขอเตือนนายอย่างชีวิตของลู่หลุ่ยนั้นน่าสงสาร ไม่มีคนคอยรักคอยเอาใจใส่ ตอนนี้มีแล้ว นายต้องดูแลเธอให้ดี อย่าให้เธอน้อยเนื้อต่ำใจ ฉันกับเสี่ยวเสี่ยว และลู่หลุ่ย พวกเราสามคนโตมาด้วยกัน พูดตามตรง ความรู้สึกของพวกเรา ไม่ได้น้อยไปกว่าพี่น้องแท้ๆ เลย ถ้านายทำไม่ดีต่อลู่หลุ่ย ความสัมพันธ์พี่น้องของพวกเรา คงจะต้องหยุดแค่นั้น”
ถังหยู่ซวนพูด
หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูด: “วางใจ ฉันจริงจังต่อลู่หลุ่ย จะไม่……”
“ฉันเชื่อว่าจริงใจ แต่นายมันเจ้าชู้ไปหน่อย นายกับลูกสาวของลูกพี่หลินมันยังไง? ไม่ชัดเจน หล่อนโตกว่านายตั้งหลายปีนะ……ฉันจะบอกนายให้ พวกนายสองคนเป็นพี่น้องกันก็ดีแล้ว อย่าเกินเลย ลู่หลุ่ยคนนี้ไม่ได้มีข้อเสียอะไร ก็แค่ขี้ระแวงไปหน่อย”
ในตอนนั้นโหจื่อก็ตะโกนถามถังหยู่ซวน: “ลูกศิษย์ มาเก็บกวาดต่อ จากนั้นไปสควอชกับฉัน”
ถังหยู่ซวนได้ยินเสียงเรียก ก็หยุดการพูดเตือนหลี่ฝาง: “ส่งตรงนี้แล้วกัน ไว้โทรคุยกัน”
ถังหยู่ซวนคนนี้ อย่างกับตนเป็นพ่อตาของลู่หลุ่ยอย่างนั้นแหละ อ่อนไหวจริง พูดฉอดๆ บอกตามตรง หลี่ฝางไม่ชอบที่จะได้ยินสิ่งนี้จริงๆ
เมื่อถังหยู่ซวนมาถึงหน้าโหจื่อ โหจื่อก็ว่าไปนึงที: “นายเป็นใครกันห่วงเรื่องไม่เป็นเรื่องเหนี่ย นั่นมันความรู้สึกของชาวบ้าน นายจะไปพูดมั่วๆ แทรกได้ยังไง……นายเอาชีวิตนายให้รอดก่อนค่อยว่ากัน อย่าลืมล่ะ ด้านบนยังมีคนท้องอยู่อีกคนนึง”
นึกถึงปิงปิงที่อยู่ด้านบน ถังหยู่ซวนก็ทำหน้าลำบากใจ: “ฉันถูกมัดไว้แล้ว จะทำยังไงได้”
“อะไรที่เรียกว่าถูกผูกมัด ฉันถามหน่อย เด็กที่อยู่ในท้องเขา เป็นของนายมั้ย? ถ้าหากเป็นของนาย นายก็ต้องรับผิดชอบ นี่ไม่ใช่การผูกมัดอะไรทั้งนั้น ถ้าหากไม่ใช่ของนาย นายก็ถีบหล่อนออกไปซะ เห้อ ผู้หญิงคนนั้นเทิดทูนเงินซะยิ่งกว่าอะไร แค่เห็นก็รำคาญ”
ถังหยู่ซวนขมวดคิ้ว แล้วพูด: “เด็กนั่นเป็นลูกฉัน หลังจากคลอดแล้ว ลูกเป็นของฉัน ฉันก็จะให้เงินหล่อนไปก้อนนึง ให้หล่อนไปซะ”
“เรื่องลูกของพวกเรา จะไม่มีใครรู้”
“โห ยัยผู้หญิงคนนี้คิดอยากจะแต่งกับเศรษฐีอีกเหรอ”
“เอือมระอากับผู้หญิงที่เทิดทูนเงินจริงๆ เกิดมายากจน เพิ่งหน้าตาที่ดูดีหน่อย แต่งหน้าหนาๆ ทุกวัน แล้วก็เข้ามาตามผับตามบาร์ เพื่อที่จะสอยผู้ชายรวยๆ ไปกิน แต่พวกหล่อนไม่รู้ ต่อหน้าคุณชายพวกนั้น พวกหล่อนก็เป็นได้แค่ของเล่น ความหวังที่จะแต่งเข้าตระกูลรวยๆ คิดว่าง่ายขนาดนั้นเหรอ?” โหจื่อหัวเราะเหอะๆ
หน้าของถังหยู่ซวนกระอักกระอ่วนอย่างช่วยไม่ได้
“ฉันมีอะไรก็พูดแบบนั้น ถ้านายคิดว่าฉันพูดผิด ถ้ามีก็ด่าฉันในใจได้ แต่อย่าให้ฉันได้ยินล่ะ ถ้าไม่อย่างนั้น ฮี่ฮี่……นายรู้ดี” โหจื่อยิ้มอย่างมีเลศนัย ถังหยู่ซวนตัวสั่นอย่างช่วยไม่ได้
“รีบเก็บกวาดๆ ฉันจะนำนายสควอช” โหจื่อพูดอย่างเย็นชา
“อาจารย์ เมื่อไหร่อาจารย์จะสอนวิธีที่มันได้ใช้หน่อยบ้าง สควอชทั้งวัน สควอชๆ มีประโยชน์อะไร” ถังหยู่ซวนพูดบ่น
โหจื่อขมวดคิ้ว แล้วมองถังหยู่ซวนอย่างจริงจังสุดๆ : “ฉันจะบอกให้ รากฐานการฝึกวิชา นั่นก็คือท่อนล่าง คนที่ท่อนล่างยังไม่แข็งแรง ไม่สามารถสู้ชนะคู่ต่อสู้ได้หรอก พูดไปนายก็ไม่รู้เรื่อง อัดนายสักยกดีกว่า”
หลี่ฝางออกไปได้ไม่ไกล ก็ได้ยินเสียงร้องของถังหยู่ซวน
เมื่อหลี่ฝางออกมา หมาจื่อและคนอื่นๆ ก็ได้ขับรถออกไปแล้ว
ฉางเหมาพยุงลูกพี่หลิน ยืนอยู่ไม่ไกล หลี่ฝางเดินเข้าไป แล้วพูด: “คุณพ่อตา เรื่องนี้……”
“ฉันเห็นหมดแล้ว”
สีหน้าลูกพี่หลินดูลำบากใจเล็กน้อย: “ป๋ายหม่าตายแล้ว”
หลี่ฝางพูดอืม: “เขารนหาที่ตายเอง โทษคนอื่นไม่ได้”
“เห้อ ช่างเถอะ เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว ฉันพูดอะไรตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ในองค์กรนั้นป๋ายหม่าถือว่าเป็นคนใหญ่คนโตอะไร แต่ก็ถือว่าเป็นคนสำคัญคนนึง เขาตายแล้ว เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่ พวกนายต้องระวังตัวหน่อยนะ”
“คืนนี้ฉันจะไปแล้ว ก่อนจะไป ช่วยจัดการให้ฉันเจอชิงชิงสักครั้งนึงเถอะ”
ขณะที่ลูกพี่หลินกำลังพูด ก็มีรถBuickสีดำคันนึง ขับเข้ามา คนที่ลงมาจากรถ คือผู้หญิงคนนึง พี่น้องของฉางเหมาผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางกวักมือเรียกผู้หญิงคนนั้น: “ที่รัก ฉันอยู่นี่”
“ดีนี่ เรียกฉันมาทำไม ที่นี่ตั้งแต่เช้าแบบนี้?” ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างไม่ค่อยแฮปปี้
“พาลูกพี่ของพวกเราไปส่งที่เมืองเอกที” ชายสวมชุดลายพรางพูดขึ้น
ผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยพอใจ: “ตั้งไกลขนาดนั้น……”
“วางใจ เธอไม่เสียประโยชน์หรอก” ลูกพี่หลินพูดขึ้น: “เมื่อไปถึง เธอก็กลับมาเอง รถคันนี้ฉันซื้อ เธอซื้อราคาเต็มมาเท่าไหร่ ฉันซื้อต่อเท่านั้น”
“ลูกพี่ รถของเธอเป็นมือสอง” ชายสวมชุดลายพรางพูดขึ้น
“หุบปาก นายเข้าข้างคนนอกเหรอ ไม่อยากเห็นฉันรวยหรือไง?” ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาหยิกไปที่เอวของชายสวมชุดลายพราง
ลูกพี่หลินหัวเราะเหอะๆ แล้วขึ้นรถไป
“เสี่ยวฝาง พวกเราไปก่อนนะ