NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 545 ลูกของถังหยู่ซวน

บทที่ 545 ลูกของถังหยู่ซวน

บทที่ 545 ลูกของถังหยู่ซวน

“อย่าเอาเรื่องทั้งหมดไปลงที่ตัวเองคนเดียว พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน นายไม่กลัว ฝั่งพ่อของฉันก็ไม่กลัว……ตัวคนเดียวจะอ่อนแอกว่า ที่ฉันพูดไปเหนี่ย นายคงเข้าใจนะ”

“ป๋ายหม่าตายแล้ว บัญชีนี้ก็คงจะจบแบบนี้ไม่ได้แน่ ไม่แน่อาจจะมีคนมาก่อเรื่องที่บาร์ ถ้างั้น……นายไปซ่อนตัวที่บ้านพักตากอากาศสักระยะนึงมั้ย?”

หลี่ฝางถามอย่างลองเชิง ถึงยังไงเบื้องหลังของป๋ายหม่า ก็คือองค์กรลับที่ยิ่งใหญ่องค์กรนึง องค์กรนี้ใหญ่ขนาดไหน แข็งแกร่งขนาดไหน หลี่ฝางไม่สามารถนึกภาพได้

เป็นองค์กรที่ถึงกระทั่งสามารถทำให้ส้าวส้วย และพ่อของตนเกิดความหวาดกลัวได้ เกรงว่า จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโหจื่อหรอกมั้ง?

โหจื่อฝีมือยิงปืนดีมาก แต่ว่าฝีมือที่มี ก็อยู่ระดับประมาณเจ้าหัวแบนเท่านั้น

ดังนั้น หลี่ฝางถึงได้ถามแบบนี้

โหจื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงความไม่แฮปปี้: “เจ้านาย เรื่องอะไรกัน ทำไมถึงได้ดูถูกผมแบบนี้ แค่องค์กรเล็กๆ อยู่ในประเทศ ผมไม่ได้เห็นอยู่ในสายตาเลยจริงๆ ”

“ถ้าหากอยู่เมืองนอก ผมคงลั่นปืนใส่หัวลูกพี่ใหญ่มันไปนานแล้ว ให้พวกมันทั้งองค์กรปากสั่น นายเชื่อมั้ย?”

โหจื่อหัวเราะเหอะๆ : “ช่างเถอะ ลูกพี่ใหญ่ ที่ผมพูดแบบนี้ นายคงคิดว่าผมกำลังพูดโอ้อวดแน่ๆ ”

“ไม่ใช่ ฉันแค่เป็นห่วงนาย” หลี่ฝางพูดอย่างกระอักกระอ่วน

“นายไม่ต้องกังวล ถ้าหากโหจื่อไม่ไหว ก็ยังมีฉันอยู่นี่?” ขณะที่พูด กู่หยุ่งฉีก็เดินลงมาจากชั้นบน: “หลายวันมานี้ ฉันไม่ได้อยู่ที่คาเฟ่ จะอยู่ที่บาร์สักระยะ ถ้าหากมีคนมาก่อความวุ่นวาย ฉันช่วยจัดการให้ได้”

“พี่ฉีฉี?” หลี่ฝางมองผู้หญิงที่ส้าวส้วยเรียกเธอว่าแม่มด แล้วชะงักอยู่ครู่

กู่หยุ่งฉีสวมชุดนอนสีแดงทั้งร่าง ใบหน้าสดปรากฏขึ้น แต่กลับยังคงความสง่างามไว้

“วางใจได้ คุณชายน้อย ที่บาร์ไม่มีเรื่องอะไร”

กู่หยุ่งฉียิ้มอ่อนแล้วพูด: “นอกจากพวกเขาจะใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดลงมา”

“ไม่เป็นไรแน่เหรอ?” หลี่ฝางยังคงกังวลอยู่: “ฉันได้ยินมาว่าองค์กรของพวกนั้นยิ่งใหญ่มาก”

“ใหญ่ไม่ได้หมายความว่าจะเก่ง รู้มั้ยว่าพี่ฉีฉีของนายเป็นใครมาจากไหน นางเข้าไปลอบฆ่าผู้เฒ่าของสำนักหยิ่งซาด้วยตัวคนเดียว นายอาจจะไม่ค่อยรู้เรื่องสำนักหยิ่งซา พูดแบบนี้แล้วกัน องค์กรของป๋ายหม่ากับสำนักหยิ่งซาเมื่อเทียบกัน ก็เหมือนเด็กอนุบาลกับมหาลัย ก็แค่ในประเทศไม่ค่อยมีคู่ต่อสู้อะไร ที่จะทำให้พวกเขาแสดงฝีมือ”

“เมื่อบนภูเขาไม่มีสิงโต ลิงถึงได้กลายเป็นเจ้าป่า” กู่หยุ่งฉียิ้มที่มุมปาก

หลี่ฝางลูบหัว มองไปที่โหจื่อกับกู่หยุ่งฉีแล้วพูด: “ช่างเถอะ พวกนายเป็นเทพกันทั้งคู่ พวกนายมีความสามารถขนาดนั้น งั้นฉันก็ไม่กล่อมพวกนายและ เอาล่ะ งั้นฉันไปและ”

หลี่ฝางเหลือบมองถังหยู่ซวน แล้วถาม: “ไม่คิดจะอยู่ที่เมืองเอกกับฉันจริงๆ เหรอ เสี่ยวเสี่ยวกับลู่หลุ่ยก็อยู่ที่นั่น”

เห็นได้ชัดว่าถังหยู่ซวนใจอ่อน เขามองโหจื่อ แล้วถามความเห็นของโหจื่อ

“อย่ามามองฉัน โตป่านนี้แล้ว ตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได้หรือไง? นายไม่ใช่เด็กสองสามขวบแล้วนะ ฉันไม่ใช่พี่เลี้ยงของนายนะ แต่ว่าการฝึกการต่อสู้ ไม่สามารถเลิกกลางคันได้ นายเพิ่งจะเข้ามา……”

โหจื่อยังไม่ทันพูดจบ ถังหยู่ซวนก็เข้าใจความหมายของโหจื่อ

ถังหยู่ซวนมองหลี่ฝางแล้วพูด: “หลี่ฝาง ผมจะไป”

“โอเค เมื่อไหร่ศึกษาได้แล้ว ก็ไปที่เมืองเอกแล้วโทรหาฉัน” หลี่ฝางพยักหน้าแล้วพูด

ถังหยู่ซวนส่งหลี่ฝางที่หน้าประตู แล้วพูด: “ฉันได้ยินมาว่านายกับลู่หลุ่ยคืนดีกันแล้ว เป็นเรื่องที่ดี ยินดีกับนายด้วย”

“แล้วก็ฉันขอเตือนนายอย่างชีวิตของลู่หลุ่ยนั้นน่าสงสาร ไม่มีคนคอยรักคอยเอาใจใส่ ตอนนี้มีแล้ว นายต้องดูแลเธอให้ดี อย่าให้เธอน้อยเนื้อต่ำใจ ฉันกับเสี่ยวเสี่ยว และลู่หลุ่ย พวกเราสามคนโตมาด้วยกัน พูดตามตรง ความรู้สึกของพวกเรา ไม่ได้น้อยไปกว่าพี่น้องแท้ๆ เลย ถ้านายทำไม่ดีต่อลู่หลุ่ย ความสัมพันธ์พี่น้องของพวกเรา คงจะต้องหยุดแค่นั้น”

ถังหยู่ซวนพูด

หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูด: “วางใจ ฉันจริงจังต่อลู่หลุ่ย จะไม่……”

“ฉันเชื่อว่าจริงใจ แต่นายมันเจ้าชู้ไปหน่อย นายกับลูกสาวของลูกพี่หลินมันยังไง? ไม่ชัดเจน หล่อนโตกว่านายตั้งหลายปีนะ……ฉันจะบอกนายให้ พวกนายสองคนเป็นพี่น้องกันก็ดีแล้ว อย่าเกินเลย ลู่หลุ่ยคนนี้ไม่ได้มีข้อเสียอะไร ก็แค่ขี้ระแวงไปหน่อย”

ในตอนนั้นโหจื่อก็ตะโกนถามถังหยู่ซวน: “ลูกศิษย์ มาเก็บกวาดต่อ จากนั้นไปสควอชกับฉัน”

ถังหยู่ซวนได้ยินเสียงเรียก ก็หยุดการพูดเตือนหลี่ฝาง: “ส่งตรงนี้แล้วกัน ไว้โทรคุยกัน”

ถังหยู่ซวนคนนี้ อย่างกับตนเป็นพ่อตาของลู่หลุ่ยอย่างนั้นแหละ อ่อนไหวจริง พูดฉอดๆ บอกตามตรง หลี่ฝางไม่ชอบที่จะได้ยินสิ่งนี้จริงๆ

เมื่อถังหยู่ซวนมาถึงหน้าโหจื่อ โหจื่อก็ว่าไปนึงที: “นายเป็นใครกันห่วงเรื่องไม่เป็นเรื่องเหนี่ย นั่นมันความรู้สึกของชาวบ้าน นายจะไปพูดมั่วๆ แทรกได้ยังไง……นายเอาชีวิตนายให้รอดก่อนค่อยว่ากัน อย่าลืมล่ะ ด้านบนยังมีคนท้องอยู่อีกคนนึง”

นึกถึงปิงปิงที่อยู่ด้านบน ถังหยู่ซวนก็ทำหน้าลำบากใจ: “ฉันถูกมัดไว้แล้ว จะทำยังไงได้”

“อะไรที่เรียกว่าถูกผูกมัด ฉันถามหน่อย เด็กที่อยู่ในท้องเขา เป็นของนายมั้ย? ถ้าหากเป็นของนาย นายก็ต้องรับผิดชอบ นี่ไม่ใช่การผูกมัดอะไรทั้งนั้น ถ้าหากไม่ใช่ของนาย นายก็ถีบหล่อนออกไปซะ เห้อ ผู้หญิงคนนั้นเทิดทูนเงินซะยิ่งกว่าอะไร แค่เห็นก็รำคาญ”

ถังหยู่ซวนขมวดคิ้ว แล้วพูด: “เด็กนั่นเป็นลูกฉัน หลังจากคลอดแล้ว ลูกเป็นของฉัน ฉันก็จะให้เงินหล่อนไปก้อนนึง ให้หล่อนไปซะ”

“เรื่องลูกของพวกเรา จะไม่มีใครรู้”

“โห ยัยผู้หญิงคนนี้คิดอยากจะแต่งกับเศรษฐีอีกเหรอ”

“เอือมระอากับผู้หญิงที่เทิดทูนเงินจริงๆ เกิดมายากจน เพิ่งหน้าตาที่ดูดีหน่อย แต่งหน้าหนาๆ ทุกวัน แล้วก็เข้ามาตามผับตามบาร์ เพื่อที่จะสอยผู้ชายรวยๆ ไปกิน แต่พวกหล่อนไม่รู้ ต่อหน้าคุณชายพวกนั้น พวกหล่อนก็เป็นได้แค่ของเล่น ความหวังที่จะแต่งเข้าตระกูลรวยๆ คิดว่าง่ายขนาดนั้นเหรอ?” โหจื่อหัวเราะเหอะๆ

หน้าของถังหยู่ซวนกระอักกระอ่วนอย่างช่วยไม่ได้

“ฉันมีอะไรก็พูดแบบนั้น ถ้านายคิดว่าฉันพูดผิด ถ้ามีก็ด่าฉันในใจได้ แต่อย่าให้ฉันได้ยินล่ะ ถ้าไม่อย่างนั้น ฮี่ฮี่……นายรู้ดี” โหจื่อยิ้มอย่างมีเลศนัย ถังหยู่ซวนตัวสั่นอย่างช่วยไม่ได้

“รีบเก็บกวาดๆ ฉันจะนำนายสควอช” โหจื่อพูดอย่างเย็นชา

“อาจารย์ เมื่อไหร่อาจารย์จะสอนวิธีที่มันได้ใช้หน่อยบ้าง สควอชทั้งวัน สควอชๆ มีประโยชน์อะไร” ถังหยู่ซวนพูดบ่น

โหจื่อขมวดคิ้ว แล้วมองถังหยู่ซวนอย่างจริงจังสุดๆ : “ฉันจะบอกให้ รากฐานการฝึกวิชา นั่นก็คือท่อนล่าง คนที่ท่อนล่างยังไม่แข็งแรง ไม่สามารถสู้ชนะคู่ต่อสู้ได้หรอก พูดไปนายก็ไม่รู้เรื่อง อัดนายสักยกดีกว่า”

หลี่ฝางออกไปได้ไม่ไกล ก็ได้ยินเสียงร้องของถังหยู่ซวน

เมื่อหลี่ฝางออกมา หมาจื่อและคนอื่นๆ ก็ได้ขับรถออกไปแล้ว

ฉางเหมาพยุงลูกพี่หลิน ยืนอยู่ไม่ไกล หลี่ฝางเดินเข้าไป แล้วพูด: “คุณพ่อตา เรื่องนี้……”

“ฉันเห็นหมดแล้ว”

สีหน้าลูกพี่หลินดูลำบากใจเล็กน้อย: “ป๋ายหม่าตายแล้ว”

หลี่ฝางพูดอืม: “เขารนหาที่ตายเอง โทษคนอื่นไม่ได้”

“เห้อ ช่างเถอะ เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว ฉันพูดอะไรตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ในองค์กรนั้นป๋ายหม่าถือว่าเป็นคนใหญ่คนโตอะไร แต่ก็ถือว่าเป็นคนสำคัญคนนึง เขาตายแล้ว เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่ พวกนายต้องระวังตัวหน่อยนะ”

“คืนนี้ฉันจะไปแล้ว ก่อนจะไป ช่วยจัดการให้ฉันเจอชิงชิงสักครั้งนึงเถอะ”

ขณะที่ลูกพี่หลินกำลังพูด ก็มีรถBuickสีดำคันนึง ขับเข้ามา คนที่ลงมาจากรถ คือผู้หญิงคนนึง พี่น้องของฉางเหมาผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางกวักมือเรียกผู้หญิงคนนั้น: “ที่รัก ฉันอยู่นี่”

“ดีนี่ เรียกฉันมาทำไม ที่นี่ตั้งแต่เช้าแบบนี้?” ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างไม่ค่อยแฮปปี้

“พาลูกพี่ของพวกเราไปส่งที่เมืองเอกที” ชายสวมชุดลายพรางพูดขึ้น

ผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยพอใจ: “ตั้งไกลขนาดนั้น……”

“วางใจ เธอไม่เสียประโยชน์หรอก” ลูกพี่หลินพูดขึ้น: “เมื่อไปถึง เธอก็กลับมาเอง รถคันนี้ฉันซื้อ เธอซื้อราคาเต็มมาเท่าไหร่ ฉันซื้อต่อเท่านั้น”

“ลูกพี่ รถของเธอเป็นมือสอง” ชายสวมชุดลายพรางพูดขึ้น

“หุบปาก นายเข้าข้างคนนอกเหรอ ไม่อยากเห็นฉันรวยหรือไง?” ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาหยิกไปที่เอวของชายสวมชุดลายพราง

ลูกพี่หลินหัวเราะเหอะๆ แล้วขึ้นรถไป

“เสี่ยวฝาง พวกเราไปก่อนนะ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท