NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่560 การขอความช่วยเหลือของฉินวี่เฟย

บทที่560 การขอความช่วยเหลือของฉินวี่เฟย

หลี่ฝางพยักหน้า ยอมรับการเดาของหงหงและคนอื่น

“พระเจ้า!”

ตอนนี้ หน้าของหงหงและคนอื่น ก็เหยเกทันที

แม่บ้านที่ถูกพวกเธอเรียกใช้ไปมา ดันเป็นคุณนายแห่งตระกูลจ้าว?

ยามที่ปกติเฝ้าหน้าบ้านให้ตัวเอง ดันเป็นผู้รักษาการประธานกรรมการและผู้จัดการทั่วไปของบริษัทจ้าวซื่อ?

ตัวเองมีงานสกปรก งานเหนื่อยอะไร ต่างให้ผู้จัดการทั่วไปคนหนึ่งทำให้ตัวเองหมด?

เอ่อ……

สีหน้าพวกพิธีกร ดูเหยเกมาก และอึดอัด คิดว่าตัวเองได้รับความโปรดปรานอย่างมาก

ยังไง ก็ไม่ใช่ว่าใครล้วนแต่จะมีการปฏิบัติเช่นนี้

นี่ถือว่าเป็นการปฏิบัติต่อที่สูงส่งที่สุดในโลกแล้ว ให้คนที่มีมูลค่ามากกว่าร้อยล้าน มาถูกตัวเองใช้ไป ใช้มา เป็นยามตัวเล็กๆ!

จนจ้าวควนกับคุณนายจ้าวเดินเข้ามาอีกครั้ง พวกพิธีกรรีบยืนขึ้น เริ่มขอโทษ

ยังไง ในสายตาของพวกพิธีกรเหล่านี้ สองคนนี้ ก็เป็นคนใหญ่โตที่แตะต้องไม่ได้

ที่เมืองเอก พวกเขาถือว่าเป็นคนชั้นสูงอย่างแน่นอน

พิธีกรกลุ่มนี้ล่วงเกินไม่ได้อยู่แล้ว ส่วนจ้าวควนได้แต่หัวเราะเหอะเหอะ พูดอย่างไม่แคร์:“พวกคุณไม่ต้องขอโทษผมหรอก ผมมาเป็นยามให้คุณชายหลี่ที่นี่ พวกคุณใช้ผม สมควรแล้ว ไม่มีอะไรผิด”

ถึงให้ความกล้าต่อจ้าวควนอย่างมาก เขาก็ไม่กล้าทำบ้าอะไรใส่พิธีกรพวกนี้

ถึงในใจจ้าวควนจะโมโห เขาก็ต้องทน

คุณพูดได้เหรอว่าเขาจะไม่โมโห?

ถึงส้วมจะตัน เขาก็ต้องไปเอาออก เขาเป็นถึงผู้จัดการทั่วไปและผู้รักษาการประธานกรรมการที่สง่างาม ให้เขาไปสูบส้วม?

ตอนนั้นเขาที่โกรธ เกือบจะด่าถึงแม่ไป แต่พอคิดถึงตัวตนของหลี่ฝาง เขาก็ได้แต่อดทนไว้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สวีเถิงเฟยกับหยูเถิงที่ก่อนหน้านี้ไปขัดใจหลี่ฝาง ก็นำความพินาศมาให้ตระกูลเป็นอย่างมาก

เป็นสวีเถิงเฟยก่อนที่ประสบอุบัติเหตุ จากนั้นตระกูลสวีพินาศ เบื้องหลังทั้งหมดนี้ ได้ยินว่าเกี่ยวข้องกับหลี่ฝางเป็นอย่างมาก

แล้วก็หยูเถิง ตอนกลางวันไปขัดใจหลี่ฝาง ตกดึกก็ตายเลย ถึงแม้จะป่าวประกาศว่าไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่คนในแวดวงภายใน ต่างรู้ความจริงที่ว่าหยูเถิงตายแล้ว

ตระกูลหยูก็กลับตาลปัตรไปหมด พ่อของหยูเถิง ไม่มีอำนาจอีก แล้วอำนาจก็ตกไปอยู่ในมือของหยูเต๋อส่วย

ได้ยินว่าเบื้องหลังของหยูเต๋อส่วย ก็คือตระกูลหลี่นั้นสนับสนุนอยู่

หลังจากได้รู้ความจริงทั้งหมดนี้ จ้าวควนกับภรรยาของเขา ก็ไร้อารมณ์ไปหมด ทิ้งมาดของตัวเองลง แล้วไปเป็นยามกับแม่บ้านของพวกเขาอย่าซื่อสัตย์

“ลุงจ้าว น้าจ้าว พวกคุณทำงานมาหลายวันนี้ คงเหนื่อยมากสินะ?เหอะเหอะ มา นั่งลง ผมชนเหล้ากับพวกคุณหน่อย”หลี่ฝางยืนขึ้น พูดพร้อมหัวเราะเหอะเหอะ

“คุณชายหลี่ ช่างเถอะ ไว้วันอื่น วันอื่นไปบ้านผม ผมจะดื่มกับคุณ”จ้าวควนปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม

หลี่ฝางขมวดคิ้ว ไอออกมา พูดว่า:“ทำไม ไม่เห็นแก่หน้าผมแล้ว?”

“จะเป็นไปได้ไงล่ะ?คุณชายหลี่ ผมสวมชุดยามแบบนี้ ดื่มกับคุณ ผมกลัว……”

จ้าวควนยังไม่พูดจบ เสี่ยวซวงก็ยืนขึ้นมา เดินเข้าไป หยิบแก้วเหล้ามา เทให้จ้าวควน:“ลุงจ้าว คุณชายหลี่ดื่มเหล้ากับคุณ ทำไมคุณยังต้องวางท่าอยู่ล่ะ?”

“คุณชายหลี่ ผมไม่ได้วางท่า ผมแค่คิดว่าชุดนี้ ตัวตนนี้ ไปดื่มกับคุณ ……”

หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ ตัดบทของจ้าวควน:“ลุงจ้าว คุณว่าผมเหรอ?ที่ผมให้คุณเป็นยาม ไม่ได้ความเป็นธรรมเหรอ?”

“จะเป็นได้ไง เสี่ยวตาวทำผิดไป พวกเราในฐานะพ่อแม่ จึงยอมรับผิดแทนเขา”

“งั้นผมถอดเสื้อผ้านี้ละกัน”

จ้าวควนถอดยูนิฟอร์มชุดยามออกไป เผยให้เห็นกล้ามเนื้อแน่น:“มา คุณชายหลี่ ผมขอชนคุณ ผมทำแล้ว คุณทำอะไรก็ได้เลย”

จ้าวควนนี้ เมื่อก่อนเคยเป็นทหาร ดังนั้นเป็นยาม สำหรับเขาแล้ว ไม่ถือว่าทรมานอะไร

ถ้าลองเปลี่ยนเป็นพ่อของหวงเจ๋ หรือว่าพ่อของส้งเคอ คงปฏิเสธงาน ไม่ทำแล้ว

หลี่ฝางจึงดื่มไปคำหนึ่ง แล้วพูด:“ตั้งแต่นี้ไป คุณคือผู้รักษาการกรรมการของบริษัทจ้าวซื่ออีกแล้ว ต่อไปถ้ามีโอกาส พวกเราตระกูลหลี่จะยอมทำความร่วมมือกับตระกูลจ้าว”

“หวังว่าถึงตอนนั้นลุงจ้าวจะละทิ้งอคติได้นะ”

ได้ยินคำนี้ ใบหน้าของจ้าวควน ก็เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ดีใจ:“แน่นอน แน่นอน!”

ร่วมมือกับตระกูลหลี่ได้ ถือว่าเป็นเกียรติอย่างมากแน่นอน

ยังไง เมืองเอกก็มีคนหลายคนอยากร่วมมือกับตระกูลหลี่ แค่หาโอกาสไม่ได้

พอดื่มเสร็จ โทรศัพท์ของหลี่ฝาง จู่ๆก็ดังขึ้นมา

หลี่ฝางก้มหน้าลงมอง เป็นฉินวี่เฟยโทรมา

หลี่ฝางรีบพูด:“พวกคุณดื่มไปก่อน ผมไปรับสายหน่อย”

หลี่ฝางเดินไปที่มุม แล้วจึงกดรับสาย พอรับสาย ก็มีเสียงที่ร้อนรนของฉินวี่เฟยเข้ามา

“หลี่ฝาง คุณมาเมื่อไหร่”ฉินวี่เฟยพูด:“ฉินเสี่ยวหู่พาทั้งแก๊งมาปิดประตูไว้ ไม่ให้ไปฝังคุณปู่”

หลี่ฝางตบหัวตัวเอง นี่จบเห่แล้ว ลืมเรื่องสำคัญเลย

ตัวเองรับปากฉินวี่เฟยแล้ว ว่าจะช่วยเธอจัดการฉินเสี่ยวหู่

“แจ้งความก่อน ผมจะไปเดี๋ยวนี้”

หลี่ฝางพูด:“ตอนนี้ฉินเสี่ยวหู่เป็นบุคคลตามจับอยู่ คุณโทรหาหูเฟยได้”

“ไม่มีประโยชน์ ฉินเสี่ยวหู่บอกแล้ว แค่มีใครกล้าแจ้งความ เขาก็จะลงมือเลย แย่งโลงศพของคุณปู่ แล้วทิ้งลงหลุมศพ”

“อีกอย่างฉินเสี่ยวหู่พาคนมาเป็นร้อย ถึงฉินเสี่ยวหู่ตกใจจนหนี คนอื่นๆก็จะขวางทางไว้ ไม่ให้พวกเราออกไป”

“เวลาฝังศพ พวกเราคำนวณไว้แล้ว ถ้าล่าช้าล่ะก็ ก็คง……”

ฉินวี่เฟยพูดอย่างร้อนรน หลี่ฝางฟังออกว่า ฉินวี่เฟยที่ร้อนใจอยู่นั้น น้ำตาใกล้จะไหลแล้ว

พอวางสาย หลังจากที่หลี่ฝางรีบบอกลาพวกส้งเคอและคนอื่นๆ แล้วก็ลงจากเขาไป

ตอนที่ลงเขาไป หลี่ฝางก็เจอมู่เสี่ยวไป๋ มู่เสี่ยวไป๋หัวเราะเหอะเหอะ มองหลี่ฝางที่วิ่งอย่างร้อนรน พูดว่า:“ทำไม ไปช่วยคนรักคุณเหรอ?”

หลี่ฝางหรี่ตาลง มองมู่เสี่ยวไป๋:“คุณก็ร่วมด้วย?”

คนของฉินเสี่ยวหู่ ครั้งที่แล้วส่วนมากถูกจับไป ครั้งนี้เขาพาคนมาเป็นร้อย ร้อยกว่าคนนี้มาจากไหน ก็น่าศึกษาดู

บวกกับที่มู่เสี่ยวไป๋ถามอย่างนี้ หลี่ฝางก็สงสัยที่ตัวของมู่เสี่ยวไป๋

“เหอะเหอะ ดูสิคุณยุ่งไปหมด ผู้หญิงเยอะ ปัญหาก็เยอะ”มู่เสี่ยวไป๋เบะปากพูด:“รีบไปเถอะ ผมได้ยินว่าคนรักของคุณนั่น ตอนนี้ร้องไห้ใหญ่แล้ว”

“ถ้าให้ผมเห็นว่าคุณก็ร่วมด้วยนะ กลับมาผมจะเอาคุณตายแน่”หลี่ฝางชี้ไปที่มู่เสี่ยวไป๋ แล้วด่า

มู่เสี่ยวไป๋อุทานออกไป แล้วพูดอย่างเหยียดหยามหน่อยๆ:“ความกล้าหาญของคนไม่มีสติปัญญา นอกจากคุณจะหยาบคายแล้ว ยังจะทำอะไรเป็นอีก?พระเจ้าเอาสมองให้คุณ เกินความจำเป็นจริงๆ”

หลี่ฝางไม่สนใจเขา รีบพาส้าวส้วย ขึ้นไปที่รถ

“ไปคฤหาสน์ตระกูลฉิน”หลี่ฝางพูด

หลัวจากรอส้าวส้วยสตาร์ทรถ หลี่ฝางก็หยิบโทรศัพท์ โทรหาหวางเสี่ยวหยวน

เฉินฝูเซิงช่วยตัวเองจัดการปัญหาแล้ว ส่วนหวางเสี่ยวหยวนน่าจะว่าง หลี่ฝางก็อยากเห็นความสามารถของหวางเสี่ยวหยวน

อีกอย่าง ถิ่นของหวางเสี่ยวหยวน ก็ห่างจากคฤหาสน์ตระกูลฉิน สิบนาที

แน่นอนว่า ที่จริงมีส้าวส้วยอยู่ หลี่ฝางไม่จำเป็นต้องหาคนอื่นช่วยเลย

แต่หลี่ฝางอยากลองดู ไม่มีส้าวส้วยออกโรง ตัวเองจะไปได้ถึงขั้นไหน

หลังจากหวางเสี่ยวหยวนรับสาย ก็ออกเดินทางทันที

ผ่านไปประมาณสิบกว่านาที ส้าวส้วยขับรถมาที่คฤหาสน์ตระกูลฉิน ต้องบอกว่า ส้าวส้วยขับรถเร็วขึ้นมาหน่อย

ถึงหน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลฉิน ส้าวส้วยก็จุดบุหรี่ให้ตัวเอง หัวเราะไปถามไปว่า:“เจ้านาย ไม่ต้องให้ผมออกโรงจริงเหรอ?”

“อือ หวางเสี่ยวหยวนพาคนมาแล้ว”

หลี่ฝางพยักหน้า ด้านข้างมีรถตู้มาเป็นสิบกว่าคัน รถตู้หยุดลง ก็มีผู้ชายลงมากว่าร้อยคน

หลี่ฝางมองหวางเสี่ยวหยวนอย่างแปลกใจ พูดกับส้าวส้วย:“คิดไม่ถึงจริงๆ หวางเสี่ยวหยวนผู้ชายคนนี้จะรวมคนมาได้ตั้งมากมาย”

“พวกกาฝากทั้งนั้น ได้แต่มองอย่างเดียว เชื่อไหมว่า ถ้าสู้กันจริงๆ กลุ่มคนพวกนี้อย่างน้อยต้องหนีไปครึ่งหนึ่ง?”ส้าวส้วยพูดดูถูก

“แน่นอน ทางฉินเสี่ยวหู่ก็เหมือนกัน”

ส้าวส้วยสูบบุหรี่ไป พูดไปว่า:“คนสองข้างนี้ แค่มองก็รู้ว่า ออกมายืนเฉยๆ แล้วให้คนละสองร้อยหยวน ให้มาที่นี่เฉยๆ”

“ข้างกายของฉินเสี่ยวหู่ต่างหาก ที่มีคนโหดๆอยู่ไม่กี่คน ที่จริงจัดการฉินเสี่ยวหู่ทิ้ง คนอื่นๆ ก็จัดการง่ายแล้ว”

ส้าวส้วยพูดจบ หลี่ฝางก็พยักหน้า ลงจากรถวิ่งมาตรงหน้าของหวางเสี่ยวหยวน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท