NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่561 แผนร้ายของฉินเสี่ยวหู่

บทที่561 แผนร้ายของฉินเสี่ยวหู่

“ทำไม เรียกผู้ช่วยมาแล้วเหรอ?”

“เหอะเหอะ วี่เฟย คุณเรียกมาสินะ?”

ตอนแรกที่เห็นหลี่ฝาง ร่างของฉินเสี่ยวหู่ก็สั่นเล็กน้อย เขาคิดว่าส้าวส้วยก็มา

แต่ผ่านไปนานแล้ว ไม่เห็นเงาของส้าวส้วย ฉินเสี่ยวหู่ก็ยืดเอวทันที ไม่ได้กลัวมากขนาดนั้นอีก

“วี่เฟย ผมบอกให้นะ ไม่ว่าคุณจะเรียกคนมาเยอะแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ คนเยอะ สถานที่ก็ยิ่งวุ่นวาย ผมรู้ เวลาฝังศพของคุณปู่คือบ่ายโมงครึ่ง ตอนนี้เที่ยงครึ่งแล้ว เหลืออีกหนึ่งชั่วโมง”

“เหอะเหอะ ถึงรถจะเร็วแค่ไหน ระยะทางก็ต้องครึ่งชั่วโมง”

“ในครึ่งชั่วโมงนี้ นอกจากคุณจะเอาปืนใหญ่มา ไม่อย่างนั้น พวกเราไปไม่ได้แน่”

“อยากสู้ ผมก็จัดให้ แต่ในครึ่งชั่วโมงนี้ ผมไม่มีทางให้พวกคุณไปได้”

ฉินเสี่ยวหู่เดินหน้าไปไม่กี่ก้าว มองฉินวี่เฟยแล้วพูดอย่างเย็นชา จากนั้นก็ยังยั่วยุโชว์นิ้วใส่หวางเสี่ยวหยวน

หวางเสี่ยวหยวนหัวเราะ มองฉินเสี่ยวหู่:“หลานชายอย่างคุณอกตัญญูจริงๆ ปู่ตัวเองกำลังจะไปพิธีฝังศพ คุณมาขวางทาง พูดออกไปนี่ไม่กลัวถูกหัวเราะเยาะเหรอ?”

“ใครให้ไอ้แก่เลวนี่ทำตัวเป็นกินบนเรือนขี้บนหลังคาล่ะ เอาตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวให้ผู้หญิงคนหนึ่ง ฉินวี่เฟยมีสิทธิ์อะไร เธอกับหลี่ฝางคบกัน แต่พวกเราทุกคนในตระกูลฉินก็รู้ ว่าปู่ ถูกหลี่ฝางทำร้ายจนตาย”

“ไม่แน่ว่า การตายของคุณปู่นี้ ฉินวี่เฟยก็เกี่ยวข้องด้วย”

“คิดแล้วปู่ผมต้องได้รับการคุกคามแน่ ไม่อย่างนั้น จะเอาตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวนี้ให้เด็กสาวที่ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยได้ไง?”

“ให้ผู้หญิงที่ทำอะไรไม่เป็นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวตระกูลฉิน ผมนี่อายจริงๆ”

ฉินเสี่ยวหู่ยโสโอหังสุดๆ เขาไม่รีบร้อน เป้าหมายของเขาไม่ใช่ก่อเรื่อง ลงมือ เป้าหมายของเขาคือถ่วงเวลาการฝังของนายท่านฉิน

ฉินเสี่ยวหู่พาคนมาเป็นร้อย แล้วปิดทุกทางออกไว้อย่างแน่นหนา

หลี่ฝางขมวดคิ้ว มองหวางเสี่ยวหยวนแล้วพูด:“พี่หวาง เรื่องนี้คุณว่าจะทำยังไง?”

“เจ้านาย คุณยืนมืออยู่ข้างๆก็พอ”

หวางเสี่ยวหยวนมองนาฬิกา:“น่าจะอีกห้านาที่ ฉากเด็ดๆก็จะเริ่มแล้ว”

ใบหน้าหวางเสี่ยวหยวนมั่นใจสุดๆ หลี่ฝางกลับกังวลหน่อยๆ:“ทำได้ไหม?”

“เจ้านาย นี่คือเรื่องแรกที่ผมทำแทนคุณ วางใจเถอะ ผมไม่ทำคุณแพ้แน่ ผมก็เสียหน้าไม่ได้ไม่ใช่เหรอไง?”หวางเสี่ยวหยวนจุดบุหรี่ให้ตัวเอง หัวเราะเหอะเหอะขึ้นมา

มองท่าทางหวางเสี่ยวหยวนที่สาบานอย่างน่านับถือและมั่นใจ หลี่ฝางจึงตัดสินใจรอห้านาที

ไม่ได้จริงๆ หลี่ฝางก็ให้ส้าวส้วยออกโรงได้ ดังนั้นในใจของหลี่ฝาง ไม่ได้กังวลมาก

หลี่ฝางมาตรงหน้าของฉินวี่เฟย พูดปลอบ:“ไม่ต้องกลัว อีกแป๊บเดียวก็ไม่เป็นไรแล้ว”

ฉินวี่เฟยตอบรับอืมไป

เวลานี้ พ่อของฉินเสี่ยวหู่ เดินไปทางฉินเสี่ยวหู่:“เสี่ยวหู่ ลูกทำอะไรน่ะ?วันนี้คือวันฝังศพของปู่ลูก?ไปก่อกวนเวลาอื่นไม่ได้เหรอ?”

“ถ้าลูกยังรู้ว่าตัวเองเป็นลูกชาย ตอนนี้พาคนของลูก ไสหัวไป”

“พ่อ พ่อพูดอะไรน่ะ?ผมทำแบบนี้ ไม่ใช่เพื่อพ่อเหรอ ผมบอกแล้ว ตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวตระกูลฉิน ต้องให้พ่อเป็น ถ้าเป็นคนอื่น ไม่ดีนัก สัญญาผมก็ทำได้เสร็จแล้ว ให้พวกเขายอมเอาหุ้มกับตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวให้คุณ คนพวกนี้ ผมจะพาออกไปทันที กลับกัน ถ้าพวกเขาไม่ยอมล่ะก็ ผมจะพูดตรงนี้นะ การฝังของปู่ ก็เลื่อนวันไปเถอะ”

ฉินเสี่ยวหู่ขู่อย่างเย็นชา

“ลูกนี่น่าโมโหจริงๆ พ่อไม่เป็นหัวหน้าครอบครัวตระกูลฉินอะไรทั้งนั้น และก็ไม่เอาหุ้นด้วย เสี่ยวหู่ ถือว่าพ่อขอร้องเถอะนะ ลูกยอมหน่อยสิโอเคไหม?”

“ลูกรู้ไหม ถ้าปู่ลูกไม่ได้ฝัง ต้องมีคนหลายคนในเมืองเอกหัวเราะเยาะพวกเราแน่”

พ่อของฉินเสี่ยวหู่ พูดอย่างผิดหวัง

ฉินเสี่ยวหู่กลับพูดอย่างไม่คิดเช่นนั้น:“พ่อ พวกเขาไม่กลัวขายขี้หน้า แล้วพ่อจะกลัวทำไม?พวกเขาไม่ได้อกตัญญูเหรอไง ให้พวกเขาปล่อยหุ่นมาสิ ทำไม?”

“เหอะเหอะ ฉินวี่เฟย แล้วก็ลุง เวลาพิสูจน์ความกตัญญูของพวกคุณมาแล้ว”

“มา เข้ามาเซ็นสัญญาดีๆ ผมก็จะพาคนแยกย้ายไปทันที ไม่อย่างนั้นก็รอให้ตระกูลฉินกลายเป็นเรื่องตลกของเมืองเอกได้เลย”

“พ่อ ทำตัวให้สบายเถอะ ถึงจะเป็นเรื่องตลก ก็ไม่ได้ขำพ่อคนเดียวซะหน่อย”

ฉินเสี่ยวหู่ปลอบพ่อขอตัวเอง พูดว่า:“พ่อไม่ต้องพูดแล้ว วันนี้ ไม่ว่ายังไงผมก็จะให้พ่อเป็นหัวหน้าครอบครัวตระกูลฉิน”

พ่อของฉินเสี่ยวหู่หันหน้ามา มาตรงหน้าของพ่อฉินวี่เฟย:“พี่ พี่ก็เห็นแล้ว ผมหมดหนทางเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าผมไม่ได้โน้มน้าวนะ”

“เห้อ ไม่หมดห่วงเลย”แม่ของฉินเสี่ยวหู่ก็แกล้งทำเป็นด่าว่าอย่างไม่พอใจ

“เหอะเหอะ”

หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะอย่างเย็นชา:“ถ้านี่มีกล้องสักเครื่องถ่ายพวกคุณล่ะก็ พวกคุณสามคนพ่อแม่ลูก เอารางวัลออสการ์ไปได้เลย”

“คุณชายหลี่ คุณหมายความว่าไงน่ะ?”พ่อของฉินเสี่ยวหู่จ้องหลี่ฝาง

หลี่ฝางโบกมือ พูดว่า:“ผมไม่ได้หมายความว่าไง ผมแค่คิดว่า พวกคุณเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ลูกชายคุณเป่าปี่ คุณก็เป่าขลุ่ย คนที่ไม่รู้คงเชื่อจริงๆ คิดว่าคุณกตัญญูมาก”

“ที่จริงแล้ว คุณกับลูกชายคุณสมรู้ร่วมคิดกัน เป้าหมายเพื่อแย่งชิงตำแหน่งของหัวหน้าครอบครัวตระกูลฉิน?”

“อย่าปฏิเสธล่ะ ไม่มีความหมายอะไร”

หลี่ฝางหัวเราะไปพูดไป:“ผมไม่มีหลักฐานอะไร แค่พูดไปงั้นๆแหละ”

“หึ คุณคือหนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่ใหญ่ที่สุดที่ฆ่าพ่อผมตาย ยังจะกล้ามานี่อีก จิตใจทำด้วยอะไรน่ะ คนทั้งเมืองเอกต่างรู้ว่า ตอนที่พ่อผมไปหาคุณ จึงเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น”

เผชิญหน้ากับคำกล่าวโทษของพ่อฉินเสี่ยวหู่ หลี่ฝางก็พูดเบาๆ:“นายท่านฉินฆ่าตัวตาย ทำไมกลายเป็นผมฆ่าได้ล่ะ”

“ใส่ร้ายป้ายสีพูดถึงหลักฐาน?หลักฐานล่ะ?”

“กลับเป็นคุณ ถ้าไม่อยากเป็นหัวหน้าครอบครัวตระกูลฉินจริงๆ ก็ไสหัวไปจากเมืองเอกได้”หลี่ฝางพูด

เวลานี้พ่อของฉินวี่เฟยจึงพูด:“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทะเลาะกัน คิดหาทางไล่ฉินเสี่ยวหู่กับแก๊งที่อยู่ด้านหลังของเขาเถอะ”

“คุณชายหลี่ คนพวกนี้ คุณพามาใช่ไหม”พ่อของฉินวี่เฟย ชี้ไปที่หวางเสี่ยวหยวนแล้วพูด

หลี่ฝางพยักหน้า พูดว่า:“ใช่”

“สามารถให้พวกเขา……”

พ่อของฉินวี่เฟยยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกพ่อของฉินเสี่ยวหูตัดบท:“สู้กันก็จะยิ่งชุลมุน และเสี่ยวหู่ก็บอกแล้ว ถ้ากล้าลงมือ พวกเขาก็จะทุบโลงศพของคุณท่าน ถึงตอนนั้น ก็จะลำบาก”

“พี่ครับ ผมมีข้อเสนอแนะ”พ่อของฉินเสี่ยวหูพูด

พ่อของฉินวี่เฟยถามตามทันที:“รีบพูดมา”

“แบบนี้เอาไหมพี่ ตอนนี้ หยุดให้เสี่ยวหู่พูดก่อน ไม่อย่างนั้น พวกเราเซ็นสัญญาทั้งหมดนี้ให้เขาไปก่อน ให้เขาถอยไปก่อน จากนั้นพวกเราก็เอาโลงศพของคุณท่าน ไปฝังเขาก่อน หลังจากกลับมา ผมจะฉีกสัญญาพวกนี้ แล้วทำขึ้นใหม่ เอาหุ้นคือพวกคุณก็ได้”

“ประนีประนอมชั่วคราว ไปฝังคุณท่านก่อน พวกคุณว่า โอเคไหม?”พ่อของฉินเสี่ยวหูพูด

หลี่ฝางฟังจบ ก็หัวเราะอย่างเย็นชา:“ในที่สุดก็เผยหางจิ้งจอกออกมาแล้วสินะ?ทำเป็นคนดี ให้ทุกคนคิดว่าคุณกับลูกชายคุณไม่ใช่พวกเดียวกัน จากนั้นก็เอาความเชื่อใจของฉินวี่เฟยกับลุงฉินมา แล้วสุดท้ายก็หลอกเอาตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวตระกูลฉิน แล้วก็หุ้นของบริษัทฉินซื่อ กรุ๊ปไป จนจบเรื่อง คุณก็จะแตกคอกัน”

“เมื่อปากกาสีดำและกระดาษสีขาวเซ็นลงไปก็จะมีผล คุณก็จะเป็นหัวหน้าครอบครัวตระกูลฉินแล้ว ถึงตอนนั้น คุณพูดอะไร ก็ตามนั้นไม่ใช่เหรอ?ใครไม่ยอมคุณ คุณก็ไล่เขาไปจากตระกูลฉินได้”

หลี่ฝางพูดแฉพ่อของฉินเสี่ยวหู่ ส่วนพ่อของฉินวี่เฟยจะมองไม่ออกได้ไงล่ะ?

ก็แค่ เวลาพิธีงานศพของนายท่านฉิน ใกล้เข้ามาแล้ว

เขายืดออกไปอีกไม่ได้ ยืดต่อไป ก็จะเสียเวลา แล้วก็จะลำบาก

ยังไงตระกูลฉินหลงใหลเรื่องพวกนี้มาตลอด พ่อของฉินวี่เฟยมองลูกสาวตัวเอง แล้วพูดว่า:“วี่เฟย ตอนนี้หัวหน้าครอบครัวตระกูลฉินคือลูก ประธานกรรมการก็คือลูก ลูกตัดสินใจเถอะ”

“ถ้าลูกเชื่ออาสองของลูกได้ ก็ไปเซ็นสัญญาซะ ถ้าเชื่อไม่ได้ ……”

พ่อของฉินเสี่ยวหูขมวดคิ้วพูดว่า:“ทำไม อย่างผมไม่ควรให้พวกคุณเชื่อใจเหรอ?ที่นอนอยู่ในโลงศพ คือพ่อแท้ๆของผม ผมไม่ได้เล่นอุบายอะไร แค่อยากให้พ่อรีบไปฝังเท่านั้น”

“ฉันจะเซ็น”

ฉินวี่เฟยหมดหนทาง ได้แต่พูด:“ให้ปู่ไปฝังก่อน”

พ่อของฉินเสี่ยวหู มีความเจ้าเล่ห์เผยออกมาที่มุมปาก

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท