NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่563 แผนการของมู่หรงฉางเฟิง

บทที่563 แผนการของมู่หรงฉางเฟิง

ตามองโลงศพของนายท่านฉิน ถูกเข็นขึ้นรถไป ฉินเสี่ยวหู่ก็ร้อนรน เขาเพิ่งยกเท้าขึ้น เฉินเจียโล่ก็หยิบปืนออกมาจากอ้อมแขน

“คุณคิดว่ามีปืนแค่คุณคนเดียวเหรอ?”

ฉินเสี่ยวหู่ยิ้มที่มุมปาก ตามองเฉินเจียโล่อย่างเย็นชา หยิบปืนเล็งไปที่เขา

และปืนในมือของเฉินเจียโล่ ก็เล็งไปที่ถังแก๊สนั่น

“ดูไหมใครจะเร็วกว่า?”

เฉินเจียโล่หัวเราะหึหึ:“ไอ้เด็กสารเลว นี่คุณเล็งเป้าไปทางไหนเหรอ?เล็งมาที่หัวผม แล้วยิงมาให้ผมรู้สึกสะใจหน่อยสิ นี่คุณเล็งมาที่ไหล่ผมนะ?ทำไม ไม่เคยยิงปืน?”

“ถือตรงแล้ว ถือตรงแล้ว”

เฉินเจียโล่หัวเราะเหอะเหอะให้ฉินเสี่ยวหู่

ฉินเสี่ยวหู่มองเฉินเจียโล่ แล้วคิ้วก็ขมวด:“เห็นว่าผมไม่กล้ายิงคุณตายจริงๆใช่ไหม?”

“ทำไมคุณไม่กล้าล่ะ คุณเป็นถึงฉินเสี่ยวหู่นี่ คนในยุทธภพที่มีความสามารถและหนุ่มที่สุดของเมืองเอก ฆ่าคนมานับไม่ถ้วน โหดเหี้ยมอำมหิต ผมบอกว่าคุณไม่กล้าเหรอ?ความหมายของผมก็คือ คุณยิงก็ยิงให้ตรงเป้าหน่อย อย่าให้สิ้นเปลืองกระสุนรู้ไหม?”

“ถ้าสิ้นเปลืองไปฟรีๆก็น่าอับอาย”

มองฉินเสี่ยวหู่ เฉินเจียโล่หัวเราะเหอะเหอะ:“ฉินเสี่ยวหู่ มาสิ!”

เฉินเจียโล่ยั่วยุไปเล็กน้อย ฉินเสี่ยวหู่ก็มองเฉินเจียโล่เหมือนคนบ้า พูดว่า:“แม่เอ๊ย!”

หลังจากด่าเสร็จ ฉินเสี่ยวหู่ก็เอากระบอกปืนเล็งไปที่หัวของเฉินเจียโล่ เตรียมที่จะเหนี่ยวไก

แต่ฉินเสี่ยวหู่จะเหนี่ยวไกนั้น คนข้างกายเขา ก็กอดฉินเสี่ยวหู่ไว้ทันที

“พี่ใหญ่ อย่า”

“พี่เสี่ยวหู่ คุณห้ามใจร้อนเด็ดขาด”

ฉินเสี่ยวหู่ถูกดึงไว้ด้านหลัง แล้วก็ดูเหมือนบ้าไปแล้ว:“ไสหัวไป พวกคุณคือคนของใครกันแน่?”

“พี่เสี่ยวหู่ ถ้าพี่ยิงไป ทุกคนก็จะจบเห่ ตราบใดที่มีชีวิต ย่อมต้องมีความหวัง พวกเราเอาชีวิตทิ้งไว้ที่นี่ ไม่คุ้มค่า อีกอย่าง ผู้ชายคนนี้ดูสี่ห้าสิบแล้ว คุณดูพวกเราสิ แต่ยี่สิบกันเอง เขาพูดไม่ผิด พวกเราสู้เขาไม่ได้จริงๆ”

นี่คือลูกน้องคนหนึ่งของฉินเสี่ยวหู่ ยังหนุ่มมาก เพิ่งจะยี่สิบ

เขายังไม่ทันพูดจบ จู่ๆเฉินเจียโล่ก็ขมวดคิ้ว สายตามีความเยือกเย็น ก็ขยับปืน เล็งไปที่แขนของเจ้าเด็กนี่ แล้วยิงออกไปหนึ่งนัด

ยิงเสร็จ เฉินเจียโล่ก็พูดอย่างเย็นชา:“แม่เอ๊ย ผมแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ?ผมแค่สามสิบห้าเอง แล้วคุณบอกสี่ห้าสิบ แม่เอ๊ย อยากตายใช่ไหม?”

วัยรุ่นคนนี้กัดฟัน สูดลมหายใจ

“แม่เอ๊ยรีบไสหัวไปเลยนะ ผมจะพูดสามครั้ง หลังจากสามครั้ง ผมจะทำให้พวกคุณตายไปด้วยกัน”

เฉินเจียโล่พูดไป กระบอกปืนก็เล็งไปที่ถังแก๊ส

“ผมไม่เคยล้อเล่น ฉินเสี่ยวหู่ ผมว่าเมื่อก่อนคุณต้องเคยได้ยินชื่อผม”เฉินเจียโล่มองฉินเสี่ยวหู่ พูดพร้อมหัวเราะเหอะเหอะ

ฉินเสี่ยวหู่เม้มปาก:“แม่เอ๊ยเขาบ้าแล้ว คุณไม่อยากมีชีวิต แต่ผมยังอยากมีชีวิตอยู่”

ฉินเสี่ยวหู่พูดไป ก็เก็บปืนกลับไป

“ผมเริ่มนับแล้วนะ สาม สอง”

เฉินเจียโล่ยังไม่ทันพูดจบ ฉินเสี่ยวหู่ก็โบกมือ พูด:“แยกย้าย!”

สีหน้าของฉินเสี่ยวหู่ หดหู่สุดๆ เขาคิดไม่ถึงว่าระหว่างทางจะมีเรื่องที่ไม่คาดคิดปรากฏขึ้นมา

เฉินเจียโล่คือคนบ้า ไม่กี่ปีนี้ เขาก็บ้าระห่ำ กล้าทำไปซะทุกเรื่อง

ฉินเสี่ยวหู่อยู่ในยุทธภพนี้ไม่ใช่แค่ช่วงเวลาสั้นๆแล้ว สำหรับคนอย่างเฉินเจียโล่ เขาพอจะเข้าใจหน่อยๆ

หลังจากฉินเสี่ยวหู่วิ่งหนีออกไปจากป่า ก็มาที่รถสปอร์ตสีขาวคันหนึ่ง

มู่หรงฉางเฟิงนั่งอยู่ข้างใน มองฉินเสี่ยวหู่:“เรื่องจัดการยังไงบ้าง?”

“แป๊บเดียวก็กลับมาแล้ว?ทำไม ตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวตระกูลฉิน ได้มายัง?”มู่หรงฉางเฟิงมองฉินเสี่ยวหู่ ถามแล้วหัวเราะเหอะเหอะ

สีหน้าของฉินเสี่ยวหู่หม่นลง ไม่กล้าพูด

สีหน้าของมู่หรงฉางเฟิง เวลานี้ก็กลายเป็นหมองหม่นอย่างสุดๆ:“ล้มเหลวแล้ว?”

“คุณมันไอ้ขยะจริงๆ!”

มู่หรงฉางเฟิงมองฉินเสี่ยวหู่ พูดอย่างเย็นชา:“เรื่องเล็กๆอย่างนี้ยังทำไม่ได้ ผมมีคุณข้างกาย จะมีประโยชน์อะไร”

มู่หรงฉางเฟิงมองฉินเสี่ยวหู่ที่ไม่ฮึดสู้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง

“หลี่ฝางมาแล้ว”ฉินเสี่ยวหู่มองมู่หรงฉางเฟิง อธิบายอย่างขมขื่น:“ไม่ใช่แค่เขามา เขายังพาหวางเสี่ยวหยวน เฉินเจียโล่คนพวกนี้มาด้วย”

“กลุ่มคนพวกนี้ ใกล้จะจมดินอยู่แล้ว?คุณกลัวอะไรพวกเขา?”

มู่หรงฉางเฟิงมองฉินเสี่ยวหู่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความดูถูก:“คุณเป็นคุณชายแห่งยุทธภพหน้าใหม่ ไปถูกพวกคนแก่ของยุทธภพที่วางมือจากวงการเตะออกมา ถ้าพูดออกไป ชื่อเสียงของคุณฉินเสี่ยวหู่จะไปอยู่ไหน?”

“มาเป็นนักเลง ก็เพื่อมีหน้ามีตา ทำไม คุณไร้ยางอายแล้วเหรอ?”มู่หรงฉางเฟิงมองฉินเสี่ยวหู่ แล้วถาม

ฉินเสี่ยวหู่กัดฟันพูด:“เฉินเจียโล่คือคนบ้า ก่อนหน้านี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องโง่ เขาจะสู้สุดชีวิตกับผม ผมจะมีทางไหนได้?”

“เขาไปหารถตักดินมาสี่คัน มาขวางทางพวกเราก่อน จากนั้นก็ทิ้งถังแก๊สสี่อันลง อยากจะฆ่าพวกเราทั้งหมดตายไปด้วยกัน”ฉินเสี่ยวหู่พูดด้วยใบหน้าเสียใจ

“โง่ คุณคิดจริงๆเหรอว่าเฉินเจียโล่โง่น่ะ ที่โง่จริงๆ คือคุณ ไม่ใช่เขา!”

“บอกคุณให้นะ คนอย่างเฉินเจียโล่ ที่จริงกลัวตายมาก ทุกครั้งเขาก็ดีแต่สร้างสถานการณ์ขู่ขวัญตบตา ผมกล้ารับรอง ถังแก๊สสี่อันนั้น ด้านในไม่มีแก๊ส เขาจะต้องขู่แน่”

“เฉินเจียโล่มีภรรยามีลูกแล้ว คุณไปสู้สุดชีวิตกับเขา?คุณคิดว่าเขากล้าไหม?”

“คุณมันไอ้สวะ!”

มองฉินเสี่ยวหู่ มู่หรงฉางเฟิงก็ด่าไปอีก

“ถือโอกาสที่พวกเขายังไปไม่ได้ไกล รีบขับรถไปขวางไว้!”

“พรรคพวกของคุณตั้งเยอะ ห้ามรถบรรทุกศพของพวกเขาไว้ไม่ได้เลยเหรอ?”มู่หรงฉางเฟิงมองฉินเสี่ยวหู่ แล้วพูด:“หรือว่า ฝ่ายตรงข้ามคือปู่คุณ คุณไม่อยากทำ?”

ฉินเสี่ยวหู่เบะปาก พูดว่า:“คุณชายมู่หรง ตอนนี้ผมถือว่าเป็นคนตระกูลฉินที่ไหนกัน ตอนนี้ผมคือหมารับใช้ตัวหนึ่งของคุณแล้ว”

เรื่องที่ฉินเสี่ยวหู่ทำ เป็นเรื่องที่เนรคุณต่อบรรพบุรุษจริงๆ

แต่ ฉินเสี่ยวหู่ต้องทำแบบนี้ เพื่อความอยู่รอด

ถ้าเขาไม่ฟังมู่หรงฉางเฟิง ก็ต้องถูกหูเฟยจับไป ถึงตอนนั้นตัวเขา ก็ต้องติดคุกไปตลอดชีวิต

แต่ถ้าฟังมู่หรงฉางเฟิง ทำงานให้มู่หรงฉางเฟิง มู่หรงฉางเฟิงก็จะดำเนินการให้เขา หาแพะให้เขา ค่อยๆลบล้าง หลักฐานการกระทำผิดของเขาทีละนิดๆ

ฉินเสี่ยวหู่ก็คิดดีแล้ว รอให้มู่หรงฉางเฟิงตามเช็ดก้นปัญหานี้ให้เขาก่อน เขาก็จะเตรียมแอบหนี

“พาคนไปต่อ เวลาตอนนี้ยังพอทัน”

“ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ก็ต้องเอาหุ้นของบริษัทฉินซื่อ กรุ๊ป มาไว้ในมือของพ่อคุณ เข้าใจไหม?”

มู่หรงฉางเฟิงพูด:“ถ้าคุณสองคนพ่อลูกทำไม่สำเร็จ งั้นก็สละชีวิตตัวเองเพื่อรักษาความยุติธรรมนี้ซะ!”

เผชิญหน้ากับการคุกคามของมู่หรงฉางเฟิง สีหน้าของฉินเสี่ยวหู่ ซีดขาวในทันที

เขารู้ มู่หรงฉางเฟิงพูดออกมาแล้ว ก็ทำได้แน่นอน

“คุณชายมู่หรง ทำไมคุณจะต้องเอาบริษัทของตระกูลฉินให้ได้?”ฉินเสี่ยวหู่ถามอย่างแปลกใจ

ยังไงพื้นเพของสี่ตระกูลใหญ่ก็รวยอยู่แล้ว ตระกูลฉินเทียบกับตระกูลมู่หรงแล้ว เทียบอะไรไม่ได้เลย

“ตระกูลฉินมีที่แห่งหนึ่ง นายท่านฉินถือไว้อย่างลับๆ ตอนที่เอาที่ดินส่วนนี้ไว้ น่าจะประมาณแปดร้อยล้าน แต่แป๊บเดียวทางนั้นก็สร้างสวนสนุก แล้วก็สวนสาธารณะ คิดถึงมูลค่าที่แห่งนั้นแล้ว อีกแป๊บเดียวก็จะไปถึงสี่ห้าเท่าเลย อีกอย่างตอนนี้ราคาหุ้นบริษัทฉินซื่อ กรุ๊ป ก็ตกต่ำไปถึงขั้นสุดแล้ว ถ้าพ่อคุณรับไว้ พวกเราตระกูลมู่หรงก็จะสนับสนุนอยู่ข้างหลัง งั้นตลาดหุ้นของธุรกิจบริษัทฉินซื่อ กรุ๊ป ก็จะไปถึงจุดที่พีค ถึงตอนนั้น อย่างน้อยผมก็ทำเงินได้หลายหมื่นล้าน”

มู่หรงฉางเฟิงหัวเราะอย่างร้ายกาจ พูดว่า:“หนึ่งหมื่นล้าน เพียงพอที่จะทำให้ผมใจเต้น”

“โอเค รีบไปเถอะ”

มู่หรงฉางเฟิงพูด:“เรื่องนี้จบเรียบร้อย ผลประโยชน์มากมายรอคุณสองคนพ่อลูกอยู่”

ฉินเสี่ยวหู่ได้ยินเสร็จ ก็ใจเต้นสุดๆ รีบพาคนออกเดินทาง และตอนนี้ คนข้างกายเขามีแค่ยี่สิบสามสิบคน

“แม่เอ๊ย เหลือแค่นี้เหรอ?คนอื่นๆล่ะ”

ลงจากรถเห็นคนข้างกายเท่านี้ ฉินเสี่ยวหู่โกรธจนด่าไปชุดใหญ่

“เมื่อกี๊ตอนที่คุณขึ้นรถไป หลายๆคนก็หนีไปแล้ว ส่วนสาเหตุไม่ได้บอกไว้ ก็ขับรถไปเลย”

ฉินเสี่ยวหู่ขมวดคิ้ว พูดว่า:“ได้ มีเท่านี้ก็เท่านี้ ไป ไปขวางอีกครั้ง”

“แม่เอ๊ย ต้องให้ปู่ผมฝังไม่ได้เด็ดขาด ถ้าฝังเขาสำเร็จ ผมก็จะฝังลงไปกับเขาด้วย แล้วถ้าผมถูกฝังไปด้วยกัน พวกคุณก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้ เข้าใจไหม?”ฉินเสี่ยวหู่มองทุกคน แล้วพูดอย่างเย็นชา

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท