NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่565 ช่วยหรือว่าไม่ช่วย

บทที่565 ช่วยหรือว่าไม่ช่วย

“ความหมายของคุณคือ มีคนจับตาดูคุณ?”หลี่ฝางขมวดคิ้วถาม

หูเฟยตอบอืมไป แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง:“ถูกต้อง เรื่องที่เราสองคนร่วมมือ คิดดูแล้วทางสี่ตระกูลใหญ่น่าจะรู้แล้ว ก็เลยอยากจัดการผม”

“ตอนนี้ผมไม่กล้าบุ่มบ่าม ถ้าปิดบังอำพรางเฉินฝูเซิง ผมจะต้องโดนแจ้งชื่อจริงแน่”

“เหอะเหอะ อุบายของอีกฝ่ายโหดมาก ตอนนี้คุณต้องอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกใช่ไหม?ปิดบังอำพรางเฉินฝูเซิง ไม่ใช่แค่คุณจะโดนคดีปิดบังอำพราง สุดท้ายฝูเซิงก็จะถูกตัดสิน ถ้าคุณไม่ปิดบังอำพราง ก็ต้องขัดใจผม ความร่วมมือของเราสองคน ก็จะเกิดความแตกร้าว”หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ ถามว่า:“อีกฝ่ายหมายความอย่างนี้ไหม?”

“น่าจะประมาณนั้นครับ”

หลี่ฝางพยักหน้า พูดว่า:“คนนั้นตายยังไง?ชันสูตรหรือยัง?”

“ชันสูตรแล้วครับ ตายเพราะบาดเจ็บภายใน หน้าอกของเขาถูกกระแทกอย่างรุนแรง แต่ฝ่าเท้านั้นของเฉินฝูเซิง เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ทำให้เขาเสียหายมาก ที่จริงแล้ว เฉินฝูเซิงเตะ ไม่ส่วนหน้าอกของอีกฝ่าย แต่เป็นท้องน้อย”

“แต่หมดหนทาง หลังจากเตะไป อีกฝ่ายก็ยืนขึ้นมาไม่ได้”

“ตายไปทันทีเลย?”หลี่ฝางถามอย่างแปลกใจ

“ก็ไม่ครับ เฉินฝูเซิงบอกว่า ตอนนั้นยังมีชีพจรอยู่ แต่รถพยาบาลมา ถูกพาไปที่โรงพยาบาล ก็ไม่มีกู้ภัยมาช่วย”

“เห็นได้ชัดว่าถูกคนเล่นงานระหว่างทาง”

เสียงของหูเฟยหม่นลง:“นี่มันสาดโคลนใส่เฉินฝูเซิงชัดๆ แก้ได้ยากมาก”

“คนบนรถพยาบาล?ไม่ได้สอบปากคำเหรอ?”หลี่ฝางขมวดคิ้วถาม

หูเฟยถอนหายใจ พูดว่า:“เรียกมาสอบปากคำแล้ว ต่างบอกว่าทำตามขั้นตอนปกติ แต่เห็นได้ชัดว่าระหว่างที่เคลื่อนย้ายนั้น ตายตอนนั้น มีคราบเลือดบนรถพยาบาล”

“จากประสบการณ์ของผม หมอพวกนี้ เห็นได้ชัดว่าโกหก แต่หมดหนทาง มีคนจับตาดูผมอยู่ ถ้าผมไปละเมิดกฎ จะต้องรายงานชื่อผมทันทีแน่”

“คุณชายหลี่ คุณคิดยังไงเรื่องนี้?”

หูเฟยพูดจบ ที่ปลายสายก็มีเสียงตะโกนดังๆออกมา

“เกิดอะไรขึ้น?”หลี่ฝางรีบถาม

“ครอบครัวของเด็กคนนั้นมาอาละวาดแล้ว……เห้อ หน้าโรงพยาบาลมีคนมาวุ่นวาย แล้วยังถือป้ายด้วย คิดไม่ถึงว่าหน้าโรงพักก็จะมีคนกล้ามาสร้างความวุ่นวาย ตาลปัตรไปหมดแล้วพวกเขา”

น้ำเสียงหลี่ฝางมาพร้อมความโมโห:“ผมจะจับพวกเขาให้เรียบเลย”

“ไม่มีประโยชน์”

หูเฟยพูดเบาๆ:“คนพวกนี้ ถูกจ้างมาแน่”

“ต้องไม่ใช่ครอบครัวของเด็กคนนั้นแน่ เด็กคนนั้นครอบครัวมีแค่กี่คน นี่มีทั้งหน้าโรงยาบาล หน้าโรงพัก?ตอนนี้ตลาดแรงงานจับผู้ชายล่ำๆ วันหนึ่งวันละสองสามร้อยหยวน ถ้าถูกจับแล้ว อย่างมากก็วันละห้าร้อย จ่ายเงินแค่ไม่เท่าไหร่ แต่สามารถทำให้เรื่องวุ่นวายได้ ให้คุณได้รู้สึกถึงความรุนแรงของเรื่อง”

“ครั้งนี้สร้างความกดดันให้ผม ป้ายด้านนอกเขียนว่า เฉินฝูเซิง คืนชีวิตครอบครัวผมมา แล้วยังมีคนขุดเบื้องหลังของเฉินฝูเซิงออกมาอีก”

“เบื้องหลัง?”หลี่ฝางถามอย่างสงสัย

“ก็พ่อเขากษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เบื้องหลังอยู่ในสังคมมืด ฆ่าคนอะไรอย่างนั้น ไม่มีขื่อมีแปพวกนั้น ยังไงคนกลุ่มนี้ ก็ตะโกนหมด ดูเหมือนจะเอาเฉินฝูเซิงให้ตาย”

หูเฟยพูดอยู่ที่ปลายสาย:“เห้อ ครั้งนี้ดูน่าจะลำบากมาก”

“ผมได้ยินว่าทางด้านหมอมีคนไปสัมภาษณ์แล้ว ถ้าออกข่าว เฉินฝูเซิง ก็ยากที่จะสลัดออก แม้แต่กษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือพ่อของเขา ก็เกรงว่าจะพลอยโดนไปด้วย ยังไงสังคมสมัยนี้ อำนาจในการเผยแพร่ของสื่อมีมาก และประเทศก็เริ่มปราบปรามพวกแก๊งอีกด้วย ……”

เฉินฝูเซิงแย่งโทรศัพท์มาจากหูเฟย ที่ปากพูดพึมพำ:“พูดฉอดๆอยู่นั่นแหละ ไม่จบใช่ไหม?เอาแต่พูดคำพูดบั่นทอน อย่าว่าแต่ครั้งนี้ผมไม่ได้ฆ่าคนเลย ถึงผมฆ่าคน?แล้วจะทำไมล่ะ”

“เจ้านาย วางใจเถอะ เรื่องนี้ผมจัดการได้”

เฉินฝูเซิงพูดจบ ตบไปทีหนึ่งแล้ววางสาย

หลี่ฝางที่อยู่ในรถ ขมวดคิ้วแน่น ส้าวส้วยเห็นสีหน้าหลี่ฝางผิดปกติ จึงถาม:“เกิดอะไรขึ้น?”

“มีคนวางแผนใส่เฉินฝูเซิง ใส่ร้ายว่าเขาฆ่าคน”

หลี่ฝางถอนหายใจ พูดโดยคิ้วยังไม่คลายออก:“เรื่องนี้กลัวว่าจะยุ่งยากหน่อยๆ หลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่เขา”

หลี่ฝางเล่าเรื่องคร่าวๆให้ส้าวส้วยฟัง จากนั้นเตรียมโทรหาลุงเฉียน แต่ถูกส้าวส้วยห้ามไว้

ส้าวส้วยมองหลี่ฝาง:“เจ้านาย คุณคิดจะช่วยเขาเหรอ?”

“ใช่”หลี่ฝางพยักหน้า

“เหอะเหอะ เจ้านาย คุณต้องเข้าใจตัวตนของคุณให้ดีนะ คุณคือเจ้านาย ส่วนเฉินฝูเซิง แค่บากหน้ามาขออยู่กับคุณ พูดง่ายๆนะ เขามาตามเช็ดก้นให้คุณ ไม่ใช่สร้างปัญหา ให้คุณตามเช็ด คุณไม่มีหน้าที่นี้”ส้าวส้วยพูดพร้อมหัวเราะเหอะเหอะ

“เขาคือคนของผม เขาเกิดเรื่อง ผมไม่ควรช่วยเขาหรือไง?”หลี่ฝางมองส้าวส้วย แล้วถามย้อน เวลานี้ หลี่ฝางกลับคิดว่าส้าวส้วยไม่เห็นใจคนอื่นเลย

แต่ส้าวส้วยกลับหัวเราะเหอะเหอะพูดว่า:“พูดตรงๆนะ คุณไม่จำเป็นเลยจริงๆ”

“สมัยก่อน มีของบางอย่าง เรียกว่าใบรับรอง แต่เฉินฝูเซิง เขาไม่ได้ช่วยอะไรคุณมากมาย ตอนนี้ กลับไปยุ่งกับเรื่องใหญ่โต ฆ่าคน พูดว่าใหญ่ก็ใหญ่ เล็กก็เล็ก ถ้าทำโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้ งั้น ฆ่าคนที่จริงก็ไม่เป็นไร อย่างเช่นผม ฆ่าไม่ต่ำกว่าคนเดียว แต่ถ้าฆ่าคน ไม่ใช่แค่ถูกถ่ายไปเป็นหลักฐาน ยังถูกอีกฝ่ายกัดไม่ปล่อยนี่ งั้นคนๆนี้ ก็ยากที่จะหลุดออก”

“แน่นอน วิธีไม่ใช่ว่าไม่มี คุณไปลุงเฉียน ลุงเฉียนจะต้องบอกวิธีที่แก้ไขให้คุณ ช่วยเฉินฝูเซิงรอดจากวิกฤต แต่เรื่องเล็กๆแบบนี้ เฉินฝูเซิงทำได้ไม่ดี ต่อไป คุณยังจะกล้าใช้เขาไหม?”

“กษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่งคนมาตั้งมากให้เฉินฝูเซิง ผมเชื่อว่าในนี้ ไม่ใช่แค่มีคนเล่นศิลปะการต่อสู้เป็น แต่ต้องมีคนที่ฉลาดอยู่ด้วย เฉินฝูเซิงเป็นคนประมาท แต่ไม่ได้หมายความว่าข้างกายเขาจะมีแต่คนประมาท ถ้าคนพวกนั้นที่อยู่หลังเขา ไม่สามารถช่วยเขาแก้ไขปัญหาได้ เหอะเหอะ”

ส้าวส้วยยิ้มอย่างลึกลับ มองหลี่ฝางแล้วพูด:“เจ้านาย รอก่อนสิ รอตอนที่พวกเขาหมดหนทางแล้ว คุณค่อยโทรหาลุงเฉียน ให้ลุงเฉียนช่วยก็ได้”

“แต่ ถ้าโทรหาลุงเฉียนเลย เฉินฝูเซิง ถึงจะออกมาแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ส่งเขากลับไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือเถอะ”ส้าวส้วยพูด

“ฟังความหมายของคุณแล้ว อยากช่วยเฉินฝูเซิง ที่จริงไม่ใช่เรื่องยากอะไรใช่ไหม?”หลี่ฝางมองส้าวส้วยอย่างสงสัย แล้วถาม

พูดถึงแล้ว ความสัมพันธ์ของเฉินฝูเซิงกับส้าวส้วย ก็ไม่ได้ตื้นๆ เฉินฝูเซิงเกิดเรื่อง ถึงส้าวส้วยจะไม่สนใจ ก็ไม่ได้ซ้ำเติม ดึงหลี่ฝางมา ไม่ให้หลี่ฝางเข้าไปเกี่ยว

ฟังส้าวส้วยแล้ว เฉินฝูเซิง เหมือนจะไม่เป็นไร

“ที่จริงบนโลกนี้ มือก็คือมืด ขาวก็คือขาว ในเมื่อเฉินฝูเซิงไม่ได้ทำผิด ก็ต้องมีคนพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขาได้ คนนั้นที่ตายวันนี้ ก็แค่นักเลงเจ้าถิ่น คุณดูสิเฉินฝูเซิงเตะทีเดียวก็ทำเอาเขาหมดสติไป นี่มันเป็นกลอุบายชัดๆ”

“ถ้าผมเดาไม่ผิด เดิมทีอีกฝ่ายต้องแกล้งตาย หรือว่าทำให้บาดเจ็บหน่อยๆไปจนบาดเจ็บสาหัส วางแผนไว้ดีแล้ว เอาเฉินฝูเซิงเข้าไป แต่นักเลงเจ้าถิ่นนี้คิดไม่ถึงว่าคนของตัวเองจะโหดเหี้ยม ทำเอาตัวเองตาย”

“เรื่องนี้ มีจุดเจาะเข้าไปหลายที่ ถึงแม้ภรรยา คนรัก หรือว่าลูกน้องของนักเลงเจ้าถิ่น รวมทั้งหมอพวกนี้จะไม่พูดอะไรในห้องสอบสวน แต่ตกไปอยู่ในมือของลูกน้องของเฉินฝูเซิงแล้ว จะต้องยอมทุกอย่างแน่”

“เฉินฝูเซิงเกิดเรื่อง พวกลูกน้องของเขา ต้องร้อนรนแน่ เดาว่าไม่ว่ากลอุบายใดๆก็คงคิดออกมา คุณว่าหมอพวกนั้นที่รู้ความจริง จะปิดปากเงียบไหม?”

ส้าวส้วยหัวเราะเหอะเหอะ:“ในเมื่อเฉินฝูเซิงบอกแล้วว่า แก๊งนั้นที่อยู่ภายใต้เงื้อมมือของเขา ลงมือแล้ว พวกเราไม่รอหน่อยเหรอ ให้พวกเขาพิสูจน์ความสามารถของตัวเองหน่อย?เจ้านาย คุณเองก็ไม่อยากเลี้ยงพวกไร้ประโยชน์ไว้นี่?คู่ต่อสู้เราคือมู่เสี่ยวไป๋บวกกับสี่ตระกูลใหญ่ ถ้าคนกลุ่มนี้ไร้ประโยชน์จริงๆ พวกเราควรจะหาคนแทนที่เฉินฝูเซิงทันที”

“โอเค งั้นก็รอ รอข่าวดีของเฉินฝูเซิง”หลี่ฝางพูด

“แค่ทางหูเฟย ดูเหมือนว่าแรงกดดันจะเยอะมาก”หลี่ฝางคิดๆดู แล้วพูด

สายของเฉินฝูเซิงนี้ ที่จริงเป็นหูเฟยให้โทรมา จุดประสงค์ของสายนี้ หูเฟยไม่อยากให้หลี่ฝางได้รับข้อมูลเท็จ

ตอนนี้เอง โทรศัพท์ของส้าวส้วยก็ดังขึ้นมา หลังจากรับสายโทรศัพท์เสร็จ สีหน้าของส้าวส้วย ก็เปลี่ยนไป

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท