NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 569 แลกเปลี่ยนข้อมูล

บทที่ 569 แลกเปลี่ยนข้อมูล

“คุณว่างั้นไหม?” หลี่ฝางพูดไป พร้อมกับหยิบบุหรี่ให้หูเฟย

หูเฟยปิดปากสนิท เงียบอยู่นานกว่าจะยอมพูดออกมา “ต้องขอโทษด้วย คุณชายหลี่ ฉันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว พูดตรงๆนะ ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันกับเสี่ยวน่าวต่างดูแลซึ่งกันและกัน กล้าพูดออกไปด้วยไม่กลัวว่าพวกคุณจะหัวเราะเยาะ ที่ฉันมีจุดยืนทุกวันนี้ได้ ล้วนเป็นเพราะน้องสาวของฉัน”

“ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะน้องสาวของฉัน เกรงว่า ฮ่าๆ ฉันคงจะตายไปตั้งนานแล้ว”

หลี่ฝางอึ้งไปพักนึง เคยได้ยินแต่เรื่องที่พี่ชายดูแลน้องสาวของตัวเอง แต่ทำไมพอมาถึงหูเฟย ถึงกลายเป็นหูเสี่ยวน่าวเป็นคนดูแลหูเฟยได้ล่ะ

“การที่คุณมีความสำเร็จทุกวันนี้ ไม่ใช่เพราะได้คุณปู่สวี กับสวีส้าวชิวที่ค่อยๆช่วยแกไต่เต้าขึ้นมาไม่ใช่รึไงกัน?” ส้าวส้วยถามออกไปด้วยความสนใจ

“ในสายตาของพวกคุณ คงจะเห็นว่าฉันถูกดูแลมาอย่างดี แต่ความเป็นจริง ฉันต่างหากล่ะที่ใช้ความสามารถของตัวเองค่อยๆไต่เต้าขึ้นมา สิ่งที่ตระกูลสวีช่วยเหลือฉันนั้น น้อยเอามากๆ”

“พอฉันไต่เต้าได้ในระดับนึง ก็ถึงเวลาที่ควรจะเลื่อนตำแหน่ง สวีส้าวชิวจึงมาหาฉัน เขาเอาหลานสาวของตัวเอง จัดงานแต่งให้กับฉัน ให้ฉันกลายเป็นลูกเขยของตระกูลสวี”

“ฉันไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ และไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ ถ้าเกิดฉันปฏิเสธขึ้นมา สวีส้าวชิวคงจะเสียหน้าไม่น้อย เพราะว่าในเมืองนี้เขา เรียกได้ว่าเป็นคนที่มีอำนาจอยู่ไม่น้อย อีกอย่าง การแต่งเข้าตระกูลสวี สำหรับฉันแล้ว มีแต่กำไร ไม่ได้มีผลเสียอะไร”

“แต่ในความเป็นจริง พอฉันกลายเป็นลูกเขยของตระกูลสวี สวีส้าวชิวก็ไม่ได้ให้การช่วยเหลือฉันแม้แต่น้อย แน่นอนว่า ถึงจะไม่ได้ช่วยตรงๆ แต่ขอแค่อยู่ในตระกูลสวี พวกเบื้องบน ก็ไม่กล้าบีบบังคับฉัน”

“ส่วนสวีส้าวชิว ก็ไม่ได้ให้ฉันช่วยเหลืออะไรเขา เขาก็แค่อยากจะเพิ่มอำนาจของตัวเองก็เท่านั้นเอง”

“ที่ฉันมีทุกวันนี้ได้ จริงๆแล้ว ล้วนเป็นเพราะน้องสาวของฉัน ตอนวัยรุ่น ฉันทำเพื่อผู้หญิงคนนึง ทำให้ไปมีเรื่องกับลูกพี่ของแก๊งนักเลงนึงเข้า ตอนนั้นแทบจะถูกพวกเขาจับตัดแขนตัดขา แต่ต่อมา น้องสาวของฉันไปก็คบกับหัวหน้านักเลงที่มีอำนาจที่สุดของเมืองในตอนนั้น แล้วกลายเป็นผู้หญิงของเขา จากนั้น ฉันจึงถูกช่วยเอาไว้ และด้วยความช่วยเหลือของพวกเขา ทำให้ฉันได้กลายเป็นทหาร”

“หลังจากที่ฉันกลับมา น้องสาวของฉันก็ถูกหัวหน้านังเลงคนนั้นทิ้ง”

หูเฟยพูดไป พร้อมกับสีหน้าที่เย็นชา “ฉันใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก ในที่สุดก็จับหัวหน้านักเลงนั้นได้ แล้วส่งเขาเข้าไปยังลานประหาร เพราะเรื่องนี้นี่เอง ที่ทำให้สวีส้าวชิวเกิดความสนใจในตัวฉัน”

“ก่อนหน้านี้น้องสาวของฉันเป็นคนที่สวยมาก และดูใสซื่อ ไม่ใช่เหมือนอย่างตอนนี้ ล้วนเป็นเพราะหัวหน้านักเลงคนนั้น เขาเป็นคนสั่งให้น้องฉันไปสักรอยสัก เสพยา ให้เสพสุขในชีวิตกลางคืน แถมยัง ยัง……”

“แถมยังเอาน้องสาวของฉันให้คนอื่นร่วมเสพสุข”

หูเฟยพูดไป พร้อมกับกัดฟันไปด้วย แถมยังกำหมัดแน่น “ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะฉัน น้องสาวของฉันก็คงไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับหัวหน้านักเลงคนนั้น ยิ่งไม่มีทางเดินอยู่ในสายทางนี้”

“เพราะงั้น ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ฉันก็ไม่มีสิทธิ์ไปต่อว่าเธอ”

“ฉันอยู่ในตำแหน่งนี้มาก็นานแล้ว ไม่เคยเอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้องกับงาน แต่เรื่องน้องสาวของฉัน เป็นข้อยกเว้น ฉันรู้ดีว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ แต่ฉันก็ไม่ได้ห้ามเธอ”

“เธอค่อนข้างจะโกรธฉัน เธอโกรธที่ตอนนั้นฉันหนีไปเป็นทหาร ตั้งแต่เล็กจนโต พวกเราไม่เคยห่างกันมาก่อน มีเพียงครั้งนั้น ที่ฉันไปเป็นทหาร”

“พวกคุณรู้ไหม? ตอนนั้นที่ฉันขึ้นรถไฟ เธอไม่ได้มาส่งฉันด้วยซ้ำ ไม่แม้แต่จะมองหน้าฉัน”

หูเฟยพูดด้วย สีหน้าที่ตึงเครียด “เฮ้อ ฉันไม่โทษเธอ หนี้ชั่วชีวิตนี้ ฉันไม่มีทางใช้เธอได้หมด”

“เธอชอบที่จะหาเงินด้วยตัวเอง เงินของฉัน เธอไม่เคยแตะต้องด้วยซ้ำ เธอมีบ้านหลังนึง มีมูลค่ากว่าร้อยล้าน แน่นอน ว่าใช้วิธีผ่อนเอา แต่ที่มาที่ไปของเงินพวกนี้……”

หลี่ฝางพูดแทรกหูเฟย ว่า “คุณไม่ต้องพูดพวกเราก็เข้าใจ”

“หลายปีมานี้ ฉันก็ไม่ได้ไปจับตัวเธอ แกล้งทำเป็นไม่เห็นสิ่งที่เธอทำ แถมยังแนะนำเพื่อนในที่ทำงานกับเธอ พอเป็นแบบนี้ เพื่อนร่วมงานของฉัน ก็จะทำเหมือนกับฉัน แกล้งทำเป็นมองไปไม่เห็น”

“เฮ้อ ฉันเองก็ไม่รู้ว่ากำลังช่วยเธอ หรือทำร้ายเธอกันแน่”

“คุณรักเธอ แต่ก็ไม่รู้จะต้องรักยังไง ถูกไหม?” หลี่ฝางมองไปยังหูเฟย แล้วพูดว่า “ตอนนี้คุณคงจะเข้าใจแล้ว ว่าทุกอย่างเป็นความผิดของตัวเองถูกไหม?”

“เส้นทางที่เธอเดินอยู่เป็นเส้นทางที่ผิด คุณที่เป็นพี่ชาย ไม่เพียงแค่ไม่ยอมแนะนำทางที่ถูกต้อง แถมยังให้เธอทำตามใจตัวเอง สิ่งที่คุณทำไม่ใช่การช่วยเหลือเธอ แต่กำลังทำร้ายเธอต่างหาก”

หูเฟยถอนหายใจ แล้วพูดว่า “คุณชายหลี่ สองชั่วโมงก่อนหน้านี้ ฉันได้รับคลิปๆนึง ถึงแม้จะไม่รู้ว่าใครเป็นส่งมา แต่ฉันรู้ดีว่า ต้องเป็นฝีมือของสี่ตระกูลใหญ่แน่ พวกเขาจับตัวน้องสาวฉันไป พร้อมกับหาหลักฐานที่จะเอาผิดน้องสาวของฉัน”

“ฉันไม่กล้าทำอะไร ไม่งั้น ฉันคงเสียน้องสาวของตัวเองไปแล้ว”

“ในตอนที่เห็นคลิปๆนี้ ฉันก็รู้สึกกลัวขึ้นมา หลายปีมานี้ ฉันไม่เคยกลัวขนาดนี้มาก่อน ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเป็นใครกันแน่ ฉันจึงทำได้แค่สงสัยว่าเป็นฝีมือของพวกสี่ตระกูลใหญ่”

“นอกจากสี่ตระกูลใหญ่ ไม่มีใครกล้าแบบนี้ ยิ่งไม่มีใครกล้าทำ เพราะงั้น ฉันจึงมอบเงินให้ด้วยตัวเอง”

“มีเรื่องบางเรื่อง คุณชายหลี่คงจะไม่เข้าใจ ที่มาของคลิปๆนี้ กับคลิปที่เฉินฝูเซิงฆ่าคน มาจากที่เดียวกัน ฉันให้คนตรวจสอบดูแล้ว ที่นั่นเป็นถนนใหญ่ มีคนสัญจรไปมา ไม่มีทางหาได้เลยว่าเป็นฝีมือของใคร”

“ฉันเข้าใจสิ่งที่พวกเขาต้องการจะสื่อ พวกเขาต้องการบอกว่า ในเมื่อฉันมีคลิปๆนี้แล้ว ก็สามารถเอาผิดเฉินฝูเซิงได้ ถ้าเกิดฉันไม่ทำแบบนี้ งั้นน้องสาวของฉัน ก็คงจะอยู่ในอันตราย”

หลี่ฝางพูดด้วย สีหน้าที่ตึงเครียด “พอได้ยินแบบนี้ อีกฝ่ายยังไม่ทันได้พูดอะไร ที่คุณทำทั้งหมดนี้ ก็เพราะว่ากลัวอย่างงั้นเหรอ?”

“ใช่แล้ว ฉันรู้ดีว่าฉันทำตัวเอง แต่……”

หูเฟยพูดต่อ “แต่ว่าฉันไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ”

“ฉันได้ส่งคนไปตรวจสอบดูแล้ว แต่ว่า พวกเขากลับไม่มีเบาะแสของน้องสาวฉันแม้แต่น้อย อย่าว่าแต่ถูกใครจับตัวไปเลย แม้แต่เรื่องที่น้องสาวฉันไปที่ไหนมาบ้าง พวกเขายังสืบไม่ได้เลย”

หลี่ฝางพูด พร้อมกับหันไปมองหูเฟย “น้องสาวของคุณถูกเพื่อนสนิทของตัวเองเรียกออกไป ชื่อว่าหวางหยวนหยวน ไม่รู้ว่าคุณรู้จักหรือเปล่า”

“รู้จัก รู้จักสิ เธอเป็นเพื่อนสนิทกับน้องสาวของฉัน แต่ผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างจะเป็นเด็กดี ไม่มีทางที่จะร่วมหัวกันเพื่อจับน้องสาวของฉันหรอก? พวกคุณเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า” หูเฟยมองไปยังหลี่ฝางกับส้าวส้วยด้วยใบหน้าที่สงสัย เพื่อว่ากำลังสงสัยอยู่

“สถานที่สุดท้ายที่น้องสาวของคุณหายตัวไป ก็คือร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ของพวกเรา หวางหยวนหยวนเรียกน้องสาวของคุณออกไปจากหลังร้าน จากนั้นก็ขึ้นรถตู้สีเทาไป ทะเบียนรถเป็นของที่อื่น คงจะเป็นทะเบียนปลอมแน่ๆ”

หลี่ฝางเปิดโทรศัพท์ออกมา จากนั้นก็ส่งรูปให้กับหูเฟย “คุณลองดูสิ ใช่น้องสาวของคุณกับหวางหยวนหยวนรึเปล่า”

“เป็นหวางหยวนหยวนจริงๆด้วยที่เป็นคนจับน้องสาวฉันไป”

หูเฟยกัดฟันแน่น แล้วพูดว่า “นังสารเลว ฉันจะไปจับตัวเธอเดี๋ยวนี้แหละ”

“ฮ่าๆ ถ้าเกิดคุณสามารถจับตัวเธอได้ล่ะก็ ก็คงจะหาตัวน้องสาวของคุณได้ไม่ยาก เธอหายตัวไปพร้อมกับน้องสาวของคุณ คุณลองดูดีๆ ตอนที่น้องสาวของคุณกับหวางหยวนหยวนขึ้นรถ ไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด มีเพียงแค่ตอนที่อยู่ตรงหน้าประตูรถ มีร่องรอยการขัดขืน หลังจากนั้นรถก็ขับออกไป”

“ตอนนี้คุณสามารถตรวจสอบได้ด้วยใช้สองเส้นทางนี้ อย่างแรกก็คือเบอร์โทรศัพท์ของน้องสาวของคุณ ลองดูว่าช่วงนี้เธอติดต่อหาใครบ้าง แต่คุณคงจะตรวจสอบไปแล้ว คงจะไม่เจอเบาะแสอะไรใช่ไหม? ส่วนอีกอย่างก็คือหาจากหวางหยวนหยวน ลองตรวจประวัติการโทรของเธอ ค่อยๆตรวจสอบไปทีละรายชื่อ”

“อีกอย่าง ลองไปตรวจที่บ้านของหวางหยวนหยวนดูซะหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะเจอเบาะแสอะไรขึ้นมาก็ได้”

“ฉันได้ยินมาว่า ครอบครัวของหวางหยวนหยวน กำลังเก็บข้าวของ ได้ข่าวมาว่าไปหาบริษัทขนย้ายมาแล้ว กำลังเตรียมตัวที่จะย้ายออกไป ไม่รู้ว่ากำลังจะย้ายไปไหน ถ้าเกิดคุณเร่งมือล่ะก็ ไม่แน่ว่าอาจจะไปทันเวลาก็ได้”

พอหลี่ฝางพูดจบ สีหน้าของหูเฟยก็ร้อนรนขึ้นมาทันที

ครอบครัวของหวางหยวนหยวน ไม่มีทางที่จะย้ายบ้านโดยที่ไม่มีเหตุผล การที่ย้ายบ้านออกไปบ่งบอกว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่

“แม่งเอ๋ย คิดจะหนีงั้นเหรอ!” หูเฟยกัดฟัน

“รีบไปเถอะ บัตรของพ่อหวางหยวนหยวน เมื่อกี้เพิ่งตรวจสอบเจอว่ามีเงินเกินมาหนึ่งล้าน”

หลี่ฝางหัวเราะ “หูเฟย ฉันสามารถช่วยคุณได้เท่านี้”

“ขอบคุณมาก คุณชายหลี่ ฉันจะสั่งให้ลูกน้องค่อยดูแลเฉินฝูเซิงให้ดีๆ เรื่องของเฉินฝูเซิง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง แน่นอน คุณเองก็ต้องหาหลักฐานมาให้ได้มากกว่านี้ อย่างเช่น คลิปที่อัดมาก่อนหน้านี้ มันไม่เพียงถ่ายติดแค่เฉินฝูเซิงกับไอ่ลูกน้องของแก๊งนักเลง ยังมีพวกคนในแก๊งนักเลง แล้วก็ยังมี หมอพวกนั้น ล้วนดูน่าสงสัย”

“จริงสิ ไอ่เจ้าคนที่อยู่ในรถพยาบาลในตอนที่กำลังถูกส่งไปโรงพยาบาท ก็ดูน่าสงสัย”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท