NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่573 แกรนหาที่ตายหรือไง?

บทที่573 แกรนหาที่ตายหรือไง?

“คนไหน?” จูเปิ่น เสี่ยวซานจื่อและคนอื่น ๆ ได้ยินดังนั้น ต่างก็หันหน้ากลับ มองไปยังหรุ่ยเหวินเจ๋

หรุ่ยเหวินเจ๋ได้คืบจะเอาศอก เขามองจูเปิ่นอย่างเรียบ ๆ กล่าว: “ลูกพี่ ผมมีข้อเรียกร้อง”

“บอกแล้วไงว่าจะให้แกแสนหนึ่ง แกยังต้องการอะไรอีก? เงินเดือนแกสามปี ก็น่าจะแค่แสนหนึ่งสินะ?” จูเปิ่นขมวดคิ้ว สีหน้าเย็นชา

หรุ่ยเหวินเจ๋ส่ายหัว กล่าว: “ผมไม่ต้องการเงิน เงินค่าเหนื่อยหนึ่งแสนนั่น ถือว่าผมตอบแทนพวกพี่แล้วกัน ผมอยากจะติดตามพวกพี่ เป็นลูกน้องของพวกพี่”

หลังจากที่เสี่ยวซานจื่อได้ยินดังนั้น เขาก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากขึ้นมาทันที ชี้ไปที่หรุ่ยเหวินเจ๋ จากนั้นก็หัวเราะฮ่า ๆ : “เจ้าหนุ่มคนนี้น่าสนใจดีแฮะ”

“ใช่น่าสนใจมากจริง ๆ” คนขับรถก็หัวเราะตาม

ทุกคนต่างก็หัวเราะ ยกเว้นจูเปิ่น สีหน้าของเขา ค่อย ๆ หม่นหมองลง: “น้องชาย แกกำลังข่มขู่ฉันเหรอ?”

“ไม่ใช่นะครับ ผมกำลังต่อรองกับพี่ต่างหาก ลูกพี่ พี่ได้ไม่เสียหายอะไรเลย ไม่เพียงไม่ต้องเสียเงินโดยไม่จำเป็น ทั้งยังได้ลูกน้องที่ซื่อสัตย์มาเพิ่ม คุ้มค่าแบบนี้ทำไมไม่เอาล่ะครับ?” หรุ่ยเหวินเจ๋กล่าวอย่างเรียบ ๆ

จูเปิ่นยิ้มมุมปาก ด้วยท่าทางหน้าซื่อใจเหี้ยม: “เจ้าหนุ่ม นายไม่ได้กำลังคุยข้อต่อรอง แต่เป็นการฉวยโอกาส เข้าใจไหม?”

จูเปิ่นหยิบปืนออกมาจากบริเวณหน้าอก จากนั้นก็จ่อไปที่หน้าอกของหรุ่ยเหวินเจ๋ พลางกล่าว: “ฉันถามแกอีกครั้ง คนไหน?”

เสี่ยวซานจื่อยื่นมือออกไปห้าม นึกไม่ถึงกลับถูกจูเปิ่นหันกลับมาถลึงตาใส่: “แกมันเป็นไอ้โง่หรือไง? แกแม่งเป็นพวกใครกันแน่ ไม่ช่วยคนกันเองแต่กลับไปช่วยคนอื่น”

“ฉันกำลังช่วยนายน้อยอยู่นะ” จูเปิ่นกล่าวอย่างเยือกเย็น

“ลูกพี่ ช่วยนายน้อย ก็ไม่เห็นต้องใช้ปืนจ่อหรุ่ยเหวินเจ๋เลยนี่นา เจ้าหนุ่มคนนี้ก็น่าสงสารเหมือนกันนะ ไม่เพียงถูกแฟนทิ้ง ยิ่งไปกว่านั้นทั้งชีวิตยังไม่เคยได้มีชีวิตที่สบายเลย ถ้าพี่ยิงมันตายจริง ๆ คงบาปมากเลย รู้ไหม?” เสี่ยวซานจื่อยืนอยู่ข้าง ๆ หรุ่ยเหวินเจ๋ และพูดแทนเขา

แต่เสี่ยวซานจื่อก็รู้จักนิสัยของพี่ใหญ่ตัวเองดี เขามองหรุ่ยเหวินเจ๋ย่างลุกลี้ลุกลน พลางกล่าว: “น้องชาย เลิกเล่นได้แล้ว รีบบอกมา ตกลงแล้วคนไหนกันแน่?”

“พูดเร็วหน่อย เราก็จะได้ปล่อยตัวแกไปเร็วขึ้น อีกอย่าง หนึ่งแสนหยวน จ่ายให้แกไม่ขาดแม้แต่บาทเดียว”

เสี่ยวซานจื่อพูดจบ ก็คว้าเข่าไปใต้เบาะรถ และหยิบเอาถุงขนาดใหญ่ใบหนึ่งออกมา ข้างในใส่เต็มไปด้วยเงินหยวน

นับออกมาหนึ่งแสน ในขณะที่เสี่ยวซานจื่อกำลังจะยื่นให้หรุ่ยเหวินเจ๋ ก็หยิบออกมาเพิ่มให้ไปอีกสองหมื่น: “ให้แกเพิ่มอีกสองหมื่น หักจากส่วนของฉัน”

“พวกเราสองคนต่างก็เป็นคนโชคร้ายเหมือนกัน เงินสองหหมื่นนี่ ถือว่าเป็นเงินใส่สองที่ฉันให้แกตอนแต่งงานแล้วกัน”

“เอาละ เลิกดื้อดึงได้แล้ว ฉันจะบอกแกให้ พี่ใหญ่ของฉันเป็นลาหัวดื้อตัวหนึ่ง ฉันยังไม่เคยเห็นใครหัวดื้อเท่าเขามาก่อนเลย”

เสี่ยวซานจื่อยื่นเงินให้หรุ่ยเหวินเจ๋ทีละนิด แต่ใครล่ะจะคิด ว่าหรุ่ยเหวินเจ๋จะไม่มองเลยแม้แต่น้อย ตายตาของเขาจ้องเขม็งอยู่ที่จูเปิ่น พลางกล่าว: “ลูกพี่ครับ พี่ถือว่าผมขู่พี่ก็ได้ แต่ผมเชื่อว่า พี่ไม่มีทางลั่นไกแน่นอน ฆ่าผม สำหรับพี่แล้วมีแต่ข้อเสีย ไม่มีข้อดีอะไรเลย พี่ไม่เพียงจะต้องแบกคดีฆาตกรรมเอาไว้ ทั้งยังเสียโอกาสในการจับตัวคนร้าย ผมตายไป อาจทำให้พวกนั้นแตกตื่น”

“ถ้าทำให้พวกมันแตกตื่นล่ะก็ นายน้อยอะไรนั่นของพี่……”

หรุ่ยเหวินเจ๋พูดไป มือก็พลางคว้าไปที่ปืนของจูเปิ่น เสี่ยวซานจื่อตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ: “สารเลว แกทำอะไรน่ะ? แกอยากตายใช่ไหม?”

เขาทำได้แค่จ้องมองหรุ่ยเหวินเจ๋จับปืนในมือของจูเปิ่น ลากไปวางที่หัวของตัวเอง

“ลูกพี่ ลั่นไกเถอะ ถือว่าเป็นผมที่บังคับพี่แล้วกัน”

“ผมไม่มีทางอื่นอีกแล้ว”

“ทำได้แค่นี้ ต้องขอโทษด้วย” หรุ่ยเหวินเจ๋กล่าว

พูดจบ จูเปิ่นหัวเราะอย่างเย็นชา: “เจ้าหนุ่ม แกคิดว่าฉันไม่กล้าใช่ไหม?”

เสียงปืนดังปังขึ้นหนึ่งนัด จูเปิ่นขยับนิ้วมือลั่นไกปืน และหรุ่ยเหวินเจ๋ก็ได้ตกใจกลัวจนหลับตาปี๋ แต่ก็ไม่ได้ขยับหลบใด ๆ เลย

ในตอนที่หรุ่ยเหวินเจ๋ลืมตาอีกครั้งนั้น เขาก็หัวเราะขึ้นมาอย่างดีอกดีใจ: “ผมยังมีชีวิตอยู่?”

ลูกปืนที่จูเปิ่นยิงออกมานั้น ไม่ได้ยิงไปที่หัวของหรุ่ยเหวินเจ๋ แต่เป็นยิงเฉียดหูของหรุ่ยเหวินเจ๋ไป

“แกยังไม่ตาย”

จูเปิ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ: “แต่ก็ใกล้แล้ว”

กล่าวไป จูเปิ่นก็ขยับปืนไปที่หัวของหรุ่ยเหวิรอบคอบ แล้วตีลงไปอย่างหนัก

หรุ่ยเหวินเจ๋ล้มนอนลงไปกับพื้น แต่ไม่นานเขาก็ลุกขึ้นมา มาถึงตอนนี้จูเปิ่นถึงได้ยิ้มออกมา: “ไม่เลวนี่ มีความอดทนดี”

“เมื่อกี้แกไม่ได้หลบลูกปืนนัดนั้น ดูแล้วแกได้เตรียมใจตายไว้แล้ว ในเมื่อแกมีความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ขนาดนั้น งั้นฉันก็จะให้โอกาสแกสักครั้ง”

“ขอบคุณลูกพี่มากครับ” สีหน้าของหรุ่ยเหวินเจ๋ เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นดีอกดีใจขึ้นมาทันที

แต่จูเปิ่นกลับหัวเราะเหอะ ๆ กล่าว: “อย่าดีใจเร็วเกินไป ฉันแค่บอกว่าให้โอกาสแก ไม่ได้บอกว่ารับแกแล้วสักหน่อย”

“ถ้าแกสามารถผ่านแบบทดสอบที่ฉันจัดไว้ให้แกได้ งั้นนายก็จะกลายเป็นคนของฉัน”

จูเปิ่นยิ้มเล็กน้อย กล่าว: “ถ้าหลังจากนี้แกโชคดี งั้นต่อไปนี้ แกจะต้องได้เสพสุขกับความเจริญรุ่งเรืองและร่ำรวยเงินทองอย่างไม่สิ้นสุดแน่นอน ดูอย่างในมือของเสี่ยวซานจื่อสิ นาฬิกาโรเล็กซ์ ราคาแสนกว่า พ่อกับแม่ของเขาต่างก็มีบ้าน และล้วนซื้อด้วยเงินสดทั้งนั้น”

“เสี่ยวซานจื่อ อยู่กับฉันมาแค่ห้าปีเอง”

เมื่อได้ยินดังนั้น บนใบหน้าของหรุ่ยเหวินเจ๋ ก็ปรากฏแววตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที

“อย่าตื่นเต้นดีใจเร็วเกินไป ฉันมอบภารกิจให้แกหนึ่งอย่าง ภารกิจสำเร็จ ไม่เพียงจะได้เป็นคนของฉัน นอกจากนั้น เงินค่าเหนื่อยจำนวนหนึ่งแสน ฉันจะจ่ายให้แกโดยไม่ขาดแม้แต่บาทเดียว” จูเปิ่นกล่าว

“ภารกิจอะไรครับ?” หรุ่ยเหวินเจ๋กล่าวด้วยท่าทีรีบร้อน

“หลอกล่อฆาตกรตัวจริง ไปในที่ที่ไม่มีคน” จูเปิ่นกล่าว: “ที่ท่าเรือคนเยอะเกินไป ถ้าลงมือที่นี่ ไม่เพียงมีความเสี่ยงสูง อีกทั้งเรื่องที่ก่อขึ้นมา ก็จะเป็นเรื่องใหญ่ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเรา ฉันกลัวว่าเมื่อเสร็จงานเราจะรับมือไม่อยู่”

“แกหลอกล่อพวกมันไปในที่ที่ไม่มีคน แล้วพวกเราค่อยลงมือ”

“น้องชาย ภารกิจนี้มีความเสี่ยงสูง แกพิจารณาดูหน่อยไหม?” จูเปิ่นพึ่งกล่าวจบ หรุ่ยเหวินเจ๋ก็ได้เปิดประตูรถทันที แล้วหัวเราะอย่างเย็นชา กล่าว: “ถ้าผมตาย เงินหนึ่งแสนนั่นส่งไปให้พ่อแม่ของผม ที่อยู่พวกลูกพี่น่าจะรู้แล้ว”

“ไปเถอะ ฉันรับปากแก” จูเปิ่นพยักหน้า กล่าว: “นับจากนี้เป็นต้นไป แกได้เป็นพี่น้องของฉันแล้ว พ่อแม่ของแก ก็เหมือนกับพ่อแม่ของฉัน ถ้าแกตายไป ฉันจะกตัญญูพวกเขาแทนแกเอง”

“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก ขอแค่ไม่ให้พวกเขาอดตายก็พอ” หรุ่ยเหวินเจ๋โบกมือ แล้วเดินเข้าไปในกลุ่มคน

หลังจากที่หรุ่ยเหวินเจ๋จากไปแล้ว เสี่ยวซานจื่อก็อยากจะลงไปจากรถเหมือนกัน แต่ก็ถูกจูเปิ่นห้ามเอาไว้ทันที: “แกจะไปไหน?

“ลูกพี่ เขาเป็นเด็กใหม่ ผมกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเขา”

“นี่เป็นสิ่งที่มันเลือกเอง แกไม่ต้องไปช่วยมัน ถ้าครั้งนี้นายช่วยมัน ครั้งต่อไปในใจของมันก็จะเกิดความพึ่งพาแกขึ้นมา” จูเปิ่นกล่าว

“อีกอย่าง คนพวกนั้น คงจำหน้าพวกเราได้ และจดจำจนขึ้นใจตั้งนานแล้ว”

เสี่ยวซานจื่อทอดถอนใจ และไม่ได้พูดอะไรอีกเลย

และอีกด้านหนึ่ง หลี่ฝางและส้าวส้วย ก็ได้อยู่อีกด้านของท่าเรือ และจับตาดูทุกการกระทำของจูเปิ่น

ทางส้าวส้วยและหลี่ฝาง ได้รู้แล้วว่าฆาตกรเป็นใคร และหลี่ฝางก็ได้ตัดสินใจแล้ว ว่าถ้าหากพวกจูเปิ่นจัดการไม่สำเร็จ เขาก็จะให้ส้าวส้วยลงมือ

แต่ว่าถ้าหากเป็นเช่นนั้น ก็พิสูจน์ได้ว่าพวกจูเปิ่นไม่มีความสามารถพอ เรียกให้พวกเขารีบไสหัวกลับภาคตะวันออกเฉียงเหนือไปจะดีกว่า อย่าอยู่ขายหน้าที่นี่อีกเลย”

“ทำไมพวกเขาถึงให้คนนอกคนหนึ่งลงรถล่ะ ให้ไปเข้าใกล้ฆาตกรเหรอ?” หลี่ฝางมองดูเหตุการณ์ตรงหน้า แล้วเอ่ยถามหลินส้าวส้วยขึ้นมาด้วยความสงสัย

ส้าวส้วยหัวเราะเหอะ ๆ พลางกล่าว: “คนเยอะไป ไม่สะดวกลงมือ การทำงานของจูเปิ่นคนนี้ ชำนาญรอบคอบไม่น้อย คนคนนี้ สามารถให้ทำงานสำคัญได้ เพราะว่าเขาทำงานรอบคอบและเก็บความลับ จะไม่ก่อเรื่องวุ่นวายให้เราได้ง่าย ๆ ”

“มิน่าพ่อของเฉินฝูเซิง ถึงได้ส่งจูเปิ่นมา ที่แท้ก็เพื่อทดแทนจุดด้อยของเฉินฝูเซิงนี่เอง เฉินฝูเซิงคนนี้ ทำงานไม่รอบคอบหุนหันพลันแล่น ไม่ค่อยคำนึงถึงผลที่ตามมา ยิ่งชอบไม่จัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นในภายหลัง แต่ว่าเขาก็ทำงานได้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ”

“และการมีตัวตนอยู่ของจูเปิ่น สามารถทดแทนจุดด้อยของเฉินฝูเซิงได้อย่างพอดิบพอดี”

หรุ่ยเหวินเจ๋มาถึงขอบท่าเรือ เขามองดูคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่บนเรือ จากนั้นก็ตะโกนออกมา: “ลูกพี่ ๆ ผมตามหาพวกคุณตั้งนานแน่ะ”

“แกเองเหรอ?”

“แกตามหาพวกเราทำไม?”

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำถาม หรุ่ยเหวินเจ๋ก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก กล่าว: “ช่วงนี้ค่อนข้างจะขัดสน ดังนั้น ผมก็เลยอยากจะยืมเงินกับพวกลูกพี่หน่อย ไม่เยอะหรอก แค่สองแสนกว่า ๆ เอง”

พูดจบ หรุ่นเหวินเจ๋ก็เลิกคิ้วเล็กน้อย กล่าว: “ถ้าไม่ให้ยืมล่ะก็ พวกลูกพี่ ก็อย่าหาว่าผมไม่ไว้หน้าแล้วกัน”

“แกรนหาที่ตายหรือไง?” ชายฉกรรจ์หนึ่งในนั้นได้ขมวดคิ้วอย่างเยือกเย็น

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน