NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 576 หรุ่ยเหวินเจ๋ที่แสนเจ้าเล่ห์

บทที่ 576 หรุ่ยเหวินเจ๋ที่แสนเจ้าเล่ห์

“ดูเหมือนว่าพวกเราจะดูหมิ่นคุณชายหลี่เกินไป เหอะ ๆ แต่ก็นะ คนที่สามารถทำให้นายน้อยของพวกเราลดฐานะลงมาเป็นลูกน้องได้ จะเป็นคนธรรมดาได้ยังไงกัน?” ทันใดนั้นจูเปิ่นก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากขึ้นมา เขากำลังรู้สึกยินดี ที่เฉินฝูเซิงได้เลือกหลี่ฝาง

เมื่อก่อน ในใจของจูเปิ่นยังกล่าวโทษมาโดยตลอด เขารู้สึกว่านายน้อยของเขาขาดทุน

“ลูกพี่ ความหมายของพี่ก็คือ ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบของคุณชายหลี่สินะ? ผมยอมเขาเลยจริง ๆ พี่ว่าคุณชายหลี่คนนี้ ทำเรื่องไม่มีประโยชน์พวกนี้ทำไมกัน ในเมื่อรู้ว่าคุณชายของพวกเราถูกใส่ร้าย และรู้ว่าใครเป็นฆาตกรตัวจริง ทำไมไม่รีบช่วยนายน้อยของพวกเราออกมาล่ะ”

“ทุกครั้งที่นึกถึงคุณชายของพวกเรา ต้องทนลำบากอยู่ข้างใน ในใจของผมก็รู้สึกไม่สบายทุกที” เสี่ยวซานจื่อกล่าวด้วยความแค้นเคืองเล็กน้อย

“เหอะ ๆ ความรู้สึกนึกคิดของคุณชายหลี่ ใครจะไปรู้ได้ล่ะ? บางที เขาแค่ต้องการคนที่มีความสามารถกลุ่มหนึ่งเท่านั้น พวกเราพึ่งมาใหม่ไม่นาน ถูกสงสัยก็ถือเป็นเรื่องปกติ” นับว่าจูเปิ่นค่อนข้างปล่อยวาง

“อีกอย่าง คุณชายโหดร้ายป่าเถื่อน จะล้มลุกคลุกคลานบ้าง ก็ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร” จูเปิ่นปลอบใจเสี่ยวซานจื่อ

เสี่ยวซานจื่อเบ้ปาก แล้วก็ไม่ได้พูดมากอะไรอีก

แต่คนขับรถนั่นกลับเอ่ยขึ้นมา: “ลูกพี่ครับ งั้นพวกเราจะทำยังไง? จะช่วยแฟนเก่าของหรุ่ยเหวินเจ๋ไหมครับ?”

“ช่างเถอะ ความเป็นตายของผู้หญิงคนนั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา หรุ่ยเหวินเจ๋เป็นคนของพวกเรา เรื่องที่เขาอยากจะทำ พวกเราควรสนับสนุน” จูเปิ่นกล่าว

“แต่ว่า……ทางด้านคุณชายหลี่ ความหมายของพวกเขา ดูเหมือนว่ากำลังแจ้งเตือนพวกเรา ให้พวกเราไปช่วยนี่” ชายคนขับกล่าว

“เขาแค่กลัวว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำให้หรุ่ยเหวินเจ๋ยอมประนีประนอม” จูเปิ่นกล่าวพลางหัวเราะเอิ๊กอ๊าก

เวลาผ่านไปราวชั่วโมงกว่า ๆ เฮยจื่อขับรถ กลับมาแล้ว เขาขับรถเข้ามาในซอยเล็ก ๆ จากนั้นก็ดึงเอากระสอบป่านลงมาจากรถ

“ลูกพี่ ผมกลับมาแล้ว” เฮยจื่อลากกระสอบป่าน มาถึงข้างในห้องทำงาน

ในตอนนี้เอง เจียงเหว่ยก็ได้ทำอาหารเสร็จแล้ว และกำลังดื่มเบียร์พูดคุยอยู่กับหรุ่ยเหวินเจ๋

เมื่อเห็นหมาจื่อกลับมา เจียงเหวยก็ดื่มเบียร์ที่มีอยู่ในแก้วจนหมด

หรุ่ยเหวินเจ๋จ้องมองกระสอบป่าน ท่าทางหน้านิ่วคิ้วขมวด: “เงินล่ะ?”

“แกจะเอาเงินไปทำไม? ก็ไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้หรอกเหรอ? มา ตอนนี้ฉันมอบผู้หญิงคนนี้ให้แกเลย” พูดไป เฮยจื่อก็เปิดปากกระสอบออก แล้วปล่อยหญิงสาวที่อยู่ในกระสอบออกมา

หญิงสาวที่อยู่ในกระสอบ ผมเผ้ายุ่งเหยิง และถูกมัดปากเอาไว้ ร้องออกมาไม่ได้ ใบหน้าของเธอนั้นไม่นับว่าได้มาตรฐานสักเท่าไหร่ แต่กลับรักษารูปร่างได้ดีไม่น้อย เมื่อเธอออกมาจากกระสอบ และวินาทีแรกที่ได้เห็นหรุ่ยเหวินเจ๋นั้น บนใบหน้าของเธอ เริ่มจากตกใจกลัว เปลี่ยนเป็นงงงัน

เฮยจื่อดึงเทปกาวที่ใช้ปิดปากหญิงสาวไว้ออก และใช้มีดจ่อที่คอของหญิงสาว กล่าว: “อย่าร้องให้คนช่วย อย่าทำการขัดขืนที่ไร้ประโยชน์ ไม่งั้นฉันจะกรีดหน้าของเธอซะ”

“หรุ่ยเหวินเจ๋? เป็นนายได้ยังไง? เป็นนายที่ต้องการลักพาตัวฉัน?”

บนใบหน้าของหญิงสาว เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

เธอไม่หนึกไม่ฝัน ว่าคนที่ลักพาตัวเธอ จะเป็นผู้ชายที่หน้าตาธรรมดาสามัญ สุภาพเรียบร้อย ซื่อสัตย์สุจริต หรุ่ยเหวินเจ๋คนนั้น

สีหน้าของหรุ่ยเหวินเจ๋ กลับสงบเป็นพิเศษ

“เมิ่งเมิ่ง เจอกันอีกแล้วนะ”

หรุ่ยเหวินเจ๋ยิ้มอ่อน ๆ จ้องมองเมิ่งเมิ่งพลางกล่าว: “ยังจำได้ว่าครั้งที่แล้วที่เราพบกัน คือตอนที่เลิกกัน”

รอยยิ้มนี้ของหรุ่ยเหวินเจ๋ ทำให้เจียงเหวยและเฮยจื่อ รู้สึกงงงันขึ้นมาพร้อมกันทันที เดิมทีพวกเขาคิดว่า วินาทีที่หรุ่ยเหวินเจ๋เห็นแฟนเก่าตัวเองถูกลักพาตัว จะต้องตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

แต่ใครจะไปรู้ ว่าหรุ่ยเหวินเจ๋ในเวลานี้จะมีท่าทางสงบนิ่งขนาดนี้

และเจียงเหวยก็ได้รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลขึ้นมา: “แกเป็นใครกันแน่? ใครส่งแกมา? แกหาพวกเราเจอได้ยังไง”

เจียงเหวยจ้องมองหรุ่ยเหวินเจ๋ด้วยสายตาที่เยือกเย็น และมีความอาฆาตอยู่ภายในจิตใจ

“ลูกพี่ ทำยังไงดี ดูเหมือนว่าไอ้สารเลวนี่ไม่ได้ใส่ใจแฟนเก่าตัวเองเลยแม้แต่น้อย แม่งเอ๊ย หรือว่าพวกเราจะถูกหลอกเข้าแล้ว” เฮยจื่อมองหรุ่ยเหวินเจ๋ด้วยท่าทางกระวนกระวาย: “เมื่อกี้แกยังพูดกับพวกเราว่า สองสามวันก่อนแฟนเก่าแกได้มาหาแก พวกว่าถ้าแกมีเงินสองแสนห้า หล่อนก็จะแต่งงานกับแก”

“ไม่มีทางที่เขาจะมีเงินสองแสนห้า” แฟนเก่าของหรุ่ยเหวินเจ๋กล่าว

“หรือต่อให้เขามี ฉันก็ไม่มีทางจะแต่งกับเขา เขาเป็นคนบ้า เป็นคนโรคจิต” แฟนเก่าของหรุ่ยเหวินเจ๋ กล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

เจียงเหวยและเฮยจื่องงงันขึ้นมาอีกครั้ง

ฟังจากที่พูดแล้ว ตัวเองได้ถูกปั่นหัวเข้าแล้วจริง ๆ

“แม่ง พวกแกสองคนกำลังแสดงละครต่อหน้าฉันเหรอ” ทันใดนั้นเฮยจื่อก็ใช้มีดแทงเข้าไปที่ผิวหนังของหญิงสาว และหรุ่ยเหวินเจ๋ก็ลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทันที

“อย่านะ” หรุ่ยเหวินเจ๋พลันเอ่ยขึ้นมา

“เหอะ ๆ กลัวแล้วล่ะสิ? ในเมื่อกลัวแล้ว งั้นเราก็มาคุยเรื่องเงินกัน สองหมื่น ได้ไหม?” เฮยจื่อกล่าว

เกิดความสับขึ้นมาบนใบหน้าของหรุ่ยเหวินเจ๋: “สองแสน สองหมื่นมันน้อยไป”

“แม่งเอ้ย ดูว่าตอนนี้ใครถือไพ่เหนือกว่าแล้วค่อยพูด” เฮยจื่อไม่พูดมาก เขากดแทงมีดลงไปลึกกว่าเดิม

จูเปิ่นถลึงตาใส่เฮยจื่อ: “หยุดเแทงได้แล้ว ต่อให้แกแทงผู้หญิงคนนี้จนตาย ก็ไม่มีประโยชน์อะไร”

“มันไม่ได้สนใจความเป็นตายของผู้หญิงคนนี้เลยสักนิด ความจริงแล้วมันแค่ต้องการยืมมือของพวกเรามาทำร้ายผู้หญิงคนนี้ แกดูไม่ออกหรือไง?”

“พวกเราถูกหลอกแล้ว”

เจียงเหวยจ้องมองหรุ่ยเหวินเจ๋ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พลางเอ่ยถาม: “น้องชาย ตกลงแล้วหมายความว่ายังไงกันแน่ แกหมอฝึกหัดเล็ก ๆ คนหนึ่ง หาพวกเราเจอได้ยังไง?”

“เหอะ ๆ เรื่องนี่คุณไม่ต้องสนใจ อย่างไรก็ตาม เงินสองแสนห้า ห้ามขาดแม้แต่บาทเดียว” มุมปากของหรุ่ยเหวินเจ๋ ปรากฏรอยยิ้มที่อันตรายออกมา เขามองดูแฟนเก่าของตัวเอง กล่าว: “เมิ่งเมิ่ง เธอนึกเสียใจไหมที่ทิ้งฉันไป?”

“เหอะ ๆ ฉันให้ในสิ่งที่เธอต้องการไม่ได้เลยสักอย่าง แต่เขาให้เธอได้ ใช่ไหม?”

“เหอะ ๆ ผู้ชายคนนั้นก็รักอย่างลุ่มหลงไม่เบา ฉันส่งวิดีโอตอนที่เรามีอะไรกันให้มัน มันก็ยังคงจะแต่งกับเธอเหมือนเดิม นี่ต้องมีความสามารถในการแบกรับทางจิตใจมากเพียงใดกัน ฉันละนับถือจริง ๆ เลย มันออกมาจากทุ่งหญ้าสะวันนาหรือไง?”

หรุ่ยเหวินเจ๋เอ่ยถามด้วยใบหน้าที่โมโห

เมิ่งเมิ่งมองหรุ่ยเหวินเจ๋อย่างเย็นชา จากนั้นก็หัวเราะเหอะ ๆ ขึ้นมา: “หรุ่ยเหวินเจ๋ คนต่ำทรามที่จิตใจหม่นหมองแบบนาย ชาตินี้คงไม่มีแฟนหรอก”

“รู้ไหมว่าการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุดในชาตินี้ของฉันคืออะไร? นั่นก็คือบอกเลิกนาย และเรื่องที่ทำให้ฉันเสียใจมากที่สุด ก็คือเคยคบกันกับนาย เชื่อนายไปหมดทุกอย่าง ยอมให้นายถ่ายวิดีโอของฉัน……”

พูดไป พูดไป เมิ่งเมิงก็กัดฟันกรอด: “ฉันไม่คิดว่า ความเชื่อใจที่ฉันมีให้นายในตอนนั้น กลับกลายเป็นคมดาบให้นายใช้จัดการกับฉันในวันนี้”

“ไม่เพียงต้องการทำลายความสุขของฉัน ทำรายงานแต่งของฉัน ทั้งยังให้คนลักพาตัวฉัน? เหอะ ๆ หรุ่ยเหวินเจ๋ ตกลงแล้วนายคิดจะทำอะไรกันแน่ พูดออกมาสิ ตอนนั้นยังร้องว่าจะตายด้วยกันอยู่ไม่ใช่เหรอ? ก็ดีเหมือนกัน พวกเราไปหาที่โดดตึก ใครไม่ไป ใครแม่งเป็นหลาน” ผู้หญิงคนนั้นจ้องมองหรุ่ยเหวินเจ๋พลางกล่าว

หรุ่ยเหวินเจ๋ส่ายหัว: “ขอโทษนะ เมิ่งเมิ่ง”

“วันนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตอนนั้นเธอเป็นทุกอย่างของฉัน เสียเธอไป ฉันก็ไม่อยากมีชีวิตต่อไปจริง ๆ แต่ในตอนนี้ ฉันมีลูกพี่ที่แสนดี ฉันเชื่อว่าถ้าติดตามเขา ฉันจะสามารถเปลี่ยนชีวิตของฉันได้”

หรุ่ยเหวินเจ๋ยิ้ม: “ดังนั้น ถ้าเธออยากตาย เธอก็ไปคนเดียวเถอะ”

หรุ่ยเหวินเจ๋พูดจบ ก็หันไปมองเจียงเหวย: “ลูกพี่ สองแสนห้าจ่ายได้ไหม? ถ้าให้ไม่ได้ก็บอก ผมจะได้โทรแจ้งตำรวจในตอนนี้”

“ยังไงล่ะ ตอนนี้พรรคพวกของคุณก็ได้ข้อหาเพิ่มเป็นข้อหาลักพาตัวแล้ว เหอะ ๆ ลูกพี่ คุณว่าจะผมจะเพิ่มอีกสักห้าล้านดีไหม?”

เจียงเหวยจ้องมองหรุ่ยเหวินเจ๋อยู่ครึ่งค่อนวัน จากนั้นก็หันไปบอกกับเฮยจื่อ: “เฮยจื่อ ไปเอาเงินมา สามแสน จ่ายให้มันอย่าให้ขาดแม้แต่บาทเดียว”

“ลูกพี่ นี่……”

“ทำตามที่ฉันบอก” เจียงเหวยขมวดคิ้ว กล่าว: “เงินหมดแล้ว พวกเราสามารถหาใหม่ได้ แต่พี่น้องของพวกเรา จะให้เกิดเรื่องไม่ได้”

“น้องชาย ครั้งนี้ถือว่าแกชนะ พวกเรายังมีโอกาสที่จะเจอกันอีก อย่าได้ตกอยู่ในเงื้อมมือของฉันล่ะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ สำหรับการถูกปั่นหัวและหลอกลวงที่ฉันได้รับในวันนี้ ฉันจะตอบแทนให้แก ด้วยวิธีเลือดตกยางออก”

เฮยจื่อทอดถอนใจอย่างไม่มีทางเลือก เขานับเอาเงินจำนวนสามแสน ออกมาจากตู้นิรภัย แล้วยื่นให้กับหรุ่ยเหวินเจ๋ หรุ่ยเหวินเจ๋ยิ้มอ่อน ๆ กล่าว: “แล้วผมจะรอ”

หรุ่ยเหวินเจ๋พึ่งเดินออกมาจากห้องทำงานนั่น ทันใดนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามา ในมือถือปืนอยู่ และชี้ปลายกระบอกปืนไปทางเจียงเหวยและเฮยจื่อ

“ทุกคนอย่าขยับ”

จูเปิ่นและพวก ทุกคนต่างก็ถือปืนอยู่ในมือ

การปรากฏตัวของพวกเขานั้น ทำให้บนใบหน้าของเจียงเหวย หม่นหมองถึงขีดสุด

“ที่แท้มันเป็นคนของพวกแกนี่เอง” เจียงเหวยกัดฟันกล่าว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท