NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่580 ศึกครั้งใหญ่

บทที่580 ศึกครั้งใหญ่

“ใช่ พี่หมิง หนีกันเถอะ คนพวกนี้ท่าทางร้ายกาจ และต่างก็มีอาวุธอยู่ในมือ ถ้าหนีช้าไป พวกเราต้องจบเห่แน่”

“ไอ้อ้วนแซ่หวางนั่นเป็นสัตว์เดรัจฉาน เที่ยวต้มตุ๋นไปทั่ว ยังไงซะพวกเราก็ได้เงินมามากพอแล้ว แยกย้ายเถอะ ไอ้อ้วนแซ่หวางนั่นเป็นคนกวางตุ้ง มันต้มตุ๋นหลอกลวงเสร็จ ก็ปัดก้นหนีแล้ว ใครก็หามันไม่เจอ พูดตรง ๆ คนที่รับเคราะห์ก็ไม่ใช่พวกเราหรอกเหรอ? สิ่งที่ไอ้อ้วนแซ่หวางทำลาย ก็ไม่ใช่ชื่อเสียงของพวกเราหรอกเหรอ?”

ชายผมแสกกลางกล่าวอย่างไม่ละอายใจ คนที่อยู่ในวงการนี้ มีใครบ้างที่ยังเป็นห่วงชื่อเสียง? ชายผมแสกกลางเพียงแค่ต้องการหาเหตุผลให้ตัวเอง เพื่อให้ตัวเองหนีงานได้เท่านั้นเอง

แต่ก็ยังมีคนที่ใจนักเลงพอยืนออกมาพูด: “รับเงินเขามาแล้วก็ต้องจัดการปัญหาให้ ถ้าพวกเราหนีไปแบบนี้ มันจะไม่ไร้คุณธรรมไปหน่อยเหรอ? ถ้าเกิดให้คนอื่นรู้เข้า แพร่งพรายออกไป ยังจะมีใครมาจ้างพวกเราทำงานอีกล่ะ”

“แกแม่งปัญญาอ่อนหรือไง? พวกเราทำงานให้คุณชายมู่ ยังต้องกลัวไม่มีข้าวจะกินอีกหรือยังไง?”

ในตอนนี้เองจางกงหมิงก็เอ่ยขึ้น: “เรื่องนี้พวกเราจะปอดแหกไม่ได้ ต้องสู้ ทุกคนลงมือด้วยกันกับฉัน”

พูดตามตรง จางกงหมิงถึงเป็นแกนนำคนสำคัญ เขาบอกให้ลงมือ ทุกคนก็จะต้องลงมือ ถ้าเขาบอกให้หนี เกรงว่าชายร่างอ้วนที่ทำแชร์ลูกโซ่นั่นจะต้องถูกเล่นงานจนตายแย่

“พี่หมิง แบบนี้เท่ากับว่าพวกเราเอาชีวิตไปทิ้งนะ” พวกลูกน้องเกิดท่าทีหวั่นเกรงขึ้นมาทันที

“เอาชีวิตไปทิ้งก็ต้องสู้ โทรศัพท์หาคุณชายมู่ ให้เขารีบส่งกองหนุนมาช่วย แม่งเอ๋ย พวกมันเห็นพวกเราแล้ว” จางกงหมิงหดคอเล็กน้อย จากนั้นอาวุธที่อยู่ในมือ ก็พุ่งเข้าไปก่อนทันที

“พี่หมิง บาดแผลของพี่ยังไม่หายดีเลยนะ” ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังเอ่ยเตือน แต่ทว่าได้สายไปแล้ว

จางกงหมิงวิ่งลอยเข้าไปอย่างรวดเร็ว และได้มาถึงด้านหน้าของหวางเสี่ยวหยวนอย่างรวดเร็ว: “เชรด พวกนายบ้าไปแล้วหรือไง พาคนมาเยอะขนาดนี้”

หวางเสี่ยวหยวนไม่ได้ตอบอะไรเลยแม้แต่น้อย เขายกท่อนเหล็กในมือขึ้น แล้วฟาดลงไปบริเวณหัวของจางกงหมิง จางกงหมิงรับขยับตัวหลบทันที เหลือไว้เพียงหยดเหงื่อที่เย็นยะเยือก: “แม่งเอ๊ย ตกลงแล้วแกใช่คนของเสี่ยวฝางหรือเปล่า ไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเสี่ยวฝางใช่ไหม?”

บนใบหน้าของจางกงหมิงเต็มไปด้วยความหวาดผวาและโมโห ท่อนเหล็กเมื่อกี้นั้น ถ้าหากเขาหลบไม่ทันล่ะก็ เช่นนั้น เกินกว่าครึ่งคงต้องลงไปกองกับพื้นแล้ว

“จางกงหมิง ฉันรู้ความสัมพันธ์ระหว่างแกกับเจ้านายแต่นั่นเป็นเพียงเมื่อก่อน วันนี้แกได้แบกหน้าไปพึ่งพาอาศัยมู่เสี่ยวไป๋ และได้กลายเป็นศัตรูกับเจ้านายของพวกเรา”

“มาพูดถึงมิตรภาพในตอนนี้ แกไม่คิดว่ามันตลกไปหน่อยเหรอ?”

หวางเสี่ยวหยวนหัวเราะแหะ ๆ จากนั้นก็ชูกระบองขึ้น แล้วฟาดลงไปอีกครั้ง

ดวงตาทั้งสองข้างของจางกงหมิง หรี่ลงเล็กน้อย เขาจ้องมองหวางเสี่ยวหยวน กล่าว: “หวางเสี่ยวหยวนใช่ไหม? อดีตพี่ใหญ่ในยุทธภพนี่ เหอะ ๆ วันนี้ฉันจะต้องขอคำแนะนำซะแล้ว ดูสิว่าแกจะร้ายกาจแค่ไหน”

การต่อสู้ของทั้งสองคน ไม่นานก็ได้เข้าขั้นดุเดือดที่สุด

ห่างออกมาไม่ไกลนัก รถเบนซ์G-Classคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง และกำลังใช้กล้องส่องทางไกลจับตาดูสถานการณ์ทุกอย่างอยู่

“จางกงหมิงถูกกำหนดให้พ่ายแพ้” หลี่ฟางกำหมัดแน่น เป็นกังวลแทนจางกงหมิง

ถึงแม้หวางเสี่ยวหยวนถึงเป็นคนของตัวเอง แต่ที่ภายในใจของหลี่ฝางเป็นห่วง และปรารถนาให้ชนะ กลับเป็นจางกงหมิง

แต่ทว่า อาการบาดเจ็บของจางกงหมิงยังไม่หายดี และสามารถใช้กำลังฝีมือทั้งหมดออกมาได้เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นเอง แล้วจะเป็นคู่ต่อสู้ของหวางเสี่ยวหยวนได้ยังไง?

ถึงแม้หวางเสี่ยวหยวนจะปลดเกษียณไปนาน แต่ร่างกายของเขา กลับไม่เคยถดถอยเลยแม้แต่นิดเดียว

จากนั้นไม่นาน ทางด้านจางกงหมิงก็ได้ถูกจัดการจนแตกกระจัดกระจาย ส่วนตัวของจางกงหมิงเองก็ได้ลงไปกองอยู่บนพื้น แม้แต่แรงที่จะลุกขึ้นมาก็ไม่มี มุมปากของเขา มีเลือดไหลหยดออกมา

หลี่ฝางเห็นด้วยตา แต่เจ็บที่ใจ

มีหลายครั้งที่หลี่ฝางอยากจะบุกเข้าไป บอกให้พวกเขาหยุดลงมือ แต่กลับถูกส้าวส้วยห้ามเอาไว้

“เจ้านาย คุณต้องเข้าใจ ว่าคุณกำลังช่วยเขาอยู่” ส้าวส้วยกล่าวตักเตือน พูดเกลี้ยกล่อมหลี่ฝางอยู่ไม่หยุด: “ในกลุ่มของจางกงหมิงในตอนนี้ ไม่ใช่มีเพียงแค่กลุ่มลูกน้องสายตรงของเขา ที่เยอะกว่า คือคนที่เข้ามาใหม่ และคนกลุ่มนี้ ล้วนเชื่อใจไม่ได้ ถ้าคุณบุกเข้าไป ช่วยจางกงหมิงเอาไว้ นี่มันนับเป็นเรื่องอะไรกัน? เรื่องนี้ เดิมที่จางกงหมิงก็ต้องเผชิญหน้ากับการถูกสงสัยมากที่สุด ถ้าหากให้มู่เสี่ยวไป๋รู้ว่าคุณช่วยเขาเอาไว้ นั้นพอดีกับเป็นการพิสูจน์ว่ามิตรภาพระหว่างพวกคุณสองคนยังอยู่ แบบนี้ มู่เสี่ยวไป๋ยังจะกล้าใช้จางกงหมิงอยู่อีกเหรอ?”

“ไม่เพียงไม่กล้า ยิ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะกำจัดเขาไปด้วยซ้ำ” ส้าวส้วยกล่าว

“ฉันรู้ แต่จะให้ฉันนั่งมองจางกงหมิงถูกทำร้ายโดยไม่ทำอะไรเลย……เฮ้อ หรือว่าฉันจะโทรหาหูเฟยดี? เกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทที่เป็นวงกว้างแบบนี้ ว่าด้วยเหตุและผล ยังไงหูเฟยก็ควรที่จะเข้ามาห้ามปรามสักหน่อย” หลี่ฝางกล่าว พลางหยิบเอาโทรศัพท์ออกมาอย่างลุกลี้ลุกลน และเตรียมที่จะกดโทร

ครั้งนี้ส้าวส้วยกลับไม่ได้ห้าม เพียงแต่ว่า โทรศัพท์ยังไม่ได้โทรออกไป ทันใดนั้นเอง ภายในชุมชนที่เก่าแก่นี้ ก็ได้ปรากฏคนกลุ่มหนึ่งขึ้นมามืดฟ้ามัวดิน

“ครอบครัวของฉัน ครอบครัวของฉัน ในที่สุดพวกคุณก็มา” เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้ ไอ้อ้วนหงวงที่อยู่บนพื้น พลันยิ้มกว้างขึ้นมาทันที

“ครอบครัวของฉัน หรือว่าพวกคุณจะนั่งดูอันธพาลพวกนี้รังแกมโนธรรมเหรอ?” ไอ้อ้วนหงวง กล่าวร้องทุกข์อย่างไม่หยุด

“มโนธรรม? อย่างแกยังนับว่าเป็นมโนธรรมอีกเหรอ สามหมื่นแลกสิบล้านห่าอะไร แกหลอกลวงคนโง่หรือไง ถ้าแกร้ายกาจแบบนั้นจริง ๆ ยังต้องมาที่นี่อีกเหรอ? งั้นฉันให้แกสามล้าน แกก็จะให้ฉันพันล้านสิ” เฉินเจียโล่เหยียบลงไปบนตัวของไอ้อ้วนหงวง พลางร้องด่าเสียงดัง

เฉินเจียโล่สามารถดูออกว่าอันไหนจริงอันไหนปลอม แต่ก็ไม่ได้แปลว่าทุกคนจะสามารถดูออกเหมือนกัน

ผู้คนที่วิ่งออกมากลุ่มนั้น ต่างก็ได้ถูกไอ้อ้วนหงวงล้างสมองไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในมือมีอาวุธแทบทุกประเภท มีไม้กวาด มีไม้ถูพื้น มีพลั่ว มีท่อนไม้ ทั้งยังมีเด็กคนหนึ่งในมือถือกระบองทองคำเอาไว้ แต่เป็นเพียงของเล่นเท่านั้นเอง

ผู้คนกลุ่มนี้จ้องมองหวางเสี่ยวหยวนและพวก ราวกับมองศัตรูที่ฆ่าพ่อฆ่าแม่ไม่มีผิด

“ผมว่าพวกคุณ สมองกลวงกันหมดแล้วหรือไง เงินมันหาได้ง่ายขนาดนั้นเชียวเหรอ? ลงทุนสามหมื่น ไม่ต้องทำอะไรสักอย่าง ก็จะได้เงินมาเป็นสิบล้าน เป็นไปได้เหรอ?”

“ไอ้อ้วนคนนี้หลอกลวงต้มตุ๋นพวกคุณ อีกไม่กี่วัน มันก็จะหนีไปแล้ว”

“ถ้าพวกคุณไม่เชื่อ ก็เปิดโทรศัพท์ออกมาค้นหาดู อะไรที่เรียกว่าแชร์ลูกโซ่”

ในกลุ่มคนพวกนี้ ส่วนมากมีอายุสี่สิบห้าสิบแล้ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรคืออินเทอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือของพวกเขา ส่วนมากต่างก็เป็นโทรศัพท์รุ่นเก่า แต่ก็ยังพอมีคนหนุ่มสาวอยู่บ้าง แต่พวกเขาคร้านที่จะไปหาข้อมูล

เพราะว่าพวกเขายินดีที่จะเชื่อในสิ่งที่ไอ้อ้วนหงวงวาดให้พวกเขา ยังไงก็ไม่ยอมเชื่อว่านี่คือหลุมพราง

ยิ่งไปกว่านั้น ไอ้อ้วนหงวงคนนี้พูดซะมีเหตุมีผล ราวกับเขียนนิยาย สร้างตำนานขึ้นมา พูดจนในใจพวกเขารู้สึกถึงสวยงาม ใครล่ะจะยอมไปสงสัย?

ชีวิตของพวกเขา เดิมทีก็ไม่ได้มีความหวังอะไร เป็นไอ้อ้วนหงวงที่ให้ความหวัง ให้ความฝันกับพวกเขา ตอนนี้กลับมีคนจะมาทำลายความฝันของพวกเขา ใครล่ะจะยอม?

“ครอบครัวของผม อย่าไปฟังพวกมันพูดเหลวไหล ถ้าพวกคุณไม่เชื่อผม ผมก็จะรีบคืนเงินให้กับพวกคุณทันที”

“เพียงแต่ว่า ทุกคนต้องคิดให้ดี นี่เป็นโอกาสที่ไม่ใช่จะได้มาง่าย ๆ ถ้าพลาดโอกาส พวกคุณอาจจะต้องรอไปอีกนานเป็นร้อยปีเลยก็ได้”

“ประธานหวาง คุณไม่ต้องพูดอีกแล้ว พวกเราเชื่อคุณ ดูแล้วคนพวกนี้ก็ไม่ใช่คนดีอะไร จะต้องมาขัดขวางเส้นทางรวยของพวกเราแน่นอน”

“ครอบครัวของผม ตัดเส้นทางรวย ก็เปรียบเสมือนฆ่าบิดามารดา ทุกคนลงมือด้วยกัน อย่าให้พวกลูกเดรัจฉานกลุ่มนี้ ทำลายเส้นทางรวยของพวกเราได้” “นั่นน่ะสิ ประธานหวางเป็นดั่งพระโพธิสัตว์ คนพวกนี้เหยียบพระโพธิสัตว์ของพวกเราไว้บนพื้น พวกเราจะปล่อยพวกมันไปง่าย ๆ แบบนี้ไม่ได้

สองสามคนนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นหน้าม้าที่ไอ้อ้วนหงวงหามา

ทุกครั้งที่เขาออกมาหลอกลวงต้มตุ๋น เขาก็จะหาหน้าม้ามืออาชีพมากลุ่มหนึ่ง เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศ ช่วยสร้างเครือข่าย ช่วยจูงใจคนที่อยู่โดยรอบ

สามารถพูดได้ว่า ความสำเร็จของไอ้อ้วนหงวง แปดสิบเปอร์เซ็นต์ล้วนเกิดจากการช่วยเหลือของคนพวกนี้

ภายใต้การยั่วยุของคนพวกนี้ สวยตาของทุกคน ต่างก็เต็มไปด้วยความแค้นเคืองขึ้นมา

“จัดการพวกมัน”

หลังจากเสียงนี้ดังขึ้น กลุ่มคนพวกนี้ ก็วิ่งกรูเข้าไปหาพวกหวางเสี่ยวหยวน ถึงแม้พวกเขาส่วนมากจะมีอายุสี่ห้าสิบปีแล้ว แต่พอลงมือ ก็ไม่ยั้งมือเลยแม้แต่น้อย

เฉินเจียโล่เห็นเหตุการณ์ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ ก็รีบวิ่งเข้าไปหาหวางเสี่ยวหยวน แล้วเอ่ยถาม: “ทำยังไงดี ลูกพี่ จะต้องสู้กับคนพวกนี้จริง ๆ เหรอ?”

“สู้ห่าอะไร ชนะแล้ว ก็ไม่มีข้อดีอะไรต่อพวกเราเลย ถ้าหากลงมือจนทำให้ร่างกายของพวกเขาเกิดเป็นอะไรขึ้นมา นายชดใช้หรือว่าฉันชดใช้?”

หวางเสี่ยวหยวนด่าอย่างโมโห กล่าว: “เรียกพรรคพวกของเราถอยก่อน อ้อใช่ เอาตัวไอ้อ้วนนั่นไปด้วย”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท