“น้องชาย อย่าทำเพื่อเงิน จนไม่เสียดายแม้แต่ชีวิตของตัวเอง” เจียงเหวยกล่าวพลางหัวเราะเหอะ ๆ อย่างเย็นยะเยือก
“ใช่แล้ว น้องชาย ดูแกเรียกมาตั้งสองแสน ทำไม อดอยากจนเป็นบ้าแล้วใช่ไหม?” เฮยจื่อเดินเข้ามา เขานับนิ้วมือไปปากก็พลางพึมพำไป: “น้องชาย เงินเยอะไม่กลัวมันจะทิ่มมือเอาเหรอ?”
“เงินของพวกเรา ล้วนลวกมือมาก” เฮยจื่อเงยหน้าขึ้นมา สายตาส่งกระแสไฟคู่นั้นมองไปที่เจียงเหวย
เจียงเหวยก็กล่าวตามขึ้นมาทันที: “ใช่แล้ว น้องชาย แกไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ก็อยากได้เงินสองแสนกว่าเหรอ? แกกำลังล้อพวกกเราเล่นอยู่หรือไง? ฉันฆ่าคนคนนั้นตาย ก็ได้ส่วนแบ่งเพียงแค่หนึ่งล้านเอง”
“พวกเราไปด้วยกันทั้งหมดสามคน แต่ละคนได้ส่วนแบ่งแค่คนละสามแสนกว่า แกว่าแกที่ไม่ได้ทำอะไรเลย อยากได้เงินที่อยู่ในมือของพวกเรา จะเอาไปตั้งสองแสนกว่า น้องชาย นายคิดว่าเป็นไปได้ไหม?” เจียงเหวยหัวเราะขึ้นมา ดูแล้วเหมือนไม่มีพิษภัยอะไร แต่ในสายตาของเขา กลับปรากฏแววความเย็นยะเยือกออกมา
“ใช่ ผมก็คิดว่าผมค่อนข้างจะใจร้ายใจดำอยู่เหมือนกัน แต่ผมไม่มีวิธีอื่นแล้ว ออกมาจากภูเขาลูกใหญ่ ไม่เคยเห็นเงินเยอะขนาดนั้นมาก่อน และเด็กฝึกงานงานอย่างผม ดูท่าทางสามปีห้าปี ดูแล้วก็คงหาเงินไม่ได้ถึงสองแสน พวกคุณคนในเมืองใหญ่ ๆ แต่งงานหาเมีย ก็จะต้องใช้เงินเป็นแสนกว่าบาทแล้ว” หรุ่ยเหวินเจ๋หัวเราะแหะ ๆ : “ลูกพี่ทุกคน พูดออกมาพวกลูกพี่อย่าหัวเราะเยาะผมนะ ความจริงแล้ว ผมก็แค่อยากแต่งงาน”
“เหอะ ๆ ทำไมฉันสืบมาได้ว่า แกไม่มีแฟนล่ะ?”
“อ้อใช่ ฉันลืมไป เหมือนว่าแฟนของแกพึ่งเลิกกับแกไปก่อนหน้านี้ไม่นานนี่ ทำไม ยังลืมไม่ลงอีกเหรอ?” เฮยจื่อมองดูหรุยเหวินเจ๋พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เป็นยิ้มที่ค่อนข้างเย้ยหยัน
หรุ่ยเหวินเจ๋ก็ไม่ได้โกรธอะไร เขาเพียงกล่าว: “เหอะ ๆ ที่แฟนผมเลิกกับผม จริง ๆ แล้วเป็นเพราะทางบ้านบังคับ ความรักความรู้สึกของพวกเรายังคงอยู่ เธอพูดแล้ว ในเมื่อเธอมีเงินอยู่เล็กน้อย ถ้าผมเก็บเงินได้ครบสองแสนห้า ก็จะซื้อบ้านและแต่งงานกับผม”
“ลูกพี่ทุกคนครับ ผมรักแฟนผมมากจริง ๆ นะ” หรุ่ยเหวินเจ๋กล่าว
เฮยจื่อพยักหน้าเบา ๆ : “ฉันดูออกแล้ว เพื่อแฟนของแก แม้แต่ชีวิตแกก็ไม่เอาแล้ว”
เมื่อเฮยจื่อพูดจบ ก็ถูกเจียงเหวยถลึงตาใส่อย่างจัง
เจียงเหวยตบไหล่ของหรุ่ยเหวินเจ๋เบา ๆ กล่าว: “คิดไม่ถึง ว่าแกจะเป็นคนที่มุ่งมั่นในความรักแบบนี้”
“ประสบการณ์ของแกมีความคล้ายฉันอยู่บ้าง เอาอย่างนี้ ฉันให้แกสองแสนห้า แต่แกจะต้องให้เวลาฉันหน่อย เงินที่นายจ้างให้ฉัน ตอนนี้ยังไม่เข้าบัญชี”
“แกทิ้งเลขบัญชีไว้ให้ฉัน รอเงินเข้าบัญชีแล้ว ฉันจะโอนให้แกทันที” เจียงเหวยกล่าวอย่างขายผ้าเอาหน้ารอด: “น้องชายก็รู้ว่าพวกเราอยู่ที่ไหนอยู่แล้วนี่ ยังไงซะพวกเราก็หนีไปไหนไม่ได้”
“ถ้าเกิดว่าพวกลูกพี่หนีไปจะทำยังไงล่ะ?” หรุ่ยเหวินเจ๋เอ่ยถาม
“หนีไป? พวกเราเช่าเรือลำใหญ่ขนาดนั้นเพื่อจนส่งสินค้า ทั้งยังได้เส้นทางการส่งสินค้าเส้นทางหนึ่งมาครอบครอง จะหนีไปเพราะเงินสองแสนห้าของแก?” เฮยจื่อหัวเราะขึ้นมาอย่างเยือกเย็น: “แกลองไปสอบถามดู เส้นทางนี้ของพวกเรามีมูลค่าเท่าไหร่ เชื่อไหมว่ามีคนยินดีที่จะซื้อในราคาสองล้าน”
“ในเมื่อพวกลูกพี่มีเงินขนาดนั้น งั้นก็พอดีเลย เงินสดสองแสนห้า ผมต้องการตอนนี้ทันที อีกสองวันแฟนเก่าผมก็จะแต่งงานแล้ว ถ้าผมยังไม่ได้เงินล่ะก็ ทุกอย่างก็จะสายเกินไป รักแท้ของผมก็จะไม่เหลือแล้ว”
หรุ่ยเหวินเจ๋เหยียดแขนพลางกล่าว
ในขณะที่เจียงเหวยกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรนั้น หรุ่ยเหวินเจ๋ก็ได้เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง: “อย่าพูดเรื่องมั่วซั่วอะไรอีกเลย เงินสองแสนห้านี้ จะมีก็ต้องให้ผม ไม่มีพวกลูกพี่ก็ต้องไปหายืมมาให้ผม”
“อีกอย่าง ผมจะเอาตอนนี้เลย”
เมื่อคำพูดประโยคนี้ถูกพูดออกมา สีหน้าของเจียงเหวย ก็ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“เฮยจื่อ ไปหายืมเงินมาให้มัน”
“ภายในสองชั่วโมง ฉันจะต้องเห็นเงินสองแสนห้านั่น” เจียงเหวยส่งสายตาให้กับเฮยจื่อ พลางกล่าว
เฮยจื่อใช้นิ้วชี้หน่าหรุ่ยเหวินเจ๋ แล้วพูดออกมาสามคำแกแน่มาก จากนั้นก็เดินจากไป
เจียงเหวยตบไหล่ของหรุ่ยเหวินเจ๋เบา ๆ กล่าว: “น้องชาย พวกเราอย่ายืนอยู่ที่ท่าเรือนี่เลย ที่นี่ผู้คนพลุกพล่าน ถ้าเกิดอีกสักพักตอนที่เฮยจื่อยื่นเงินให้แก ถูกผู้ประสงค์ร้ายเจอเข้าแล้วเห็นแกเป็นเป้าหมาย แกยังกลับไม่ถึงบ้าน ไม่แน่ว่าก็อาจจะถูกแย่งชิงไปก็ได้”
“เหอะ ๆ คนอื่นผมไม่ได้กลัวเลยสักนิด แต่ผมกลัวว่าคนที่แย่งชิงเงินคนนั้น คือลูกพี่” หรุ่ยเหวินเจ๋หรี่ตาหัวเราะพลางกล่าว: “แต่ว่าผมคิดว่าลูกพี่คงไม่โง่ขนาดนั้นหรอกเนอะว่าไหม? เพียงแค่ผมพูดทุกอย่างที่ได้เห็นออกมา ลูกพี่และพรรคพวก อย่างน้อยก็ต้องมีสองสามคนที่จะต้องติดคุก”
“อีกอย่าง ผมได้ยินมาว่าคนที่พวกลูกพี่วางแผนทำร้ายคนนั้น ชื่อว่าเฉินฝูเซิง เฉินฝูเซิงเชินนี้ไม่ใช่อุบาสกอุบาสิกา พ่อของเขาก็คือ……” ในขณะที่หรุ่ยเหวินเจ๋กล่าวได้เพียงแค่ครึ่งเดียว ทันได้นั้นเขาก็พบว่ามีบางอย่างไม่ปกติ เขาพูดอย่างลุกลี้ลุกลน: “ผมแค่ได้ยินมา ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก ช่างเถอะ ไม่เกี่ยวอะไรกับผมนี่ ผมต้องการแค่เงินสองแสนห้านั่น แล้วไปแต่งานกับผู้หญิงที่ผมรัก”
“น้องชาย ไปกันเถอะ ห้องทำงานของฉันอยู่ตรงหัวมุมข้างหน้า” แววตาของเจียงเหวยงงงันเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ก้าวเท้าเดินออกไป
หรุ่ยเหวินเจ๋รีบตามไปในทันที สายตาสองเขาไม่ได้มองไปที่อื่นเลย เพียงจ้องมองไปที่เจียงเหวย
ตลอดทางที่เดินตามเจียงเหวยมานั้น หัวใจของหรุ่ยเหวินเจ๋ ก็เริ่มตุ๊ม ๆ ต่อม ๆขึ้นมา: “ลูกพี่ ห้องทำงานของพี่อยู่ลับหูลับตาจังเลยนะครับ”
“เหอะ ๆ ค่อนข้างจะเปลี่ยวจริง ๆ แหละ ก็ข้างนอกนี้ที่ดี ๆ หน่อย ค่าเช่าสูงมากจนน่าตกใจนี่นา ห้องทำงานของฉัน ปกติก็เป็นเพียงแค่มีไว้เฉย ๆ ที่ทำ ก็เป็นธุรกิจของลูกค้าที่ค่อนข้างสนิทสนมกัน ปกติแค่โทรศัพท์คุยกันก็โอเคแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องหาหน้าร้านเพื่อดึงลูกค้าทำธุรกิจ”
เจียงเหวยหัวเราะเอิ๊กอ๊าก จากนั้นก็เดินมาที่ด้านหน้าของหรุ่ยเหวินเจ๋ แล้วเอ่ยถาม: “กลัวเหรอ?”
“ผมว่าลูกพพี่คงไม่โง่จนถึงขนาดฆ่าผมปิดปากหรอกใช่ไหม? ยังไงซะเมื่อกี้ตอนที่พวกเรามีปากเสียงกัน มีคนเห็นตั้งมากมาย ถ้าเกิดผมตายไป ศพถูกหาเจอ หรือว่าพวกลูกพี่จะทำให้สะอาดหมดจดหน่อย เล่นอำพรางศพทำลายหลักฐาน แต่ตำรวจก็ยังคงสืบถึงตัวพวกลูกพี่ได้อยู่ดี”
“ลูกพี่ครับ ดูตอนที่ลูกพี่ฆ่าคนเด็ดขาดซะขนาดนั้น นี่จะต้องไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำเรื่องแบบนี้ใช่ไหมล่ะ?”
หรุ่ยเหวินเจ๋เหลือบมองเจียงเหวยแวบหนึ่ง กล่าว: “ถ้าเกิดถูกพวกเขาขุดขึ้นมาทั้งคดีเก่าคดีใหม่……”
“น้องชาย ชีวิตถูกบังคับเพื่อความอยู่รอด นี่เป็นครั้งแรกจริง”
“เมื่อก่อนฉันเคยเป็นคนฆ่าหมูมาก่อน ฆ่าสัตว์มาเยอะมาก ดังนั้นเมื่อฆ่าคน ก็เลยเหมือนจะชำนาญหน่อย คนคนนั้นที่ฉันฆ่า ก็ไม่ใช่คนดีอะไร ปกติแล้วชอบทำเรื่องผิดศีลธรรม ใช้อำนาจกดขี่ข่มเหง ดังนั้นฉันฆ่ามัน ก็ถือว่าเป็นการทำเพื่อปกป้องประชาชน”
“ฮ่า ๆ ลูกพี่พูดเป็นจริง ๆ ฆ่าคนก็คือฆ่าคน ทำไมถึงกลายเป็นทำเพื่อปกป้องประชาชนได้ล่ะ? คนสารเลว ชั่วช้าไร้ยางอายในสังคมมากมายแบบนั้น พี่ลูกสามารถฆ่าได้กี่คนกันเชียว?”
หรุ่ยเหวินเจ๋หัวเราะขึ้นมา: “หนึ่งล้านฆ่าหนึ่งคนเหรอ?”
รอจนหรุ่ยเหวินเจ๋ตามเจียงเหวยมาจนถึงห้องทำงานแล้ว จากนั้นเจียงเหวยก็ได้หยิบเอากาน้ำชาขึ้นมา แล้วก็ชงชา: “น้องชาย รอสักประเดี๋ยวนะ”
“ลูกพี่ให้เวลาพี่น้องของลูกพี่สองชั่วโมง ดังนั้น มากสุดผมก็จะอยู่ที่แน่แค่สองชั่วโมง ถ้าเลยสองชั่วโมงไป พวกเราก็จะไม่ได้นั่งเผชิญหน้าอยู่ที่นี่กันแล้ว จะเป็นอยู่ที่ไหนนั้น ในใจลูกพี่จะน่าจะรู้ดีใช่ไหมล่ะครับ?” จ้องมองเจียงเหวย หรุ่ยเหวินเจ๋พลางยักคิ้วเล็กน้อย
“น้องชายอย่าหุนหันพลันแล่นไป หุนหันพลันแล่นถือเป็นปีศาจนะ ทุกคนปรองดองถึงจะก่อเกิดทรัพย์ ปรองดองก่อเกิดทรัพย์นะ”
เจียงเหวยหัวเราะฮ่า ๆ : “พี่น้องของฉันมีพรรคพวกเยอะ เงินสองแสนกว่า จะต้องช่วยแกหาได้แน่”
ในเวลานี้ ส้าวส้วยที่นั่งอยู่ในรถ ก็หยิบเอาโทรศัพท์ออกมา แล้วกดโทรออกไปยังหมายเลขหนึ่ง โทรออกไปแล้วถึงได้รู้ว่า ที่แท้ก็โทรหาจูเปิ่นนี่เอง
จูเปิ่นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ แล้วเอ่ยถามว่า: “ใครน่ะ?”
“แฟนสาวของหมอคนนั้น มีอันตราย” ส้าวส้วยกล่าว: “หลังจากที่จับตัวเจียงเหวยได้แล้ว อย่าพึ่งทำร้ายมัน”
พูดจบ ส้าวส้วยก็ตัดสายทันที
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ส้าวส้วย” หลี่ฝางถามด้วยความงงงัน
ส้าวส้วยนำเรื่องทุกอย่างที่รู้ พูดให้หลี่ฝางฟัง
และภายในรถเบนซ์เชิงพาณิชย์อีกคัน สีหน้าของจูเปิ่น ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย: “เฮ้อ ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่า นี่เป็นเรื่องดีหรือไม่ดี”
“ลูกพี่ เป็นอะไรไปเหรอครับ?” เสี่ยวซานจื่อเห็นจูเปิ่นพูดอะไรที่แปลกประหลาด จึงเอ่ยถามขึ้นมาอย่างงงงวย
“ไม่รู้ว่าเจ้าหนุ่มหรุ่ยเหวินเจ๋นั่น ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ไอ้คนที่พึ่งจากไปเมื่อกี้นี้ กำลังไปหาแฟนเก่าของหรุ่ยเหวินเจ๋แล้ว”
“มีคนโทรมาหาฉัน บอกกับฉันว่า แฟนเก่าของหรุ่ยเหวินเจ๋มีอันตราย”
“ถ้าเขาพูดจริง ฉันสงสัยว่าหรุ่ยเหวินเจ๋ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น เขาต้องการใส่ร้ายแฟนเก่าของเขา” จูเปิ่นขมวดคิ้ว: “เดิมที่ฉันคิดว่าเขาเป็นแพะ คิดไม่ถึงว่า กลับเป็นหมาป่าตัวหนึ่ง”
“เมื่อกี้แต่ละคนที่ยืนอยู่บนท่าเรือนั่น ชัดเจนว่าไม่ใช่ตัวประกอบเล็ก ๆ อะไร พึ่งเข้าวงการมาก็สามารถปั่นหัวพวกนั้นได้ เหอะ ๆ ร้ายกาจกว่าฉันอีกเอะเลย” จูเปิ่นยิ้มอย่างสลับซับซ้อน
“ลูกพี่ พี่คิดมากเกินไปหรือเปล่า อีกอย่าง โทรศัพท์จากใครก็ไม่รู้ เชื่อถือได้เหรอครับ?” เสี่ยวซานจื่อเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ฉันถามแกนะ การปฏิบัติภารกิจของพวกเราในวันนี้ มีกี่คนที่รู้?”
จูเปิ่นจ้องมองเสี่ยวซานจื่อ พลางเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด: “นอกจากพวกเราแล้ว พวกเราก็ไม่ได้บอกกับใครเลย นี่เป็นการตัดสินใจอย่างกะทันหันของเรา แต่ทว่า แผนการของพวกเรา กลับถูกอีกฝ่ายรู้ได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง แกคิดว่า อีกฝ่ายน่ากลัวไหมล่ะ?”
“อีกอย่าง แม้แต่คนที่พวกเราต้องการจับ เป็นใครเขาก็ยังรู้ ชัดเจนว่า ข้อมูลในมือของเขามีเยอะกว่าพวกเรา” จูเปิ่นกล่าว
สีหน้าของเสี่ยวซานจื่อ ตะลึงงันไปชั่วขณะ เขาจ้องมองจูเปิ่น แล้วกล่าวถามด้วยความหวาดผวาเล็กน้อย: “เชรด ลูกพี่ คนคนนี้เขาเป็นเทพเซียนจากที่ใดกัน ทำไมถึงทำให้พี่พูดแบบนี้ได้ จนผมรู้สึกเหมือนกับว่ามีดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องมองดูพวกเราอยู่ตลอดเวลา”
“ลูกพี่ครับ คนคนนี้เป็นคนหรือเป็นผีกันแน่?”
“ถ้าหากเขาเป็นศัตรูของพวกเรา งั้นพวกเราก็คง……” ยังไม่ทันได้พูดจบ จูเปิ่นก็ได้ถลึงตาใส่เสี่ยวซานจื่ออย่างจัง: “แกปัญญาอ่อนหรือไง? ถ้าคนนี้เป็นศัตรูของเรา แผนการของพวกเรา ไม่ถูกมองออกไปตั้งนานแล้วเหรอ?”
“งั้นเขาก็เป็นพวกเดียวกันกับพวกเรา? ไม่น่าจะใช่นะ ถ้าเขาเป็นพวกเดียวกันกับเรา ในเมื่อเขารู้อยู่แล้วว่าฆาตกรตัวจริงเป็นใคร ทำไมถึงไม่ลงมือช่วยพวกเราล่ะ?” เสี่ยวซานจื่อถามด้วยความสงสัย
“เขาน่าจะกำลังหยั่งเชิงพวกเรา” จูเปิ่น ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย
“เขา? ลูกพี่ พี่รู้ว่าเขาเป็นใคร?”
“ก็คงมีเพียงสมองหมูอย่างแกที่เดาไม่ออก เห็นได้ชัดว่า เป็นคนของทางคุณชายหลี่ ข้อมูลของพวกเรา เป็นคนชายหลี่ที่เปิดเผยให้พวกเรารู้ ดังนั้นคุณชายหลี่รู้ว่าฆาตกรเป็นใคร ก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่เขาไม่บอกกับพวกเราตรง ๆ ให้พวกเราสืบหาไปทีละขั้น ก็เพื่อทดสอบความสามารถของพวกเราไงล่