NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 575 หมาป่าเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่ง

บทที่ 575 หมาป่าเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่ง

“น้องชาย อย่าทำเพื่อเงิน จนไม่เสียดายแม้แต่ชีวิตของตัวเอง” เจียงเหวยกล่าวพลางหัวเราะเหอะ ๆ อย่างเย็นยะเยือก

“ใช่แล้ว น้องชาย ดูแกเรียกมาตั้งสองแสน ทำไม อดอยากจนเป็นบ้าแล้วใช่ไหม?” เฮยจื่อเดินเข้ามา เขานับนิ้วมือไปปากก็พลางพึมพำไป: “น้องชาย เงินเยอะไม่กลัวมันจะทิ่มมือเอาเหรอ?”

“เงินของพวกเรา ล้วนลวกมือมาก” เฮยจื่อเงยหน้าขึ้นมา สายตาส่งกระแสไฟคู่นั้นมองไปที่เจียงเหวย

เจียงเหวยก็กล่าวตามขึ้นมาทันที: “ใช่แล้ว น้องชาย แกไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ก็อยากได้เงินสองแสนกว่าเหรอ? แกกำลังล้อพวกกเราเล่นอยู่หรือไง? ฉันฆ่าคนคนนั้นตาย ก็ได้ส่วนแบ่งเพียงแค่หนึ่งล้านเอง”

“พวกเราไปด้วยกันทั้งหมดสามคน แต่ละคนได้ส่วนแบ่งแค่คนละสามแสนกว่า แกว่าแกที่ไม่ได้ทำอะไรเลย อยากได้เงินที่อยู่ในมือของพวกเรา จะเอาไปตั้งสองแสนกว่า น้องชาย นายคิดว่าเป็นไปได้ไหม?” เจียงเหวยหัวเราะขึ้นมา ดูแล้วเหมือนไม่มีพิษภัยอะไร แต่ในสายตาของเขา กลับปรากฏแววความเย็นยะเยือกออกมา

“ใช่ ผมก็คิดว่าผมค่อนข้างจะใจร้ายใจดำอยู่เหมือนกัน แต่ผมไม่มีวิธีอื่นแล้ว ออกมาจากภูเขาลูกใหญ่ ไม่เคยเห็นเงินเยอะขนาดนั้นมาก่อน และเด็กฝึกงานงานอย่างผม ดูท่าทางสามปีห้าปี ดูแล้วก็คงหาเงินไม่ได้ถึงสองแสน พวกคุณคนในเมืองใหญ่ ๆ แต่งงานหาเมีย ก็จะต้องใช้เงินเป็นแสนกว่าบาทแล้ว” หรุ่ยเหวินเจ๋หัวเราะแหะ ๆ : “ลูกพี่ทุกคน พูดออกมาพวกลูกพี่อย่าหัวเราะเยาะผมนะ ความจริงแล้ว ผมก็แค่อยากแต่งงาน”

“เหอะ ๆ ทำไมฉันสืบมาได้ว่า แกไม่มีแฟนล่ะ?”

“อ้อใช่ ฉันลืมไป เหมือนว่าแฟนของแกพึ่งเลิกกับแกไปก่อนหน้านี้ไม่นานนี่ ทำไม ยังลืมไม่ลงอีกเหรอ?” เฮยจื่อมองดูหรุยเหวินเจ๋พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เป็นยิ้มที่ค่อนข้างเย้ยหยัน

หรุ่ยเหวินเจ๋ก็ไม่ได้โกรธอะไร เขาเพียงกล่าว: “เหอะ ๆ ที่แฟนผมเลิกกับผม จริง ๆ แล้วเป็นเพราะทางบ้านบังคับ ความรักความรู้สึกของพวกเรายังคงอยู่ เธอพูดแล้ว ในเมื่อเธอมีเงินอยู่เล็กน้อย ถ้าผมเก็บเงินได้ครบสองแสนห้า ก็จะซื้อบ้านและแต่งงานกับผม”

“ลูกพี่ทุกคนครับ ผมรักแฟนผมมากจริง ๆ นะ” หรุ่ยเหวินเจ๋กล่าว

เฮยจื่อพยักหน้าเบา ๆ : “ฉันดูออกแล้ว เพื่อแฟนของแก แม้แต่ชีวิตแกก็ไม่เอาแล้ว”

เมื่อเฮยจื่อพูดจบ ก็ถูกเจียงเหวยถลึงตาใส่อย่างจัง

เจียงเหวยตบไหล่ของหรุ่ยเหวินเจ๋เบา ๆ กล่าว: “คิดไม่ถึง ว่าแกจะเป็นคนที่มุ่งมั่นในความรักแบบนี้”

“ประสบการณ์ของแกมีความคล้ายฉันอยู่บ้าง เอาอย่างนี้ ฉันให้แกสองแสนห้า แต่แกจะต้องให้เวลาฉันหน่อย เงินที่นายจ้างให้ฉัน ตอนนี้ยังไม่เข้าบัญชี”

“แกทิ้งเลขบัญชีไว้ให้ฉัน รอเงินเข้าบัญชีแล้ว ฉันจะโอนให้แกทันที” เจียงเหวยกล่าวอย่างขายผ้าเอาหน้ารอด: “น้องชายก็รู้ว่าพวกเราอยู่ที่ไหนอยู่แล้วนี่ ยังไงซะพวกเราก็หนีไปไหนไม่ได้”

“ถ้าเกิดว่าพวกลูกพี่หนีไปจะทำยังไงล่ะ?” หรุ่ยเหวินเจ๋เอ่ยถาม

“หนีไป? พวกเราเช่าเรือลำใหญ่ขนาดนั้นเพื่อจนส่งสินค้า ทั้งยังได้เส้นทางการส่งสินค้าเส้นทางหนึ่งมาครอบครอง จะหนีไปเพราะเงินสองแสนห้าของแก?” เฮยจื่อหัวเราะขึ้นมาอย่างเยือกเย็น: “แกลองไปสอบถามดู เส้นทางนี้ของพวกเรามีมูลค่าเท่าไหร่ เชื่อไหมว่ามีคนยินดีที่จะซื้อในราคาสองล้าน”

“ในเมื่อพวกลูกพี่มีเงินขนาดนั้น งั้นก็พอดีเลย เงินสดสองแสนห้า ผมต้องการตอนนี้ทันที อีกสองวันแฟนเก่าผมก็จะแต่งงานแล้ว ถ้าผมยังไม่ได้เงินล่ะก็ ทุกอย่างก็จะสายเกินไป รักแท้ของผมก็จะไม่เหลือแล้ว”

หรุ่ยเหวินเจ๋เหยียดแขนพลางกล่าว

ในขณะที่เจียงเหวยกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรนั้น หรุ่ยเหวินเจ๋ก็ได้เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง: “อย่าพูดเรื่องมั่วซั่วอะไรอีกเลย เงินสองแสนห้านี้ จะมีก็ต้องให้ผม ไม่มีพวกลูกพี่ก็ต้องไปหายืมมาให้ผม”

“อีกอย่าง ผมจะเอาตอนนี้เลย”

เมื่อคำพูดประโยคนี้ถูกพูดออกมา สีหน้าของเจียงเหวย ก็ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

“เฮยจื่อ ไปหายืมเงินมาให้มัน”

“ภายในสองชั่วโมง ฉันจะต้องเห็นเงินสองแสนห้านั่น” เจียงเหวยส่งสายตาให้กับเฮยจื่อ พลางกล่าว

เฮยจื่อใช้นิ้วชี้หน่าหรุ่ยเหวินเจ๋ แล้วพูดออกมาสามคำแกแน่มาก จากนั้นก็เดินจากไป

เจียงเหวยตบไหล่ของหรุ่ยเหวินเจ๋เบา ๆ กล่าว: “น้องชาย พวกเราอย่ายืนอยู่ที่ท่าเรือนี่เลย ที่นี่ผู้คนพลุกพล่าน ถ้าเกิดอีกสักพักตอนที่เฮยจื่อยื่นเงินให้แก ถูกผู้ประสงค์ร้ายเจอเข้าแล้วเห็นแกเป็นเป้าหมาย แกยังกลับไม่ถึงบ้าน ไม่แน่ว่าก็อาจจะถูกแย่งชิงไปก็ได้”

“เหอะ ๆ คนอื่นผมไม่ได้กลัวเลยสักนิด แต่ผมกลัวว่าคนที่แย่งชิงเงินคนนั้น คือลูกพี่” หรุ่ยเหวินเจ๋หรี่ตาหัวเราะพลางกล่าว: “แต่ว่าผมคิดว่าลูกพี่คงไม่โง่ขนาดนั้นหรอกเนอะว่าไหม? เพียงแค่ผมพูดทุกอย่างที่ได้เห็นออกมา ลูกพี่และพรรคพวก อย่างน้อยก็ต้องมีสองสามคนที่จะต้องติดคุก”

“อีกอย่าง ผมได้ยินมาว่าคนที่พวกลูกพี่วางแผนทำร้ายคนนั้น ชื่อว่าเฉินฝูเซิง เฉินฝูเซิงเชินนี้ไม่ใช่อุบาสกอุบาสิกา พ่อของเขาก็คือ……” ในขณะที่หรุ่ยเหวินเจ๋กล่าวได้เพียงแค่ครึ่งเดียว ทันได้นั้นเขาก็พบว่ามีบางอย่างไม่ปกติ เขาพูดอย่างลุกลี้ลุกลน: “ผมแค่ได้ยินมา ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก ช่างเถอะ ไม่เกี่ยวอะไรกับผมนี่ ผมต้องการแค่เงินสองแสนห้านั่น แล้วไปแต่งานกับผู้หญิงที่ผมรัก”

“น้องชาย ไปกันเถอะ ห้องทำงานของฉันอยู่ตรงหัวมุมข้างหน้า” แววตาของเจียงเหวยงงงันเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ก้าวเท้าเดินออกไป

หรุ่ยเหวินเจ๋รีบตามไปในทันที สายตาสองเขาไม่ได้มองไปที่อื่นเลย เพียงจ้องมองไปที่เจียงเหวย

ตลอดทางที่เดินตามเจียงเหวยมานั้น หัวใจของหรุ่ยเหวินเจ๋ ก็เริ่มตุ๊ม ๆ ต่อม ๆขึ้นมา: “ลูกพี่ ห้องทำงานของพี่อยู่ลับหูลับตาจังเลยนะครับ”

“เหอะ ๆ ค่อนข้างจะเปลี่ยวจริง ๆ แหละ ก็ข้างนอกนี้ที่ดี ๆ หน่อย ค่าเช่าสูงมากจนน่าตกใจนี่นา ห้องทำงานของฉัน ปกติก็เป็นเพียงแค่มีไว้เฉย ๆ ที่ทำ ก็เป็นธุรกิจของลูกค้าที่ค่อนข้างสนิทสนมกัน ปกติแค่โทรศัพท์คุยกันก็โอเคแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องหาหน้าร้านเพื่อดึงลูกค้าทำธุรกิจ”

เจียงเหวยหัวเราะเอิ๊กอ๊าก จากนั้นก็เดินมาที่ด้านหน้าของหรุ่ยเหวินเจ๋ แล้วเอ่ยถาม: “กลัวเหรอ?”

“ผมว่าลูกพพี่คงไม่โง่จนถึงขนาดฆ่าผมปิดปากหรอกใช่ไหม? ยังไงซะเมื่อกี้ตอนที่พวกเรามีปากเสียงกัน มีคนเห็นตั้งมากมาย ถ้าเกิดผมตายไป ศพถูกหาเจอ หรือว่าพวกลูกพี่จะทำให้สะอาดหมดจดหน่อย เล่นอำพรางศพทำลายหลักฐาน แต่ตำรวจก็ยังคงสืบถึงตัวพวกลูกพี่ได้อยู่ดี”

“ลูกพี่ครับ ดูตอนที่ลูกพี่ฆ่าคนเด็ดขาดซะขนาดนั้น นี่จะต้องไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำเรื่องแบบนี้ใช่ไหมล่ะ?”

หรุ่ยเหวินเจ๋เหลือบมองเจียงเหวยแวบหนึ่ง กล่าว: “ถ้าเกิดถูกพวกเขาขุดขึ้นมาทั้งคดีเก่าคดีใหม่……”

“น้องชาย ชีวิตถูกบังคับเพื่อความอยู่รอด นี่เป็นครั้งแรกจริง”

“เมื่อก่อนฉันเคยเป็นคนฆ่าหมูมาก่อน ฆ่าสัตว์มาเยอะมาก ดังนั้นเมื่อฆ่าคน ก็เลยเหมือนจะชำนาญหน่อย คนคนนั้นที่ฉันฆ่า ก็ไม่ใช่คนดีอะไร ปกติแล้วชอบทำเรื่องผิดศีลธรรม ใช้อำนาจกดขี่ข่มเหง ดังนั้นฉันฆ่ามัน ก็ถือว่าเป็นการทำเพื่อปกป้องประชาชน”

“ฮ่า ๆ ลูกพี่พูดเป็นจริง ๆ ฆ่าคนก็คือฆ่าคน ทำไมถึงกลายเป็นทำเพื่อปกป้องประชาชนได้ล่ะ? คนสารเลว ชั่วช้าไร้ยางอายในสังคมมากมายแบบนั้น พี่ลูกสามารถฆ่าได้กี่คนกันเชียว?”

หรุ่ยเหวินเจ๋หัวเราะขึ้นมา: “หนึ่งล้านฆ่าหนึ่งคนเหรอ?”

รอจนหรุ่ยเหวินเจ๋ตามเจียงเหวยมาจนถึงห้องทำงานแล้ว จากนั้นเจียงเหวยก็ได้หยิบเอากาน้ำชาขึ้นมา แล้วก็ชงชา: “น้องชาย รอสักประเดี๋ยวนะ”

“ลูกพี่ให้เวลาพี่น้องของลูกพี่สองชั่วโมง ดังนั้น มากสุดผมก็จะอยู่ที่แน่แค่สองชั่วโมง ถ้าเลยสองชั่วโมงไป พวกเราก็จะไม่ได้นั่งเผชิญหน้าอยู่ที่นี่กันแล้ว จะเป็นอยู่ที่ไหนนั้น ในใจลูกพี่จะน่าจะรู้ดีใช่ไหมล่ะครับ?” จ้องมองเจียงเหวย หรุ่ยเหวินเจ๋พลางยักคิ้วเล็กน้อย

“น้องชายอย่าหุนหันพลันแล่นไป หุนหันพลันแล่นถือเป็นปีศาจนะ ทุกคนปรองดองถึงจะก่อเกิดทรัพย์ ปรองดองก่อเกิดทรัพย์นะ”

เจียงเหวยหัวเราะฮ่า ๆ : “พี่น้องของฉันมีพรรคพวกเยอะ เงินสองแสนกว่า จะต้องช่วยแกหาได้แน่”

ในเวลานี้ ส้าวส้วยที่นั่งอยู่ในรถ ก็หยิบเอาโทรศัพท์ออกมา แล้วกดโทรออกไปยังหมายเลขหนึ่ง โทรออกไปแล้วถึงได้รู้ว่า ที่แท้ก็โทรหาจูเปิ่นนี่เอง

จูเปิ่นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ แล้วเอ่ยถามว่า: “ใครน่ะ?”

“แฟนสาวของหมอคนนั้น มีอันตราย” ส้าวส้วยกล่าว: “หลังจากที่จับตัวเจียงเหวยได้แล้ว อย่าพึ่งทำร้ายมัน”

พูดจบ ส้าวส้วยก็ตัดสายทันที

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ส้าวส้วย” หลี่ฝางถามด้วยความงงงัน

ส้าวส้วยนำเรื่องทุกอย่างที่รู้ พูดให้หลี่ฝางฟัง

และภายในรถเบนซ์เชิงพาณิชย์อีกคัน สีหน้าของจูเปิ่น ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย: “เฮ้อ ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่า นี่เป็นเรื่องดีหรือไม่ดี”

“ลูกพี่ เป็นอะไรไปเหรอครับ?” เสี่ยวซานจื่อเห็นจูเปิ่นพูดอะไรที่แปลกประหลาด จึงเอ่ยถามขึ้นมาอย่างงงงวย

“ไม่รู้ว่าเจ้าหนุ่มหรุ่ยเหวินเจ๋นั่น ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ไอ้คนที่พึ่งจากไปเมื่อกี้นี้ กำลังไปหาแฟนเก่าของหรุ่ยเหวินเจ๋แล้ว”

“มีคนโทรมาหาฉัน บอกกับฉันว่า แฟนเก่าของหรุ่ยเหวินเจ๋มีอันตราย”

“ถ้าเขาพูดจริง ฉันสงสัยว่าหรุ่ยเหวินเจ๋ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น เขาต้องการใส่ร้ายแฟนเก่าของเขา” จูเปิ่นขมวดคิ้ว: “เดิมที่ฉันคิดว่าเขาเป็นแพะ คิดไม่ถึงว่า กลับเป็นหมาป่าตัวหนึ่ง”

“เมื่อกี้แต่ละคนที่ยืนอยู่บนท่าเรือนั่น ชัดเจนว่าไม่ใช่ตัวประกอบเล็ก ๆ อะไร พึ่งเข้าวงการมาก็สามารถปั่นหัวพวกนั้นได้ เหอะ ๆ ร้ายกาจกว่าฉันอีกเอะเลย” จูเปิ่นยิ้มอย่างสลับซับซ้อน

“ลูกพี่ พี่คิดมากเกินไปหรือเปล่า อีกอย่าง โทรศัพท์จากใครก็ไม่รู้ เชื่อถือได้เหรอครับ?” เสี่ยวซานจื่อเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

“ฉันถามแกนะ การปฏิบัติภารกิจของพวกเราในวันนี้ มีกี่คนที่รู้?”

จูเปิ่นจ้องมองเสี่ยวซานจื่อ พลางเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด: “นอกจากพวกเราแล้ว พวกเราก็ไม่ได้บอกกับใครเลย นี่เป็นการตัดสินใจอย่างกะทันหันของเรา แต่ทว่า แผนการของพวกเรา กลับถูกอีกฝ่ายรู้ได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง แกคิดว่า อีกฝ่ายน่ากลัวไหมล่ะ?”

“อีกอย่าง แม้แต่คนที่พวกเราต้องการจับ เป็นใครเขาก็ยังรู้ ชัดเจนว่า ข้อมูลในมือของเขามีเยอะกว่าพวกเรา” จูเปิ่นกล่าว

สีหน้าของเสี่ยวซานจื่อ ตะลึงงันไปชั่วขณะ เขาจ้องมองจูเปิ่น แล้วกล่าวถามด้วยความหวาดผวาเล็กน้อย: “เชรด ลูกพี่ คนคนนี้เขาเป็นเทพเซียนจากที่ใดกัน ทำไมถึงทำให้พี่พูดแบบนี้ได้ จนผมรู้สึกเหมือนกับว่ามีดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องมองดูพวกเราอยู่ตลอดเวลา”

“ลูกพี่ครับ คนคนนี้เป็นคนหรือเป็นผีกันแน่?”

“ถ้าหากเขาเป็นศัตรูของพวกเรา งั้นพวกเราก็คง……” ยังไม่ทันได้พูดจบ จูเปิ่นก็ได้ถลึงตาใส่เสี่ยวซานจื่ออย่างจัง: “แกปัญญาอ่อนหรือไง? ถ้าคนนี้เป็นศัตรูของเรา แผนการของพวกเรา ไม่ถูกมองออกไปตั้งนานแล้วเหรอ?”

“งั้นเขาก็เป็นพวกเดียวกันกับพวกเรา? ไม่น่าจะใช่นะ ถ้าเขาเป็นพวกเดียวกันกับเรา ในเมื่อเขารู้อยู่แล้วว่าฆาตกรตัวจริงเป็นใคร ทำไมถึงไม่ลงมือช่วยพวกเราล่ะ?” เสี่ยวซานจื่อถามด้วยความสงสัย

“เขาน่าจะกำลังหยั่งเชิงพวกเรา” จูเปิ่น ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย

“เขา? ลูกพี่ พี่รู้ว่าเขาเป็นใคร?”

“ก็คงมีเพียงสมองหมูอย่างแกที่เดาไม่ออก เห็นได้ชัดว่า เป็นคนของทางคุณชายหลี่ ข้อมูลของพวกเรา เป็นคนชายหลี่ที่เปิดเผยให้พวกเรารู้ ดังนั้นคุณชายหลี่รู้ว่าฆาตกรเป็นใคร ก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่เขาไม่บอกกับพวกเราตรง ๆ ให้พวกเราสืบหาไปทีละขั้น ก็เพื่อทดสอบความสามารถของพวกเราไงล่

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท