NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 582 อยากฆ่าเสี่ยวโจว

บทที่ 582 อยากฆ่าเสี่ยวโจว

จางกงหมิงถูกทำร้ายจนนอนเป็นผักอยู่บนเตียง ใบหน้าถูกตีจนไม่เหลือเค้าโครงของคน

เมื่อเห็นภาพนี้ ความสงสัยในใจของมู่เสี่ยวไป๋ ก็ลดน้อยลงไปในทันที

“คุณชายมู่วางใจเถอะ ฉันรู้ว่าฉันเป็นคนที่ร่วมมือเพราะมีจุดประสงค์เดียวกัน” จางกงหมิงเม้มปาก แล้วพูด: “พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ดีก็ดีด้วยกัน เสียก็เสียด้วยกัน เพิ่งแม้ฉันจะโง่ยังไง ก็คงไม่ให้ตัวเองเสียเปรียบ ให้ตัวเองถูกฝังหรอกจริงมั้ย?”

“ฉันก็พวกพี่น้องของฉัน กินข้าวของคุณ คุณหาเงินไม่ได้ งั้นฉันกับพวกพ้องของฉัน ก็ต้องหิวโซไปด้วย พวกเรามาที่ยุทธภพ ก็สู้เพื่อให้มีข้าวกิน ความสัมพันธ์กิโลครึ่ง ไม่ดีไปกว่าทองคำสองกิโล”

“ใครมีให้กินก็ถือว่าเป็นแม่ใช่มั้ยล่ะ”

จางกงหมิงหัวเราะฮี่ๆ นั้นนั้น็พูดยืนยันกับมู่เสี่ยวไป๋: “วางใจเถอะ คุณชายมู่ ไม่ว่าใครจะขายคุณ ฉันจะต้องไปจับตัวมันมาให้ได้ แล้วฉีกมันเป็นหมื่นชิ้น”

มู่เสี่ยวไป๋หรี่ตาแล้วยิ้ม: “จริงเหรอ?”

“นั้นมันต้องแน่อยู่แล้วสิ” จางกงหมิงพูด: “ไอ้หมอนั่นมันเกือบจะฆ่าฉัน ถึงแม้คุณไม่พูด ฉันก็ไม่ปล่อยมันไปง่ายๆ หรอก”

“อีกอย่าง เงินที่คุณสูญเสียไป ก็เหมือนผมเสียไปด้วย มาขวางทางรวยของฉัน จะไม่ให้ฉันฆ่ามันได้ยังไง?” จางกงหมิงมองมู่เสี่ยวไป๋ พลางทำหน้าชะงักอยู่ครู่: “ดูจากหน้าของคุณชายมู่แล้ว ในใจของคุณ เหมือนกันว่าจะมีคนที่สงสัยอยู่แล้วใช่มั้ย?”

“อืม มีทั้งหมดสองคน คนนึงคือนาย อีกคนก็……”

ไม่ได้รอให้มู่เสี่ยวไป๋พูดจบ จางกงหมิงก็พูดขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจ: “นั่นมันต้องไม่ใช่ฉันอยู่แล้ว”

“คุณที่คุณชายมู่สงสัยอีกคนเป็นใครกัน?” จางกงหมิงยิงคำถามใส่มู่เสี่ยวไป๋

“เสี่ยวโจว”

มู่เสี่ยวไป๋พูดด้วยสายตาเย็นชา: “ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ข้างกายฉัน แต่ว่าใจไม่ได้อยู่ที่ฉัน ไอ้หมอนั่น มักจะยึดมั่นในตัวเอง ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าคุณปู่ฉันช่วยชีวิตแม่ของเขามา เขาคงทรยศไปนานแล้ว”

“คุณชายมู่ คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า ตามที่คุณพูด ชีวิตของคุณแม่ของเสี่ยวโจวเป็นคุณปู่ท่านช่วยเอาไว้ถึงได้มีชีวิตอยู่ต่อได้ เขาแอบทำร้ายตระกูลมู่ ไม่กลัวว่านายท่านมู่จะจับได้เหรอ?” หน้าของจางกงหมิงร้อนรน ฝั่งมู่เสี่ยวไป๋ เสี่ยวโจวกับจางกงหมิง ถือได้ว่าเป็นเพื่อนกัน

ทั้งแม้ต่อหน้าทั้งสองคนจะไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อะไรมากมาย แต่ลับหลัง ทั้งสองคนยังมีการติดต่อกันบ้าง

แล้วก็ ใจของทั้งสองคน ก็ไปทางหลี่ฝาง

มู่เสี่ยวไป๋รู้เรื่องนี้อยู่ในใจ

สำหรับมู่เสี่ยวไป๋ ไม่ว่าจะเป็นจางกงหมิงหรือว่าเสี่ยวโจว สำหรับตนแล้ว ล้วนมีอันตรายแอบแฝง แต่ถึงอย่างนั้น มู่เสี่ยวไป๋ก็ยังเลือกที่จะใช้พวกเขา ด้วยเหตุผลหลายอย่าง ข้อแรกคือพวกเขามีความสามารถ อีกข้อก็คือในมือของมู่เสี่ยวไป๋มีของที่รั้งพวกเขาไว้อยู่ และสุดท้ายก็คือ ทั้งสองคนนี้ สำหรับหลี่ฝางแล้ว ถือเป็นจุดอ่อน

“แม่ของเสี่ยวโจว อยู่ได้อีกไม่นาน”

“ที่ผ่านมา คุณปู่ให้เธอดื่มยาจีน เป็นยาที่มีผลด้านลบ ถึงแม้ผลด้านลบพวกนั้น จะตรวจไม่เจอในระยะนึง แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะ ร่างกายก็จะทรุดตัวลง”

“โดยเฉพาะตอนที่เสี่ยวโจวอยู่ในคุก แม่ของเขาก็มีอาการป่วย แม้แต่คุณปู่ของฉัน ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว”

“คุณปู่ของฉันกับฉันรู้ว่า ถ้าแม่เขาตาย เสี่ยวโจวต้องแปรพักตร์แน่ๆ ดังนั้น……”

จางกงหมิงมองมู่เสี่ยวไป๋ และเริ่มเข้าสู่ภวังค์ ผ่านไปสักครู่ จางกงหมิงถึงเงยหน้าขึ้นมองมู่เสี่ยวไป๋ แล้วพูด: “คุณอยากให้ฉันกำจัดเขา?”

“ใช่แล้ว ใช้โอกาสช่วงที่คุณปู่ของฉันยังสามารถช่วยยื้อชีวิตของยัยแก่นั่นได้ แต่ปู่ฉันก็ไม่ใช่เทพอะไร ยัยแก่นั่นป่วยถึงขั้นอาการหนักแล้ว ยื้อยังไง ก็ยื้อได้แค่ไม่กี่เดือน ถ้าหากสถานการณ์เลวร้าย แม้แต่ไม่มีวันก็ยื้อไว้ไม่ได้ ดังนั้น นายต้องรักษาตัวให้ดีๆ รอให้นายออกจากโรงพยาบาล ฉันจะจัดการโอกาสดีๆ ให้นาย กำจัดเขาทิ้งในทีเดียว” บนหน้าของมู่เสี่ยวไป๋แสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวและก็รอยยิ้มเย็นชา

สีหน้าของจางกงหมิง ตกอยู่สภาวะซีเรียส: “ทำไมถึงให้ฉันทำ? ถึงแม้ฉันกับเสี่ยวโจวจะไม่ใช่เพื่อนที่สนิทชิดเชื้อเท่าไหร่ แต่ก็รู้จักกันมาหลายปี ตอนนั้นที่ตงไห่ ตอนที่ปกป้องชิงชิง พวกเราก็สนิทกันนะ”

“เหอะๆ นั่นก็พอดีที่พวกนายสนิทกัน ดังนั้นเขาถึงไม่ระวังตัวกับนายไง นายก็รู้ เสี่ยวโจวฝีมือดีขนาดนั้น คนธรรมดาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย”

มู่เสี่ยวไป๋พูด: “แน่นอน ทั้งหมดที่ให้นายไป ยังมีอีกหนึ่งเหตุผล”

“อะไร?” จางกงหมิงถาม

“เหอะๆ เมื่อกี้ฉันบอกแล้วไม่ใช่รึไง เรื่องนี้ ฉันสงสัยอยู่สองคน คนนึงก็คือนาย ส่วนอีกคนก็คือเสี่ยวโจว ถึงแม้นายจะไม่ได้น่าสงสัยมาก แต่ว่าก็ไม่ได้หมายความเป็นไปไม่ได้ ขอแค่นายฆ่าเสี่ยวโจว ฉันถึงจะเชื่อใจนายอย่างสนิทใจได้”

“ทำไม พี่หมิง?” มู่เสี่ยวไป๋มองจางกงหมิง พลางยิ้มหรี่ตา

จางกงหมิงรู้ว่ามู่เสี่ยวไป๋เป็นคนขี้สงสัย ถ้าเขาไม่ยอมตกลง งั้นมู่เสี่ยวไป๋ คงจะกำจัดเขาทิ้งไปด้วย ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือกแบบนี้ จางกงหมิงจึงทำได้แค่พูดปัดๆ ไป: “ได้มันก็ได้ แต่เสี่ยวโจวก็เป็นเพื่อนฉันมาหลายปี คุณคงไม่ให้ฉันฆ่าคนฟรีๆ หรอกนะ?”

“พี่จะเอาเท่าไหร่?” หน้าของมู่เสี่ยวไป๋ เข้มอยู่ครู่: “พี่ก็รู้ ก่อนหน้านี้ตระกูลพวกเราสูญเสียเงินไปห้าร้อยกว่าร้าน ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพครั้งนี้ แม้ว่าการสูญเสียครั้งสุดท้ายยังไม่ออกมา แต่อย่างน้อยก็ต้องมากกว่าหนึ่งร้อยกว่าล้าน ในมือฉันเหลือเงินไม่เท่าไหร่แล้ว”

“ถ้างั้นเอาแบบนี้ ฉันรับประกัน หลังจากนี้ถ้ามีธุรกิจอะไรดีๆ ฉันจะให้นายก่อนเลย และเงินที่หามาได้ แบ่งสามกับเจ็ดส่วน ของนายเจ็ดส่วน” มู่เสี่ยวไป๋มองจางกงหมิงพลางพูด

เมื่อจางกงหมิงพูดเรื่องเงินขึ้น ถึงแม้บนหน้าของมู่เสี่ยวไป๋จะแสดงว่าไม่แฮปปี้ แต่ในใจ กับสบายใจมากๆ

มู่เสี่ยวไป๋ชอบคนรักเงินอย่างจางกงหมิง

จางกงหมิงส่ายหน้า แล้วพูด: “คุณชายมู่ อย่าพูดถึงเช็คเด้งกับฉันเลย ฉันอยู่กับคุณมาตั้งนานแล้ว กระเป๋าฉันนี้ยิ่งบางลงเรื่อยๆ ไม่เท่ากับตอนที่อยู่ที่ตงไห่เลย”

“ถึงแม้ฉันจะทำเงินให้นายไม่ได้ แต่ตอนนี้นายมีชื่อเสียง และฮอตมากในเมืองเอก และที่ดิน ก็มีอยู่ไม่น้อย มีที่ดิน มีชื่อเสียง นายยังกลัวไม่มีเงินอีกเหรอ?” มู่เสี่ยวไป๋มองบนใส่จางกงหมิง รู้สึกว่าเขามองการณ์ไกลเกินไป

“เรื่องในอนาคตไกลขนาดนั้น ก็ต้องกังวลเรื่องความเสี่ยงอย่างมาก”

จางกงหมิงค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง แล้วยื่นมือไปหยิบกล้วยมาปอกให้ตัวเอง จากนั้นก็ค่อยๆ ยิ้มพลางพูด: “คุณชายมู่ อยู่กับคุณมานานแล้ว ที่ที่ฉันใช้เวลาอยู่นานที่สุด ไม่ใช่ที่บ้าน และก็ไม่ใช่ออฟฟิศ แต่เป็นโรงพยาบาล คุณว่ามันน่าขำมั้ย? มีอยู่หลายครั้ง ฉันเกือบถูกคนเล่นเกือบตาย”

“พวกที่น้องของฉันที่ติดตามกัน ก็เหมือนกัน”

“ชีวิตมันบอบบาง ฉันไม่อยากยึดโรงพยาบาลเป็นบ้าน”

จางกงหมิงยิ้มเม้มปาก: “ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลถือว่าคิดได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง หรือพื้นที่ก็ดี มีประโยชน์อะไร? มีชื่อเสียงนอนโรงพยาบาลไม่ต้องเสียเงินเหรอ? มีพื้นที่เยอะ หรือว่าเป็นของฉันเหรอ? ฉันสามารถแย่งพื้นที่พวกนั้นมาจากมือของห้าวหนาน งั้นก็ต้องมีสักวัน ที่มีคนอื่นมาจากไปจากมือของฉันได้เหมือนกัน แล้วก็ ฉันจะกลายเป็นห้าวหนานคนต่อไป”

“ดังนั้น ช่างมันเถอะ ฉันยังคงรู้สึกกว่าควักเงินออกมาไว้ในมือ ถึงจะทำให้ฉันรู้สึกวางใจ ถ้าหากวันไหนฉันต้องพิการไปจริงๆ ฉันก็ยังหาพยาบาลสวยๆ สักคน มาคอยดูแลได้ ให้อีกครึ่งชีวิตของฉันไม่หม่นหมอง คุณว่างั้นมั้ย คุณชายมู่?”

จางกงหมิงพูด พลางชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว: “สองล้าน หลังจากที่ฉัน ช่วยนายฆ่าเสี่ยวโจวเสร็จ แล้วค่อยให้ฉันอีกสามล้าน รวมทั้งหมดห้าล้าน ราคานี้ถ้าคุณคิดว่าโอเค งั้นพวกเราก็มาปรึกษาแผนการกัน ถ้าหากไม่โอเค ฉันจะถือว่าคุณไม่เคยมา”

“นาย!”

มู่เสี่ยวไป๋มองจางกงหมิง พลางกัดฟัน

ห้าล้าน ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน มู่เสี่ยวไป๋คงไม่ต้องคิด แล้วออกมาเลย แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน สถานะภาพการเงินของตระกูลมู่อยู่ในระยะติดขัด เงินทุกสตางค์ จะต้องใช้กับเรื่องที่จำเป็นเท่านั้น

และการจ่ายเงินห้าล้านซื้อหนึ่งชีวิต มู่เสี่ยวไป๋คนนี้ รู้สึกว่ามันแพงไป

“ไม่มั้ง? คุณชายมู่ แม้แต่เงินห้าล้านยังจะต้องคิด?”

จางกงหมิงขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ และมองมู่เสี่ยวไป๋อย่างดูถูกเล็กน้อย: “คุณเป็นคุณชายอันดับหนึ่งของเมืองเอกนะ ถ้าให้คนอื่นรู้……”

“อีกแป๊บจะโอนเข้าบัตรนายไป ส่วนเรื่องลอบฆ่าเสี่ยวโจว ฉันจะตัดสินใจเอง ถึงตอนนั้น นายพาคนมาก็โอเคแล้ว” มู่เสี่ยวไป๋พูดอย่างหมดความอดทน พูดจบ ก็หันหลังออกไปทันที

และเมื่อมู่เสี่ยวไป๋จากไป จางกงหมิงก็รีบโหลดVoIPมา แล้วโทรหาหลี่ฝางทันที

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน