NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 574 พวกมันจะฆ่าแก

บทที่ 574 พวกมันจะฆ่าแก

ชายฉกรรจ์มีกล้ามเนื้อที่มันเงาอยู่ทั่วทั้งร่าง และได้ส่องแสงสะท้อนแสงสีน้ำตาลแก่ออกมาเล็กน้อยเวลาที่อยู่ใต้แสงแดด เขาที่ทำงานอยู่ท่าเรือมาเป็นเวลานาน สิ่งที่มีมากที่สุดก็คือพละกำลังความป่าเถื่อนและความกำเริบเสิบสานใช้อำนาจบาตรใหญ่

ที่ท่าเรือมีทั้งคนดีและคนเลวผสมปนเป ถ้าหากหมัดไม่แข็งพอ ก็ยากที่จะอิ่มท้องได้

บนใบหน้าชายฉกรรจ์ผิวสีน้ำตาลแก่ปรากฏความดุร้ายออกมา เขาเดินกึ่งวิ่ง ไม่นานก็ลงจากเรือมาถึงข้างหน้าของหรุ่ยเหวินเจ๋ จากนั้นเขาก็บีบไปที่คอของหรุ่ยเหวินเจ๋ หรุ่ยเหวินเจ๋พยายามขัดขืนอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ

หรุ่ยเหวินเจ๋ที่ได้ออกมาจากภูเขาใหญ่ เขาคิดว่าพละกำลังของเขานั้นก็ถือว่ามากอยู่แล้ว แต่พอตกอยู่ในมือของชายฉกรรจ์ กลับดูไม่ได้เลยสักนิด

“เชื่อไหมว่าฉันจะโยนแกลงไปในทะเล ให้แกไอ้ลูกกะหรี่นี่จมน้ำจนตาย”

หรุ่ยเหวินเจ๋หัวเราะเหอะ ๆ บนใบหน้ากลับไม่มีแววของความหวาดกลัวเลยสักนิด ซ้ำยังกล่าวยั่วยุ: “โยนสิ ยังไงซะฉันก็ว่ายน้ำเป็น โยนฉันลงไป ก็ทำร้ายอะไรฉันไม่ได้ อีกอย่าง กลางวันแสก ๆ ผู้คนมากมายกำลังมองดูอยู่ ลูกพี่ ถ้าคุณฆ่าฉันตายล่ะก็ คุณคิดว่าจะหนีไปได้ไหม?”

“ยิ่งไปกว่านั้น ไม่กี่วันมานี่พวกลูกพี่พึ่งฆ่าคนตาย……” กล่าวไป หรุ่ยเหวินเจ๋ก็พลันหัวเราะแหะ ๆ ขึ้นมา

“แม่ง ฉันว่าแกคงอยากจะไปเล่นไผ่นกกระจอกกับพญายมจริง ๆ ” ชายฉกรรจ์ผิวดำหิ้วร่างของหรุ่ยเหวินเจ๋ขึ้นมา จากนั้นก็โยนเขาลงไปในน้ำทันที

และความสามารถในการว่ายน้ำของหรุ่ยเหวินเจ๋นั้น ก็ไม่เลวเลยจริง ๆ ไม่นานเขาก็ว่ายมาจนถึงฝั่งแล้ว ชายฉกรรจ์ผิวดำหัวเราะเหอะ ๆ มองหรุ่ยเหวินเจ๋ที่กำลังจะคลานขึ้นฝั่ง กล่าว: “แกยังคิดจะขึ้นฝั่ง?”

พูดจบ ชายฉกรรจ์ผิวดำก็ยกเท้าข้างหนึ่งของเขาขึ้นมา และถีบหรุ่ยเหวินเจ๋ลงไปในทะเลอีกครั้ง

เหตุการณ์นี้ ได้ค่อย ๆ ดึงดูดความสนใจจากผู้คนที่อยู่โดยรอบ จากนั้นก็มีผู้คนเดินมาทางนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ชายตาเหยี่ยวที่อยู่บนเรือคนนั้น ในที่สุดก็ทนไม่ได้: “เฮยจื่อ หยุดเดี๋ยวนี้นะ”

“ลูกพี่ ไอ้สารเลวนี่มัน……”

ไม่รอจนชายฉกรรจ์ผิวดำพูดจบ ทันใดนั้นชายตาเหยี่ยวก็กระโดดลงไปในน้ำ มือหนึ่งคว้าร่างของหรุ่ยเหวินเจ๋ และช่วยเขาขึ้นมาจากน้ำ

“น้องชาย ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

มองดูหรุ่ยเหวินเจ๋ ชายตาเหยี่ยวก็ถามด้วยใบหน้าที่เป็นห่วง และตามด้วยขอโทษขอโพย: “ต้องขอโทษด้วย พี่น้องของฉันใจร้อนบุ่มบ่ามไปหน่อย นายต้องการอะไร ก็คุยกับฉัน ในกลุ่มพวกเรา ฉันเป็นคนตัดสินใจได้”

“เหอะ ๆ ดูเขาแล้วก็ไม่น่าจะเป็นคนที่มีอำนาจตัดสินใจอะไรได้ ก็แค่คนที่ชอบใช้กำลังคนหนึ่ง” หรุ่ยเหวินเจ๋มองชายฉกรรจ์ผิวดำด้วยสายตาที่เหยียดหยามแวบหนึ่ง พลางกล่าว

ในตอนที่ชายฉกรรจ์ผิวดำกำลังจะลงมืออีกครั้ง ชายตาเหยี่ยวก็ถลึงตาใส่เขาอย่างเยือกเย็น แล้วกล่าวเบา ๆ ด้วยความโมโห: “ทำไม ต้องให้พี่น้องทุกคนตายในมือของแก แกถึงจะพอใจใช่ไหม”

“ลูกพี่……”

“แกหลบไป ไปอยู่อีกด้าน” ชายตาเหยี่ยวตะคอก

จากนั้น ชายตาเหยี่ยวก็กล่าวกับผู้คนที่มุงดูอยู่รอบ ๆ ทันที: “ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะครับ เมื่อกี้พี่น้องของผมกับน้องชายคนนี้ได้มีปัญหากันนิดหน่อย พวกคุณก็รู้ ว่าเฮยจื่อเป็นคนอารมณ์ร้อน”

“ฮ่า ๆ เฮยจื่อแค่โยนพ่อหนุ่มคนนี้ลงทะเลไป ก็นับว่ามีความเมตตามากแล้ว”

“ก็นั่นนะซิ พ่อหนุ่มที่ผิดใจกลับเฮยจื่อเมื่อครั้งที่แล้ว ตอนนี้ยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เลยใช่ไหม?”

“ใช่แล้ว นี่มันก็ปาเข้าไปเดือนหนึ่งแล้วนะ ยังไม่ออกมาเลย”

“ฮ่า ๆ แยกย้ายกันเถอะ แยกย้ายกันเถอะ ไม่มีอะไรที่น่าสนใจให้ดูแล้ว”

ผู้คนที่ท่าเรือเหล่านี้ ต่างก็มาดูเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้น

ถึงยังไงชายที่ชื่อเฮยจื่อคนนี้ ไม่เพียงชอบมีเรื่องชกต่อย ทั้งยังลงมือหนักมาอีกด้วย

เขาก็นับว่าเป็นคนโหดเหี่ยมอำมหิตเบอร์หนึ่งในท่าเรือคนหนึ่ง แถมยังเป็นคนดังอันดับหนึ่งอีกด้วย

หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไป หรุ่ยเหวินเจ๋ก็ยิ้มออกมาพลางกล่าว: “เหอะ ๆ ลูกพี่ ที่ท่าเรือนี่พี่ก็มีหน้ามีตาไม่เบานี่นา”

“ทำไมถึงกล้าฆ่าคนเป็นผักปลาได้ล่ะ ลูกพี่ไม่รู้ ว่าคนในครอบครัวของคนที่ถูกพวกลวกพี่ฆ่าตายนั้น ตอนนี้กำลังร้องไห้อยู่ที่หน้าโรงพยาบาล ไม่เพียงร้องไห้ แถมยังเอะอะโวยวาย จนทำให้โรงพยาบาลของพวกเราชื่อเสียงเสียหาย”

“ลูกพี่ก็รู้ เมื่อเป็นแบบนี้ คนไข้ของโรงพยาบาลเรา ก็จะน้อยลง เมื่อคนไข้น้อยลง เงินเดือนของพวกเราก็จะลดลง เงินเดือนในส่วนที่ลดลงไปนั้น ผมคิดว่า ลูกพี่ควรที่จะชดเชยให้ผมหน่อย” หรุ่ยเหวินเจ๋หัวเราะเอิ๊กอ๊าก พลางกล่าว

ส้าวส้วยที่อยู่อีกด้าน มองดูหรุ่ยเหวินเจ๋ แล้วยิ้มอย่างขบคิด: “ดูไม่ออก ว่าเจ้าหนุ่มคนนี้จะมีเล่ห์เหลี่ยมไม่เบา”

“ใครเหรอ” หลี่ฝางเอ่ยถาม

“หมอคนนั้น”

“หมอเหรอ? ดูจากน้ำเสียงของนาย ดูเหมือนจะชื่นชมเขาไม่เบา เมื่อกี้ยังถูกชายผิวสีน้ำตาลแก่นั่น โยนทิ้งลงไปในทะเล ทั้งยังถูกซ้อมไปหนึ่งยก นายบอกว่าเขามีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ถ้าเขามีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ยังจะถูกซ้อมได้ยังไง?” หลี่ฝางอ่านภาษาปากไม่ออก ทำได้เพียงคาดเดาจากเหตุการณ์ที่ได้เห็น แต่สำหรับส้าวส้วยนั้นไม่เหมือนกัน เขาอ่านภาษาปากออก ดังนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่ท่าเรือ ส้าวส้วยจึงรับรู้ได้อย่างชัดเจน

“คนที่อยู่ท่าเรือพวกนี้ จริง ๆ แล้วก็ถือว่าเป็นคนไม่มีความผิด” ส้าวส้วยหัวเราะเหอะ ๆ กล่าว: “พวกเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่ทำงานแลกเงินเท่านั้นเอง”

ไม่รอให้หลี่ฝางเอ่ยปากถาม ส้าวส้วยก็กล่าวออกมา: “คนที่เป็นหัวหน้ามีชื่อว่าเจียงเหวย ได้ติดตามพ่อของตัวเองออกเรือหาปลาเลี้ยงชีพมาตั้งแต่เด็ก ต่อมาก็ได้รวบรวมพรรคพวกของตัวเอง รับเหมาเส้นทางขนส่งทางน้ำเส้นทางหนึ่ง และรับขนส่งสินค้าผิดกฎหมายบ้างเป็นบางครั้ง”

“สองสามวันก่อนด่านศุลกากรตรวจสอบค่อนข้างจะเข้มงวด เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกจับ ดังนั้นจึงแอบเอาสินค้าจำนวนหนึ่ง ทิ้งลงในทะเล จึงต้องจ่ายค่าเสียหายจำนวนมหาศาล”

“เจียงเหวยไม่ใช่คนของใครทั้งนั้น เขาเพียงรับเงินแล้วทำงานเท่านั้นเอง”

ส้าวส้วยกล่าว

พอหลี่ฝางได้ยินดังนั้นก็ประหลาดใจเล็กน้อย: “ทำไมนายถึงได้รู้ไปหมดทุกอย่างเลยล่ะ?”

“เป็นข้อมูลที่ทางหน่วยมืดสืบมาได้ หน่วยมืดกำลังจะดึงเอาฆาตกรตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังออกมา” ส้าวส้วยกล่าว

เป็นอีกครั้งที่หลี่ฝางได้เห็นความร้ายกาจของหน่วยหมืด แต่เขากลับหัวเราะเอิ๊กอ๊ากพลางกล่าว: “ฆาตกรตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังยังได้ตรวจสอบอีกเหรอ? จะต้องเป็นไอ้หวางต้องคนนั้นทำอย่างแน่นอน อันธพาลคนนั้นหวางต้องเป็นคนหามา และหวางต้องก็เป็นลูกน้องของมู่เสี่ยวไป๋ ผู้ร้ายตัวจริงของเรื่องนี้ จะต้องเป็นมู่เสี่ยวไป๋แน่ ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบหรอก”

“เหอะ ๆ คุณไม่คิดว่าการสันนิษฐานนี้ มันง่ายเกินไปหน่อยเหรอ?” ส้าวส้วยหัวเราะเหอะ ๆ

“ง่ายแล้วไม่ดีเหรอ?”

“ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดีเสมอไป ศัตรูของพวกเรามีเยอะ เรื่องที่มู่เสี่ยวไป๋ทำนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับอะไร ไม่แน่ว่าอาจจะมีคนโยนความผิดให้ก็ได้ เรื่องบางเรื่อง สืบให้ละเอียดหน่อยจะดีกว่า”

“ถ้ามู่เสี่ยวไป๋เป็นคนทำ ทำไมถึงไม่ให้เจียงเหวยไปหลบก่อนสักพักล่ะ? รถฟอร์ดสีแดงที่เจียงเหวยขับคันนั้น ก็เป็นรถที่พรรคพวกของมันใช้ขนสินค้า เห็นได้ชัดว่ามีคนกำลังจูงจมูกพวกเราอยู่ ทำให้พวกเราได้กลิ่นของคนร้าย”

“มู่เสี่ยวไป๋ไม่น่าจะโง่ขนาดนั้น” ส้าวส้วยกล่าว

หลังจากที่เคยประมือกับมู่เสี่ยวไป๋มาหลายครั้ง หลี่ฝางก็รู้สึกว่ามู่เสี่ยวไป๋เป็นคนที่เจ้าเล่ห์มากคนหนึ่ง ปัญหาใหญ่แบบนี้ ถ้าเป็นมู่เสี่ยวไป๋ล่ะก็ มีความสามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้อย่างแน่นอน

ต่อให้เขาไม่ให้เจียงเหวยไปซ่อนตัวสักพัก แต่จะทำให้รถคันหนึ่งกลายเป็นรถมือสองแบบหาที่มาที่ไปไม่ได้ ก็คงง่ายนิดเดียวใช่ไหม?

“บางทีมันอาจจะไม่ได้ใส่ใจ?” หลี่ฝางหัวเราะเหอะ ๆ : “มู่เสี่ยวไป๋คนนี้ค่อนข้างจะยโสโอหัง อีกอย่างเรื่องนี้ มันเป็นคนออกคำสั่งให้หวางต้องไปดำเนินการ และหวางต้องก็เป็นคนไปหาเจียงเหวย แต่ละขึ้นตอนนี้ ต่อให้สืบหาความจริงออกมาได้ ก็ไม่มีใครสามารถเอาผิดข้อหาจ้างวานฆ่ากับมู่เสี่ยวไป๋ได้”

“ก็มีโอกาสเป็นไปได้”

“แต่ในตอนที่เราตรวจสอบเมื่อสักครู่ พบว่าในบัญชีของหวางต้องมีเงินโอนเข้ามาหนึ่งล้าน คาดไม่ถึงว่าจะโอนมาจากผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อหวางตองเหมย หวางตองเหมยคนนี้ เป็นน้องสาวของหวางต้อง” ส้าวส้วยกล่าว

“น้องสาวของหวางต้อง?” หลี่ฝางชะงักอยู่สักพัก กล่าว: “นั่นมันก็คือหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าฆาตกรคือหวางต้องได้แล้วไม่ใช่เหรอ?”

“ทำไมต้องสูญเสียกำลัง สืบหาต่อไปโดยเปล่าประโยชน์อีกล่ะ?” หลี่ฝางเอ่ยถาม

“ฟังผมพูดให้จบก่อน หวางต้องและหวางตองเหมยถึงแม้จะเป็นพี่น้องกัน แต่ระหว่างเขาสองคน กลับมมีความแค้น ในตอนนั้นหวางต้องได้ทำเรื่องที่ผิดมนุษย์มนา ทั้งยังทำให้พ่อผู้ให้กำเนิดตัวเองต้องตายทางอ้อม ดังนั้นหวังตองเหมยน้องสาวของเขาถึงได้ให้คำสาบาน ว่าชาตินี้จะไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับหวางต้องอีกเลย”

“ดังนั้น ถึงได้เกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้น” ส้าวส้วยกล่าว

หลี่ฝางขมวดคิ้ว กล่าว: “แล้วจะเป็นใครกันล่ะ?”

“รอผลจากหน่วยมืดก่อนแล้วกัน อีกไม่นานก็คงตรวจสอบเสร็จแล้ว ไม่มีแผนการใดในโลกนี้ที่ไม่มีรอยรั่ว ยังไงก็จะต้องปรากฏสายสนกลในออกมา ให้คุณไปจับในสักวัน” ส้าวส้วยจุดบุหรี่ให้กับตัวเองหนึ่งมวล แล้วยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าว

และทางด้านท่าเรือ ชายตาเหยี่ยวเจียงเหวย ก็ได้โอบกอดเข้าไปที่คอของหรุ่ยเหหวินเจ๋ เขายิ้ม และกล่าว: “น้องชาย ความต้องการสูงไปหน่อยไหม ความเสียหายของโรงพยาบาล ก็เป็นเรื่องของโรงพยาบาล มันเกี่ยวอะไรกับพวกแกด้วยล่ะ?”

“ภูมิหลังของพวกแกทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ ฉันได้สืบมาหมดแล้ว โดยเฉพาะแก บ้านอยู่ไกลมากเลยนี่ มาจากในภูเขาแน่ะ เหอะ ๆ ล้วนบอกว่าสถานที่ยากจนรกร้างสร้างกลุ่มคนกะล่อนปลิ้นปล้อน คำพังเพยที่ว่านี้ พูดไว้ไม่ผิดเลยจริง ๆ ” เจียงเหวยจ้องมองหรุ่ยเหวินเจ๋ และหัวเราะขึ้นมาอย่างมีเลศนัย

หรุ่ยเหวินเจ๋เหยียดแขนออก จึงทำให้แขนของเจียงเหวย ตกลงมา: “ลูกพี่ ลูกพี่หมายความว่ายังไง จะบอกว่าผมเป็นคนกะล่อนปลิ้นปล้อนสินะ?”

“ไม่ใช่หรอกเหรอ?”

“น้องชาย ฉันให้ซองแดงแกสักซองแล้วกัน มีคนไปก่อความวุ่นวายที่โรงพยาบาล มันเกี่ยวอะไรกับแก? แกเป็นแค่เด็กฝึกงาน ยังไม่ได้บรรจุ เงินเดือนก็ไม่ได้มากอะไร แถมยังไม่ได้ค่าคอมฯแล้วก็ไม่เงินใต้โต๊ะอะไร ต่อให้โรงพยาบาลนั่นเจ๊งไป แกก็ยังสามารถใช้ความสามารถของแก ไปเริ่มต้นใหม่ที่โรงพยาบาลอื่นได้ ยิ่งไปกว่านี้ โรงพยาบาลใหญ่ขนาดนั้น ก็ไม่มีทางที่จะเจ๊งเพราะเรื่องเล็ก ๆ แค่นี้”

“รอจนเฉินฝูเซิงถูกตัดสินโทษ ก็จะไม่มีใครไปก่อเรื่องที่โรงพยาบาลแล้ว ดังนั้น ระยะเวลาที่ฉันมีผลกระทบต่องานของแก ก็เพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้นเอง หรือไม่ก็เอาอย่างนี้ ในระยะเวลาไม่กี่วันที่มีคนไปก่อความวุ่นวายนี้ ฉันจะจ่ายให้แกตามจำนวนวันที่มีคนก่อความวุ่นวาย วันละหนึ่งพัน เป็นยังไง?” เจียงเหวยกล่าว

“แกเรียกออกมาตั้งสองแสน มันจะไม่สูงลิบลิ่วไปหน่อยเหรอ แกลองคิดดูหน่อยสิ พวกเราคนกลุ่มนี้ วัน ๆ ทำงานตากแดดตากลมอยู่ที่ท่าเรือ มันง่ายไหมกว่าจะได้เงินมา? ที่แกเรียกร้องมานั้น เป็นรายรับของฉันหลายปีรวมกันเชียวนะ แกคิดว่า ฉันจะยอมไหม?”

เจียงเหวยกล่าวไป ทันใดนั้นเขาก็หรี่ตาลง: “ฉันว่านะน้องชาย เป็นคนต้องรู้จักพอ วันหน้าจะได้ไม่ลำบาก แกดูสิ พรรคพวกของฉันกลุ่มนี้ แต่ละคนล้วนโหดเหี้ยมอำมหิต โทษของการฆ่าคน ฉันแบกรับไว้คนเดียวก็ได้แล้ว ส่วนคนที่เหลือพวกนี้ แกคิดว่าพวกเขาจะไปหาเรื่องแกไหมล่ะ?”

เจียงเหวยจ้องมองหรุ่ยเหวินเจ๋ จากนั้นเขาก็ยักคิ้วขึ้น

“พวกเขาทำแน่” หรุ่ยเหวินเจ๋พยักหน้า พลางกล่าว

“ไม่เพียงแค่หาเรื่องแก แต่พวกเขาจะฆ่าแกให้ตาย” เจียงเหวยกล่าว ในสายตาปรากฏแววอาฆาตออกมาเล็กน้อย

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท