NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 581 ใครคือไส้ศึก?

บทที่ 581 ใครคือไส้ศึก?

เฉินเจียโล่เปล่งเสียงร้องของตนราวกับเสียงเชือดหมู แล้วพูด: “ทุกคนถอย”

ถึงแม้จำนวนคนของอีกฝ่ายจะมีไม่น้อย แต่ว่าความสามารถในการต่อสู้ของคนพวกนี้ ห่างชั้นกันไกลกับพวกนักเลงที่หวางเสี่ยวหยวนพามา

แต่ประเด็น ไม่ว่าจะสู้แพ้หรือว่าชนะ สุดท้ายแล้วก็ต้องแพ้อยู่ดี

คนกลุ่มนี้ของหวางเสี่ยวหยวน เห็นได้ชัดมาว่าช่วยคนกลุ่มนี้

เฉินเจียโล่รีบวิ่งขึ้นรถ แล้วตะคอกด่าอย่างโมโห: “เ**ดแม่เอ้ย นี่มันทำอะไรกันเหนี่ย พวกเรามีใจมาช่วยพวกมัน แต่พวกมันกลับทำอย่างพวกเราไปฆ่าพ่อพวกมันอย่างนั้นแหละ บนโลกนี้ มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอวะ”

“หมาแว้งกัดจริงๆ ไม่เห็นถึงน้ำใจคนเลย”

เฉินเจียโล่บ่นขึ้นหนึ่งประโยค และในตอนนั้น มุมปากของไอ้อ้วนหวาง ก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้น

“แม่งเอ้ย มีอะไรน่าขำกัน” หลังจากเฉินเจียโล่เห็น จึงถีบเข้าไปที่ท้องของไอ้อ้วนหวาง ไปหนึ่งที

ไอ้อ้วนหวางร้องโอ๊ย แล้วพูดอย่างโอดครวญ: “พวกพี่ชาย สรุปแล้วเป็นวีรบุรุษมาจากไหน ผมรู้ว่าพวกที่ออกมาหาเรื่อง ก็เพราะอยากร่ำรวยไม่ใช่เหรอ”

“พวกพี่อยากได้เท่าไหร่ บอกจำนวนมาก็โอเคแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องมาเล่นลักพาตัวด้วยเหนี่ย”

ไอ้อ้วนหวางทำหน้าลำบากใจแล้วพูด: “ดูสิผมถูกพวกนายอัด สามสี่วันนี้ คงจะลงจากที่นอนไม่ได้แน่ๆ พวกนายรู้มั้ยในสามสีวันนี้ ผมสามารถหาเงินได้เท่าไหร่?”

“นั่นมันหลายล้านเลยนะ” ในน้ำเสียงของไอ้อ้วนหวางเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

หวางเสี่ยวหยวนไม่ได้สนใจเขา แล้วขับรถขับรถมาถึงด้านหน้าป่าแห่งหนึ่ง และหน้าป่าแห่งนั้น มีรถเบนซ์G-Classจอดอยู่คันนึง

สองมือของเฉินเจียโล่คว้าไอ้อ้วนหวางไว้ แล้วพามาหาหลี่ฝาง แล้วสะบัดเขาลงพื้น: “เจ้านาย นี่คือคนที่นายต้องการ”

“อืม ทำได้ดี หลังจากกลับไป ให้เงินทุกคนคนละพัน ถือว่าเป็นค่าแรงในครั้งนี้” หลี่ฝางพยักหน้าเบาๆ แล้วพูด: “อีกแป๊บฉันจะคิดเงินให้นาย”

คนละพัน คนนับร้อย จะต้องใช้กี่ล้านเหนี่ย

ไอ้อ้วนหวางใจเต้นรัว มีคนถึงกับยอมจ่ายเงินล้านกว่าเหรียญเพื่อจับตัวเขา นี่มันฟุ่มเฟือยจริงๆ

ในขณะเดียวกัน ในใจของไอ้อ้วนหวาง ก็เจ็บปวดเล็กน้อย ถึงกลับยอมจ่ายเงินเป็นล้านเพื่อจับตน งั้นตน อย่างน้อยก็ต้องพ่นเงินออกมาให้เขาได้สองล้าน

“เจ้านาย ท่านทำอะไรเหนี่ย จ่ายเงินล้าน เพื่อจับตัวพนักงานขายตัวเล็กอย่างผมเหนี่ยนะ คุ้มค่าเหรอ?” ไอ้อ้วนหวางเงยหน้ามองหลี่ฝาง แล้วถามอย่างสงสัย

หลี่ฝางแค่หัวเราะเหอะๆ : “จะคุ้มค่าหรือไม่ นายพูดไปก็เท่านั้น”

“เอารายชื่อลูกค้าของนายมา นอกจากนั้น ยังมีเงินที่นายโกงไปด้วย” หลี่ฝางเอ่ยปากพูดอย่างนิ่งๆ

“เจ้านายน้อยท่านนี้ รายชื่อลูกค้าผมให้ได้ แต่ว่าเงิน เป็นผมหามาอย่างยากลำบาก ท่านสามารถเอาไปได้ส่วนนึง แต่จะเอาไปทั้งหมดไม่ได้นะ เรื่องเสียเปรียบแบบนี้มันไม่ไร้สาระไปหน่อยเหรอ?”

เมื่อไอ้อ้วนหวางเพิ่งพูดจบ เฉินเจียโล่จึงเตะไปที่ท้องของไอ้อ้วนหวาง: “รีบเอาเงินมา”

“พวกนายนี่มันกรรโชกกันชัดๆ” ไอ้อ้วนหวางพูดอย่างหน้าซีด

“อะไรคือกรรโชกหรือไม่กรรโชก ถ้าไม่เอาเงินมา ฉันจะตัดขาที่สามของนายทิ้งซะ เชื่อมั้ย?” เฉินเจียโล่พูด

เมื่อเฉินเจียโล่พูดจบ หวางเสี่ยวหยวนควักปืนออกมา เล็งไปที่แขนของไอ้อ้วนหวาง แล้วเหนี่ยวไกปืน

เสียงดังปั้ง หน้าของไอ้อ้วนหวาง ช็อกอยู่แป๊บนึง ต่อมาก็กลายเป็นสีหน้าเจ็บปวด ปากเขาส่งเสียงร้องเหมือนหมูโดนเชือด แต่ที่นี่เป็นเขตรกร้าง ถึงแม้ไอ้อ้วนหวางจะส่งเสียงร้องดังลั่นขนาดไหน ก็ไม่มีคนได้ยิน

“ให้แล้วๆ” ไอ้อ้วนหวางควักบัตรใบนึงออกมาจากกระเป๋าให้เลย แล้วพูด: “นี่คือเงินทั้งหมด”

“รหัสคือเลขบัตรหกตัวสุดท้าย พวกพี่ชาย ขอร้องแหละปล่อยผมไปเถอะ” ไอ้อ้วนหวางพูดอ้อนวอน

“รายชื่อลูกค้าล่ะ?” หลี่ฝางถามขึ้นต่อ

“อยู่ในโทรศัพท์ผม ช่องทางการติดต่อ ข้อมูลบัตรประชาชน ของพวกเขาอยู่ในนี้ทั้งหมด” ไอ้อ้วนหวางพูดขึ้น

เฉินเจียโล่ขมวดคิ้ว แล้วพูด: “นายจะโกงเงินก็โกงไป นายไปเอาบัตรประชาชนของคนอื่นเขามาทำไม?”

“ทำงานต้องชำนาญนิดนึง ตอนนี้มีที่ไหนที่รับคนแล้วไม่ขอดูบัตรประชาชนบ้าง ถ้าผมไม่เอา พวกเขาก็ต้องกังวลว่าผมเป็นคนหลอกลวงสิ ดังนั้นถึงต้องรับคนแบบบริษัทธรรมดาเขา ต้องเคร่งครัด แบบนี้ ถึงจะเพิ่มความเชื่อใจที่พวกเขามีต่อพวกเราได้”

“นอกจากนี้ ในทีมของพวกเรา ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อออนไลน์ด้วย พวกญาตินี่ถ้ายืมเงินไม่ได้ พวกเราจะแนะนำให้พวกเขากู้สินเชื่อออนไลน์ และก็ทำสินเชื่อออนไลน์ พวกเราเอาออกมาห้าหมื่น ให้พวกเขาไปแค่สามหมื่น แน่นอนว่า สุดท้ายเงินสามหมื่นนั้น ก็จะเข้ากระเป๋าเงินของพวกเรา” ไอ้อ้วนหวางพูดอย่างเพลินๆ แม้แต่ความเจ็บปวดที่แขนของตัวเอง ยังลืมไปเลย

ไอ้อ้วนหวางเหมือนกับว่าพออกพอใจกับวิธีการโกงของตัวเองเอามากๆ

จากในโทรศัพท์ของไอ้อ้วนหวาง หลี่ฝางก็เปิดดูรายชื่อพวกนั้น จากนั้นก็เอารายชื่อพวกนั้นมา แล้วพูด: “เอาเงินพวกนี้ คืนให้กับพวกเขาไป”

คิดอยู่ครู่ หลี่ฝางรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมาะสม เลยโทรหาหูเฟย

เมื่อครู่หลี่ฝางก็คิดขึ้นได้ ว่าคนพวกนั้นถูกไอ้อ้วนหวางล้างสมองไปกันหมดแล้ว ถ้าหากหลี่ฝางถือบัตรไปคืนเงินเอง ไม่ใช่แค่ไม่มีคนเอา บางทีอาจจะบีบหลี่ฝาง ให้หลี่ฝางคืนตัวไอ้อ้วนหวางให้พวกเขาก็ได้

หลี่ฝางไม่อยากให้มีปัญหาแบบนี้ เพื่อความไม่ประมาท ดังนั้นจึงได้โทรหาหูเฟย ให้เขาออกหน้า ถึงยังไงฐานะของเขา มันดูน่าเชื่อถือกว่าหน่อย

ผ่านไปประมาณสิบกว่านาที หูเฟยก็มาถึง เขามองไปที่หลี่ฝาง แล้วถามขึ้น: “เรื่องที่มีคนสู้กันที่ชุมชนหมิงจู เป็นฝีมือพวกนายใช่มั้ย?”

หลี่ฝางพยักหน้าแล้วพูด: “ใช่แล้ว ที่นั่นมีรังของพวกคนขายตรง”

“นายคงรู้ใช่มั้ย?” หลี่ฝางมองไปที่หูเฟย แล้วถามขึ้น

“รู้ แต่มีคนเคยไปตรวจสอบแล้ว บอกให้พวกเราเปิดตาข้างนึงปิดตาข้างนึง เหมือนว่าพวกเขาจะอยู่ที่นี่อีกแค่ครึ่งเดือน…… ทำไม นี่ยังไม่ถึงอาทิตย์นึง ก็ถูกพวกนายจัดการแล้วเหรอ”

หูเฟยมองหลี่ฝาง แล้วพูดชมเชย: “เรื่องนี้ ที่จริงฉันก็อยากจัดการมานานแล้ว แต่ว่าเบื้องบนกดดันไม่ปล่อยเลย ฉันก็ไม่กล้าขัด ถึงยังไงน้องสาวฉัน……”

หลี่ฝางพยักหน้า แสดงให้เห็นว่าเข้าใจ: “เอาล่ะ นายพาคนกลับไปเถอะ ในบัตรนี้มีเงินอยู่ เงินพวกนี้ จำนวนเกินครึ่งคงถูกเอาออกไปแล้ว ถึงตอนนั้น นายค่อยให้ไอ้อ้วนคนนี้ค่อยๆ คายออกมาเถอะ ยังไงเขาก็ต้องคายออกมา”

“ฉันได้ยินมาว่าไอ้อ้วนคนนี้ทำมาหลายปีแล้ว มือเขาทำร้ายคนไปมากมาย นายจับกลับไป เค้นถามดีๆ ลองดูว่าจะเค้นเจอจระเข้ตัวใหญ่รายอื่นได้อีกมั้ย คนกลุ่มนี้ที่จริงแล้วทำเรื่องที่ไม่มีจิตสำนึกไว้เยอะ”

“ส่วนที่นายแบ่งให้มู่เสี่ยวไป๋และคนอื่นๆ นายก็ชดใช้เองนะ” หลี่ฝางหัวเราะ แล้วพูด

หลังจากทิ้งคนไว้ให้หูเฟย หลี่ฝางก็ขึ้นรถ แล้วจากไป

อีกฝั่ง ไอ้อ้วนหวางถูกจับไป สมาชิกทุกคนก็ตกใจมากๆ คนที่นี่กำลังรอให้ไอ้อ้วนหวางพาพวกเขาขยายธุรกิจให้ร่ำรวย แต่ผลลัพธ์ เทพแห่งโชคลาภกลับถูก ‘คนชั่ว’ จับไปแล้ว แบบนี้จะดีได้ยังไง?

จางกงหมิงถูกคนพยุงขึ้นมา คนพวกนี้ มีความรู้สึกที่ดีต่อจางกงหมิงมากๆ แน่นอนว่า นั่นก็เป็นเพราะไอ้อ้วนหวาง ถึงยังไงปกติไอ้อ้วนหวางกับจางกงหมิง วันๆ เรียกกันว่าพี่น้อง

“ผู้มีพระคุณจาง คนกลุ่มนั้นเป็นใครกันแน่? คุณว่าพวกเราต้องแจ้งความมั้ย?”

“ผมแจ้งความไปนานแล้ว แต่พวกเขาก็มา ช้าเกินไปแล้ว คนเลวพวกนั้นหนีกันไปหมดแล้ว พวกเขาก็ยังมาไม่ถึง เห้อ” มีคนแสดงสีหน้าสิ้นหวัง

ส่วนบนหน้าของจางกงหมิง มีความสิ้นหวังมากกว่าพวกเขาอีก

ก่อนที่จะโทรศัพท์ จางกงหมิงก็โทรหามู่เสี่ยวไป๋ก่อน มู่เสี่ยวไป๋ตกลงว่า จะส่งกำลังเสริมมาทันที แต่ว่า ผ่านไปตั้งนานแล้ว จางกงหมิงยังไม่เห็นแม้แต่เงาสักคนเดียว

จางกงหมิงจึงได้เข้าใจ ที่จริงแล้วมู่เสี่ยวไป๋ไม่ได้คิดจะช่วยเขาเลยสักนิด ที่ตอบตกลงในตอนนั้น ก็แค่ตอบแบบปัดๆ ไปเท่านั้น

รถฉุกเฉินมาถึงที่หมายก่อน จึงพาจางกงหมิงไป จางกงหมิงเมื่อมาถึงโรงพยาบาล ขณะที่กำลังจะดาวน์โหลดVoIP เพื่อจะโทรหาหลี่ฝาง แต่กลับคิดไม่ถึงว่ามู่เสี่ยวไป๋จะเดินเข้ามา

“พี่หมิง ขอโทษด้วย ฉันไปช้า ตอนไปถึงฉันเพิ่งจะได้รู้ ว่าพี่ได้รับบาดเจ็บ แล้วถูกส่งมาโรงพยาบาลแล้ว” มู่เสี่ยวไป๋มองจางกงหมิง ด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

ไม่ใช่แค่จางกงหมิง รวมไปถึงพวกพ้องของจางกงหมิงหลายคน ก็ถูกทำร้ายด้วย

ถึงแม้ในใจของจางกงหมิงจะรู้สึกโมโห แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา เขาแค่หัวเราะเบาๆ แล้วพูด: “เจ้านายตอนนี้มาพูดอะไรพวกนี้จะไปมีประโยชน์อะไร”

“พี่หมิง ฉันได้ยินมาว่า คนที่เข้ามาจู่โจมพี่ คือหวางเสี่ยวหยวน เขาเป็นคนที่มีความสามารถของหลี่ฝางน้องชายพี่ ฉันเชื่อว่า การกระทำของหวางเสี่ยวหยวนครั้งนี้ ต้องได้รับอนุญาตมาจากหลี่ฝางแน่ๆ” มู่เสี่ยวไป๋มองหลี่ฝาง แล้วพูดลองเชิง

“ฉันกับหลี่ฝางมีบุญคุณช่วยชีวิตกัน ถึงแม้ฉันจะมาอยู่กับนายแล้ว เขาก็คงไม่ทำเรื่องแบบนี้กับฉัน เรื่องนี้น่าจะเป็นไอ้หวางเสี่ยวหยวนนั่น ลงมือทำด้วยตัวเอง” จางกงหมิงขมวดคิ้วพลางพูด

พูดตามตรง จางกงหมิงไม่เชื่อว่า เรื่องนี้เป็นความต้องการของหลี่ฝาง

เมื่อครู่ไอ้หวางเสี่ยวหยวนคนนั้น ลงมือรุนแรงมาก ราวกับอยากจะเอาชีวิตคนไป

ถึงแม้ก่อนหน้านี้ตอนที่จางกงหมิงโทรหาหลี่ฝาง ให้คนของหลี่ฝางฝั่งนี้ สู้กันจริงๆ อย่าแค่แสดง แต่ไม่ได้หมายความว่าให้สู้คนต้องถึงเอาชีวิต

ถ้าหากมู่เสี่ยวไป๋ไม่เดินเข้ามา จางกงหมิงจะต้องโทรหาหลี่ฝาง และถามให้ชัดเจนแน่ๆ

มู่เสี่ยวไป๋หัวเราะเหอๆ แล้วพูด: “คนมันเปลี่ยนกันได้ พี่ยังจำได้มั้ย ตอนนั้นพี่เกือบจะโยนมันลงสะพานสูง? ฉันคิดว่าตอนนั้น ในใจของหลี่ฝาง คงไม่มีพี่ชายคนนี้แล้ว”

จางกงหมิงแกล้งสีหน้าเปลี่ยน

“ใช่แล้ว บอกข่าวให้นายฟังเรื่องนึง” สีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ จู่ๆ ก็เข้มลง เข้มจนถึงขีดสุด

“ก่อนหน้านี้ ตระกูลมู่ของพวกเราเป็นสปอนเซอร์ให้ธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ที่จริงมันมาถึงจุดที่จะต้องได้กำไรแล้ว แต่สุดท้าย กลับฆ่าคนไปกลุ่มนึง ไม่ใช่แค่ทำให้ธุรกิจของเราเสียหาย แถมยังบอกว่าสินค้าของพวกเราเป็นของปลอม แถมยังพาเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบอีก ฝั่งพวกนักธุรกิจ ก็เข้ามาดำเนินการตรวจสอบ คุณภาพของสินค้าเราไปหนึ่งรอบ”

“ตอนนี้พวกร้านค้าทั้งหลาย กำลังเอาสินค้าของพวกเรา ลงจากชั้นวาง และเมื่อกี้ สินค้าของพวกเราตรวจสอบผลปัญหาด้านคุณภาพ และก็ถูกตั้งข้อสังเกตไปแล้ว พวกร้านค้าที่เคยซื้อของจากเราไป ก็มารุมกันที่หน้าประตูห้างฯมาเข้าแถวประท้วงกัน ครั้งนี้ ตระกูลมู่ของพวกเราขาดทุนเสียหายยับ”

“ยังดีที่ ตระกูลมู่ของพวกเราไม่เคยออกหน้า ถ้าไม่อย่างนั้น ธุรกิจของตระกูลมู่ในเมืองเอกทั้งหมด จะมีผลกระทบไปด้วย”

มู่เสี่ยวไป๋ทำหน้าเข้มแล้วพูด: “พวกงูพิษที่กล่าวหาเราพวกนั้น วันนี้ไม่รู้ว่าหนีไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ไม่เห็นแม้แต่เงา แม่งเอ๊ย”

สำหรับเรื่องที่ไอ้อ้วนหวางถูกจับ มู่เสี่ยวไป๋ไม่ได้ใส่ใจ ถึงยังไงฝั่งไอ้อ้วนหวาง มู่เสี่ยวไป๋ก็ทำเงินได้แค่ค่าขนมเท่านั้น แต่ฝั่งผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพนี่ไม่เหมือนกัน ถ้าหากทำสำเร็จ เมื่อก่อนที่ตระกูลเสียหายไปห้าร้อยกว่าล้าน ก็จะได้กลับมาในทันที

ล้มเหลวครั้งนึง ตระกูลมู่ก็ลงทุนไปหลายสิบล้าน ทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่ลงทุนไปเปล่าๆ แต่ตระกูลมู่ยังต้องรับผิดชอบหาเส้นสาย และเอาคนพวกนั้นออกมา

ถ้าหาไม่นำคนมา พวกเขาจะต้องเปิดโปงตระกูลมู่แน่ๆ

สีหน้าของจางกงหมิงช็อกเล็กน้อย: “ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้?”

“ฉันก็ไม่รู้ อยู่ดีๆ แท้ๆ ทำไมถึงได้มีจุดบกพร่องแบบนี้ได้ แต่พูดไปพูดมา ฉันตรวจสอบดูแล้ว เรื่องนี้จะต้องมีเบื้องหลังแน่ๆ เหมือนว่าจะเป็นหลอซ่ากับท่านจวนร่วมมือกันสร้างสถานการณ์ และก็มีแค่พวกเขาสองคนร่วมมือกัน ถึงจะมีกำลังมากมายแบบนี้”

“พวกเขาสองคนออกหน้า เชิญพวกงูพิษทั้งหมดนั้นไปดื่มเหล้า ไม่มีใครสักคนกล้าปฏิเสธ”

มู่เสี่ยวไป๋หัวเราะเหอะๆ แล้วพูด: “พี่หมิง พี่ว่า ฝั่งพวกเรา จะมีไส้ศึกมั้ย?”

“ไส้ศึก?” จางกงหมิงส่ายหน้า แล้วพูด: “ฉันจะไปรู้ได้ไง?”

“เหอะๆ พี่หมิง พี่ช่วยฉันตรวจสอบหน่อย เรื่องผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ มีความเกี่ยวพันเยอะ ก็มีผลกระทบต่อตระกูลมู่ของเราเยอะ”

“แต่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ คือนายนะ”

มู่เสี่ยวไป๋ทำหน้าเข้มมองจางกงหมิง แล้วพูด: “ที่จริง คนที่ฉันสงสัยเป็นคนแรก ก็คือพี่ แต่ว่าจู่ๆ ผมก็คิดได้ว่า พี่คงไม่โง่จนอยู่กับตัวเองไม่ได้

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท