NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 588 คนตายถึงจะมีประโยชน์

บทที่ 588 คนตายถึงจะมีประโยชน์

ปากของมู่เสี่ยวไป๋สั่น เงยหน้ามองเฉินฝูเซิง แล้วพูด: “ฝูเซิง นายตัดสินใจแน่แล้วจริงๆ ใช่มั้ย?”

“เชี่ย นายเป็นอัลไซเมอร์เหรอ? ฉันบอกแล้ว ให้เรียกว่าพ่อใช่มั้ย?” เฉินฝูเซิงยกปืนขึ้นมาอีกครั้ง

สีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ชะงักอยู่ครู่: “พวกเราสองคนเป็นตระกูลมีเชื้อสาย ระหว่างเราก็มีธุรกิจร่วมกัน นายวิ่งไปอยู่กับหลี่ฝาง หรือว่าไม่กลัวความร่วมมือของพวกเราจะมีปัญหาเหรอ?”

“นายคิดว่าฉันจะกลัวมั้ย?”

เฉินฝูเซิงยิ้มหรี่ตา: “กล้าได้ กล้าเสีย เรื่องพวกนี้ ถ้าหากนายยินดีทำ ก็กลับไปถามปู่นายก็ได้”

“ไม่ผิด หลายปีที่ผ่านมา นายช่วยพวกเราหาเงินได้ไม่น้อย แต่พวกนายไม่ได้เอากำไรจากพวกเราไปหรอกเหรอ? เกรงว่า พวกนายได้เยอะกว่าพวกเรามากนะ” เฉินฝูเซิงพูดอย่างไม่ใส่ใจ

“พวกเราจะเปลี่ยนคนร่วมธุรกิจก็ได้”

มู่เสี่ยวไป๋กระตุกมุมปาก แล้วยิ้มอย่างเย็นชาพลางพูด: “ไม่ใช่เรื่องใหญ่ พวกเราเอาเงินน้อยหน่อยก็ได้”

“แล้วแต่นายแล้วกัน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันเท่าไหร่ พ่อฉันเมียเยอะ ลูกชายเยอะแบบนั้น ถึงเขาจะหาเงินได้มากขึ้น แต่แบ่งให้ฉันได้เท่าไหร่? จากนี้ ฉันสนใจแค่ปัจจุบันและอนาคตของตัวฉันเอง ดังนั้น นายอยากจะหักกับพ่อฉัน ก็หักไปเลย”

เฉินฝูเซิงพูดจบ ก็เงียบอยู่ครู่แล้วพูด: “ถึงยังไง ฉันเตือนนายด้วยความหวังดี อยากจะเปลี่ยนคู่ร่วมธุรกิจ ได้นะ ก่อนหน้านั้นต้องมีคนที่กล้าร่วมธุรกิจกับนายก่อน”

“พ่อฉันเป็นคนยังไงฉันรู้ เนื้อในปากของเขา ถึงแม้จะตกลงพื้นแล้ว ก็ไม่มีใครกล้ากิน”

“ใครอยากกินเนื้อในปากของเขา เขาก็จะสู้ตายกับคนนั้น”

เฉินฝูเซิงหัวเราะฮี่ๆ แล้วพูด: “คำขู่เมื่อกี้ ฉันก็จะเอาไปบอกพ่อฉันเหมือนเดิม จะให้พูด คนอย่างเขาเกลียดคนข่มขู่เขาที่สุดเลย”

มู่เสี่ยวไป๋สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย พลางมองเฉินฝูเซิง และยังอยากพูดว่า เมื่อไหร่เฉินฝูเซิงจะรีบพาคนออกไป

จูเปิ่นถอยกลับมา มองมู่เสี่ยวไป๋พลางพูด: “คุณชายมู่ เรื่องวันนี้ พวกเราทำเกินไปนิด แต่ที่พวกเราทำแบบนี้ ก็เพราะคุณบีบให้เราต้องเดินทางนี้”

ถึงแม้เฉินฝูเซิงและคนอื่นๆ ปิดบังหน้าตา แต่มู่เสี่ยวไป๋ก็เดาฐานะออกได้นานแล้ว

ถ้าหากมู่เสี่ยวไป๋แจ้งความ เฉินฝูเซิงต้องมีปัญหาแน่ๆ

จูเปิ่นพูด: “หวังว่าคุณชายมู่จะอำนวยความสะดวก เห็นแก่ความสัมพันธ์ ปล่อยคุณชายพวกเราไป นี่เงินหนึ่งล้านเหรียญ ถือซะว่าเป็นค่าชดเชยเล็กน้อยแล้วกัน”

คำพูดของจูเปิ่น พูดเสียงไม่ดังไม่เบา แต่คนในห้องทุกคน ก็ได้ยินอย่างชัดเจน

ต่อมา จูเปิ่นเข้าประชิดตัวของมู่เสี่ยวไป๋ แล้วกระซิบ ที่ข้างหูของเขา: “คุณชายมู่ นายก็รู้ พวกเราทำอะไร ก็ต้องทำให้เกิดผล ถ้าไม่งั้น จะทำให้เขาขำเอาได้”

“พวกเราห่างจากบ้านมาก็ไม่ใช่ง่ายๆ ถ้าคุณชายมู่ให้ทางเดิน พวกเราก็จะขอบคุณ หลังจากนี้จะจำไว้ ถ้าหากไม่ให้ทางเดินละก็ เหอะๆ พวกเราก็คอยดูกันไป”

“พวกเราทั้งหมดมียี่สิบกว่าคน ถ้าหากคุณชายของพวกเราเข้าไปแล้ว งั้นพวกเรายี่สิบกว่าคนนี้ ก็จะกลายเป็นฝันร้ายของคุณชายมู่ เกรงว่าแค่เข้าห้องน้ำ ก็ต้องระแวง”

“นอกจาก นายจะฆ่าพวกเราให้ตายทุกคน ไม่อย่างนั้น พวกเรายืนยันว่าจะใช้ชีวิตของพวกเรา แลกกับร่างกายที่มีค่าของคุณชาย ถ้าคุณชายคิดว่าคุ้มค่า คุณก็แจ้งความได้เลย แต่ถ้าคิดว่ามันไม่คุ้ม ก็ไม่ต้องแจ้ง คุณคิดดูเอาเอง”

มู่เสี่ยวไป๋กัดฟัน พลางมองจูเปิ่น: “นายขู่ฉันเหรอ?”

“เปล่า ฉันแค่วิเคราะห์ให้คุณฟังเฉยๆ คุณก็คิดดูเอาเอง แน่นอนว่า ถ้าไม่แจ้ง หลังจากนี้จะมาล้างแค้น งั้นพวกเราก็จะรับ ถ้าคุณเก่ง แล้วพวกเราเสียท่า ก็จะยอมรับโดยดี”

“แต่วิธีสถุล ฉันแนะนำว่าอย่าใช้เลย อย่าให้เสียเกียรติตัวเองเลย ถึงยังไงคุณก็เป็นถึงคุณชายใหญ่ของตระกูลมู่ คุณว่าจริงมั้ย?”

จูเปิ่นพูดพลางยิ้มจบ ก็ยืดตัวขึ้น แล้วค่อยๆ เดินออกจากคฤหาสน์ไป

“พูดจบแล้ว?” เฉินฝูเซิงรอจูเปิ่นอยู่เงียบๆ หลังจากเขากลับมา ใบหน้าก็แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจ

“อืม สิ่งที่ควรพูดก็พูดแล้ว ส่วนต่อจากนี้เขาจะเลือกยังไง ก็อยู่ที่เขาแล้ว” จูเปิ่นพยักหน้า แล้วยิ้ม

“ฉันว่านายทำมากไปนะ ไปพูดมากกับมันทำไม? ความกล้าแค่นั้น ยังคิดจะมาวัดกับฉันจริงๆ เหรอ?” เฉินฝูเซิงหึหนึ่งที แล้วพูดอย่างดูถูกสุดๆ

“คุณชาย คนก็ต้องมีหน้าตา เมื่อกี้นายเล่นเขาซะหน้าแหกแบบนั้น ในใจเขาจะต้องโมโหมากๆ แน่เลย เมื่อกี้ในมือนายมีปืน นายให้เขาทำอะไร เขาก็ทำ ไม่ว่าจะคุกเข่าโขกหัวให้นาย เขาก็ทำตาม แต่เรื่องหลังจากนี้ล่ะ? คนอื่นเห็นกันตั้งเยอะนะ นายให้เขาเรียกนายว่าพ่อต่อหน้าคนเยอะแบบนั้น เขาไม่ต้องไว้หน้าเหรอ? นายออกมา เขาต้องเป็นบ้าแหงๆ คนบ้าไปแล้ว เรื่องอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น”

“ฉันแค่ไว้หน้าเขา ให้เขามีบันไดลง มู่เสี่ยวไป๋เป็นคนที่แยกแยะข้อดีข้อเสียออก ถ้าหากเขาไม่โง่ เรื่องวันนี้ แปดเปอร์เซ็นต์ต้องฝังใจ แล้วค่อยมาเอาคืน”

จูเปิ่นรู้ว่าคราวนี้ความเสี่ยงสูง ถ้าหากแจ้งความ เฉินฝูเซิงจะต้องแย่แน่ๆ

บุกรุก แถมยังถือปืน ประเด็นสำคัญคือหวางต้องโดนยิงจนกลายเป็นคนพิการ

ถ้าหากแจ้งความ เฉินฝูเซิง หลังจากนี้จะต้องติดคุกแน่ๆ

เฉินฝูเซิงพยักหน้า แล้วพูด: “เอาเถอะ พ่อฉันบอกว่านายทำงานรอบคอบ ฉันฟังนาย”

หลังจากจูเปิ่นออกไป มู่เหวินตงก็ค่อยนั่งรถเข็น ออกมาจากข้างหลัง

“พี่ใหญ่”

มู่เสี่ยวไป๋มองมู่เหวินตง พลางยืดตัวขึ้น ใบหน้าร้อนเล็กน้อย

ถึงยังไงสิ่งที่เขาทำไปเมื่อกี้ ไร้ศักดิ์ศรีเอามากๆ

เรียกเฉินฝูเซิงว่าพ่อ เหอะๆ ถ้าเรื่องแบบนี้แพร่ออกไป เกรงว่ามู่เสี่ยวไป๋คงจะเป็นไม่ได้แม้แต่คน

มู่เหวินตงมองมู่เสี่ยวไป๋ แล้วพูด: “หน้าตาของตระกูลมู่ของพวกเรา วันนี้ถือว่านายทำขายขี้หน้าแล้ว”

“เขามีปืน”

มู่เสี่ยวไป๋ทำสีหน้าลำบากใจพลางพูด: “ไอ้เฉินฝูเซิงนั่น ฉันสนิทกับมัน มันเป็นคนบ้า ถ้าเลือดร้อนขึ้นมา เรื่องอะไรก็ทำได้ ถ้าหากฉันไปทำให้มันไปพอใจ แล้วมันยิงฉันล่ะ จะทำยังไง?”

“ถ้ามันกล้ายิงนาย ฉันรับรองจะให้มันชดใช้ด้วยเลือดเหมือนกัน”

มู่เหวินตงนัยน์ตาเย็นชา แล้วพูด: “เฉินฝูเซิงถือว่ากล้าไม่เบา ที่กล้ายิงนาย”

“ข้อแรก ที่นี่เป็นที่ของใคร? นายก็คงจะรู้จักเจ้าของโครงการคฤหาสน์นะ ข้อสอง นายคือลูกหลานของตระกูลมู่ และก็คือผู้สืบทอดเพียงคนเดียว ใครกล้าแตะนาย นั้นก็หมายความว่าต้องการกระตุกหนวดตระกูลมู่”

“ถึงแม้เฉินฝูเซิงดูแล้วจะเป็นคนที่ทำอะไรประมาท แต่ก็ไม่ใช่คนไร้จรรยาบรรณ ถ้าไม่อย่างนั้น เขาก็คงไม่ปิดหน้าปิดตาเข้ามา และก็ไม่ยอมรับว่าตนเป็นใคร เขาปิดบังตนทั้งหมด นั่นก็เพราะกลัวว่าจะถูกเปิดโปง จึงหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเองเท่านั้น”

มู่เหวินตงพูด: “เขาก็กลัวเป็น”

มู่เสี่ยวไป๋พึมพำอยู่ครู่ แล้วพูดขึ้นเสียงเบา: “ปากนายก็พูดเอาๆ งั้นทำไมเมื่อกี้ไม่ออกมาล่ะ?”

มู่เสี่ยวไป๋ในใจไม่สบอารมณ์สุดๆ ส่วนมู่เหวินตงแค่ถอนหายใจ แล้วพูด: “เห้อ ช่างเถอะ ถึงยังไงเรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว คิดเถอะว่าจะเอายังไงหลังจากนี้”

“แผนที่วางไว้ตั้งนานของนาย ตอนนี้ถูกคนทำพังไปหมดแล้ว” มู่เหวินตงพูด

มู่เสี่ยวไป๋พยักหน้า แล้วพูด: “เอาไว้ก่อน หวางต้องเลือดไหลเยอะมาก เอาเขาไปโรงพยาบาลก่อน”

“ถ้าไม่งั้น ตายแน่”

มู่เสี่ยวไป๋พูดจบ ก็รีบเรียกคนมาสองคน จากนั้นก็แบกร่างของหวางต้อง

ขณะที่เดินออกไป มู่เหวินตงส่งสายตาให้มู่เสี่ยวไป๋ แล้วพูดกับมู่เสี่ยวไป๋เสียงเบา: “หวางต้องถ้าช่วยให้รอดก็กลายเป็นแค่คนพิการ ถ้าหากช่วยจนรอด นายก็ต้องเลี้ยงคนพิการไปทั้งชีวิต”

“พี่ใหญ่ความหมายของพี่คือ?” มู่เสี่ยวไป๋สงสัยอยู่ครู่

“หวางต้องเลือดไหลเยอะขนาดนั้น ถึงแม้เขาจะตาย ความผิดก็ไม่มาตกอยู่ที่นาย”

มู่เหวินตงพูด: “แล้วก็ถ้ามีคนตาย เรื่องนี้ ก็ยิ่งใหญ่ขึ้นนี่”

“คนของพวกเราตาย แบบนี้ก็สามารถคุยกับฝั่งของเฉินฝูเซิงได้แล้วนี่” มู่เหวินตงหัวเราะเหอะๆ แล้วพูด: “ส่วนจะเอาจากใครนั้น คงไม่ต้องให้ฉันพูดหรอกนะ?”

มู่เสี่ยวไป๋พยักหน้า เข้าใจความหมายของพี่ชายตนทันที เขาวิ่งออกจากประตูไปทันที แล้วขวางสองคนนั้นไว้ จากนั้นก็ควักโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรออก

หลังจากสายติด มู่เสี่ยวไป๋ก็รีบพูดขึ้น: “คุณอาหวาง มีคนตายแล้ว”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท