NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่602 เอาเงินมาก่อน งานถึงจะเดิน

บทที่602 เอาเงินมาก่อน งานถึงจะเดิน

ขณะกำลังมุ่งหน้าเดินเข้าป่า หลี่ฝางก็หันไปพูดกับส้าวส้วย “หึๆ ไม่คิดเลยว่าต้องให้นายออกโรงถึงจะไหว”

ตาแก่เมื่อกี้ เขาดูไม่ออกด้วยซ้ำว่ามีอะไรผิดปกติ อย่าว่าแต่หลี่ฝางที่เป็นแค่ศิษย์ฝึกหัด ขนาดหวางเห้าที่ผ่านมาหลายสนามรบก็เกือบเชื่อตาแก่นั่นไปแล้วไม่ใช่หรือไง?

ถ้าไม่ใช่เพราะส้าวส้วยเดินเข้ามา แล้วสังเกตเห็นทัน เกรงว่าหลี่ฝางได้เป็นผีไปแล้ว

จากความคิดของหลี่ฝาง เขาไม่ได้ตั้งใจจะให้ส้าวส้วยเป็นคนออกโรง

เพราะถ้าหลี่ฝางอยากจะเติบโตขึ้นกว่านี้ เขาจะต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เหล่านี้ด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้น ถ้าปล่อยให้ส้าวส้วยเป็นคนเก็บกวาดหมด หลี่ฝางก็ไม่ต่างอะไรกับดอกไม้ที่เติบโตอยู่ในเรือนกระจก

ส้าวส้วยยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย เขาตอบรับง่ายๆ “ชายแก่คนนี้ไม่ธรรมดา เกรงว่าจะมีอำนาจบางอย่างแทรกซึมเข้ามา”

นี่เป็นครั้งที่สองที่ส้าวส้วยพูดถึงสถานะของชายแก่

พอมาคิดๆดู คนที่อายุมากขนาดนั้นแก่กลับมีวิทยายุทธ์แกร่งเหนือหวางเห้า ไม่อยากคิดเลยว่าตอนหนุ่มจะขนาดไหน?

“ส้าวส้วย นายมองออกได้ยังไง?” หวางเห้าถามส้าวส้วยด้วยความแปลกใจ

“อย่างแรก เขามีแรงมากพอจะตะโกนร้องขอชีวิต แต่ทำไมถึงไม่ทำ? สอง คนที่อายุเยอะขนาดนั้นถ้าไม่ได้มีเส้นสายก็ไม่น่าจะมาเป็นรปภ.ได้ สาม…”

ส้าวส้วยหัวเราะหึ “ตาแก่นี่บาดเจ็บที่แขนไม่ใช่ขา ถ้าโดนยิงเมื่อสิบนาทีก่อนจริง ทำไมเอาแต่นอนอยู่บนพื้นเฉยๆ?”

“ฮู่ว ฉันนี่มันโง่ของแท้!”

หวางเห้าทุบหัวตัวเอง พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “แม้แต่เรื่องพวกนี้ฉันก็ไม่ได้สังเกต”

พอฟังที่ส้าวส้วยพูด หลี่ฝางเองก็รู้สึกว่าตัวเองโง่ไม่แพ้กัน

จริงสิ ตรรกะง่ายๆแค่นี้ ทำไมเขากับหวางเห้าถึงยังโดนหลอกได้?

จากนั้นส้าวส้วยก็พูดต่อว่า เป็นเพราะเมื่อคนเราเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน สมองก็จะหยุดทำงานไปชั่วขณะ พออยู่ในสถานการณ์แบบนั้น คนเราก็จะสูญเสียความสามารถในการคิดวิเคราะห์ไป แต่จะอาศัยสัญชาติญาณในการตัดสินใจ

การที่ส้าวส้วยสามารถใช้ทักษะการคิดวิเคราะห์ได้ เป็นเพราะเขาได้ผ่านการฝึกฝนมานับไม่ถ้วน เพราะงั้น ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ไหน สมองของส้าวส้วยก็จะคิดวิเคราะห์ได้อย่างชำนาญ

ทั้งสามคนเดินมาถึงด้านหน้าของป่า โดยการนำทางของส้าวส้วย

ขนาดของโรงเรียนมัธยมโบตั๋นไม่เล็กแต่ก็ไม่ใหญ่ แต่ถ้าไม่มีคนคอยนำทาง เดินเป็นชั่วโมงก็อาจจะหาป่าไม่เจอ

“ทำไมนายถึงได้ชำนาญทางดีจัง?”หลี่ฝางเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ผมโตที่เมืองเอกครับ” ส้าวส้วยตอบ “ที่สำคัญบ้านผมก็อยู่แถวๆนี้”

ที่ด้านของของป่า มีคนกลุ่มหนึ่งยืนเรียงกันอยู่ หลี่ฝางทอดสายตามองออกไป ก็เห็นเฉินเจียโล่

หัวล้านๆที่เมื่ออยู่ใต้แสงไฟก็ส่องประกายวิบวับเหมือนไฟฉาย หลี่ฝางรีบวิ่งเข้าไป เมื่อเจอกับหวางเสี่ยวหยวนก็เอ่ยขึ้นทันที “พวกนายมาถึงกันแล้ว”

หวางเสี่ยวหยวนเห็นหลี่ฝางก็นิ่งไปเล็กน้อย “เจ้านายก็มาด้วยหรอครับ”

หลี่ฝางพยักหน้า แล้วถามขึ้น “ด้านในเป็นไงบ้าง?”

หวางเสี่ยวหยวนขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด “จัดการไม่ง่ายเลยครับ เสียงปืนจากข้างในสงบลง ก็แสดงว่าการปะทะได้สิ้นสุดลงแล้วครับ”

“แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าฝ่ายไหนชนะ”

หวางเสี่ยวหยวนถอนหายใจ “เห็นทีเรื่องที่เกิดในวันนี้คงจะจบไม่สวย”

“นั่นน่ะสิ”

หลี่ฝางถอนหายใจตาม ที่นี่เป็นถึงโรงเรียนมัธยม มาเกิดเหตุการณ์สนั่นยิงในที่แบบนี้ จินตนาการไม่ได้เลยว่าผลที่ตามมาจะหนักหนาสาหัสขนาดไหน

ยังดีที่ป่าผืนนี้ไม่ได้อยู่ในเขตโรงเรียน

เมื่อเดินออกจากป่านี้ก็จะเป็นเขตนอกโรงเรียนแล้ว

ซึ่งนักเรียนหลายคนมักจะโดดเรียนโดยใช้เส้นทางนี้ หลี่ฝางขมวดคิ้ว “แต่เราจะรอเฉยๆอยู่ตรงนี้ก็คงไม่ใช่วิธีที่ดีเท่าไหร่ สู้ส่งคนเข้าไปดูสถานการณ์ดีกว่า”

หวางเสี่ยวหยวนพยักหน้า “ผมเองก็คิดแบบนั้น แต่ไม่รู้จะให้ใครเข้าไป ด้านในต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ ว่ากันตามหลัก ในเมื่อสงครามจบลงแล้วก็น่าจะต้องมีคนออกมาถึงจะถูก”

“แต่ทั้งๆที่เสียงปืนเงียบลง ข้างในกลับไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย?”

หวางเสี่ยวหยวนพูดต่อ “คนของเราล้อมป่าแห่งนี้ไว้หมดแล้ว ยังไงพวกนั้นก็หนีไม่รอดนอกจากจะบิน”

“ตอนนี้มีแค่สองทางเลือก คือรอเวลาต่อไป รอจนกว่าพวกมันจะออกมา หรือไม่ก็ส่งคนเข้าไปดูสถานการณ์ข้างใน”

หวางเสี่ยวหยวนพูดอีก “แต่ทางเลือกที่สองมีความเสี่ยงมาก”

“เพราะพวกมันมีปืน”

หวางเสี่ยวหยวนพูดจบได้ไม่เท่าไหร่ เฉินเจียโล่ก็เดินเข้ามา ที่เอวใหญ่ผูกล้อมไปด้วยเส้นชนวนระเบิด

“พี่ใหญ่ คุณชายหลี่ ไม่อย่างนั้นก็ส่งผมเข้าไปเถอะ ถ้าพวกมันกล้าเล่นตุกติกล่ะก็ ผมก็พร้อมจะส่งพวกมันไปตายพร้อมผม” เฉินเจียโล่พูดด้วยใบหน้าเย็นชา

หลี่ฝางเห็นสภาพของเฉินเจียโล่ยังอดตกใจไม่ได้

ไอ้เจ้านี่มันจะบ้าระห่ำเกินไปหน่อยไหม?

ความจริงหลี่ฝางตั้งใจจะให้ส้าวส้วยออกโรงถึงยังไงถ้าเป็นระดับส้าวส้วยแล้วต่อให้อีกฝ่ายจะมีปืน หลี่ฝางก็ไม่คิดกังวลใจแต่อย่างใด

แต่ในเมื่อเฉินเจียโล่ออกตัวเป็นฮีโร่อาสาจะเข้าไป หลี่ฝางก็ไม่ได้ห้าม

ไม่ใช่ว่าหลี่ฝางไม่ไยดีชีวิตของเฉินเจียโล่ แต่เขาเชื่อว่าทุกคนที่อยู่ในสนามรบ สุดท้ายก็ทำเพื่อเงินกันทั้งนั้น ไม่ใช่ความเคียดแค้นอีกฝ่ายหรือความจงรักภักดีอะไรทั้งนั้น

เพราะงั้น เฉินเจียโล่เข้าไปแบบนี้ อีกฝ่ายจะต้องตื่นตระหนกแน่นอน

“รีบไสหัวไปไกลๆฉันเลย เป็นบ้าไปแล้วหรือไง? เรามาที่นี่เพื่อช่วยคนไม่ใช่ให้นายไปฆ่า ไปๆๆ ชิ่ว” แต่หวางเสี่ยวหยวนทำใจเสียพี่น้องแสนซื่อบื้อคนนี้ของตัวเองไม่ได้

“นั่นสิ คนของเราอยู่ข้างใน ขืนนายเล่นบ้าๆแบบนี้ ดีไม่ดีทุกคนได้ตายกันหมด” หลี่ฝางเหลือบตามองหวางเสี่ยวหยวนแวบนึง แล้วตามน้ำไป

ในเมื่อพี่ชายแท้ๆอย่างหวางเสี่ยวหยวนไม่ยินยอม งั้นหลี่ฝางเองก็ไม่อาจจะให้เฉินเจียโล่เข้าไปได้

ไม่งั้น จะเป็นการทำร้ายจิตใจหวางเสี่ยวหยวนไปซะเปล่าๆ

“หรือไม่เราก็รอกันต่ออีกหน่อย รออีกสักสิบนาที ถ้าพวกมันยังไม่เคลื่อนไหว ฉันจะหาคนเข้าไปดู” หลี่ฝางพูด

แล้วเดินเข้าไปหาส้าวส้วย “ถ้าฉันเดาไม่ผิด คนของเราแพ้”

“?”

สีหน้าของส้าวส้วย หวางเสี่ยวหยวนและคนอื่นๆ เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ

“คุณแน่ใจได้ยังไงครับ?” เฉินเจียโล่ถามตรงไปตรงมา

“เดิมทีก็เป็นคนของเราที่ขอกำลังเสริมไม่ใช่หรือไง ก็หมายความว่าฝั่งเราปะทะกับพวกของมู่เสี่ยวไป๋ แต่ฝั่งเราโดนรุม จนสู้ไม่ไหว”

“แถมเวลาผ่านมาตั้งนานขนาดนี้แล้ว แต่พวกนายยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัวคนของมู่เสี่ยวไป๋ ก็หมายความว่าพวกมันไม่ได้เรียกกำลังเสริม”

“คนของเราน่าจะถูกคนของมู่เสี่ยวไป๋คุมตัวไว้อยู่”

“ดังนั้น การที่พวกมันหลบอยู่ข้างใน ไม่ยอมโผล่หัวออกมา ก็แปลว่ามันรู้ว่าพวกเราล้อมไว้ด้านนอก ในเวลาแบบนี้พวกมันมีทางเลือกเดียว คือโทรเรียกมู่เสี่ยวไป๋ให้ช่วยพาพวกมันออกไป”

“ยิ่งปล่อยให้เวลาผ่านไป เราก็จะยิ่งเป็นฝ่ายเสียเปรียบ”

“ไม่มีใครรู้ว่ามู่เสี่ยวไป๋จะส่งคนมามากเท่าไหร่ เจ้านาย ถ้าไม่อยากทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปมากกว่านี้ ผมเข้าไปดูให้ได้ครับ” ส้าวส้วยเสียสละตัว

หลี่ฝางหัวเราะ “ถ้านายเข้าไป กลัวว่าพวกมันจะถูกฆ่าตายเรียบซะมากกว่าน่ะสิ”

หลี่ฝางหัวเราะเป็นเชิงล้อเลียน คำพูดนั้นทั้งหวางเสี่ยวหยวนและเฉินเจียโล่ได้ยินเต็มสองหู สีหน้าของพวกเขาฉายแววตกใจ

ส้าวส้วยหรี่ตายิ้ม “เจ้านาย จะบอกว่า…”

“คนของฉันอยู่ตรงนี้ตั้งเยอะแยะ ฉันอยากหาทางออกด้วยตัวเอง ตอนนี้ฝั่งของเราได้เปรียบอยู่ ถึงจูเปิ่นกับเฉิงหยุนจะถูกพวกมันจับตัวไว้ แต่พวกมันก็โดนเราล้อมไว้หมดแล้วไม่ใช่หรือไง ส่วนไอ้มู่เสี่ยวไป๋จะส่งคนมามากแค่ไหน อย่าเพิ่งไปสนใจ แต่เวลานี้ฉันยังไม่อยากให้นายออกโรง”

หลี่ฝางเหลือบไปมองกวางเสี่ยวหยวน “ลูกน้องของนายมีใครบ้างที่ไม่กลัวตาย?”

“เหอะๆ เจ้านาย ใครบ้างจะไม่กลัวตาย? ขึ้นชื่อว่าเป็นคนก็ต้องกลัวตายกันทั้งนั้น ผมรู้ว่าคุณต้องการจะสื่ออะไร ถ้าคุณอยากส่งใครสักคนเข้าไป งั้นให้ผมเป็นคนไปเองเถอะ”

หวางเสี่ยวหยวนหัวเราะ “พวกเขาตามผมมา ก็ทำงานหาเงินกันทั้งนั้น”

“แล้วถ้าฉันให้สิบล้านล่ะ?”

หลี่ฝางพูดเสียงเรียบ “นายถามคนของนายสิ มีใครกล้าเข้าไปสืบดูเหตุการณ์ข้างในไหม ถ้ามี ฉันให้เลยสิบล้าน”

“ฉันจะโอนให้ตอนนี้เลย เงินมาแล้วงานถึงจะเดินนี่นะ” หลี่ฝางมองหวางเสี่ยวหยวน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท