NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่601 คนแก่ที่น่ากลัว

บทที่601 คนแก่ที่น่ากลัว

แต่หลายครั้งที่หลี่ฝางไม่มีสิทธิ์เลือก

ความสัมพันธ์ระหว่างหวางเห้ากับชางสู่ พวกเขาสนิทกันมาก ถึงขนาดที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมา

ในขณะที่หลี่ฝางกับชางสู่ ไม่คนใดคนนึงก็ต้องตายกันไปข้าง หรือไม่ก็พิการจนขยับตัวไม่ได้ เพราะงั้นในสถานการณ์แบบนี้เป็นไปได้มากว่าหวางเห้าจะกลืนน้ำลายตัวเอง

เพราะฉะนั้นไล่หวางเห้าไปซะตั้งแต่ตอนนี้ อย่างน้อยเขาก็จะไม่ต้องเจ็บในภายหลัง อย่างมากก็เอาไปหักล้างบุญคุณสักครึ่งนึง

“เหอๆ นายยิ่งใหญ่จริงๆ นายทำแบบนี้ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนยังไงๆอยู่” หลี่ฝางยิ้มขมขื่น “ลึกๆแล้วนายก็โทษฉันอยู่ใช่ไหม?”

“ไม่เคยครับ เมื่อกี้ผมคิดไว้อยู่แล้ว ขืนอยู่ต่อเกรงว่าคงจะไม่เหมาะจริงๆ”

“อีกอย่าง สงครามระหว่างคุณกับชางสู่ ผมคงไม่เหมาะจะเข้าร่วม”

หวางเห้าส่วยหน้า “เพราะงั้น. การจากไปคือทางเลือกที่ดีที่สุด”

“คุณชายหลี่ ผมรู้ดีว่าคุณมีความสามารถขนาดไหน แล้วก็รู้ด้วยว่าคนระดับไหนที่เป็นแบ็คอัพให้คุณอยู่ ชางสู่ไม่มีทางเอาชนะคุณได้” หวางเห้ารู้ว่าพ่อของหลี่ฝางเป็นถึงจอมปีศาจผู้โด่งดัง

อีกทั้งหวางเห้าก็เจอเห็นฝีมือของส้าวส้วยมากับตัวเอง

พูดตามตรง ไม่ใช่ว่าหวางเห้าไม่เคยเจอคนฝีมือระดับปรมาจารย์ เขาตีรันฟันแทงมาตั้งแต่สมัยหนุ่มๆไม่ว่าจะระดับไหน มีหรือที่เขาจะไม่เคยเจอ?

ปรมาจารย์หลายคนถึงขั้นไม่เสียเวลาแยแสพวกมาเฟีย แต่ถึงกระนั้นพวกเขาเองก็ยังไม่ใช่คู่ปรับที่เหมาะสมสำหรับส้าวส้วย

“แต่ผมยังจะขอร้องคุณเรื่องนึง ช่วยไว้ชีวิตชางสู่ได้ไหมครับ” หวางเห้ามองหน้าหลี่ฝางด้วยสีหน้าอ้อนวอน

หลี่ฝางส่ายหน้า “ถ้าฉันรับปากนาย ก็เท่ากับฉันไม่มีความรับผิดชอบต่อคนอื่น คำพูดที่ว่ามีดดาบไม่มีตา ฉันเชื่อว่านายคงเคยได้ยินมา ถ้าถึงเวลาที่ต้องลงมือกัน แล้วฉันให้พวกของเราคนอื่นออมมือ พวกเขาอาจจะเป็นฝ่ายพลีชีพแทนได้ง่ายๆ”

“ฉันขอถามกลับคำนึง นายกล้ารับประกันไหมว่าชางสู่จะไม่ฆ่าคนของฉันเลยแม้แต่คนเดียว?”

คำพูดของหลี่ฝาง ทำให้หวางเห้าสะอึกไป

สุดท้ายหวางเห้าจึงเพียงแค่ส่ายหน้า “ชางสู่ไม่มีทางรับปากผมแน่”

“เพราะงั้นฉันเองก็ไม่อาจรับปากนายได้เหมือนกัน” หลี่ฝางมองหน้าหวางเห้า แล้วพูดออกมอย่างแน่วแน่

“ยกเว้นคุณจะเป็นคนลงมือฆ่าชางสู่ด้วยตัวเอง ไม่งั้นไม่ว่าจะเป็นใคร ผมก็จะกลับมาเมืองเอกแล้วแก้แค้นแทนพี่น้องของผม” หวางเห้ามองหลี่ฝางแวบนึง

หลี่ฝางหัวเราะ “จะปล่อยฉันไปคนนึงงั้นสิ”

“กลับตงไห่ไปเถอะ ที่ผืนนั้น ฉันจะแย่งมาให้นาย บริษัทของตู้ต้าไห่ล้มละลายถาวรแล้ว มิหนำซ้ำยังเป็นหนี้ก้อนใหญ่ อีกไม่นานธนาคารก็จะเอาเขตไฟแดงไปเร่ขาย ถึงตอนนั้นฉันค่อยไปแย่งมาให้ จากนั้นจะให้เงินนายอีกก้อนไปซ่อมแซมใหม่ให้ดีๆ หึ หวางเห้านายได้สังเกตไหมว่าจริงๆแล้วตงไห่ยังขาดศูนย์อาบน้ำดีๆอยู่” หลี่ฝางพูดยิ้มๆ

หวางเห้าส่ายหน้า “ไม่เป็นไรครับคุณชายหลี่ ที่หรูหราไฮโซไม่เหมาะกับผมเท่าไหร่ ผมแค่อยากทำธุรกิจเล็กๆเลี้ยงดูครอบครัวได้ก็พอ”

“ทำอะไรก็คิดเผื่อพี่น้องนายด้วย” หลี่ฝางโน้มน้าว “อย่าคิดถึงแต่ตัวเอง”

“ไม่ใช่แค่พวกผู้ชาย ไหนจะสาวๆพวกนั้นอีก พวกเธอมาถึงเมืองเอก หาเงินได้มากขึ้นตั้งกี่ร้อยเท่า แล้วนายจะให้พวกเธอกลับไปรับแขกในผับเล็กๆ คิดว่าพวกเธอจะยอมกลับไปหรอ? ผู้หญิงที่ทำงานทางนี้ พวกเธอไม่รู้จักคำว่าความรู้สึกหรอก พวกเธอรู้จักแค่เงิน” หลี่ฝางพูด

หวางเห้านิ่งไป ก่อนจะยอมรับปากหลี่ฝาง “ถ้างั้นก็ขอบคุณคุณชายหลี่มากครับ ถ้าตอนนั้นธุรกิจไปได้ดี ผมจะเอาส่วนแบ่งโอนคืนคุณชายหลี่”

หลี่ฝางส่ายหน้า เมื่อมองดูหวางเห้า ก็รู้สึกว่าเขาคนนี้ยึดหลักยุติธรรมอยู่ไม่น้อย

แต่เสียดายที่มีชางสู่อยู่

ดังนั้นชาตินี้หลี่ฝางกับหวางเห้าก็ไม่มีทางเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันได้

จู่ๆโทรศัพท์ของหลี่ฝางก็ดังขึ้น เป็นเบอร์แปลกโทรเข้ามา ทันทีที่หลี่ฝางกดรับสาย เสียงเอะอะโวยวายก็ดังขึ้น

“คุณชายหลี่ เกิดเรื่องแล้วครับ” ปลายสายเป็นเสียงอันคุ้นเคย

หลี่ฝางขมวดคิ้ว “นายคือเฉิงหยุน?”

“ใช่ครับ น้องสาวของจูเฟิ่งปินอยู่กับเราแล้ว แต่ตอนที่กำลังออกจากโรงเรียนก็เจอกับคนของมู่เสี่ยวไป๋ ก็เลยเกิดการปะทะกัน ฝั่งนั้นมีปืน แถมคนก็เยอะกว่า ตอนนี้พวกเราถูกจับอยู่ในป่าด้านหลังโรงเรียนมัธยมโบตั๋น พวกเราไม่กล้าบุกออกไป คุณชายจะส่งคนมาได้ไหม…”

ทันทีที่เฉิงหยุนพูดจบ เสียงปืนก็ดังขึ้นที่ปลายสาย

หลี่ฝางรีบวางสาย แล้วโทรหาหวางเสี่ยวหยวนกับเฉินฝูเซิงมือเป็นพัลวัน

“เกิดอะไรขึ้นครับเจ้านาย?” เห็นท่าทีของหลี่ฝางแปลกไป หวางเห้าก็ถามขึ้น

“เกิดเรื่องขึ้น ฉันต้องไปที่โรงเรียนมัธยมโบตั๋นหน่อย” หลลี่ฝางตอบ แล้วมุ่งหน้าเดินไปที่รถ

“หึ งั้นผมไปด้วย ตอนนี้ผมยังเป็นคนของคุณอยู่”

หวางเห้ายิ้มด้วยใบหน้าว้าวุ่น “คิดซะว่าเป็นภารกิจสุดท้ายที่ผมจะทำให้คุณได้ก่อนจากไปแล้วกัน”

“อีกฝ่ายคือมู่เสี่ยวไป๋” หลี่ฝางขมวดคิ้วเตือนเขา “ไม่กลัวเจอชางสู่หรือไง?”

พอได้ยินดังนั้น สีหน้าของหวางเห้าก็เปลี่ยนเป็นอึ้งไปทันที ก่อนจะหัวเราะแห้ง “คงไม่บังเอิญขนาดนั้นมั้งครับ”

“ก็ไม่แน่” หลี่ฝางแค่นหัวเราะ

หวางเห้าพูด “ถ้าเป็นชางสู่จริง งั้นผมขอไม่ออกโรง”

“ผมไม่ได้เจอเขามานาน อยากเจอเขาอยู่เหมือนกัน ครั้งก่อนที่ไปบ้านตระกูลมู่ก็ไม่ได้เจอ ถ้าได้เจอก็คงดีเหมือนกัน” หวางเห้าพูด ขณะกำลังก้าวขึ้นรถ

“เจ้านาย จะให้ผมตามไปด้วยไหมครับ?” หวางเห้าถาม

หลี่ฝางลังเลนิดหน่อย แล้วกระโดดขึ้นรถหวางเห้า “ไปเถอะ”

โรงเรียนมัธยมโบตั๋นอยู่ใกล้กับที่ที่หวางเสี่ยวหยวนอยู่มาก ดังนั้นหลี่ฝางจึงไม่ได้กังวลเท่าไหร่

พอไปถึง ดีไม่ดีหวางเสี่ยวหยวนคงจะสะสางให้เรียบร้อย

เมื่อขึ้นมาบนรถ หวางเห้าก็เหยียบคันเร่งจนสุด หลังจากนั้นเขาก็ส่งปืนกระบอกนึงให้หลี่ฝาง “เจ้านาย เอาไว้ป้องกันตัว”

หลี่ฝางเหลือบมองกระจกมองหลัง ก่อนจะเห็นเบนซ์G-Classขับไล่ตามมาติดๆ

ส่วนคนขับ จะเป็นใครไปได้นอกจากส้าวส้วย

หลี่ฝางรู้ดี มีส้าวส้วยทั้งคน เขาไม่ต้องกลัวจะต้องเผชิญกับอันตรายอะไรทั้งนั้น ดังนั้นเขาจึงโบกมือปฏิเสธ “ช่างเถอะ นายถือไว้เองแล้วกัน”

“ก็จริงครับ ชีวิตของคุณชายมีค่ามหาศาล ไม่มีทางเหยียบเข้าไปอยู่ในที่อันตรายอยู่แล้ว” หวางเห้าหัวเราะ

“หมายความว่าไงหวางเห้า?” หลี่ฝางรับรู้ได้ถึงคำกล่าวโทษจากที่เขาพูด

“ก็แค่ท้อแท้ในชีวิตตัวเองครับ คนที่เกิดมาต่ำต้อยอย่างพวกผม ทำได้แค่เอาชีวิตตัวเองเข้าสู่ถึงจะมีโอกาสได้เห็นท้องฟ้าที่สดใส แต่คนที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดอย่างพวกคุณชาย ไม่จำเป็นต้องออกแรงทำอะไรก็มีชีวิตก้าวหน้าคนอย่างพวกผมไปอีกหลายระดับ ทั้งคุณทั้งมู่เสี่ยวไป๋ พอมาคิดๆดูโชคชะตาโคตรไม่ยุติธรรมเลย” หวางเห้าพูด

หลี่ฝางส่ายหัว ไม่ได้ตอบอะไร

ในสังคมนี้เคยมีความยุติธรรมที่ไหน?

ปัญหานี้ต่อให้ถกเถียงไปก็ไม่ได้อะไร บางทีหวางเห้าอาจจะพูดถูก คนที่เกิดมาในชาติตระกูลเช่นเดียวกับหลี่ฝาง จะมีสักกี่คนที่อยากลองไปใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาๆ?

แต่ฉินวี่เฟยก็เป็นตัวอย่างที่มีอยู่จริงไม่ใช่หรือไง?

“ทุกคนก็มีชีวิตที่ไม่ง่ายทั้งนั้น เพียงแต่คนมีเงินก็อาจจะกดดันกับชีวิตน้อยหน่อยล่ะมั้ง?” หลี่ฝางพูด

หวางเห้าหัวเราะ “คงงั้นมั้งครับ แต่ผมอยากจะลองใช้ชีวิตแบบคุณชายหลี่จริงๆนะ”

“การใช้เงินเหมือนใช้ดินที่ไม่มีวันจะขาด ใช้ชีวิตแบบที่ไม่ต้องกังวลว่ามันจะหมดเมื่อไหร่ ตระกูลหลี่ร่ำรวยมหาศาล ตอนที่คุณบอกว่าคุณคือเจ้าของสถานตากอากาศนั่น ผมนี่ทึ่งไปเลย ไหนจะตอนที่คุณโยนเงินสดสิบล้านกว่ามาให้ วินาทีนั้นผมรู้สึกว่าเงินก้อนโตขนาดนั้นกลับเป็นแค่เศษเงินสำหรับคุณ”

หวางเห้าถอนหายใจอีกครั้ง แต่ยังคงรักษาระดับความเร็วของรถไว้อยู่เสมอ

ผ่านไปสิบกว่านาที รถก็มาจอดอยู่ที่หน้าโรงเรียนมัธยมโบตั๋น

เวลานี้มีร่างของชายแก่นอนอยู่บนพื้น เลือดไหลออกเต็มตัว หลี่ฝางรีบวิ่งเข้าไปดูแต่หวางเห้าห้ามไว้ “ระวังครับ นี่อาจจะเป็นกับดักก็ได้”

คำพูดของหวางเห้าทำให้หลี่ฝางหยุดชะงัก

จู่ๆหลี่ฝางก็นึกถึงลูกพี่หลิน ตอนนั้นเขาเองก็ใช้วิธีเล่นละครตบตาว่าตัวเองบาดเจ็บไม่ใช่หรอไง?

“เดี๋ยวผมเข้าไปเอง” หวางเห้าพูด “ยังไงชีวิตผมก็ไม่มีค่าอะไรอยู่แล้ว”

หวางเห้าพูดจบก็เดินไปหาชายแก่คนนั้น ร่างที่นอนจมกองเลือดร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด หวางเห้าเข้าไปพยุงเขาขึ้นมา “ลุงเป็นอะไรไหมครับ?”

“ช่วยเรียกรถพยาบาลให้ทีสิพ่อหนุ่ม ลุงโดนยิง ขยับมือไม่ได้” โทรศัพท์ของชายแก่แบตหมด เขาไม่รู้จะช่วยเหลือตัวเองยังไง

อีกทั้งตอนนี้ก็ดึกมาแล้ว เขาแหกปากตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีใครผ่านมาสักคน

หวางเห้าพยักหน้า ขณะกำลังจะกดเบอร์โทร ส้าวส้วยก็เดินเข้ามาห้ามไว้ก่อน “ฉันโทรเรียกแล้ว นายปล่อยเขาก่อนเถอะ”

หวางเห้าไม่ได้พูดอะไร เขาปล่อยชายแก่ลงบนพื้น

“พวกเธอ…พวกเธอคงไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายเหมือนกันหรอกนะ?” ชายแก่มองส้าวส้วยสลับกับหวางเห้า ตกใจจนเหงื่อออก

ส้าวส้วยหัวเราะหึ “ถ้าพวกเราเป็นผู้ก่อการร้าย ป่านนี้ลุงก็ไม่รอดแล้ว”

“ลุงโดนยิงมานานแค่ไหนแล้ว?” ส้าวส้วยถาม

“สิบนาทีได้ เมื่อกี้นี้ ตอนที่คนพวกนั้นกำลังตีกัน ลุงอยู่ตรงกลางพอดี…” ชายแก่พูดไปได้ครึ่งนึง ส้าวส้วยก็ยื่นมือตรงเข้าไปบีบคอของเขา “พูดความจริง”

“นาย นาย…” ส้าวส้วยออกแรงบีบ ไม่นานชายแก่ก็เจ็บปวดจนพูดไม่ออก

ส่วนหลี่ฝางก็เดินเข้ามาในเหตุการณ์ “ทำอะไรส้าวส้วย?”

“ดูตาปลาที่มือเจ้านี่สิครับ ดูก็รู้ว่าเป็นคนที่ฝึกวิทยายุทธ์ มันโดนยิงจริงแต่ดูก็รู้ว่ามันเป็นคนยิงตัวเอง แถมเพิ่งยิงเมื่อกี้เลยสินะ ดูจากรอยเลือดแสดงว่าเพิ่งจะยิงได้ไม่เกินห้านาที แต่จงใจทำรอยเลือดไว้บนพื้น”

ส้าวส้วยพูดจบ แววตาของชายแก่ก็เปลี่ยนเป็นร้ายกาจ ท่าทีกลายเป็นโหดร้ายในทันใด

จู่ๆมือใหญ่ก็ตรงเข้ามาหวังจะจู่โจมเข้าที่คอหอย แต่คิดไม่ถึงว่าส้าวส้วยจะไวกว่าหลายเท่า เขากุมมือหนาข้างนั้น ก่อนจะบีบข้อกระดูกนิ้วทั้งห้าจนแหลก

เสียงดังกร็อบ ตามมาด้วยสีหน้าเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสของอีกฝ่าย

“แกมีเป้าหมายอะไร พูด” ส้าวส้วยมองหน้าชายแก่

“ถ้าไม่พูด ชาตินี้แกก็จะไม่มีโอกาสได้พูดอีก” สายตาของส้าวส้วยเย็นยะเยียบ

ชายแก่ไม่ตอบ แต่จังหวะที่มือของส้าวส้วยกำลังออกแรงอย่างหนัก เขาก็เหลือบไปมองหลี่ฝางแวบนึง เป็นคำตอบว่าเป้าหมายของเขาก็คือหลี่ฝาง

ทันใดนั้น หลี่ฝางก็รู้สึกเสียวสันหลังวูบวาบ

ถ้าเมื่อกี้หวางเห้าไม่ได้ห้ามเอาไว้ ป่านนี้เขาก็คงติดกับดักเรียบร้อยแล้ว หลี่ฝางขมวดคิ้ว “ไปเถอะ พวกเราเข้าไปในป่ากัน”

ขณะเดินผ่านป้อมยาม หลี่ฝางแหงนหน้ามองเข้าไปด้านใน มีคนนอนแผ่หลาอยู่ สภาพของเขาตายแน่นิ่ง

หลี่ฝางพูดกับส้าวส้วย “ฆ่ามันซะ”

“มันยังมีประโยชน์อยู่ ไว้ชีวิตมันไปก่อนเถอะครับ” ส้าวส้วยพูด แล้วฟาดเข้ากับท้ายทอยจนชายแก่สลบเหมือด

ส้าวส้วยหัวเราะ “ตัวตนจริงๆของไอ้แก่นี่ ดูท่าจะไม่ธรรมดา”

ส้าวส้วยเหล่มองหวางเห้าแวบนึง “ดูจากวิทยายุทธ์ของเจ้านี่ ถ้าฉันไม่เดินเข้ามาซะก่อน นายคงได้กระดูกหักคามือมันไปแล้ว”

หวางเห้าไม่ได้โมโห แต่หัวเราะฝืดๆ “หมอนี่มันลงมือเร็วเหมือนเดอะแฟลชจริงๆ ฉันไม่ทันมันเลย อย่าว่าแต่ลอบสังหาร ถึงสู้กันตรงๆฉันก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน”

“ขอบใจที่ช่วยชีวิตฉัน” หวางเห้ามองส้าวส้วยด้วยความซึ้งใจ

“คนกันเอง” ส้าวส้วยพูดยิ้มๆ เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่รู้เรื่องที่หวางเห้ากำลังจะจากไป

หลี่ฝางไม่ได้บอกส้าวส้วย เอาไว้ค่อยบอกแล้วกัน ตอนนี้มีเสียงปืนดังออกมาจากป่าด้านหลัง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท