NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 593 สองทางเลือก

บทที่ 593 สองทางเลือก

ฉันอัดคลิปอาไว้

คำพูดของมู่เหวินตง ทำให้ใจของหลี่ฝาง ผิดหวังเป็นอย่างมาก

และโจวเจ๋ที่อยู่ข้างๆ สีหน้าของเขาเองก็ซีดลงในทันที

แววตาของมู่เสี่ยวไป๋เป็นประกาย มองไปยังพี่ของตัวเอง พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเล็กน้อย “พี่ พี่มีคลิปทำไมไม่เอาออกมาตั้งแต่แรกล่ะ?”

มู่เหวินตงไม่ได้พูดอะไร ค่อยๆเปิดคลิปเสียงอย่างใจเย็น แล้วพูดว่า “คุณอาหวาง ต้องการแจ้งตำรวจไหม?”

คลิปนี้ของมู่เหวินตง ดูเหมือนจะเป็นหลักฐานที่แน่นหนา

แม้แต่หวางเฉิงหย่วนในตอนนี้ ก็ไม่กล้าปกป้องหลี่ฝางอีก

หวางเฉิงหย่วนมองไปยังหลี่ฝาง ถามออกไปอย่างใจเย็นว่า “หลี่ฝาง คุณจะว่ายังไง?”

“ถ้าเกิดพวกคุณต้องการเจรจากันเอง งั้นก็รีบทำ ถ้าเกิดเจรจาไม่ได้ งั้นก็แจ้งตำรวจเถอะ”

หวางเฉิงหย่วนพูดด้วยเสียงที่ไร้อารมณ์ “ไม่ว่าจะยังไง เรื่องในครั้งนี้ จะต้องไม่ถูกแพร่งพรายออกไป”

“ชื่อเสียงคฤหาสน์บ้านซาน จะต้องไม่เสียหาย พวกคุณเข้าใจใช่ไหม?”

ตอนที่หวางเฉิงหย่วนพูด เน้นจ้องมองไปยังมู่เหวินตง

หวางเฉิงหย่วนมองไปยังมู่เหวินตงแล้วพูดว่า “หวังว่าคุณจะไว้หน้าฉันนะ”

มู่เหวินตงพยักหน้ารับ ถือว่าตกลง

ตอนนี้มู่เหวินตงก็เปิดคลิป ให้หลี่ฝางฟัง มู่เหวินตงยิ้มมุมปาก มองไปยังโจวเจ๋ที่อยู่ข้างหลังหลี่ฝาง “สวัสดี โจวเจ๋ คุณคงจะเป็นผู้จัดการคนใหม่ของถู่โต้ว ถูกไหม?”

“ข้างในนี้ รู้สึกเหมือนจะมีเสียงของคุณอยู่ด้วย” มู่เหวินตงมองไปยังโจวเจ๋ แล้วยิ้มอย่างเย็นชา

ต้องขอยอมรับว่า ไอ้เจ้ามู่เหวินตง มีความอดทนค่อนข้างสูง

ทั้งๆที่ในมือตัวเองมีไพ่ซ่อนเอาไว้ แต่กลับสามารถเก็บเอาไว้จนถึงตอนนี้

ครั้งนี้ เล่นเอาซะหลี่ฝางไม่สามารถโต้กลับไปได้

ถึงแม้ว่าข้างในคลิป เฉินฝูเซิงไม่เคยยอมรับว่าเป็นตัวเอง แต่จากข้อมูลที่มี ตัวตนของเขา คงจะปิดบังได้ยาก

ส่วนโจวเจ๋ ยิ่งหนีไม่รอด

หวางเฉิงหย่วนเดินมาอยู่ตรงหน้าของโก่เอ๋อ แล้วถามว่า “โก่เอ๋อ คุณชายของตระกูลหลี่ ทำไมถึงกลายเป็นนายจ้างของหนูได้ล่ะ?”

“พวกเธอรู้จักกันได้ยังไงเหรอ? ทำไมหนูถึงมาอยู่ที่เมืองเอกได้ล่ะ?” หวางเฉิงหย่วยถามอย่างต่อเนื่อง

โก่เอ๋อทำปากมุ่ย แล้วพูดว่า “คุณอาหวาง คุณยังไม่รู้อีกเหรอ? ฉันถูกไล่ออกมาจากบ้าน ทั้งบัตรของฉัน รถ ก็ล้วนถูกที่บ้านปิดเอาไว้ แถมคุณปู่ก็สั่งไปว่า ไม่ว่าใครก็ห้ามช่วยเหลือฉัน”

“ในเมื่อไม่มีทางเลือก ฉันจึงต้องมาอยู่กับหลี่ฝาง มาเป็นสตรีมเมอร์ของเขา เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง”

“คงจะปล่อยให้หิวตายไม่ได้ถูกไหม?”

“งานเองก็ไม่ได้เหนื่อยอะไร เป็นสตรีมเมอร์ก็ไม่เลว หลี่ฝางเองก็ดีกับฉัน มีทั้งที่อยู่และของกิน แถมยังให้เงินฉันอีก”

พอโก่เอ๋อพูดจบ ก็มองไปยังหวางเฉิงหย่วน กระซิบถามว่า “คุณอาหวาง หลี่ฝางมีปัญหาใช่ไหม? ถ้าเกิดคุณอาสามารถช่วยเขาได้ ก็ช่วยเขาสักหน่อยเถอะ”

หวางเฉิงหย่วนพยักหน้า สิ่งที่เขาต้องการ ก็คือคำพูดนี้ของโก่เอ๋อ

“ในเมื่อเป็นเพื่อนของหนู งั้นคุณอาจะยกเว้นให้สักครั้ง”

หวางเฉิงหย่วนพูดด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด “แต่ว่าคุณอาคนนี้ขอบอกอะไรหนูอย่างนะ เรื่องครั้งนี้ หลี่ฝางค่อนข้างจะเสียเปรียบ เจ้าหนุ่มนี้โกหกฉัน แต่เห็นแก่หลาน จะไม่เอาเรื่องเขาก็แล้วกัน แต่ว่า เขาเก็บกวาดไม่สะอาด เหลือหลักฐานเอาไว้ ถ้าเกิดแจ้งตำรวจขึ้นมา บางทีเขาอาจจะถูกจับเข้าไปได้”

“งั้นจะทำไงดี?” ใบหน้าของโก่เอ๋อ จู่ๆก็เต็มไปด้วยความเป็นห่วง

“โก่เอ๋อ ดูหนูตกใจสิ หนูชอบคุณชายตระกูลหลี่เข้าแล้วใช่ไหม?”

หวางเฉิงหย่วนเห็นว่าโก่เอ๋อมีอาการตกใจเป็นพิเศษ จึงรีบถามออกไป

“ใช่ที่ไหนล่ะ คุณอาหวาง ถ้าเกิดยังล้อหนูอีก หนูจะไม่สนใจคุณอาแล้ว ที่หนูเป็นห่วงหลี่ฝาง ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะหลี่ฝางเป็นนายจ้างของหนู ถ้าเกิดเขาถูกจับขึ้นมา งั้นหนูก็ต้องหางานใหม่สิ แบบนี้หนูเองก็เป็นผู้เสียหายด้วยถูกไหมล่ะ? ว่างั้นไหม คุณอาหวาง?”

“อีกอย่าง คุณอาหวาง หลี่ฝางมีบุญคุณกับหนู เขามีปัญหา หนูคงเอาแต่ยืนดูไม่ได้ถูกไหม? คุณอาหวาง คุณอาก็ช่วยเหลือเขาสักหน่อยเถอะ”

โก่เอ๋อดึงแขนของหวางเฉิงหย่วน ส่ายไปมาราวกับเป็นเด็กน้อย

ส่วนหวางเฉิงหย่วน ในตอนนี้ ก็เข้าไปกระซิบข้างหูของโก่เอ๋อ “มีวิธีแก้ อยู่หนึ่งวิธี แต่ว่ามันแค่ทำให้หลี่ฝางหลุมจากการเป็นผู้ต้องสงสัย ส่วนคนอื่น อาไม่สามารถช่วยได้”

“แค่หลี่ฝางรอดก็พอแล้ว ส่วนคนอื่นจะเป็นร้ายดี ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหนู” โก่เอ๋อพูดด้วยความดีใจ

“งั้นหนูต้องให้ความร่วมมือด้วย”

หวางเฉิงหย่วนกระซิบข้างหูของโก่เอ๋อ พูดเสียงเบาๆไม่กี่ประโยค จากนั้นโก่เอ๋อก็แย่งมือถือจากมือของหวางเฉิงหย่วน พอได้โทรศัพท์ของเขา ก็พูดว่า “คุณอาหวาง ขอหนูใช้โทรศัพท์ของอาหน่อยนะ”

พอโก่เอ๋อได้มือถือของหวางเฉิงหย่วน ก็รีบกดหมายเลขแล้วโทรออกไป จากนั้นก็ถือโทรศัพท์ แล้วเริ่มพูดแซวขึ้นมา”

“พี่หวาง เมื่อไหร่พี่จะแวบมาหาฉัน……”

โก่เอ๋อแสร้งทำเป็นว่ากำลังคุยโทรศัพท์อยู่ จากนั้นก็ค่อยๆเดินออกไปยังข้างๆสระน้ำ

บ้านพักของหลี่ฝาง ได้เลี้ยงจระเข้อยู่หลายตัว ถึงแม้จะไม่ได้ใหญ่มา แต่มันก็ไม่ได้เล็ก

รอบๆสระนี้ มีลวดหนามกั้นไว้อยู่แล้ว จระเข้ไม่สามารถหนีออกไปได้ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น พอมีคนเข้าใกล้ มันก็ยังอันตรายอยู่ดี

แน่นอนว่าตอนที่โก่เอ๋อเข้าใกล้ หลี่ฝางก็ร้องตะโกนเรียกในทันที “โก่เอ๋อ เดินมาทางนี้ เธอจะคุยโทรศัพท์ก็คุยไปสิ ทำไมต้องเดินไปยังสระจระเข้ด้วยล่ะ มันอันตรายนะ”

หลี่ฝางพูดไป พร้อมกับกำลังเดินไปดึงตัวของโก่เอ๋อมา

แต่ใครจะคิดล่ะ ในตอนนั้นเองที่โก่เอ๋อ ก็เกิดตัวสั่นด้วยความกลัวอย่างโอเวอร์ มือถือที่อยู่ในมือ ก็ตกเข้าไปยังข้างในสระจระเข้

“มือถือของฉัน”

หวางเฉิงหย่วนมองไปยังมือถือของตัวเองที่ตกลงไปยังสระ เผยใบหน้าที่เจ็บใจเด้วยความเสียดาย “เฮ้อ มือถือของฉัน เครื่องนี้ฉันใช้เงินหลายแสนซื้อมันมาเลยนะ”

มือถือของหวางเฉิงหย่วน เป็นเครื่องที่ทำขึ้นมาสำหรับคนที่ทำธุรกิจส่วนตัว สามารถปกปิดข้อมูลได้เป็นอย่างดี

แน่นอนว่า นี่เป็นการแสดงของโก่เอ๋อ ความเจ็บใจของหวางเฉิงหย่วน ก็เป็นการแสดงเหมือนกัน

ข้างในมือถือของหวางเฉิงหย่วน มีบันทึกการโทรเข้าของหลี่ฝาง

พอมือถือตกลงไปในสระน้ำ งั้นบันทึกที่โทรเข้า ก็หายไปเช่นกัน

พอหลี่ฝางเดินเข้าไปหาโก่เอ๋อ โก่เอ๋อก็พูดเบาๆไปว่า “ฟังให้ดีนะ ไม่ว่าจะยังไงก็ห้ามยอมรับ จำไว้ คุณไม่เคยโทรไปหาคุณอาหวาง”

หลี่ฝางพยักหน้าอย่างว่านอนสอนง่าย

มู่เหวินตงหัวเราะ เพียงแค่แวบเดียวก็รู้แล้วว่ามันหมายถึงอะไร

หวางเฉิงหย่วนมองไปยังโก่เอ๋อ แล้วพูดว่า “เฮ้อ โก่เอ๋อ ทำไมเราถึงไม่ระวังแบบนี้”

“คุณอาหวาง หนูไม่ได้ตั้งใจ พอหนูเห็นจระเข้ ก็ตกใจขึ้นมา เพราะงั้นจึง……” โก่เอ๋อแกล้งสำนึกผิด

การแสดงนี้ ก็จบลงแต่เพียงแค่นี้

หวางเฉิงหย่วนมองไปยังมู่เหวินตง พูดด้วยสีหน้าที่ช่วยไม่ได้ว่า “มู่เหวินตง คุณเองก็เห็นแล้ว มือถือของฉันตกลงยังสระน้ำแล้ว ตอนแรกถ้าเกิดคุณต้องการแจ้งความ ฉันยังสามารถเป็นพยานให้ได้ เพื่อยื่นยันก่อนเกิดเรื่องหลี่ฝางได้โทรมาหาฉัน”

“แต่ตอนนี้……”

หวางเฉิงหย่วนยังพูดไม่จบประโยค มู่เสี่ยวไป๋ก็พูดแทรกขึ้นมา “บันทึกการโทรเข้าสามารถไปตรวจเช็ดที่บริษัทมือถือได้นะ คุณอาหวาง”

แม้แต่คนโง่ยังดูออก การแสดงนี้ของหวางเฉิงหย่วน ดูออกได้ไม่ยาก

แต่หวางเฉิงหย่วนก็ใช้การแสดงเล็กๆนี้เพื่อบอกกับทุกคนที่อยู่ที่นี่ว่า เขาไม่ต้องการเป็นพยาน เพื่อชี้ตัวหลี่ฝาง

เพื่อการนั้น เขาไม่เสียดายที่จะต้องโยนมือถือของตัวเองลงไปยังสระน้ำ

กระทำของหวางเฉิงหย่วน มันชัดเจนขนาดนี้แล้ว ที่เขาแสดงละครเล็กๆนี้ ก็เพราะว่าไม่ต้องการหักหน้าโดยตรงต่างหากล่ะ

หวางเฉิงหย่วนคงไม่สามารถพูดตรงๆไปได้ว่า ตัวเองไม่อยากเป็นพยานถูกไหม?

หวางเฉิงหย่วนไม่อยากมีเรื่องการตระกูลมู่ แต่พอมู่เสี่ยวไป๋พูดแบบนี้ เป็นการบังคับให้หวางเฉิงหย่วน มู่เหวินตงรีบจ้องไปยังมู่เสี่ยวไป๋ แล้วพูดว่า “แกไม่ได้ยินที่ฉันพูดรึไง เมื่อกี้ฉันบอกไปแล้ว เรื่องครั้งนี้ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคุณอาหวางแม้แต่น้อย”

“ในเมื่อคุณอาหวางไม่ต้องการเข้ามายุ่ง เหวินตงก็จะไม่บังคับ”

มองไปยังหวางเฉิงหย่วน มู่เหวินตงพูดอย่างเป็นงานว่า “เพียงแต่ว่า ตระกูลมู่ของพวกเราเสียหายขนาดนี้ คงไม่สามารถจบเรื่องนี้ไปทั้งๆแบบนี้”

“คุณอาหวาง ตอนนี้ คลิปนี้สามารถระบุตัวคนร้ายได้แล้ว งั้นผมขอถามหน่อยว่า คุณอาหวาง ท่านต้องการให้ทำยังไงต่อดี?”

มู่เหวินตงมองไปยังหวางเฉิงหย่วน สอบถามว่า “กลุ่มคนที่ก่อเหตุ หนึ่งในนั้นคือเฉินฝูเซิง ส่วนอีกคน ก็คือผู้จัดการที่อยู่ข้างๆหลี่ฝาง โจวเจ๋”

หวางเฉิงหย่วนไอไปหนึ่งที มองไปยังหลี่ฝางแล้วพูดว่า “ตอนนี้คุณมีอยู่สองทางเลือก หนึ่งคือจัดการตามกฎหมาย ถ้าเกิดจัดการตามกฎหมาย หลี่ฝาง คนที่อยู่ข้างหลังคุณ คงจะต้องเข้าคุก ส่วนอีกคนที่ชื่อว่าเฉินฝูเซิง เขาต้องยอมมอบตัว ไม่งั้นก็กลายเป็นผู้ร้ายหลบหนี”

“ส่วนอีกทางเลือกนึง ก็คือถ้าเกิดพี่น้องตระกูลมู่รู้สึกพอใจ ก็ให้จ่ายค่าเสียหาย”

พอหวางเฉิงหย่วนพูดจบ ก็หันไปมองมู่เหวินตง แล้วถามว่า “สองทางเลือกที่ฉันพูดออกไป พวกคุณพอใจรึเปล่า?”

“งั้นหลี่ฝางล่ะ? เขาต่างหากคือคนที่อยู่เบื้องหลัง ทำไมพูดไปพูดมา เหมือนกับว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้เลย” มู่เสี่ยวไป๋มองไปยังหลี่ฝางด้วยความเย็นชา พูดอย่างไม่พอใจว่า “ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะเขาที่ค่อยคนสั่งการอยู่เบื้องหลัง”

ไม่ว่าจะเป็นโจวเจ๋ หรือว่าเฉินฝูเซิง พวกมู่เสี่ยวไป๋ก็ไม่ได้รู้สึกอยากทำอะไรพวกเขา

โจวเจ๋เป็นแค่ตัวประกอบคนนึง จับเขาเข้าคุก ก็ไม่มีประโยชน์อะไร

ส่วนทางด้านเฉินฝูเซิง?

ถ้าเกิดไอ้เฉินฝูเซิงถูกจับขึ้นมา งั้นมู่เสี่ยวไป๋ก็ต้องเผชิญกับอันตราย ด้วยเฉพาะตอนที่จูเปิ่นเดินออกไป ก่อนไปได้เน้นย้ำที่ข้างหูของเขา ข่มขู่เข้าเอาไว้

มู่เหวินตงทำหน้าเครียด แล้วพูดว่า “เรื่องในครั้งนี้ คุณชายหลี่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร หรือรับรู้แต่อย่างใด ก็เป็นไปได้”

“พี่ พี่กำลังพูดบ้าอะไรอยู่น่ะ ทำไมแม้แต่พี่เองก็เข้าข้างคนอื่นแบบนี้ล่ะ?” พอได้ยินคำพูดของมู่เหวินตง สีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ จู่ๆก็เผยความโกรธเป็นอย่างมาก

“แกหุบปาก เรื่องครั้งนี้ เดิมทีก็เป็นเพราะว่าลูกน้องของคุณชายหลี่เป็นคนตัดสินใจกันเอาเอง”

มู่เหวินตงเป็นคนฉลาด เขามองออกว่า หวางเฉิงหย่วน ต้องการที่จะปกป้องหลี่ฝางอย่างเต็มที่ อีกอย่าง ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากหวางเฉิงหย่วน ตัวเขาไม่สามารถเอาผิดอะไรหลี่ฝางได้

เพราะงั้น อย่าน้อยก็ต้องรักษาน้ำใจ อย่าได้ไปล่วงเกินหวางเฉิงหย่วน และเป็นการแสดงความใจกว้างของตัวเอง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องไว้หน้ากันบ้าง

ส่วนหลี่ฝางก็พูดออกไปอย่างไม่เต็มใจว่า “บอกมา พวกแกต้องการให้ชดใช้ยังไง?”

“เรื่องครั้งนี้ จริงอยู่ที่ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ฉันไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ฉันเอง ก็เพิ่งรู้เมื่อกี้นี้เอง”

“ไม่ว่าจะเป็นโจวเจ๋หรือว่าเฉินฝูเซิง พวกเขาล้วนเป็นคนของฉัน บริษัทเกิดปัญหาขึ้นมานิดหน่อย เพราะงั้นพวกเขาจึงใจร้อน จึงทำอะไรที่มันผิดพลาดลงไป ทำเกินกว่าเหตุ ฉันหวังว่าตระกูลมู่จะให้โอกาสพวกเขาสักครั้ง”

หลี่ฝางเพิ่งพูดจบประโยค หวางเฉิงหย่วนก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันเองก็ต้องรับผิดชอบ คฤหาสน์บ้านซานนี้ ไม่ว่าจะยังไงที่ปัญหาก็เกิดขึ้นเพราะยามเป็นคนปล่อยให้พวกกเขาเข้ามา”

“ฉันเองก็ยินดีที่จะจ่ายค่าเสียหายให้”

หวางเฉิงหย่วนมองไปยังมู่เหวินตง แล้วพูดว่า “จริงสิ ตระกูลมู่ของพวกคุณเพิ่งซื้อบ้านไปถูกไหม? ฉันจำได้ว่าใช้วิธีผ่อนเอา เอาแบบนี้ไหม บ้านหลังนั้น ให้ฉันมอบให้กับตระกูลมู่ของพวกคุณ ตกลงไหม?”

ใบหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ ตกใจไปพักนึง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นดีใจ “คุณอาหวาง คุณพูดจริงเหรอ? คุณไม่ได้ล้อพวกเราเล่นใช่ไหม?”

“ไม่ได้ล้อเล่น เรื่องครั้งนี้ฉันเองก็ต้องรับผิดชอบ ฉันยินดีที่จะจ่ายค่าเสียหายให้” หวางเฉิงหย่วนพูดอย่างใจเย็น

ไม่ว่าจะเป็นคฤหาสน์บ้านซานหลังไหน ก็มีมูลค่ามากกว่ายี่สิบล้าน พูดตรงๆ ชีวิตของหวางต้องมีค่าไม่เท่าไหร่เอง?

ไม่มีทางที่จะมีถึงยี่สิบล้านหรอก?

มู่เสี่ยวไป๋รู้สึกว่าตัวเองได้กำไรกองใหญ่ ส่วนมู่เหวินตงที่นั่งอยู่บนรถเข็น ใบหน้าไม่ได้แสดงความสนใจแม้แต่น้อย

“ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันขอกลับไปพักผ่อนก่อน”

มู่เหวินตงพูดด้วยใบหน้าที่สับสนว่า “ส่วนเรื่องค่าเสียหาย พรุ่งนี้ฉันจะบอกอีกที”

“เวลาป่านนี้แล้ว เสี่ยวไป๋ พาฉันกลับไปพักผ่อนหน่อย” ใบหน้าของมู่เหวินตง เต็มไปด้วยความไม่พอใจ

มู่เสี่ยวไป๋อึ้งไปซักพัก จากนั้นก็มองไปยังมู่เหวินตง แล้วพูดเบาๆไปว่า “พี่ พี่เพี้ยนไปแล้วเหรอ หวางเฉิงหย่วนต้องการจ่ายค่าเสียหายเป็นบ้านพักให้กับพวกเราเลยน่ะ”

“หวางเฉิงหย่วนจ่ายแทนหลี่ฝาง แกจะดีใจทำไม?” มู่เหวินตงจ้องมองไปยังมู่เสี่ยวไป๋ “หวางเฉิงหย่วนชดใช้แทนหลี่ฝาง รึว่าแกยังไม่เข้าใจอีกงั้นเหรอ?

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท