NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 583 อย่ารังแกหลินชิงชิง

บทที่ 583 อย่ารังแกหลินชิงชิง

เมื่อเห็นเบอร์แบบมั่วๆ หลี่ฝางก็รู้ สายนี้จะต้องเป็นของจางกงหมิงที่โทรมา

หลี่ฝางรีบกดรับสาย ไม่รอให้จางกงหมิงพูด หลี่ฝางก็พูดอย่างเป็นห่วง: “พี่หมิง พี่ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”

“ไอ้บ้า มีจิตใต้สำนึกบ้างมั้ยเหนี่ย ฉันหวังดีคาบข่าวไปแจ้ง แต่นายกลับเอาคนมาเป็นร้อย จะฆ่ากันเหรอ? ทำไม ฉันไปทำอะไรผิดต่อนายหรือไง นายถึงได้ทำกับฉันแบบนี้!”

เมื่อโทรติด จางกงหมิงก็ด่าหลี่ฝางในโทรศัพท์ ไปชุดนึง

หลี่ฝางรีบเอ่ยปากอธิบาย: “พี่หมิง พี่อย่าเข้าใจผิด……”

“เข้าใจผิด? นี่เรียกว่าเข้าใจผิดเหรอวะ? นายกล้าพูดว่าหวางเสี่ยวหยวนไม่ใช่คนมั้ย? ไม่ใช่ว่านายเรียกมาเหรอ? เ**ดแม่ ไอ้สารเลวนั่นใช้ท่อเหล็กทุบไหล่ฉัน ถ้าเอาแขนฉันเกือบหัก โชคดีที่กระดูกฉันแข็ง นายรู้มั้ย แขนของฉัน อาทิตย์นึงฉันไม่ต้องแม้แต่จะคิดยกแขนเลย”

“ยังมีเอวฉัน ทางที่ดีอย่าแตะผู้หญิงสองเดือน ถ้าหากอดไม่ไหว หมอแนะนำให้นอนเฉยๆ ” จางกงหมิงกัดฟัน แล้วพูดอย่างโมโหสุดๆ : “นายรู้มั้ยสำหรับฉันแล้วหมายความว่าอะไร?”

“พี่หมิง หลังจากที่เล่นผู้หญิงมาหลายวัน ก็ถึงเวลาที่ตับของตน ต้องพักผ่อนบ้างแล้ว”

หลี่ฝางพูดอย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย: “พี่หมิง ถ้าผมบอกว่าที่ผมทำแบบนี้ ก็เพื่อพี่ พี่จะเชื่อมั้ย?”

“ฉันยอมเชื่อตาแก่เลวข้างถนน ดีกว่าเชื่อไอ้สารเลวอย่างแก”

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ แล้วถาม: “งั้นผมถามหน่อย พี่หมิง หลังจากเกิดเรื่อง มู่เสี่ยวไป๋สงสัยพี่มั้ย?”

“นั้นต้องสงสัยอยู่แล้ว ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของเขา เพียงแค่ชั่วครู่ก็พังยับเลย แถมยังไปรู้มาอีกว่าเป็นฝีมือของพวกนาย ธุรกิจขายส่งนี้ ก็ถูกจัดการไปด้วย ในเวลาเดียวกัน ช่วงนี้แผนการหาเงินของเขา ทั้งหมดถูกนายทำพังหมดเลย นี่เห็นได้ชัดว่ามีคนขายเขาแล้ว แอบส่งข่าวให้นาย จากความสัมพันธ์ของพวกเราสองคน ถ้าเขาไม่สงสัยฉัน จะไปสงสัยใคร? แต่ว่าให้พูด ฉันกับพี่น้องของฉัน ได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้ ก็ยังถือว่าเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี มู่เสี่ยวไป๋เหมือนจะแคลงใจฉันน้อยลงแล้ว แต่แค่ ยังสงสัยอยู่เล็กน้อย”

หลี่ฝางหัวเราะ แล้วพูด: “เหอะๆ บอกแล้วไง ดังนั้น ผมหวังดีนะ ลองคิดดูพี่ทำงานภายใต้คำสั่งของมู่เสี่ยวไป๋ ถ้าหากทำให้เขารู้สึกว่าพี่กำลังทำอะไรบางอย่าง ลับหลังเขา เขาจะปฏิบัติกับพี่ยังไง? ถ้าหากในใจเขาคิดว่าพี่ทรยศ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะลงมือกับพี่ ฝังกลบพี่ คนแบบเขา คงจะทำได้อย่างแน่นอน”

“ผมให้หวางเสี่ยวหยวนทำร้ายพี่ นั่นมันไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ จึงต้องจำใจทำร้าย เข้าใจมั้ย? พี่หมิง” หลี่ฝางพูดพลางหัวเราะเหอะๆ

“เอาละ เรื่องนี้ ฉันจะไม่โวยวายแล้ว ฉันโทรหานาย ก็ไม่ได้อยากจะมาบ่นอะไรหรอก ฉันมีเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่านั้น จะแจ้งให้นายรู้” น้ำเสียงของจางกงหมิง จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา

หลี่ฝางรีบยิงคำถาม: “เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก?”

“ถึงแม้ว่าข้อสงสัยในตัวฉัน ถือได้ว่าล้างไปเรียบร้อยแล้ว แต่ว่า คนอีกฝ่ายที่มู่เสี่ยวไป๋สงสัย กลับเปลี่ยนไปอยู่ที่ตัวของเสี่ยวโจว เสี่ยวโจวถือว่าถูกฉันลากเข้ามาเกี่ยวด้วยแล้ว เมื่อกี้มู่เสี่ยวไป๋มาเยี่ยมฉัน เขาบอกกับฉันว่า อยากหาโอกาสกำจัดเสี่ยวโจว แถมยังให้ฉันเป็นคนลงมือ แม่งเอ๊ย ไอ้เลวนั่นยังไม่เชื่อใจฉันอีก”

จางกงหมิงพูดอย่างเย็นชา: “เสี่ยวฝาง ฝั่งนายคิดหาวิธีเถอะ”

“ลงมือเมื่อไหร่?” หลี่ฝางขมวดคิ้ว

“ตอนนี้ยังไม่รู้ แต่ว่ามู่เสี่ยวไป๋พูดกับฉันว่า มันจะรอให้ฉันออกจากโรงพยาบาลก่อน ค่อยให้ฉันลงมือจัดการเสี่ยวโจวด้วยตัวเอง แบบนี้ ถึงจะแสดงถึงความซื่อสัตย์ของฉันได้”

“แม่ของเสี่ยวโจว อยู่ได้อีกไม่นาน ตระกูลรู้กันหมดแล้ว เหตุผลที่เสี่ยวโจวอยู่ที่ตระกูลมู่ นั่นก็เพราะว่าแม่ของตนมีอาการป่วยหนัก ถ้าหากแม่ของเสี่ยวโจวตาย เสี่ยวโจวต้องจากไปแน่ๆ ”

“หลายปีที่ผ่านมา เสี่ยวโจวรู้ความลับของตระกูลมู่มากเกินไปแล้ว ตระกูลมู่คงไม่ยอมให้เสี่ยวโจวจากไปหรอก ที่จริงแล้วถึงแม้ฉันจะไม่ลงมือ มู่เสี่ยวไป๋คนนั้น ก็ต้องหาคนอื่นมาทำอยู่ดี ดังนั้น ฉันจึงตอบตกลงมู่เสี่ยวไป๋ แล้วเรียกเงินเขาห้าล้าน แน่นอนว่า ฉันไม่อยากลงมือ ดังนั้น ฉันถึงได้โทรมาหานายเพื่อบอก มีวิธีอะไร ก่อนที่ฉันจะออกจากโรงพยาบาล เตรียมการให้เสี่ยวโจวหนีไปก่อน”

“ให้เขาออกไปจากเมืองเอกเถอะ” จางกงหมิงพูด

“ฉันรู้แล้ว ถ้ามีโอกาส ฉันจะไปหาเสี่ยวโจวสักรอบ” หลี่ฝางพยักหน้า แล้วถาม: “ยังมีเรื่องอื่นอีกมั้ย?”

“หรือครั้งนี้ ตระกูลมู่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ถึงแม้ปากของมู่เสี่ยวไป๋ไม่ได้บอกว่าจะล้างแค้นนาย แต่ฉันคิดว่า ตอนนี้ในหัวของมันคิดถึงแต่เรื่องนาย มันต้องลงมือกับนายแน่ นายต้องระวังมันด้วย ข้างกายมัน ไม่ได้มีแต่ฉันที่ใช้งานได้” จางกงหมิงพูดเตือนหลี่ฝาง

“นอกจากนาย ข้างกายมันยังจะมีใคร? เสือก็เดี้ยงไปแล้ว ข้างกายมันไม่มีคนแล้วไม่ใช่เหรอ?” หลี่ฝางขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“เมื่อก่อน ฉันก็คิดเหมือนกับนาย ฉันนึกว่ามู่เสี่ยวไป๋ไม่มีคนให้ใช้แล้ว ถึงได้มาใช้ฉัน ต่อมาฉันถึงได้รู้ ลูกน้องของมู่เสี่ยวไป๋ ไม่ได้มีแค่เสือกับตัวฉัน พูดตามตรง ไอ้เสือมันก็ไม่เท่าไหร่ เมื่อเทียบกับคนพวกนั้น อย่างมากก็เป็นได้แค่แมวป่วย”

“แต่คนพวกนั้น ดูแล้วเหมือนจะไม่ใช่ลูกน้องของมู่เสี่ยวไป๋ เหมือนจะผู้ร่วมมือกันมากกว่า”

“ฉันเคยสู้กับคนพวกนั้นแค่ครั้งเดียว เป็นมู่เสี่ยวไป๋ที่จงใจวางแผน จุดมุ่งหมายของเขา ก็เพื่อให้ฉันเกิดความเกรงกลัว” จางกงหมิงหัวเราะเบาๆ

“งั้นนายกลัวแล้วเหรอ?” หลี่ฝางถามอย่างกวนๆ

“กลัวที่หน้า” จางกงหมิงพูด: “ทุกคนมีไหล่สองข้างที่พยุงสมองไว้ ทำไม มันมีอวัยวะมากกว่าฉันหรือไง?”

เมื่อได้ยินจางกงหมิงพูดด้วยน้ำเสียงไม่แฮปปี้ หลี่ฝางก็แค่หัวเราะเหอะๆ เมื่อก่อน ความคิดของหลี่ฝาง ก็คล้ายกับจางกงหมิง แต่ตอนนี้ ถือได้ว่าหลี่ฝางเข้าใจแล้ว บนโลกนี้ ยังมีคนที่มีอวัยวะมากกว่าตนอยู่จริงๆ

ก็เหมือนกับส้าวส้วยที่อยู่ด้านหน้าตน เขาทำให้คนอื่นเกิดความเกรงกลัวได้จริงๆ จะสู้ตายกับเขา? ชีวิตแลกชีวิต อย่างไม่ต้องคิดเลย

ตอนที่กำลังจะวางสาย จู่ๆ หลี่ฝางก็นึกบางอย่างขึ้นได้ แล้วพูด: “ใช่แล้ว เรื่องของลูกพี่หลิน นายได้ยินแล้วใช่มั้ย?”

“อาฉัน? เขาทำไมเหรอ?” จางกงหมิงทำหน้าสงสัยแล้วถาม

“ไม่มีอะไร วางและ”

“เชี่ย ไม่ปกติและ รีบบอกฉันมา มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่ ไอ้หมอนี่ มาหลอกให้อยากแล้วจากไป นายอยากให้ฉันขาดใจตายใช่มั้ย?” จางกงหมิงตะโกนด่าเสียงดัง

“ฉันแค่กลัวว่าถ้าพูดแล้ว จะทำให้นายขาดใจตายน่ะสิ” หลี่ฝางพูดอย่างเอือมๆ

“พูดมา อยู่ไกลขนาดนี้” จางกงหมิงพูด

“ขาสองข้างของเขา พิการแล้ว” หลี่ฝางขมวดคิ้ว แล้วพูดตึงเครียด “หมาจื่อทรยศ”

“นายล้อเล่นบ้าอะไรเหนี่ย หมาจื่อคือคนที่อาฉันผลักดันให้ได้ดี ถ้าเขาทรยศ ฉันจะเปลี่ยนไปใช้แซ่นายเลย พูดแบบนี้ละกัน ถึงแม้ฉันจะทรยศแล้ว หมาจื่อก็ไม่มีทางทรยศ อาฉันเลี้ยงหมาจื่อ ถือว่ามาเป็นผู้สืบทอดเลยนะ”

“มีหลายที ที่ฉันยังนึกอิจฉาหมอนั่น” จางกงหมิงยู่ปากพูด

หลี่ฝางที่อยู่ปลายสายหัวเราะ ความจริงแล้ว เขาก็สงสัยมาตลอด ว่าที่จริงแล้วหมาจื่อไม่ได้หักหลัง แต่นัดแนะกับลูกพี่หลินไว้ เล่นละครฉากนี้

หมาจื่อขึ้นมาแทนที่ลูกพี่หลิน ส่วนลูกพี่หลิน ก็สามารถล้างมือได้อย่างสะอาดหมดจด

ราคาแลกเปลี่ยนก็แค่ขาทั้งสองข้างเท่านั้น

เหตุผลที่หลี่ฝางบอกจางกงหมิงเรื่องที่ขาของลูกพี่หลินพิการ ก็เพื่ออยากจะลองเช็คความสัมพันธ์ที่ละเอียดอ่อนระหว่างหมาจื่อกับลูกพี่หลิน

“นายไม่เชื่อเหรอ?” หลี่ฝางพูด: “นี่เป็นความจริงทั้งหมด”

“ตอนนี้ลูกพี่หลินหนีไปแล้ว ส่วนหมาจื่อก็ขึ้นมาแทนที่เขาแล้ว ไม่ใช่แค่ทำธุรกิจต่อจากเขา ยังรับช่วงต่อพื้นที่ของเขาด้วย นายลองไปฟังข่าวดู ก็น่าจะรู้”

“หลี่ฝาง นายไม่ได้ล้อฉันเล่น?” เสียงของจางกงหมิง เข้มขึ้นอยู่ครู่

“ผมจะล้อเล่นเรื่องแบบนี้กับพี่เหรอ?” หลี่ฝางถามกลับ

ทันใดนั้น จางกงหมิงก็ตะโกนด่าเสียงดัง: “ไอ้ชิงหมาเกิด คุณอาฉันดีกับมันขนาดนั้น แต่มันกลับทรยศผู้มีพระคุณ!”

“ไม่ใช่แค่หมาจื่อที่หักหลัง แม้แต่หม่าเชากับฉางชิง ก็ทรยศกับเขาด้วย” หลี่ฝางพูดขึ้นต่อ

“อะไรนะ” จางกงหมิงเอ๋อเลย ช็อกอยู่นานไม่พูดอะไร

“ฉางชิงกับหม่าเชา พวกเขาสองคน ก็ทรยศกับหมาจื่อด้วย? สองคนนี้ ไม่พอใจหมาจื่อมาตลอดไม่ใช่เหรอ?” จางกงหมิงขมวดคิ้ว แล้วพูด: “เมื่อก่อนตอนที่พวกเรากินเหล้าด้วยกัน พวกเขาสองคนยังเคยวางแผนกับฉัน ว่าจะหาโอกาส กำจัดหมาจื่อทิ้ง”

“พวกนายยังเคยคิดแบบนั้นด้วยเหรอ?” หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ

“พื้นที่ก็มีแค่นั้น อาฉันเอาพื้นที่ ทรัพยากรที่สำคัญที่สุด ทั้งหมดให้กับหมาจื่อ คนอื่นๆ จะไม่ให้ไม่เคืองได้ยังไง? ถ้าหากไม่มีหมาจื่อ ฉันต้องอยู่ข้างกายลูกพี่หลินแน่ๆ ช่วยเขา ทำไมจะต้องไปเสียเวลา วันๆ นึกถึงแต่ลูกพี่หลี่ด้วย?” จางกงหมิงพูด: “นายบอกว่าหมาจื่อหักหลัง ฉันเชื่อ นายบอกว่าหม่าเชากับฉางชิง ร่วมมือกับหมาจื่อหักหลัง ฉันไม่เชื่อ”

“พวกเขาสองคน ยังไงก็ไม่ยอมก้มหัวให้หมาจื่อแน่ๆ ” จางกงหมิงยิ้มอย่างเย็นชา: “ไม่แม้แต่ทำงานร่วมกัน”

“ถ้าหากฉันบอกพี่ว่า ในมือของลูกพี่หลิน มีเงินอยู่ห้าร้อยล้านล่ะ?” หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ

“ล้อเล่นอะไร? ทรัพย์สินที่อาฉันมี ฉันรู้ดีกว่านาย อย่างเขามากสุดก็มีแค่ห้าหกสิบล้านเท่านั้น แถมส่วนมากจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ และลงทุนธุรกิจ ยากมากที่จะแลกเป็นเงินได้เพียงชั่วครู่ นายบอกว่าเขามีเงินห้าร้อยล้าน นั่นไม่ใช่เรื่องไร้สาระหรอกเหรอ? ถ้าเขามีเงินห้าร้อยล้านนั่น งั้นตอนที่เมียฉันยิงจื่อถูกลักพาตัวไป ทำไมถึงไม่ออกเงินให้ฉัน?”

จางกงหมิงพูด: “อาฉันไม่ใช่คนที่เห็นคนลำบากแล้วไม่ช่วยหรอก”

“เขาไม่มีทางมีเงินห้าร้อยล้านนั่น”

“พี่อย่าลืม ธุรกิจที่พี่ทำ มันได้กำไรมหาศาล แล้วก็ พี่ก็พูดแล้ว ฐานะของอาพี่ ไม่ธรรมดาอย่างที่เห็น เขากับมู่เสี่ยวไป๋ ฐานะเท่าเทียมกัน แม้แต่มู่เสี่ยวไป๋ยังเคารพเขามาก มู่เสี่ยวไป๋เป็นใคร? เป็นคุณชายอันดับหนึ่งของเมืองเอก ธุรกิจของตระกูลมู่ มีมูลค่าเป็นพันล้าน นายคิดว่าคุณชายแบบนั้น จะมาก้มหัวให้ คนที่มีเงินแค่ห้าหกสิบล้าน? เป็นไปได้เหรอ?”

หลี่ฝางพูด: “นี่คือเรื่องจริง ไม่สนว่าพี่จะเชื่อหรือไม่”

“จริงเหรอ?”

“จริง ถ้าไม่เชื่อ พี่จะไปสืบเองก็ได้ ฉันคิดว่าพี่ก็อยู่กับลูกพี่หลินมานานขนาดนั้น ก็น่าจะมีเพื่อนอยู่ในนั้นไม่น้อยสินะ? คนของหม่าเชา คนของฉางชิง หรือแม้แต่คนของหมาจื่อ พี่ก็คงจะรู้จักบ้างสิ? พี่ไปฟังจากพวกเขาเถอะ”

จางกงหมิงส่ายหน้า แล้วพูด: “ฉันเชื่อที่นายพูด ไม่ต้องไปถามแล้ว”

“อาฉันก็หนีไปแล้ว งั้นบัญชีนี้ ฉันก็จะชำระแทนเขาแล้วกัน รอฉันออกจากโรงพยาบาลก่อน ฉันจะไปจัดการหมาจื่อ” จางกงหมิงพูดอย่างเย็นชา

“เบื้องหลังหมาจื่อมีแบคอัพที่มีอิทธิพล และแข็งแกร่งมาก ทางที่ดีพี่อย่าทำอะไรวู่วาม” หลี่ฝางพูดเตือน

“อิทธิพลที่หน้าแม่งดิ ไม่ว่าแม่งจะเป็นใคร ที่หมาจื่อมันทรยศหักหลังผู้มีพระคุณ ฉันจะต้องฆ่ามัน แทนอาของฉันให้ได้”

จางกงหมิงพูด: “ใช่แล้ว ดูแลชิงชิงให้ดี อย่าให้ชิงชิงรู้เรื่องนี้”

“ชิงชิงรู้หมดแล้ว”

จางกงหมิงที่ปลายสายเงียบอยู่ครู่ แล้วพูด: “ช่วงนี้ก็อยู่เป็นเพื่อนเธอหน่อย ที่จริงแล้วเธอน่าสงสารนะ หลังจากถูกมู่เสี่ยวไป๋บีบบังคับจนมาถึงเมืองเอก ก็ได้แต่หลบๆ ซ่อนๆ แม้แต่จะนอนยังไม่วางใจ มันทรมานมาก เมื่อเทียบกับชีวิตที่อยู่ในตงไห่”

“แล้วก็หลังจากมาที่เมืองเอก ก็เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ฉัน อาฉัน แล้วก็นาย……”

“ฉันทำไม?” หลี่ฝางถามอย่างร้อนตัว

“นายไม่ต้องมาทำเหมือนกันเป็นคนโง่ เรื่องนายกับชิงชิง อยู่ในสายตาฉันหมด เมื่อก่อนเอาแต่เรียกว่าพี่ชิงชิงๆ ฉันมองออก นายชอบเธอ และเธอก็ชอบนาย”

จางกงหมิงพูด: “ห้ามรังแกเธอ ไม่งั้นฉันจะเฉือนนาย”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท