NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 597 แกจะต้องมองผิดไปแน่เลย

บทที่ 597 แกจะต้องมองผิดไปแน่เลย

“ลูกพี่ พี่หนีไปก่อนเถอะ” คนเมื่อกี้ที่ถูกหรุ่ยเหวินเจ๋ทำร้าย หันไปพูดกับเจว๋เหริน

เจว๋เหรินพยักหน้า แล้วพูดว่า “เจอกันที่เก่า”

พอจบ เจว๋เหรินก็หันกลับไปมองจูเปิ่นพักนึก แล้วพูดว่า “พี่น้องของกูอาหลง จะฝากไว้กับพวกมึงก่อน ถ้าเกิดพี่น้องของกูเป็นอะไรขึ้นมา ต่อให้กูต้องตาย ก็ต้องทำให้เฉินฝูเซิงเลือดไหลให้ได้!”

จูเปิ่นยิ้มเบาๆ ไม่ได้คิดมากอะไรกับคำขู่ของเจว๋เหริน

“พวกเรากลับ”

ที่เจว๋เหรินยอมถอยกลับ ไม่ใช่เพราะว่าหวาดกลัวปืนที่อยู่บนมือของจูเปิ่น

แม้ที่นี่จะเป็นเมืองที่ไม่ค่อยมีคนสัญจรไปมา แต่ก็ยังเป็นชุมชน ถ้าเกิดใช้ปืนฆ่าคนแถวนี้ งั้นก็แปลกว่าไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว

คนของเฉินฝูเซิง ถ้าเกิดยังต้องการอยู่ที่เมืองเอกต่อ ก็ไม่สามารถยิงปืนได้

นี่เป็นกฎหมายของสังคม ถ้าเกิดทุกๆวันมีแต่เรื่องยิงปืนฆ่าคน งั้นทางด้านหูเฟย ก็จะกดดันเป็นอย่างมาก เบื้องบนเองก็คงจะตรวจสอบอย่างเข้มงวด

เพราะงั้น คนที่อยู่ในวงการนี้ ก็ต้องมีกฎที่ต้องทำตาม ถ้าเกิดมันไม่ถึงกับเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ก็คงไม่ต้องใช้ปืนฆ่าคนหรอก

แน่นอน ตามคนก็ทำเพื่อเงิน คงไม่มีใครที่อยากจะฆ่าคนหรอก

สิ่งที่เจว๋เหรินกลัวจริงๆก็คือ ลูกเหล็กที่ยิงมาเมื่อกี้

จนถึงตอนนี้ เจว๋เหรินก็ยังไม่รู้เลยว่าลูกเหล็กถูกยิงมาจากทางไหน

ใช้แค่ลูกเหล็กเล็กๆ ก็สามารถยิงมีดที่อยู่บนมือตัวเองหักได้ คู่ต่อสู้แบบนี้ เจว๋เหรินรู้ตัวดีว่าตัวเองไม่สามารถต่อกรได้

ถ้าเกิดตัวเองไม่ยอมถอย อีกฝ่ายก็คงสามารถจัดการตัวเองได้อย่างง่ายดาย

หลี่ฝางพอเห็นเจว๋เหรินพาลูกน้องหนีไปแบบนี้ ก็พูดออกไปอย่างไม่พอใจ “จะปล่อยพวกเขาไปแบบนี้เหรอ?”

“เก็บพวกเขาเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์ ปล่อยพวกเขากลับไป ให้พวกเขากลับไปรายงานกับมู่เสี่ยวไป๋ ให้มู่เสี่ยวไป๋รู้ว่า เฉิงหยุนกับจูเฟิ่งปินสองคนนี้ ตอนนี้อยู่ในมือพวกเราแล้ว พอไอ้มู่เสี่ยวไป๋รู้ จะต้องกลัวแน่นอน” ส้าวส้วยหัวเราะ แล้วพูดต่อ “การตายของหวางต้อง ไม่แน่ว่าบางทีอาจจะปล่อยผ่านไปแบบนี้”

หลี่พยักหน้า เปิดประตู แล้วก็เดินลงไป

พอเดินมาถึงหน้าของจูเปิ่น จูเปิ่นพยักหน้าด้วยความเคารพ “คุณชายหลี ท่านเองก็มาด้วยเหรอ”

“อืม ฉันอยากมาเห็นกับตา คนข้างในเป็นยังไงบ้าง?” พอมองไปยังข้างในซอยแวบนึง หลี่ฝางก็เปิดปากถาม

“กำลังพยายามช่วยเหลืออยู่ แต่ว่าต่อให้ช่วยไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ที่นี่ยังมีอีกคนที่อยู่ครบสามสิบสอง” จูเปิ่นพยักหน้า แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

หลี่ฝางเดินเข้าไป จนถึงหน้าของไอ้โมฮอก “แกชื่อเฉิงหยุน ใช่ไหม?”

“คุณชายหลี่……” เฉิงหยุนมองไปยังหลี่ฝาง จากนั้นก็หัวเราะออกมา “นึกไม่ถึงว่า คนที่มาช่วยผมจะเป็นท่านไปได้”

“บนโลกนี้ไม่มีของฟรีหรอกนะ ที่ฉันช่วยแก ก็เพราะฉันมีเหตุผลของฉัน” หลี่ฝางไอไปหนึ่งที แล้วพูดออกมา

“ผมรู้ดี ผมติดตามลูกพี่หวางต้อง และทำงานให้กับมู่เสี่ยวไป๋มาหลายปี ในมือผม จะต้องรู้เรื่องที่มู่เสี่ยวไป๋ไม่อยากให้ใครเห็นอยู่ไม่มากก็น้อย”

เฉิงหยุนหัวเราะ “ต่อให้ผมบอกว่าไม่มี คุณก็คงจะไม่เชื่อ”

“ถ้าเกิดแกไม่มี ไอ้มู่เสี่ยวไป๋ก็คงจะไม่รีบร้อนส่งคนมาปิดปากแกหรอก”หลี่ฝางมองเฉิงหยุนด้วยความเย็นชา “ทำไม จนป่านนี้แล้ว ก็ยังคิดที่จะเก็บความลับไว้กับตัวเองอีกรึไง?”

เฉิงหยุนพูดด้วยใบหน้าที่สับสน “ถ้าว่ากันตามตรง ไอ้มู่เสี่ยวไป๋ถึงกับส่งคนมาปิดปากพวกเรา พวกเราก็ไม่ควรที่จะปกป้องเขา พวกเราควรที่จะแก้แค้น ไปเป็นพยานให้กับตำรวจ แล้วชี้ตัวเขาถึงจะถูก”

“แต่ว่าคุณชายหลี่เคยคิดไหม? ไอ้มู่เสี่ยวไป๋ ไม่ใช่คนที่พวกเราจะสามารถเอาผิดอะไรมันได้ ก่อนหน้านี้ตอนที่ลูกพี่หวางต้องของพวกเรายังมีชีวิตอยู่ พวกเขาจะเป็นคนตกลงกันเอง สิ่งที่พวกเราทำ ก็แค่ทำตามที่ได้รับสั่งมา”

“หลักฐานที่อยู่บนมือพวกเรา ไม่ได้มากมายอะไร ต่อให้เอาออกมารวมกันทั้งหมด ก็ไม่สามารถเอาผิดอะไรมู่เสี่ยวไป๋ได้” เฉิงหยุนพูด

หลี่ฝางหัวเราะ “ฉันไม่ได้คาดหวัดให้พวกแกสองคนเอาผิดอะไรกับมู่เสี่ยวไป๋ ฉันแค่อยากให้พวกแก บอกสิ่งที่พวกแกรู้ออกมาให้หมด แค่นั้นก็พอแล้ว”

“แน่นอน เรื่องค่าตอบแทน ฉันจ่ายให้พวกแกอยู่แล้ว “หลี่ฝางชี้นิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว “หนึ่งล้าน”

เฉิงหยุนอึ้งไปพักนึก ไม่เคยนึกมาก่อนว่าหลี่ฝางจะให้มากขนาดนี้

เขาทำงานให้กับมู่เสี่ยวไป๋มาครึ่งชีวิต เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาหลายครั้ง เอาชีวิตเป็นเดิมพัน รวมๆทั้งหมดแล้วก็ยังไม่ถึงหนึ่งล้าน

แต่ตอนนี้ แค่แป๊บเดียวหลี่ฝางก็ให้พวกเขาหนึ่งล้านแล้ว

“หนึ่งล้านนี้คือให้พวกเราสองคน หรือว่า?” เฉิงหยุนลองถามดู “ช่างเถอะ ต่อให้คุณชายหลี่จะให้พวกเราเท่าไหร่ พวกเราก็พูดอยู่ดี เพราะไม่ว่าจะยังไง เมื่อกี้ถ้าเกิดไม่ได้คุณชายหลี่ พวกเราคงตายไปแล้ว”

“ตอนนี้ชีวิตของพวกเรา คุณชายหลี่เป็นคนช่วยเอาไว้ ถึงว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณ” เฉิงหยุนพูด

หลี่ฝางพูดว่า “หนึ่งล้านต่อคน ฉันไม่รีบร้อน เช้าวันที่สองค่อยให้ฉันก็ได้ แกมีเวลาหนึ่งอาทิตย์ในการเขียน พอเขียนเสร็จฉันจะส่งแกกับครอบครัว ออกไปจากเมืองเอก ไปยังสถานที่ปลอดภัย”

“เขาเองก็เหมือนกัน”พูดเสร็จ หลี่ฝางก็หันไปมองจูเฟิ่งปินพักนึง

ตอนนี้ หรุ่ยเหวินเจ๋กำลังจัดการบาดแผลให้กับจูเฟิ่งปินอยู่ และในเวลานี้เอง ข้างนอกก็มีเสียงของรถพยาบาลดังขึ้นมา

“แม่เจ้า เพื่อน แกรอดแล้ว ฉันกำลังคิดอยู่ว่าถ้าเกิดเพื่อนร่วมงานของฉันมาช้ากว่านี้ แกคงต้องตายแล้ว” หรุ่ยเหวินเจ๋พูดพร้อมกับสีหน้าดีใจ

“ลูกพี่ ผมไม่มีเงิน”พอมองไปยังหรุ่ยเหวินเจ๋ ใบหน้าของจูเฟิ่งปิน ก็แสดงความสิ้นหวังออกมา

เมื่อกี้จูเฟิ่งปินได้ยินอย่างชัดเจนว่า หรุ่ยเหวินเจ๋กับคนในสายขูดเลือดขูดเนื้อกันยังไง

“พวกเดียวกัน ฉันไม่โกงแกหรอก”หรุ่ยเหวินเจ๋หัวเราะ

จูเฟิ่งปินมองหรุ่ยเหวินเจ๋แวบนึง แววตายังคงเหลือความสงสัยอยู่

“ฮ่าๆ ค่ารักษาของเขา มาเอากับฉัน”

หลี่ฝางตบไหล่ของหรุ่ยเหวินเจ๋ แล้วพูดว่า “ไม่เลว หัวการค้าไม่เบา ส่วนคนที่อยู่ข้างนอก แกสามารถโกงได้ตามใจชอบ ถ้าเกิดเขาจ่ายไม่ไหว ก็ให้ไอ้เจว๋เหรินมาจ่าย”

หลี่ฝางพูดด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ “ถ้าเกิดเจว๋เหรินไม่ยอมมาจ่าย ก็จับมันขังไว้”

“เข้าใจแล้ว คุณชายหลี่” หรุ่ยเหวินเจ๋ยิ้มพร้อมพยักหน้า

“แกรู้จักฉัน?”หลี่ฝางตกใจไปพักนึง

หรุ่ยเหวินเจ๋พยักหน้า แล้วพูดว่า “แน่นอนว่าต้องรู้ ถ้าเกิดแม้แต่เรื่องที่ผมทำงานให้กับใครยังไม่รู้ ยังเรียกว่าพวกเดียวกันได้อีกเหรอ?”

สักพัก ข้างในรถพยาบาลคันนั้น ก็ยกโต๊ะผ่าตัดออกมา ถ้าเกิดผ่าตัดกลางแจ้งแบบนี้ บาดแผลต้องติดเชื้ออย่างแน่นอน

หรุ่ยเหวินเจ๋ทำหน้าเครียด แล้วพูดว่า “ช่างเถอะ ไปผ่าตัดข้างในรถจะดีกว่า เหล่าอู๋ล่ะ?”

“เหล่าอู๋ไม่มา เขาบอกว่ากลัวจะทำผิดกฎของโรงบาล แกควรจะเข้าใจเขา ยังไงซะเขาก็ทำงานมาสิบกว่าปี ไม่กี่วันก็เกษียณแล้ว ถ้าเกิดมีเรื่องในเวลาแบบนี้ ทำผิดกฎขึ้นมา แล้วถูกผอ.ไล่ออก มันไม่คุ้น”

ผู้หญิงที่ชื่อพี่จางคนนั้นพูด

ผู้หญิงที่ชื่อพี่จาง อายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว น่าจะราวๆสี่สิบแล้ว แต่ว่า พอเขาเห็นสถานการณ์แบบนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย

ดูเหมือนคนที่ชิวแล้ว

หลี่ฝางเดินเข้าไปถาม ด้วยความสนใจ “พี่สาว พี่ไม่กลัวเหรอ?”

“ให้กลัวอะไร ก็แค่โดนมีดแทงเท่านั้นเอง ฉันอยู่โรงบาลมาหลายปี เจอคนเจ็บมาตั้งเยอะ บางครั้งโดนรถชนจนแทบจะไม่ไหวแล้ว ทั้งตัวเต็มไปด้วยคราบเลือด ไม่ว่าจะดึกขนาดไหนฉันก็ไม่กลัว อย่างสถานการณ์แบบนี้ ก็แค่เรื่องเล็ก”

พี่จางพูดอย่างชิวๆ จากนั้นก็หันไปมองชายสวมหน้ากาก แล้วพูดว่า “ฮ่าๆ ดึกๆแบบนี้ยังจะใส่ผ้าปิดปากอีก คิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่อยู่รึไง รีบถอนออกเถอะ”

“มา กัดเอาไว้”

พี่จางพูด จากนั้นก็เอาผ้าให้กับชายสวมหน้ากาก แล้วพูดว่า “ฉันกำลังจะดึงมีดออก คุณก็ทนเอาหน่อย อย่าร้องล่ะ ที่นี่เป็นย่านของผู้อยู่อาศัย ถ้าเกิดคุณส่งเสียงร้องในเวลาดึกๆแบบนี้ จะต้องดึงดูดคนเข้ามาแน่”

“อืม”

ชายสวมหน้ากากก็ไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่ตอบได้ได้ได้ ครับครับครับ

เพราะยังไงซะลูกพี่เจว๋เหรินของเขาก็ไปแล้ว คนที่ยังเหลืออยู่ในตอนนี้ ล้วนเป็นศัตรูของเขา ถ้าเกิดทำตัวกวนประสาทในเวลาแบบนี้ งั้นมันก็เป็นการหาที่ตายน่ะสิ?

ชายสวมหน้ากากเพิ่งจะเอาผ้าเข้าปาก พี่จางก็ดึงมีดออกมาทันที จากนั้นก็มีเลือดพุ่งออกมา “ไม่เลวเลยนี้แกนะ ฝีมือพัฒนาขึ้นเรื่อยๆนะเนี่ย ในหมู่เด็กฝึกงาน ก็มีแกนี้แหละที่มีฝีมือกับพรสวรรค์มากที่สุด น่าเสียดาย”

พอมองไปยังหรุ่ยเหวินเจ๋ พี่จางก็พูดด้วยสีหน้าที่ดูสับสน

หรุ่ยเหวินเจ๋ยิ้มพร้อมกับพูดว่า “พี่จาง พี่รีบเอาเลือดให้กับเขาเถอะ สามหมื่นต่อเลือดหนึ่งถุง เงินนี้พวกเราแบ่งเท่ากัน ผมไม่ให้พี่มาเสียเที่ยวหรอก”

“เจ๋งนี้ว่ะแก อย่างนี้ คืนนี้พี่ก็หาเงินมาได้หกหลักน่ะสิ มากกว่าที่พี่ทำมาทั้งปีอีก” พี่จางพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

หลี่ฝางมองอยู่พักนึง จากนั้นก็เดินออกมา ยังไงซะสถานการณ์แบบนี้ หลี่ฝางก็ไม่ได้สนใจอะไร ก็แค่การผ่าตัดทั่วไป

ตอนที่หลี่ฝางเดินออกมา ก็พาเฉิงหยุนไปด้วย เฉิงหยุนพอขึ้นไปบนรถ เขาก็ยังคงกังวลอาการของเพื่อนตัวเอง “จูเฟิ่งปินเป็นยังไงบ้าง?”

“ร่างกายคนเราไม่เหมือนกัน แถมที่นี่ก็ไม่เหมาะกับการรักษา ฉันเองก็ไม่กล้ารับประกันกับแก แกเองก็รู้ การที่จะได้เข้ารับการผ่าตัดอย่างถูกกฎหมาย หมอก็ต้องการให้คนในครอบครัวเซ็นต์ยืนยัน จะอยู่หรือตายก็อยู่ที่โชค แกว่างั้นไหม?”

หลี่ฝางยิ้ม แล้วพูดว่า “แต่ฉันขอรับประกันกับแก คนของฉัน จะทำทุกวิธีทางเพื่อรักษาเพื่อนของแก”

“ผมรู้ดี ถ้าเกิดพวกคุณไม่อยากช่วย คงไม่ต้องลงทุนขนาดนี้”

เฉิงหยุนพูดว่า “ความจริง ต่อให้เขาจะเป็นร้ายดียังไง พวกคุณก็ไม่เดือดร้อนอะไร ขอแค่พวกเราสองคน รอดสักคนก็พอแล้ว”

“คุณชายหลี่ ท่านเป็นคนดี” เฉิงหยุนมองไปยังหลี่ฝาง ด้วยแววตาที่สับสน

“เป็นคนดีแล้วไม่ดีรึไง?” หลี่ฝางหันไปพูดกับเฉิงหยุน “ทำไมดูจากท่าทางของแกแล้ว ไม่เห็นเหมือนว่ากำลังชมฉันอยู่เลย?”

“คนดีเอาชนะคนชั่วไม่ได้ ถ้าคุณเป็นแบบนี้ คงต้องรับมือกับมู่เสี่ยวไป๋อย่างยากลำบาก สิ่งที่มู่เสี่ยวไป๋ทำ ล้วนเป็นแผนสกปรก แถมยังโหดร้าย อย่างเช่นแบบนี้ จะไม่มีทางให้ตัวเองมีภัยคุกคามแม้แต่น้อย ต่อให้ผมกับจูเฟิ่งปินจะไม่สามารถทำอะไรเขาได้ แต่เขาก็ยังคงไม่ยอมปล่อยให้พวกเรามีชีวิตอยู่”

เฉิงหยุนพูด พร้อมกับหันไปมองหลี่ฝาง “มู่เสี่ยวไป๋มีจิตใจที่ดำมืดมากกว่าท่าน”

หลี่ฝางหัวเราะ “อย่าเพิ่งรีบตัดสินสิ ใครจะเป็นคนหัวเราะในตอนสุดท้าย มันก็ยังไม่แน่”

“อย่างน้อยจนถึงตอนนี้ คนที่เสียผลประโยชน์ล้วนเป็นมู่เสี่ยวไป๋” หลี่ฝางพูดพร้อมรอยยิ้ม

เฉิงหยุนไม่ได้พูดอะไร ถูกหลี่ฝางพามายังข้างในโรงแรมแห่งนึง ตอนราวๆตีสองตีสาม เฉิงหยุนก็เดินออกมาจากห้องตัวเอง “ผมเอาสิ่งที่ทำมาหลายปีนีนี้ ล้วนเขียนลงไปในนี้แล้ว คุณชายหลี่ เพื่อนของผม……”

“เพื่อนของแกตอนนี้ร่างกายยังอ่อนแออยู่” หลี่ฝางแทรกกลางคำพูดของเฉิงหยุน แล้วพูดต่อว่า “แต่เขายังมีชีวิตอยู่”

“เขามีน้องสาวอยู่คนนึง แกรู้ไหมตอนนี้อยู่ที่ไหน?” หลี่ฝางถาม

เฉิงหยุนพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เมื่อก่อนน้องสาวเขาเคยถูกคนโรคจิตคนนึงรังแก ผมเคยไปหาโรคจิตคนนั้น อยู่ที่โรงเรียนมัธยมโบตั๋น…….”

“นอกประตูมีคนอยู่ แกตามพวกเขาไป แล้วรับตัวน้องสาวของจูเฟิ่งปินมา คืนนี้ ฉันจะเตรียมการให้พวกแกหนีออกไป แล้วนี้แกต้องการจะพาใครไปด้วยอีกรึเปล่า? ถ้ามีก็ไปรับมาด้วยเลย ฉันได้ยินมาว่า แก……แกเป็นเด็กกำพร้า”

เฉิงหยุนพยักหน้า “ผมไม่มีใครที่ต้องพาไปด้วย หลายปีมานี้ ผมก็มีแค่พวกเพื่อนๆ แล้วก็ลูกพี่ ลูกพี่ผมตายแล้ว เพื่อนฝูงเองก็ไปติดตามคนอื่น ตอนนี้ ก็เหลือแค่จูเฟิ่งปิน แค่เขายังไม่ตาย ผมก็ดีใจแล้ว”

พอเห็นหน้าหลี่ฝาง ปากของเฉิงหยุนก็เหมือนกำลังจะพูดอะไรบ้างยัง หลี่ฝางทำหน้าเครียด “เรื่องเงินฉันให้คนเตรียมเอาไว้แล้ว”

“วางใจได้ ฉันไม่ผิดคำพูดหรอก คนละหนึ่งล้าน เงินสดสองล้าน ตอนที่แกหนีออกไป ฉันจะเป็นคนมอบให้กับแกด้วยมือตัวเอง” หลี่ฝางให้คำมั่นสัญญา

“ไม่ใช่เรื่องเงิน คุณชายหลี่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว”

พอมองหน้าหลี่ฝาง เฉิงหยุนก็พูดขึ้นมา “คุณชายหลี่ ไม่รู้ผมมองผิดไปรึเปล่า ไม่กี่วันก่อน ผมเห็นลูกน้องของท่านหวางเห้า ได้เข้ามาที่บ้านตระกูลมู่ ตอนนั้นเขาแต่งตัวอย่างมิดชิด ใส่หมวก กับแว่น แถมปลอมตัวมาอย่างดี”

“ท่านระวังคนๆนี้เอาไว้ให้ดี”

“หวางเห้า?” หลี่ฝางรู้สึกสงสัยเล็กน้อยในสิ่งที่เฉิงหยุนพูดออกมา หวางเห้ากับตัวเองสนิทกันขนาดนั้น ไม่มีทีท่าว่าจะหักหลังแม้แต่น้อย ทำไมถึงไปบ้านของตระกูลมู่ได้ล่ะ?

หลี่ฝางทำหน้าเครียด “แกต้องมองผิดไปแน่ๆ”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท