NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 594 ทรยศ

บทที่ 594 ทรยศ

“พี่ พี่หมายความว่า หวางเฉิงหย่วนอยู่ข้างเดียวกับหลี่ฝางงั้นเหรอ?”สีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ จู่ๆก็หมองลง

มู่เหวินตงพยักหน้าเล็กน้อย “เกรงว่าอาจจะสนิทมากกว่าแค่การร่วมมือกัน”

“คฤหาสน์บ้านซานของที่นี่หลังนึงก็มีมูลค่ามากกว่ายี่สิบล้าน หวางเฉิงหย่วนต่อให้จะมีเงินเยอะขนาดไหน ถ้าเกิดไม่มีเหตุผลอะไร คงจะไม่ให้บ้านพักมาฟรีๆหลังนึงหรอก แค่ต้องการจะปิดปากพวกเราสองพี่น้องตระกูลมู่จริงๆงั้นเหรอ? เมื่อกี้ฉันแสดงออกมาอย่างชัดเจน เรื่องครั้งนี้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับหวางเฉิงหย่วนแม้แต่น้อย อีกอย่าง ไม่ว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง จะแพร่งพรายออกไปหรือจะจัดการกันเอง พวกเราก็จะจัดการอย่างเงียบๆ จะไม่ทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่”

“ฉันคิดว่าฉันพูดมาจนขนาดนี้แล้ว หวางเฉิงหย่วนจะไว้หน้าตระกูลมู่ของพวกเรา ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวอีก แต่นึกไม่ถึงว่า เขายังคงยืนอยู่ข้างเดียวกับหลี่ฝาง ยอมออกมารับผิดชอบแทนเขา แถมยังไม่เสียดายที่จะต้องมอบบ้านพักมูลค่ากว่ายี่สิบล้านให้กับพวกเรา”

“ฮ่าๆ ที่เมืองเอกแห่งนี้มีคนมากมาย ที่ต้องการจะทำความรู้จักกับหวางเฉิงหย่วน แต่ฉันกลับไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าหวางเฉิงหย่วนจะสนใจใครมาก่อน เบื้องหลังของเขาดูลึกลับมาก และดูยิ่งใหญ่ ดูเหมือนว่าเขาไม่สนใจที่จะสร้างมนุษยสัมพันธ์กับพวกเรา หรือไม่ว่ากับใคร ต่อให้เป็นสี่ตระกูลใหญ่ หวางเฉิงหย่วนก็ยังเว้นระยะห่างไว้เสมอ คนแบบนี้ น่ากลัวมาก”

“การที่หวางเฉิงหย่วนไม่สร้างมนุษยสัมพันธ์กับใคร เหตุผลน่าจะมีอยู่สองอย่าง อย่างแรกก็คือเขาไม่อยากให้ทุกคนรู้เบื้องหลังที่แท้จริงของเขา อย่างที่สองก็คือเขาไม่สนใจที่จะสร้างมนุษยสัมพันธ์กับพวกเรา ไม่เห็นหัวพวกเรา ยิ่งไม่เห็นหัวของสี่ตระกูลใหญ่”

พอมู่เสี่ยวไป๋ฟังจบก็หายใจออกอย่างเย็นชา “แม้แต่สี่ตระกูลใหญ่อย่างไม่อยู่ในสายตาของเขา?”

“งั้นไอ้เจ้านี่คงจะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่มากน่ะสิ?”

มู่เหวินตงหัวเราะ แล้วพูดว่า “ที่จริงที่ดินบ้านซานแห่งนี้ มีคนแย่งกันซื้อเป็นจำนวนมาก ตอนนั้นอยู่ระหว่างการประมูล แม้แต่สี่ตระกูลใหญ่ ก็รวมวงด้วย ทุกคนต่างก็ใช้เส้นสายของตัวเองเพื่อแย่งมันมา แต่สุดท้าย ที่ดินแห่งนี้ก็ไปอยู่ในมือของหวางเฉิงหย่วนโดยที่ไม่มีใครรู้”

“ตอนนั้นไม่ว่าจะเป็นสี่ตระกูลใหญ่ หรือพวกที่มีอำนาจ ต่างก็ต้องเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ทำให้พวกเขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก พวกเขาเคยไปหาผู้ดูแลกับซื้อขาย แต่ว่า ผู้ดูแลกลับตอบพวกเขาด้วยคำตอบที่แสนจะคลุมเครือว่า มีคนจะเบื้องบน ต้องการที่ดินแห่งนี้”

“ผู้จัดงานยังไม่ทันได้จัดงานประมูล ก็มอบที่ดินให้กับพวกเขาไปซะแล้ว นี่เป็นการบ่งบอกว่า คนๆนี้ เบื้องหลังของเขาจะต้องยิ่งใหญ่มาก?”

“เพราะงั้น ในสายตาของคนมากมาย หวางเฉิงหย่วน เป็นเสือซ่อนเล็บ ไม่มีใครรู้เบื้องหลังของเขา แต่ก็ไม่มีใครที่จะล่วงเกินเขา”

“ถ้าเกิดแกไปล่วงเกินเขาเข้าจริงๆล่ะก็ เกรงว่าตระกูลมู่ของพวกเรา แม้ตายไปก็ยังไม่รู้เลยว่าตายยังไง”

มู่เหวินตงจ้องมองมู่เสี่ยวไป๋ พูดด้วยน้ำเสียงตักเตือน

“ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?” ดูเหมือนว่ามู่เสี่ยวไป๋จะรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย

“เกรงว่า อาจจะร้ายแรงกว่านี้ด้วยซ้ำ”

มู่เหวินตงพูดด้วยใบหน้าที่ตึงเครียด “แกจำไอ้ผู้หญิงคนนั้นได้ไหม ที่ใบหน้าเล็กๆ แต่กลับมีหุ่นที่โคตรแสบคนนั้น?”

“โก่เอ๋ฮ?” มู่เสี่ยวไป๋ถาม

ความจริง มู่เสี่ยวไป๋สนใจตัวของโก่เอ๋อตั้งแต่แรกแล้ว

แม้ว่ามู่เสี่ยวไป๋จะรักหลินชิงชิงเป็นอย่างมาก แต่ก็เป็นผู้ชายคนนึง ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่เจ้าชู้

“ถ้าเกิดมีโอกาสล่ะก็ ฉันเองก็อยากจะลองชินผู้หญิงตัวเล็กคนนี้ดูซะหน่อย” มู่เสี่ยวไป๋พูดไป พร้อมกับแสดงใบหน้าที่ลามกออกมา

“ฉันขอเตือนว่าแกรีบเปลี่ยนความคิดจะดีกว่า แกมองไม่เห็นรึไง ความสัมพันธ์ของเจ้าโก่เอ๋อกับหวางเฉิงหย่วน มันไม่ธรรมดา ตอนแรกหวางเฉิงหย่วน ก็คิดที่จะอยู่ข้างพวกเรา เพราะว่าหลี่ฝางก็หลอกหวางเฉิงหย่วนเหมือนกัน จากนั้นก็ยังฆ่าคนในพื้นที่ของเขา เพราะงั้นตอนแรก หวางเฉิงหย่วนโมโหหลี่ฝาง อย่างชัดเจน แต่ต่อมาพอเจ้าโก่เอ๋อปรากฎออกมา หวางเฉิงหย่วนไม่เพียงแค่ไม่ทำอะไรหลี่ฝาง แถมยังไปยืนอยู่ข้างเดียวกับหลี่ฝาง ร่วมกันจ่ายค่าเสียหายให้กับพวกเรา”

“แล้วมันไม่ดียังไง? มีสองฝ่ายที่ต้องชดใช้?”

มู่เสี่ยวไป๋หัวเราะออกมา “หวางเฉิงหย่วนต้องการมอบบ้านพักให้กับพวกเราหนึ่งหลัง อย่างน้อยๆมันก็มีค่ากว่ายี่สิบล้าน ไอ้หลี่ฝางอย่างน้อยๆก็ต้องชดใช้ให้พวกเราอย่างสาสม พี่ พี่ยังมีตรงไหนที่ไม่พอใจอีกล่ะ?”

“ไอ้โง่ แกลองโทรไปถามคุณปู่ดูสิ ว่าสามารถรับบ้านพักของหวางเฉิงหย่วนมาได้ไหม บ้านพักมูลค่ายี่สิบล้านมันแค่เรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าเกิดไปทำให้หวางเฉิงหย่วนโมโหล่ะก็ ไม่ว่าใครก็ช่วยอะไรพวกเราไม่ได้”

“ฉันอาจจะกังวงจนเกินไป หวางเฉิงหย่วนก็ดูไม่เหมือนคนที่ขี้เหนียวอะไร หรือคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้น แต่ว่าบางอย่าง กันไว้ ดีกว่าแก้”

“ตอนนี้ตระกูลมู่ของพวกเรามีปัญหาอยู่มาก ไม่สามารถรับมือกับปัญหาที่หนักยิ่งกว่านี้”

มู่เหวินตงพูดต่อ “โทรไปหาคุณปู่ เรียกเขามาหน่อย ลองถามเขาดูว่าคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้”

มู่เสี่ยวไป๋เบะปาก แล้วพูดว่า “พี่ ฉันว่าพี่ปอดแหกไปหน่อย เมืองเอกแห่งนี้ เป็นถิ่นของพวกเรา เจ้าหวางเฉิงหย่วนต่อให้ยิ่งใหญ่มาจากไหน อย่างมากก็เป็นแค่คนมีอำนาจที่ผ่านทางมา ฮ่าๆ เขาก็แค่คนนอก ยังคิดจะเป็นศัตรูกับพวกเรางั้นเหรอ?”

มู่เสี่ยวไป๋พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจว่า “ถ้าเกิดเขาต้องการที่จะอยู่ข้างเดียวกับหลี่ฝาง เพื่อเป็นศัตรูกับพวกเรา งั้นฉันก็จะ……”

“หุบปาก ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ฉันรู้ว่าแกมีลูกน้องที่ค่อยทำงานสกปรกให้ แต่ถ้าเกิดจะเอามาต่อกรกับหวางเฉิงหย่วน ก็เลิกหวังไปซะ ห้ามแม้แต่จะคิด เข้าใจไหม?”

“เบื้องหลังของหวางเฉิงหย่วน ยิ่งใหญ่กว่าที่แกคิดไว้เยอะ” มู่เหวินตงพูด

“โทรไปหาคุณปู่ บอกว่าหวางเฉิงหย่วนเข้ามายุ่งด้วย ทำให้มันกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากซะแล้ว” มู่เหวินตงพูด

ตอนนี้ ต้องจัดการเรื่องนี้อย่างเงียบๆ แถมยังต้องให้หลี่ฝางชดใช้ ทำให้มู่เหวินตงค่อนข้างที่จะเคลียร์ปัญหาเหล่านี้ได้ยาก

ถึงแม้ว่าสีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋จะบอกว่าไม่เห็นด้วย ไม่อยากทำ แต่ก็ยังโทรไปหาคุณปู่มู่อยู่ดี

หลังโทรเสร็จ มู่เสี่ยวไป๋ถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่เห็นด้วยว่า “พี่ พวกเราจะไม่เอาบ้านพักของหวางเฉิงหย่วนจริงๆเหรอ?”

“ปัญหานี้ค่อนข้างใหญ่ ให้คุณปู่เป็นคนตัดสินเถอะ” มู่เหวินตงพูดด้วยสีหน้าที่สับสน

มู่เสี่ยวไป๋ดันรถเข็นของมู่เหวินตง กลับมาอย่างบ้านพักของตัวเอง

สตรีมเมอร์ที่อยู่ในบ้านพัก ล้วนหนีหายไปกันหมด

พอเห็นคนหนีหายไปจนหมด ใบหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ ก็ดำมืดลงในทันที “เชี้ย คนล่ะ? คนหายไปไหนกันหมดแล้ว? ฉันให้พวกแกเฝ้าพวกเธอไว้ไม่ใช่รึไง?”

“เอ่อ……คุณชายมู่ สัญญาว่าจ้างก็ถูกฉีกทิ้งไปแล้ว มือถือของพวกเรา ก็ถูกพวกเมื่อกี้แย่งไป ตอนนี้ในมือพวกเรา ไม่สามารถใช้อะไรไปข่มขู่พวกเธอเอาไว้ได้”

“พอคุณออกไปได้สักพัก พวกเธอก็ค่อยๆหนีออกไปทีละคน ผมห้ามเอาไว้ไม่อยู่ พอผมและเพื่อนๆคิดที่จะห้ามเอาไว้ พวกเธอก็ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ มีทั้งคนที่ต้องการจะแจ้งตำรวจ คุณเองก็รู้ สตรีมเมอร์หญิงพวกนี้ เสียงดังมาก ถ้าเกิดพวกเธอยังส่งเสียงร้องอีก คงจะส่งเสียงไปถึงยามของคฤหาสน์บ้านซาน แล้วเรียกพวกเขามาจนหมดแน่ ถ้าเกิดผมยังห้ามต่อไป งั้นมันก็จะกลายเป็นการลักพาตัว”

“ไม่ว่าจะยังไงสังคมนี้ก็ยังมีกฎหมายอยู่ พวกเราคงไม่สามารถจับพวกเธอขังเอาไว้ได้ถูกไหม?” คนๆนี้พูดด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ

“ไร้ประโยชน์ ไอ้พวกไร้ประโยชน์!”

มู่เสี่ยวไป๋โกรธมาก ตบหน้าของคนๆนี้ ต่อเนื่องไปหลายที

“แค่พวกหญิงไม่กี่คนยังจัดการไม่ได้ จะเก็บพวกแกไว้ทำไมอีก?” มู่เสี่ยวไป๋ร้องตะโกน และด่าเสียงดัง

“คุณชายมู่ พวกเราจะทำยังไงได้ล่ะ? สตรีเมอร์หญิงพวกนี้ เดิมทีก็ไม่พอใจพวกเราอยู่แล้ว ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะว่าในมือพวกเรามีคลิปที่สามารถทำให้พวกเธอกลัวได้ กุมจุดอ่อนที่เอาไว้ใช้ข่มขู่พวกเธอ ไม่งั้นพวกเธอคงไม่มาอยู่ที่นี่”

“ตอนนี้คลิปก็ไม่มีแล้ว จุดอ่อนก็หายไปด้วย แน่นอนว่าพวกเธอจะต้องหนีไปแน่”

“แกปัญญาอ่อนรึไง ที่อยู่ของพวกเธอ แกก็จดเอาไว้ไม่ใช่รึไง? ทำไมแกถึงไม่ขู่ครอบครัวของพวกเธอล่ะ?” มู่เสี่ยวไป๋มีสีหน้าที่ตึงเครียดและเย็นชา

“คุณชายมู่ ก่อนหน้านี้ที่พวกเราทำ ก็เสี่ยงมากแล้ว ว่ากันตรงๆ มันแทบไม่ต่างจากการลักพาตัว ตอนนี้ คุณต้องการให้พวกเราขู่ครอบครัวของพวกเธอโดยตรง ฮ่าๆ คิดว่าสังคมนี้มันไม่มีกฎหมายอยู่จริงๆใช่ไหม?”

“คุณชายมู่ ท่านไม่ต้องด่าแล้ว ถึงแม้พวกเราจะรับเงินมาจากคุณ กินข้าวที่คุณให้ แต่หลายปีมานี้ พวกเราล้วนติดตามพี่หวางต้อง พี่หวางต้องดีกับพวกเรามาก เห็นพวกเราเป็นพี่น้องมาโดยตลอด……”

“จะว่าไป พี่หวางต้องเองก็ภักดีต่อท่านมาก? หลายปีมานี้ ช่วยคุณจัดการเคลียร์ปัญหาสกปรกของคุณมามากมาย”

“ลูกพี่ของเรามีทั้งผลงาน และทำงานอย่างหนัก แต่ว่าท่านตอบแทนลูกพี่ของเรายังไงล่ะ ลูกพี่เราถึงแม้จะถูกยิง แต่ถ้าเกิดรีบส่งไปโรงบาล ก็สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ พอเอากระสุนออก ถ้าเกิดฟื่นฟูไปได้ดี ขาของลูกพี่ ไม่แน่ว่าอาจจะยังสามารถใช้การได้”

“แต่ว่า……”

พูดไปสักพัก อีกฝ่ายก็ยิ้มอย่างแหยๆ แล้วพูดว่า “เพื่อที่จะทำให้เรื่องมันใหญ่โต ท่านก็เลยปล่อยให้ลูกพี่ของเราตาย”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท