NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่603 ความพ่ายแพ้ของหลี่ฝาง

บทที่603 ความพ่ายแพ้ของหลี่ฝาง

ต้องมีรางวัลใหญ่ ถึงจะมีผู้กล้า

คนอย่างหลี่ฝางไม่มีอะไรทั้งนั้น นอกจากเงิน

เงินสิบล้านสำหรับทายาทอภิมหาเศรษฐีอย่างหลี่ฝางแล้วแทบจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ไม่ใช่สำหรับบรรดาลูกกระจ๊อก ที่ต่อให้ทำงานทั้งชีวิตก็ไม่มีทางได้จับเงินก้อนนี้

ตอนที่หลี่ฝางพูดถึงเงินสิบล้าน ทั้งหวางเสี่ยวหยวนกับเฉินเจียโล่ก็ตกตะลึงไปหลายวินาที

“คุณชายหลี่ จะใจกว้างเกินไปไหมครับ? นึกจะให้ทีก็ให้สิบล้าน โอ้…” เฉินเจียโล่มองหลี่ฝาง ใบหน้ายุ่งเหยิงมีรอยยิ้มออกมา “ขนาดผมยังหวั่นไหวเลยเนี่ย”

เฉินเจียโล่ไม่ได้โกหก เขาทำงานเสี่ยงตายมานานขนาดนี้ ค่าตัวของเขายังไม่เคยมีมูลค่ามากถึงสิบล้านมาก่อน

“อย่าว่าแต่สิบล้านเลย แค่ล้านเดียวก็มีคนอาสาไปแล้วครับ” เฉินเจียโล่เม้มปาก “คุณชายหลี่ ผมรู้ว่าคุณไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน แต่คุณก็น่าจะอ้างอิงราคาตลาดหน่อยสิครับ ไม่งั้นอีกหน่อยจะใช้ให้ทำงานทีก็คงยากแหงๆ”

หวางเสี่ยวหยวนเองก็พยักหน้า “ใช่ครับคุณชายหลี่ เอะอะคุณก็จะให้สิบล้านๆ เดี๋ยวพวกเขาก็ช็อคกันพอดี ดีไม่ดีอาจจะไม่เชื่อด้วย ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาจะสงสัยได้ว่างานนี้มันอันตรายขนาดไหน แล้วพอจบเรื่องนี้ อีกหน่อยพวกเขาก็จะได้ใจขอขึ้นค่าจ้าง ทั้งหมดเป็นเพราะคุณชายไปกระตุ้นความโลภแท้ๆ”

“สิบล้าน ความจริงเงินสิบล้านก็เป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับทุกคน สามารถซื้อรถ หรืออาจจะซื้อบ้านยังได้”

หวางเสี่ยวหยวนพูด “ผมจะไปจัดการให้ครับ”

“พี่ใหญ่ จะไปลำบากเองทำไมล่ะ ครั้งก่อนก็เป็นผมที่จัดการไม่ใช่หรอ?” เฉินเจียโล่พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

หวางเสี่ยวไป๋มองบนใส่เฉินเจียโล่ “เมื่อก่อนก็คือเมื่อก่อน ตอนนี้ก็ตอนนี้สิ เมื่อก่อนนายยังเป็นคนโสด แม้แต่แฟนเป็นตัวเป็นตนก็ยังไม่มีเลย นายอิ่มท้องคนเดียวพอ ไม่ต้องพะวงถึงครอบครัว แต่ตอนนี้ไม่ใช่ไง นายมีทั้งลูกสาวลูกชาย ไหนจะเมียนายอีก ถ้านายเป็นอะไรไปแม้แต่ปลายเล็บ ฉันจะไปบอกเด็กๆว่ายังไงล่ะ? หรือจะให้ฉันรับเลี้ยงลูกนาย?”

เฉินเจียโล่เบ้ปาก ไม่กี่วินาทีก็หายงอน “เอาเถอะ พี่ไปหาคนขึ้นคานมาทำละกัน”

หวางเสี่ยวไป๋เรียกคนสามสี่คนให้เดินขึ้นมาหาที่ด้านหน้า แล้วพูดอะไรบางอย่างกับพวกเขาเสียงเบา ต่อมาสองคนในนั้นก็ยกมือขอเป็นอาสาสมัคร

จากนั้น หวางหยวนก็พอหนึ่งคนในนั้นเดินมาหาหลี่ฝาง “เอาล่ะ นายถอดอาวุธบนตัวให้เสี่ยวจื้อสิ”

แววตาของชายหนุ่มที่ชื่อเสี่ยวจื้อไม่มีความหวาดกลัวแต่อย่างใด

หลังจากที่เขาใส่ชนวนระเบิดเสร็จ ชายหนุ่มก็เหล่มองหลี่ฝางเล็กน้อย “คุณชายหลี่มีเงินสิบล้านจริงๆใช่ไหมครับ?”

หลี่ฝางพยักหน้า “เอาเลขบัญชีของนายมาสิ ถ้าไม่สบายใจฉันจะโอนให้นายตอนนี้เลย”

“แหะๆ ผมจะไม่สบายใจอะไรล่ะครับ ผมรู้ว่าคุณเป็นใคร คงไม่โกหกอยู่แล้ว” เด็กหนุ่มที่ชื่อเสี่ยวจื้อพูดจบ ก็เดินเข้าป่าไป

หลี่ฝางไม่เห็นว่าเสี่ยวจื้อจะมีความหวาดกลัวเลยสักนิด เห็นก็แต่ความตื่นเต้นดีใจ

ส้าวส้วยหัวเราะ “เจ้านาย เงินนี่สั่งงานได้แกระทั่งผีจริงๆ เอาจริงๆต่อไปคุณก็ใช้วิธีนี้บ่อยๆหน่อยก็ได้”

หลี่ฝางส่ายหัว “นี่กำลังชมฉันอยู่ใช่ไหม?”

“ถือว่าชมก็คงได้ครับ” ส้าวส้วยหยักหน้านิดๆ “ถึงมันจะเป็นวิธีสิ้นคิด แต่ก็ได้ผลดีทีเดียว”

และทันทีที่เด็กหนุ่มที่ชื่อเสี่ยวจื้อเดินเข้าไปด้านใน จู่ๆก็มีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นเหนือหัว

หลี่ฝางแหงนหน้าขึ้นดู ก็ต้องทึ่ง “แม่งเอ้ย พวกมันมีเฮลิคอปเตอร์!”

นัยน์ตาของส้าวส้วยเองก็ฉายแววคาดไม่ถึง

ใครก็คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เมื่อกี้หวางเสี่ยวหยวนเพิ่งพูดไปหยกๆ ว่านอกจากมันจะบินหนีออกไป ไม่อย่างนั้น…

แล้วก็สมพรปากไอ้คนปากเน่าหวางเสี่ยวหยวนจริงๆ

หลี่ฝางขมวดคิ้ว “จะเอาไงดี?”

เฮลิคอปเตอร์บินลาดมาถึงฝากนึง จากนั้นก็ทิ้งเชือกลงมา ไม่นานด้านบนเชือกก็ปรากฏร่างสองร่าง ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง

ส้าวส้วยขมวดคิ้ว “ไอ้บ้านั่นมันปีนต้นไม้รออยู่ก่อนแล้ว”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว “เด็กผู้หญิงคนนั้น น้องสาวจูเฟิ่งปินสินะ?”

การมาครั้งนี้ก็เพื่อจะช่วยชีวิตน้องสาวของจูเฟิ่งปิน เห็นทีแผนการของเขาพังกำลังเละไม่เป็นท่า

ขณะทอดมองดูลำเฮลิคอปเตอร์ขับห่างออกไปไกล หลี่ฝางกัดฟันโมโห ถ้าเขาให้ส้าวส้วยเข้าไปเร็วกว่านี้น้องสาวของจูเฟิ่งปินก็คงไปถูกพาตัวไป

“ชิบxาย นี่มันอะไรกันวะเนี่ย ถึงขนาดส่งเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวมากันเลยหรอ นี่ฉันตาฝาดหรือเปล่าเนี่ย”

เฉินเจียโล่พูดด้วยความตกตะลึง

ส้าวส้วยขมวดคิ้ว “เรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ มู่เสี่ยวไป๋ถึงยอมลงทุนมากขนาดนี้”

คนที่ตื่นตะลึงไม่แพ้กันอีกคนนึง นั่นก็คือหวางเห้า

หวางเห้ามองคนที่อยู่บนท้องฟ้าตาค้าง เขาพูดอะไรไม่ออกไปพักใหญ่ ก่อนจะอ้าปากพูดพะงาบๆ “คนที่อุ้มเด็กผู้หญิงคนนึง ก็คือพี่น้องผมเอง ชางสู่”

“ไม่คิดเลยว่าเขาจะกลับมาจริงๆ” สีหน้าของหวางเห้าดูสับสนวุ่นวาย

ส่วนเสี่ยวจื้อ หลังจากผ่านไปสิบกว่านาที ก็ค่อยๆแอบหลบออกมา “คนของเราถูกพวกมันจับหมด มีบางคนที่ผมรู้จักก็อยู่กับคุณชายเฉินครับ”

หวางเสียวหยวนจึงพูดขึ้นบ้าง “เจ้านาย จะทำยังไงต่อดีครับ?”

หลี่ฝางยังไม่ทันพูดอะไร เสี่ยวจื้อก็พูดต่อ “พวกมันเห็นผมแล้ว แต่ไม่ยิง แม่เจ้า เมื่อกี้ผมตกใจแทบแย่ นึกว่ามันจะเล่นผมซะแล้ว แต่มันกลับให้ผมออกมาแล้วฝากคำพูดมาประโยคนึง”

หลี่ฝางมองเสี่ยวจื้อ เร่งให้เขาพูดต่อ “อะไร?”

“พวกมันบอกว่า ให้เรายอมเปิดทางให้พวกมัน ไม่อย่างนั้นมันจะฆ่าตัวประกันให้หมด” เสี่ยวจื้อพูด “พวกมันจะให้เราดึงกำลังคนออกจากฝั่งตะวันออก ปล่อยให้พวกมันหนี”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว จากนั้นก็หลุบตาใช้ความคิด หลี่ฝางไม่รู้ว่าคนพวกนี้จะเชื่อคำพูดได้มากแค่ไหน แต่ถ้าไม่ทำตามที่พวกมันขอ เกรงว่าคนที่โดนจับก็จะตกอยู่ในอันตราย

“จริงสิคุณชายหลี่ ผมเห็นข้างในมีคนตายคนนึงด้วยครับ” จู่ๆเสี่ยวจื้อก็พูดขึ้นอีก

“ตายแล้ว?” หลี่ฝางขมวดคิ้วขึ้นอีก

“ครับ ผมเห็นร่างของเขาพาดอยู่กับต้นไม้ ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด เหมือนจะถูกทำร้ายร่างกายจนตาย” เสี่ยวจื้อตอบ

สีหน้าของหลี่ฝาอึมครึมไปทันใด

“คุณชายหลี่ เงินของผม…” เสี่ยวจื้อพูดไม่ทันจบ ก็ถูกหวางเสี่ยวหยวนถลึงตาใส่ “ไสหัวไป”

“ฉันไม่เบี้ยวแน่” หลี่ฝางมองหน้าเสี่ยวจื้อ อารมณ์ไม่ดีนัก

“ขอโทษครับพี่” เสี่ยวจื้อหันไปพูดกับหวางเสี่ยวหยวน

ใบหน้าของเสี่ยวจื้อแดงก่ำ มาพูดเรื่องเงินในเวลาแบบนี้ มันก็ไม่เหมาะจริงๆนั่นแหละ

ยิ่งไปกว่านั้น คนอย่างหลี่ฝางเนี่ยนะจะเบี้ยวเรื่องเงิน?

จากนั้น เสี่ยวจื้อก็หันไปพูดกับหลี่ฝาง “คุณชายหลี่ ผมขอตัวก่อนนะครับ”

ตอนนั้นเอง จู่ๆเสียงโทรศัพท์ของหลี่ฝางก็ดังขึ้น เป็นจูเปิ่นที่โทรเข้ามา

“คุณชายหลี่ คุณมีเวลาคิดหนึ่งนาที ถ้าคนของคุณไม่รีบออกจากฝั่งตะวันออกภายในหนึ่งนาที คุณจะไม่ได้เห็นหน้าเจ้าของโทรศัพท์นี้อีกตลอดไป”

อีกฝ่ายพูดจบก็วางสายดังปึ้ง ไม่ให้โอกาสหลี่ฝางได้ตอบโต้อะไรทั้งนั้น

หนึ่งวินาที สองวินาที

หัวใจของชายหนุ่มเต้นเร็วขึ้น สมองก็ทำงานเร็วขึ้นเช่นเดียวกัน จนผ่านไปสามสิบวินาทีได้ หลี่ฝางก็หันไปออกคำสั่งกับหวางเสี่ยวหยวน “ให้คนที่อยู่ฝั่งตะวันออกถอยกำลังมาให้หมด”

หวางเสี่ยวหยวนไม่ลังเลอะไรทั้งนั้น เขาสั่งให้คนจากตะวันออกมารวมตัวที่นี่

จากนั้นในป่าก็มีเสียงวิ่งดังขึ้น ที่ฝั่งตะวันออกก็มีเงากลุ่มคนปรากฎขึ้น

จู่ๆเสียงโทรศัพท์ของหลี่ฝางก็ดังขึ้นอีก และเบอร์ที่โทรเข้ามาก็เป็นเบอร์ของจูเปิ่น หลี่ฝางเป็นฝ่ายเอ่ยปากทันทีที่รับสาย “ฉันทำตามที่แกบอกแล้ว เมื่อไหร่จะปล่อยตัวประกัน?”

“ขอบคุณพระคุณคุณชายหลี่ที่เมตตาไว้ชีวิต แต่ว่าตอนนี้ผมกับพี่น้องยังไม่ปลอดภัยเลยครับ”

ปลายสายหัวเราะเสียงเย็นชา “พวกเราปลอดภัยเมื่อไหร่ ผมก็จะปล่อยคนของคุณเมื่อนั้น เอ้อ คุณชายหลี่ในป่ามีศพอยู่สองศพ รบกวนจัดการให้ด้วยนะครับ”

“ไอ้xx” หลี่ฝางก่นคำด่าใส่โทรศัพท์ แต่ปลายสายชิงวางสายไปก่อน

หลังจากหลี่ฝางพร้อมกับผู้ติดตามวิ่งเข้ามาในป่า ก็เห็นศพสองศพจริงๆ

เมื่อก้มดู ก็พบว่าเป็นเฉิงหยุน ส่วนอีกศพคือลูกน้องของเฉินฝูเซิง

ตอนที่หลี่ฝางกำลังคุกเข่าลงด้วยความโศกเศร้า จู่ๆบนต้นไม้ก็มีเงาของคนกระโดดลงมา ราวกับกำลังซ่อนหลี่ฝางอยู่

เขาสัมผัสโดนตัวหลี่ฝางแล้ว แต่มือหนาของส้าวส้วยก็ตรงเข้ามาบีบลูกกระเดือกไว้ได้

“คิดว่าซ่อนตัวมิดหรอ? เสียงหายใจยังดังขนาดนี้ยังกล้าคิดจะลอบฆ่าคน ไม่มืออาชีพเอาซะเลย” ส้าวส้วยแสยะยิ้ม ตั้งแต่เดินเข้าป่ามา ส้าวส้วยก็สังเกตเห็นคนๆนี้แล้ว

“คิดไม่ถึงเลยว่าข้างกายคุณชายหลี่จะมีปรมาจารย์แฝงตัวอยู่ด้วย” ชายมือสังหารหัวเราะแห้ง จากนั้นใบหน้าก็เผยความสิ้นหวัง “ช่างเหอะ ฆ่าฉันซะสิ”

ชายคนนี้เดิมทีก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว เขาก็แค่นักฆ่าเดนตาย เป้าหมายของเขาก็คือฆ่าหลี่ฝาง ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลวยังไงเขาก็ต้องตายอยู่ดี

“พี่ชายสี่” เมื่อหวางเห้าเห็นหน้าชายคนนี้ ก็รีบวิ่งเข้ามา

คนที่หวางเห้าเรียกว่าพี่ชายสี่เหลือบมองหวางเห้า แววตาเต็มไปด้วยความสับสน “พี่เห้า…”

“ส้าวส้วย ไว้ชีวิตเข้าได้ไหม เขาเป็นพี่น้องของฉัน” หวางเห้ามองส้าวส้วยแล้วรีบพูด

ส้าวส้วยส่ายหน้า “ไม่ได้ มันจะฆ่าเจ้านาย ฉันปล่อยไปไม่ได้”

สีหน้าของหวางเห้าเผยความรู้สึกยากจะอธิบาย เขารู้ดีว่าตัวเองสู้ส้าวส้วยไม่ได้ จึงไม่ลงมือสู้

แต่แน่นอนว่าเขาเองก็รู้ว่าพี่ชายสี่ได้ทำผิดมหันต์

ส้าวส้วยจะปล่อยคนที่คิดจะฆ่าหลี่ฝางไปได้ยังไง?

“พี่เห้าไม่ต้องรอขอชีวิตให้ผม ผมทำใจยอมรับแล้ว ยังไงเราต่างก็มีเจ้านายเป็นของตัวเอง ผมไม่โทษพี่หรอก หันหน้าไปซะพี่เห้า” ชายคนนั้นมองหน้าหวางเห้าแล้วยิ้มจากใจจริง

หวางเห้ากัดฟัน มองหน้าพี่น้องตัวเองได้ความรู้สึกทนไม่ได้ ชายคนนั้นหัวเราะขมขื่น “ทำไม จะดูผมตายให้ได้หรอ?”

หวางเห้าหันศีรษะกลับมา ชายคนนั้นอาศัยจังหวะนี้กัดลิ้นตัวเองจนขาด และสิ้นใจในที่สุด

ส้าวส้วยเองก็ทิ้งร่างของเขาไว้กับพื้น แล้วหันมาหาหวางเห้าพร้อมอธิบาย “ฉันไม่ได้ทำ เขาฆ่าตัวเอง”

ใบหน้าของหวางเห้านิ่งสนิท เขาอุ้มร่างของพี่ชายสี่ขึ้นมากอด

แต่เมื่อมาคิดๆดูแล้ว หวางเห้าก็เข้าใจขึ้นมา ไม่ว่ายังไงพี่ชายสี่ก็ต้องตายอยู่ดี จากนั้นหวางเห้าก็คิดไม่ตกว่าทำไมพี่ชายสี่ถึงได้เลือกทำภารกิจนี้

หรือนี่เป็นการตัดสินของชางสู่?

ทันใดนั้นคำถามมากมายผุดเข้ามาในหัวของหวางเห้า

“ดอกไม้ไฟมาถึงหรือยัง?” หลี่ฝางหันไปถามหวางเสี่ยวหยวน

หวางเสี่ยวหยวนพยักหน้า “เอามาไม่น้อยเลยครับ วางอยู่ด้านหลังป่า”

“อีกห้านาทีเริ่มจุดได้” หลี่ฝางพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

จากนั้นกลุ่มคนทั้งหมดก็เดินทางออกจากป่าแล้วขึ้นรถไป ไม่นานเสียงประทัดดอกไม้ก็ดังขึ้นทั่วท้องฟ้า

หลี่ฝางแค่ใช้เสียงพุพวกนี้กลบเสียงปืนก็เท่านั้น

เมื่อกลับไปถึง หลี่ฝางแบกหัวหนักๆของตัวเองมายืนอยู่หน้าประตูห้องพักของจูเฟิ่งปิน จู่ๆหลี่ฝางก็ไม่มีความกล้าที่จะเปิดประตูบานนี้ออก

เฉิงหยุนตาย ส่วนน้องสาวของจูเฟิ่งปินก็ถูกชางสู่จับตัวไป

วินาทีนี้หลี่ฝางจะเอาหน้าที่ไหนไปเจอจูเฟิ่งปิน

เขาในค่ำคืนนี้พ่ายแพ้อย่างยับเยิน ตอนนี้เองส้าวส้วยก็เดินเข้ามาตรงหน้าของหลี่ฝาง “เข้าไปเถอะครับ ยังไม่ต้องบอกจูเฟิ่งปินถึงผลลัพธ์ของวันนี้ ลองหยั่งเชิงดูหน่อยว่าเขามีอะไรอยู่ในมือกันแน่ มู่เสี่ยวไป๋ถึงได้ลงทุนจับตัวน้องสาวของเขาไปขนาดนั้น”

หลี่ฝางพยักหน้า “ฉันถามแน่”

“จริงสิ พวกจูเปิ่นกลับมาหรือยัง?” หลี่ฝางถามด้วยความกังวล

“กลับมาหมดแล้วครับ แต่ทุกคนโดนตัดนิ้วหนึ่งนิ้ว โดนตัดหูหนึ่งข้าง เรากำลลังส่งตัวพวกเขาไปโรงพยาบาล”

สีหน้าของส้าวส้วยดูไม่ได้ “คนแบบชางสู่รับมือด้วยไม่ง่าย ผมประเมินมันต่ำไป นึกว่าทักษะของมันจะเหนือกว่าหวางเห้าไม่มาก คิดไม่ถึงว่ามันจะมีลูกน้องฝีมือดีอยู่ไม่น้อย”

“ผมสืบประวัติของชายแก่นั่นดูแล้ว เป็นคนของตระกูลจูเก่อ ตระกูลจูเก่อมีคนฝีมือขั้นเทพอยู่มาก ปัจจุบันตระกูลจูเก่อได้แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายนึงกลับไปภักดีต่อซุนจิ้น แต่อีกฝ่ายที่ไม่ยอมรับซุนจินก็พากันมุ่งหน้าจะมาฆ่าคุณ”

“ระยะนี้ผมจะคอยแฝงตัวตามติดคุณไม่ห่าง จนกว่าพวกมัน…จะโดนฆ่าล้างโคร”

ส้าวส้วยพูด “ผมโทรหาลูกพี่แล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานลูกพี่น่าจะเคลื่อนไหว พวกที่แตกออกมาจากตระกูลจูเก่อคงก่อกวนอยู่ได้อีกไม่นาน”

“แล้วก็ถึงเวลาที่ทั้งสี่ตระกูลจะได้ประจักษ์ถึงความสามารถของพวกเราสักที” ส้าวส้วยพูดยิ้มๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความผยอง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท