ได้ยินน้องสาวของตัวเองกำลังตะโกนให้ช่วยชีวิต จูเฟิ่งปินก็หอบหนัก เหมือนกับแทบจะขาดอากาศหายใจตาย
จูเฟิ่งปินในตอนนี้ ในใจวิตกกังวลและหวาดกลัว ที่มากกว่านั้นคือโกรธ เขามองหลี่ฝาง โกรธจนตัวสั่น
“คุณอย่าโกรธสิ ผมไม่รู้จริงๆว่าทางนั้นเกิดอะไรขึ้น”
หลี่ฝางมองจูเฟิ่งปิน พูดปลอบ:“ผมจะโทรหาพวกเขาตอนนี้ ให้พวกเขาอย่าทำอะไรมั่วๆ”
พูดไป หลี่ฝางก็หยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาส้าวส้วย หลังจากโทรติด ส้าวส้วยก็ถาม:“เจ้านาย เด็กนั่นพูดยัง พวกหนุ่มๆรอกันไม่ไหวแล้ว ผมชักจะควบคุมพวกเขาไม่ไหวแล้วนะ ถ้าเด็กนี่ไม่พูด ผมก็จะไปแล้ว”
“คุณไปทำอะไร?”หลี่ฝางทำเป็นถาม
“ไปสูบบุหรี่ แม่เอ๊ย ไอ้สัตว์พวกนี้นี่ เหมือนกับไม่เคยเห็นผู้หญิง แต่ละคนน้ำลายสอด้วยความตะกละ ผมเตรียมจะออกไปสูบบุหรี่ ให้พวกเขาหายตะกละสักหน่อย ……”
“ใช่สิ เจ้านาย น้ำเดือดได้ที่แล้ว ถ้าเด็กนี่ไม่พูดอีก ผมเตรียมจะผลักน้องสาวเขาลงไปแล้วนะ”ที่ปลายสาย ส้าวส้วยพูดด้วยใบหน้าโหดอำมหิต
หลี่ฝางเปิดลำโพง คำพูดของส้าวส้วย จูเฟิ่งปินได้ยินชัดเจน
แป๊บเดียว สีหน้าของจูเฟิ่งปิน ก็หม่นลงถึงขีดสุด
จูเฟิ่งปินวิ่งเข้ามา แย่งโทรศัพท์ไป จากมือของหลี่ฝาง ด่าไปที่ส้าวส้วยที่อยู่ปลายสายว่า:“คุณมันไอ้สัตว์เดียรัจฉาน ถ้าคุณกล้าทำร้ายน้องสาวผมแม้แต่ปลายเส้นผม ผมฆ่าคุณแน่”
“เหอะเหอะ คุณเนี่ยนะ?ก็แค่ขยะ”
ส้าวส้วยพูดอย่างดูถูก:“รีบเอาที่คุณรู้ บอกเจ้านายผมให้หมด ไม่อย่างนั้น รอรับศพน้องสาวคุณได้เลย”
“เอาล่ะ พูดไร้สาระกับผมให้มันน้อยๆเถอะ รีบคิดดีๆ มีข่าวดีอะไรต้องบอกเจ้านายพวกเรา”พูดไป ส้าวส้วยวางสายไปเลย
เพิ่งวางสายไป โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา ได้รับข้อความฉบับหนึ่ง
จิตใต้สำนึกจูเฟิ่งปินเปิดข้อความทันที บนข้อความ มีรูปใบหนึ่ง นาทีที่เห็นรูปใบนี้ สมองของจูเฟิ่งปิน ก็แทบระเบิด เขามองหลี่ฝางตาแดงๆ มองอยู่ประมาณสิบกว่าวินาที ทันใดนั้นก็พุ่งขึ้นมา บีบคอของหลี่ฝาง กดทั้งตัวหลี่ฝางไว้ ไปที่ประตูแน่นๆ
เวลานี้ จูเฟิ่งปินเหมือนหมาป่าที่ดุร้ายระเบิดออกมา พุ่งเข้ามาในฉับพลันนั้น หลี่ฝางตกใจจนข้างในใจสั่น
จูเฟิ่งปินไม่สนบาดแผลที่ท้องเขาแล้ว การเคลื่อนไหวมากขนาดนั้น ทำให้บาดแผลฉีกขาด แต่เวลานี้ เขาไม่สน
เขาบ้าไปแล้ว ตาของเขาสีแดง เต็มไปด้วยความแค้น มองไปแล้วน่ากลัวสุดๆ
“ผมจะฆ่าคุณ!”จูเฟิ่งปินพูดด้วยใบหน้าน่ากลัว
สองมือของหลี่ฝางคว้าแขนของจูเฟิ่งปิน แล้วเริ่มดิ้นรน
แต่ยังไงหลี่ฝางก็คิดไม่ถึงว่า แรงของจูเฟิ่งปินจะมากขนาดนี้ หลี่ฝางใช้แรงไปทั้งตัว ก็สลัดออกมาไม่ได้ ตอนที่หมดหนทาง หลี่ฝางได้แต่ยกเข่าของตัวเองขึ้นมา เล็งไปที่ท้องของจูเฟิ่งปิน แล้วดันขึ้นใส่ไปโดยตรง
ยังไงท้องของจูเฟิ่งปิน ก็เพิ่งโดนมีดแทงมา พอเข่านี้ดันขึ้นไป จูเฟิ่งปินก็เจ็บจนเกือบหมดสติ เขาถอยหลังไปหลายก้าวทันที แล้วล้มไปที่พื้นแรงๆ
ที่ท้องของจูเฟิ่งปิน มีเลือดไหลทันที
หลี่ฝางมองเห็นฉากนี้ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสาร
แต่ตอนนี้ ไม่ใช่เวลาที่จะมาเห็นใจ หลี่ฝางพูดด้วยใบหน้าเย็นชา:“ฆ่าผมมีประโยชน์เหรอ?ฆ่าผมไป ไม่ใช่แค่น้องสาวคุณที่จะตาย คุณก็จะตาย”
“ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ ผมไม่ได้ชักจูงให้พวกเขาทำกับน้องสาวคุณแบบนี้ แต่ทั้งหมด ล้วนแต่เป็นพฤติกรรมของพวกเขาเอง ไม่เกี่ยวกับผม”
หลี่ฝางพูด:“แต่ผมอยากบอกคุณ พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่ไม่สนใจกฎหมายอะไรทั้งนั้น ทำเรื่องอะไรก็ได้หมด”
“วิธีการของพวกเขา สันนิษฐานว่าเมื่อกี๊คุณก็น่าจะเห็นแล้ว เพื่อเป้าหมายของตัวเอง ก็ทำทุกอย่างได้หมด ผมแนะนำนะ รีบเอาเรื่องที่รู้บอกมาให้หมดเถอะ”
หลี่ฝางถอนหายใจ พูดว่า:“ไม่อย่างนั้น ผมก็ช่วยคุณไม่ได้”
“เหอะเหอะ ถึงตอนนี้แล้ว คุณยังคิดจะเสแสร้งอีกเหรอ?”
จูเฟิ่งปินหัวเราะเหอะเหอะอย่างเย็นชา มองหลี่ฝางอย่างละอาย พูดว่า:“คุณต้องการอะไรกันแน่?ผมเอาทุกอย่างที่ผมรู้ บอกคุณหมดแล้ว”
หลี่ฝางมองจูเฟิ่งปิน ถามด้วยใบหน้านิ่งๆ:“ถ้าผมเดาไม่ผิดล่ะก็ เมื่อกี๊คุณกำลังหลอกผมใช่ไหม?มู่เสี่ยวไป๋ ไม่ได้ฆ่าคุณชายอะไรนั่นเลย ทั้งหมดนี้ คุณแต่งขึ้นมาใช่ไหม?หรือว่า คุณบอกผมมา คุณชายคนนั้นชื่ออะไร ผมจะไปสืบ”
“ถ้าจริง ผมจะให้ลูกน้องผมปล่อยน้องสาวคุณ”หลี่ฝางมองจูเฟิ่งปิน แล้วพูด
จูเฟิ่งปินจับท้องของตัวเอง มองหลี่ฝาง:“ผมเอาที่ผมรู้ บอกคุณหมดแล้ว”
“ผมไม่รู้อะไรเลยจริงๆ”จูเฟิ่งปินพูด
หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ เดิมทีคิดว่า อยู่ในสถานการณ์นี้แล้ว จูเฟิ่งปินจะเอาทุกอย่างที่ตัวเองรู้ บอกหลี่ฝางอย่างไม่ได้แตะต้องใดๆ แต่คิดไม่ถึงว่า เขาจะยังปิดปากเงียบ
“ช่างเถอะ ในเมื่อคุณไม่ยอมบอก เหอะเหอะ งั้นผมก็ไม่อาจที่จะช่วยเหลือได้ ผู้ช่วยคนนั้นของผม กำลังรอข่าวดีจากผมอยู่”
หลี่ฝางพูดเบาๆ:“ดูเหมือนพวกเราจะรอไม่ไหว”
จูเฟิ่งปินเงยหน้าขึ้น มองหลี่ฝาง พูดว่า:“คุณชายหลี่ ผมอยากถามคุณหน่อย ทำไมคุณถึงมั่นใจเหลือเกินว่า ผมมีข่าวอะไรปิดคุณอยู่?”
จูเฟิ่งปินมองหลี่ฝาง แล้วพูด:“ผมเป็นนักเลงมาหลายปีแล้ว มองคนเก่งมาก ตอนแรก ดวงตาของคุณจริงมาก ดูเหมือนว่า ไม่เหมือนกับเสแสร้ง แต่ตอนนี้ กลับกลายเป็นคนต่ำทรามน่ารังเกียจ การเปลี่ยนแปลงนี้ เป็นเพราะอะไรกันแน่?”
“ทำไมคุณถึงสงสัยว่าผมมีอะไรกั๊กไว้ต่อคุณอีก?ที่ผมเขียนให้คุณ ก็มากพอแล้ว ในฐานะคนตัวเล็กๆคนหนึ่ง ผมจะไปรู้อะไรได้?”จูเฟิ่งปินมองหลี่ฝาง ถามด้วยสายตาคมกริบ
“เหอะเหอะ ก่อนหน้านี้ ผมเห็นคุณเป็นแค่คนตัวเล็กๆธรรมดาๆคนหนึ่งจริงๆ แต่ต่อมา ผมคิดว่าผมดูผิดไป ตอนที่รับน้องสาวคุณ พวกเราเจอมู่เสี่ยวไป๋ คุณฟังไม่ผิด เป็นมู่เสี่ยวไป๋ที่นำคนมาเอง และยังนำคนมาเป็นกลุ่มใหญ่มาก พวกเราสองฝั่ง ทำการสู้กันครั้งหนึ่ง”
หลี่ฝางหยิบโทรศัพท์ออกมา เปิดรูปใบหนึ่ง เอาให้จูเฟิ่งปินดู
“เห็นหรือยัง?นี่คือผลที่พวกเราสู้กัน ในระหว่างของเรานั้น มีเพื่อนตายไปด้วย”
“นอกจากนี้ พวกเรายังมีเพื่อนๆอีกมาก ที่ได้รับบาดเจ็บหนัก”
“คุณพูดไม่ผิด ผมคือคนดีจริงๆ เพื่อนๆของผม ก็เป็นคนดีทั้งนั้น ถ้าไม่ได้เกิดเหตุคาดไม่ถึง ไม่ใช่ว่ามีเพื่อนๆของตัวเองตาย พวกเขาไม่มีทางทำกับน้องสาวคุณอย่างนั้นแน่”
“ผมมีเพื่อนที่ตายเพราะช่วยน้องสาวคุณ ดังนั้นลูกน้องของผมพวกนั้นคิดว่า น้องสาวคุณสมควรลงไป ฝังกับเพื่อนของผมที่ตายไปด้วย”
“แต่ผมเชื่อว่า คุณจะต้องปกปิดอะไรผม คุณคิดว่าคนสูงส่งอย่างมู่เสี่ยวไป๋ จะออกโรงด้วยตัวเอง เพื่อคนธรรมดาๆอย่างคุณเหรอ?แล้วยังพาคนฝีมือดีมาตั้งเยอะ ดูแล้วจะยอมทำสุดแรงกายแรงใจโดยไม่สนอะไร เพื่อจะเอาตัวน้องสาวคุณกลับไปแน่”
“ถ้าที่ตัวคุณ มีข้อมูลเพียงเล็กน้อยเฉยๆ มู่เสี่ยวไป๋ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้นเลย เสี่ยงอันตรายอย่างมาก แล้วทำเรื่องบ้าบออย่างนี้”
หลี่ฝางมองจูเฟิ่งปิน หัวเราะอย่างเย็นชา:“ดังนั้น ผมกล้ารับรอง คุณจะต้องมีอะไรปิดบังผม”
“ทางมู่เสี่ยวไป๋มีคนของผม ผมไปถามมา ดูเหมือนว่าจะเกี่ยวกับสินค้าส่วนหนึ่ง ……”หลี่ฝางพูดเตือนจูเฟิ่งปิน:“ส่วนมากแค่ไหน คุณบอกผมดีกว่า”
สีหน้าของจูเฟิ่งปิน ก็เปลี่ยนไปทันที
จากนั้น จูเฟิ่งปินส่ายหน้า พูดว่า:“ยังคิดว่าผมกับพี่หยุนเพิ่งของสิ่งนี้ จะทำเงินได้มากมาย ดูเหมือนว่า ……”
จูเฟิ่งปินหัวเราะอย่างขมขื่น เงยมองหลี่ฝางแล้วถาม:“พี่หยุนล่ะ?เขาเป็นไงบ้าง?”
หลี่ฝางลังเลเล็กน้อย ตอนที่จะพูดโกหกนั้น จู่ๆจูเฟิ่งปินก็พูด:“เขาตายแล้วใช่ไหม?ถ้าเขาไม่ตาย พวกคุณก็ไม่จำเป็นต้องเล็งมาที่ผมเลย”
“คุณแค่เอาน้องสาวผมมาขู่ผม แต่กลับไม่พูดถึงพี่หยุนผมเลยสักนิด ผมว่า เขาต้องเกิดเรื่องแน่ ในเมื่อมู่เสี่ยวไป๋ออกโรงแล้ว เขาจะต้องไม่ให้พี่หยุนรอดแน่”
จูเฟิ่งปินถอนหายใจ พูด:“ช่างเถอะ ผมบอกคุณได้ทุกอย่าง แต่คุณต้องรับปากผมสองเงื่อนไข”
หลี่ฝางพยักหน้า ถามว่า:“ลองพูดมาดูสิ”
จูเฟิ่งปินพูด:“เงื่อนไขแรก ก็คือเงินสดสิบล้าน ผมต้องการแค่เงินสด ไม่เอาเช็ค และก็ไม่เอาเงินโอน”
“ไม่มีปัญหา ผมจะโทรตอนนี้ ให้ลูกน้องไปเอาให้”หลี่ฝางพูด
จูเฟิ่งปินคิดไม่ถึงว่าหลี่ฝางจะรับปากไวอย่างนี้ ใบหน้าอดไม่ได้ที่จะตะลึง จากนั้นเขาก็หัวเราะ พูดว่า:“สมแล้วที่เป็นคุณชายหลี่ คุณใจกว้างกว่ามู่เสี่ยวไป๋เยอะเลย”
“ถ้าผมเดาไม่ผิด เงื่อนไขที่สองของคุณ จะต้องให้ผมปล่อยน้องสาวก่อน ใช่ไหม?”หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ มองจูเฟิ่งปินแล้วพูดอย่างเด็ดเดี่ยว
จูเฟิ่งปินพยักหน้า พูดว่า:“คุณชายหลี่ฉลาดจริงๆ แป๊บเดียวก็เดาได้แล้วว่าผมต้องการอะไร แต่ผมต้องเสริมหน่อยว่า เอาสิบล้านให้น้องสาวผม น้องสาวผมขับรถเป็น แล้วก็ให้รถเธอคันหนึ่ง รอเมื่อไหร่ที่เธอปลอดภัย ออกไปจากเมืองเอกแล้ว ผมก็จะบอกคุณ ว่าความลับคืออะไรกันแน่”
“ถ้าผมไม่รับปากล่ะ?”หลี่ฝางขมวดคิ้วถาม
น้องสาวของจูเฟิ่งปิน ไม่ได้อยู่ในมือของหลี่ฝาง จะให้หลี่ฝางรับปากอย่างไร?
“ถ้าคุณไม่รับปาก ผมก็จะเอาความลับนี้ เอาลงไปด้วย”จูเฟิ่งปินพูดดูเหมือนยืนหยัด
“พาน้องสาวคุณไปด้วย?”หลี่ฝางขมวดคิ้ว
จูเฟิ่งปินพูด:“ใช่ เพราะว่าผมกลัว กลัวว่าผมเอาทุกยอ่างบอกคุณไปแล้ว คุณก็ยังจะฆ่าน้องสาวผม”
“คุณคิดดีๆละกัน คุณชายหลี่”จูเฟิ่งปินพูด
“ไม่ต้องคิดแล้ว”หลี่ฝางพูดอย่างเย็นชาเสร็จ ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาส้าวส้วย หลังจากโทรติด หลี่ฝางก็พูดด้วยใบหน้าหม่นหมอง:“จูเฟิ่งปินก็ยังไม่ยอมพูด ผู้หญิงคนนั้นอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ ฆ่าเธอซะ”
พูดจบ หลี่ฝางก็กดวางสาย จากนั้นก็มองจูเฟิ่งปินแล้วพูด:“ผมไม่ชอบที่คนอื่นมาต่อรองกับผมมากที่สุด”