NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 628 ให้เธอยืมไหล่ซบ

บทที่ 628 ให้เธอยืมไหล่ซบ

ฉินวี่เฟยเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก

เธอสวมชุดทำงานสีดำทั้งตัว ทำให้รูปร่างสูงโปร่งของเธอดูโดดเด่นอย่างสุดขีด เธอนั่งอยู่ข้าง ๆ ฉินจื่อยี่ มือข้างหนึ่งถือมีด อีกข้างหนึ่งถือลูกแอปเปิล

ฉินวี่เฟยกำลังปอกแอปเปิลให้กับพี่ชายของตัวเองอยู่

ฉินจื่อยี่ได้รู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ว่าที่บริเวณหัวยังคงมีผ้าพันแผลพันอยู่

ได้ยินเสี่ยงฝีเท้าเดินเข้ามา ฉินวี่เฟยก็รีบหันไปดู สีหน้าท่าทางลนลานเล็กน้อย

“หลี่ฝาง?”

หลังจากที่มองเห็นหลี่ฝาง ท่าทางลนลานบนใบหน้าของฉินวี่เฟยถึงได้อันตรธานหายไป สิ่งที่มาแทน คือความคาดหวังและความตื่นเต้น

หลายวันมานี้ ฉินวี่เฟยเหนื่อยแบบสุด ๆ นายท่านฉินได้ตายไป ธุรกิจของตระกูลฉินก็ได้เกิดปัญหาตามมามากมาย ในแต่ละวันฉินวี่เฟยจะต้องยุ่งวุ่นวายจนดึกดื่นถึงจะเข้านอนได้

ตระกูลฉินในวันนี้ สามารถพูดได้ว่าต้องรับมือกับทั้งศึกภายในและภายนอก

มีอยู่หลายครั้ง ที่ฉินวี่เฟยแทบจะทนรับต่อไปไม่ไหว อยากจะวางมือ แต่พอนึกถึงตำแหน่งในวันนี้ เป็นหลี่ฝางที่ยกให้เธอ เธอก็ใจเต้นขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

เธอไม่อยากทำให้ความทุ่มเทของหลี่ฝางต้องเสียเปล่า และยิ่งไม่อยากทำให้หลี่ฝางผิดหวัง

หรืออาจพูดได้ว่า ฉินวี่เฟยต้องการที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าตัวเองไม่ได้เป็นเพียงแค่แจกันดอกไม่ที่ไร้ประโยชน์ แต่เป็นผู้หญิงแกร่งคนหนึ่ง

เธอยื่นแอปเปิลในมือให้กับฉินจื่อยี่พี่ชายของตัวเอง ฉินวี่เฟยลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ แล้วยินต้อนรับหลี่ฝางที่อยู่ทางประตู: “หลี่ฝาง มาแล้วเหรอ?”

หลี่ฝางรู้สึกยินดี ที่ฉินวี่เฟยเรียกชื่อของตัวเอง แต่ไม่ใช่ ‘คุณชายหลี่’ อะไรนั่น

หลี่ฝางพยักหน้า แล้วเดินเข้าไป

“กลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว” หลี่ฝางจ้องมองฉินวี่เฟย แล้วหัวเราะขึ้นมาอย่างชอบอกชอบใจ แล้วมองไปที่ฉินจื่อยี่

แค่ในตอนที่หลี่ฝางมองฉินจื่อยี่ ภายในใจก็เป็นกังวลเล็กน้อย

ถึงยังไงก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุรถชน ฉินจื่อยี่นั้นได้เกลียดตัวเอง เขานำการตายของนายท่านฉิน กล่าวโทษกับตระกูลหลี่

แต่คิดไม่ถึง ฉินจื่อยี่กลับมองหลี่ฝางด้วยรอยยิ้ม และกล่าวตำหนิ: “นี่คุณชายหลี่ นายนี่มันจะแล้งน้ำใจจังเกินไปไหม? ฉันนอนอยู่ที่โรงพยาบาลมานานขนาดไหนแล้ว นายไม่เป็นบอกว่าจะมาเยี่ยมฉันเลย”

“ทำไมเหรอ ไม่เห็นฉันเป็นเพื่อนแล้วหรือไง?” ถึงแม้ที่ปากของฉินจื่อยี่จะกล่าวตำหนิ แต่ก็ไม่ได้มีแววความรู้สึกเกลียดชังใด ๆ เลย

หลังจากนั้นฉินจื่อยี่ก็มองไปที่หลิงหลงที่อยู่หน้าประตู แล้วกล่าว: “ยังพาผู้หญิงมาด้วย? แฟนคนใหม่เหรอ?”

“ไม่ใช่”

หลี่ฝางส่ายหัว หลังจากนั้นก็มองฉินจื่อยี่อย่างไม่อยากจะเชื่อ แล้วเอ่ยปากถาม: “นายไม่รู้จักเธอ?”

ที่ฉินจื่อยี่ประสบอุบัติเหตุรถชน ล้วนเป็นเพราะได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจที่หลิงหลงนำมาให้

อีกทั้ง หลิงหลงก็เป็นคนที่เขารักมากที่สุดภายในใจของเขา

แต่ในเวลานี้ เป็นไปได้ยังไงที่ฉินจื่อที่จะไม่รู้จักหลิงหลงแล้ว?

หลี่ฝางขมวดคิ้ว ภายในใจคิด: ฉินจื่อกำลังเสแสร้งแกล้งทำหรือว่ายังไงกันแน่?

ถ้านี่คือการเสแสร้งแกล้งทำ มันซักจะเหมือนมากเกินไปแล้ว

ในเวลานี้ฉินวี่เฟยก็ขยิบตาให้กับหลี่ฝาง แล้วหันกลับไปพูดกับพี่ชายของตัวเอง: “พี่คะ พี่ทานแอปเปิลไปก่อน ฉันมีเรื่องส่วนตัวถามหลี่ฝางหน่อย อีกเดี๋ยวกลับมานะคะ”

“สมควรที่จะไต่สวนเขาจริง ๆ แหละ เจ้าคนนี้หลายใจมากเกินไปแล้ว รออาการฉันดีขึ้น จะต้องช่วยเธอต่อยเขาสักตั้งแน่” ฉินจื่อยี่อืมตอบรับ แล้วกล่าว

ฉินวี่เฟยดึงแขนของหลี่ฝาง มายังหน้าประตูห้องคนไข้

หลี่ฝางมองออกถึงความไม่ปกติ เขาก็เลยถามขึ้นมาเองทันที: “พี่ชายของเธอเป็นอะไร ทำไมแม้แต่หลิงหลงเขาก็ไม่รู้จัก?”

“พี่ชายฉันความจำเสื่อมน่ะ”

ฉินวี่เฟยกัดริมฝีปากเบา ๆ แล้วก็: “สูญเสียความทรงจำบางส่วนไป”

“อุบัติเหตุรถชนในครั้งนี้ สมองของเขาได้รับการกระทบกระเทือน ตอนที่เขาฟื้นขึ้นมา แม้แต่การตายของคุณปู่ยังไม่รู้เลย หมอบอกว่าเป็นภาวะสูญเสียความทรงจำบางส่วน เขาลืมทุกเรื่อง ที่เป็นความทรงจำที่น่าเศร้าไปหมด”

หลังจากที่ฉินวี่เฟยพูดจบ หลี่ฝางก็ตะลึงงันไปหนึ่งรอบ

คิดไม่ถึงว่าเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นแค่ในละครน้ำเน่า จะเกิดขึ้นในชีวิตจริง

หลี่ฝางพยักหน้า กล่าว: “สำหรับเขาแล้ว ถือเป็นเรื่องดี”

ฉินวี่เฟยก็คิดแบบนี้เหมือนกัน หล่อนหันไปมองหลิงหลง ลังเลไปชั่วขณะแล้วกล่าว: “หมอบอกว่า พี่ชายของฉันจะต้องพักฟื้นสักระยะ สมองของเขายังไม่คงที่ จะให้มีความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากไม่ได้ ดังนั้น พวกเราจึงปิดบังเรื่องการตายของคุณปู่เอาไว้…..”

ไม่รอจนฉินวี่เฟยพูดจบ หลิงหลงก็เข้าใจความหมายของฉินวี่เฟยแล้ว เธอยิ้มกล่าว: “ความหมายของเธอคือ ให้ฉันจากไป ใช่ไหม?”

“ไม่เพียงเท่านี้ ทั้งยังหวังว่าเธอจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าพี่ชายของฉันอีก ไม่ต้องมาเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลแล้ว หมอบอกว่า ภาวะสูญเสียความทรงจำบางส่วนชนิดนี้ เป็นเพียงแค่ชั่วคราว เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมบางอย่างหรืออยู่ต่อหน้าคนบางคนที่เฉพาะเจาะจง จะทำให้กลับเป็นปกติได้ง่าย หรือจะพูดอีกนัยหนึ่ง การมาของเธอมีความเป็นไปได้สูงที่จะทำให้พี่ชายของฉันจำเรื่องทุกอย่างขึ้นมาได้ พอถึงตอนนั้น ฉันกลัวว่าพี่ชายของฉันจะทนรับไม่ได้ ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่” ฉินวี่เฟยกล่าว

หลิงหลงพยักหน้าอย่างเข้าใจ: “ฉันแค่อยากจะมาดูว่าเขาดีขึ้นหรือยัง ในเมื่อเขาไม่เป็นอะไรแล้ว งั้นฉันก็ควรที่จะไป สบายใจได้ ฉันจะไม่มาอีกแล้ว”

บนใบหน้าของหลิงหลง มีรอยยิ้มอยู่

ฉินจื่อยี่ความจำเสื่อม ได้ลืมเธอไป แบบนี้สำหรับหลิงหลงแล้ว ราวกับยกภูเขาออกจากอก

“นายน้อย ฉันขอตัวก่อนนะ”

หลิงหลงกล่าว แล้วก็ลุกเดินจากไป และหลี่ฝางก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร

หลี่ฝางไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ฉินวี่เฟยมองหลิงหลงที่เดินจากไป แล้วกล่าว: “พี่ชายของฉันไม่อาจคบกับหล่อนได้”

หลี่ฝางพยักหน้า เขาเข้าใจความหมายของฉินวี่เฟย

ถึงแม้นายท่านฉินจะฆ่าตัวตายเอง แต่การตายของเขา มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลิงหลงอยู่ไม่น้อย

บาดแผลร้ายแรงที่ฆ่าชีวิต เป็นหลิงหลงที่เป็นคนนำมา

ถึงแม่ว่าฉินวี่เฟยได้ยกโทษให้หลิงหลงแล้ว แต่ว่า นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะยอมรับหลิงหลงเป็นพี่สะใภ้

หลี่ฝางมองฉินวี่เฟย แล้วเอ่ยถาม: “ระยะนี้เป็นยังไงบ้าง? ดูเธอสิ ไม่เจอกันเพียงไม่กี่วัน ทำไมถึงดูเหน็ดเหนื่อยขนาดนี้ล่ะ ขอบตาดำหมดแล้ว”

หลี่ฝางกล่าว เขาลูบหัวฉินวี่เฟยเบา ๆ

หลี่ฝางรู้สึกสงสารฉินวี่เฟยเด็กสาวคนนี้ขึ้นมาบ้างแล้ว ในเวลานี้หลี่ฝางกำลังครุ่นคิด ว่าตัวเองได้ทำผิดไปหรือเปล่า ไม่ควรมอบตำแหน่งประธานคณะผู้บริหารบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ให้กับฉินวี่เฟย

บางที่ให้พี่ของฉินวี่เฟยไปรับตำแหน่งนั้น อาจจะดีกว่าก็ได้

อย่างน้อยแบบนี้ ฉินวี่เฟยก็ไม่ต้องเหนื่อยมาขนาดนั้น

บนตัวของฉินวี่เฟยในตอนนี้ ไม่เหลือความเป็นวัยรุ่นและความสดใสอยู่อีกแล้ว สิ่งที่มาแทนที่คือ ความเป็นผู้ใหญ่และสุขุม

แน่นอน ว่าทุกคนจะต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แต่การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของฉินวี่เฟยนั้นมันรวดเร็วเกินไป หลี่ฝางเกรงว่าเธอจะปรับตัวไม่ทัน

ฉินวี่เฟยยิ้มน้อย ๆ กล่าว: “ก็ใช่น่ะสิ เพิ่งจะเข้ารับตำแหน่ง มีอีกหลายอย่างที่ยังต้องเรียนรู้ และสร้างความเคยชิน ต้องคบค้าสมาคมกับจิ้งจอกเฒ่ากลุ่มนั้น ฉันไม่กล้าชะล่าใจหรอก”

หลี่ฝางรีบถามทันที: “พวกเขารังแกเธอเหรอ?”

“ไม่หรอก ถึงยังไงฉันก็ถึงเป็นประธานคณะผู้บริหารนะ หุ้นส่วนส่วนใหญ่ของบริษัทฉินซื่อ กรุ๊ปล้วนอยู่ในกำมือของฉัน ต่อให้ในใจของพวกเขาไม่พอใจ ก็ไม่กล้าเป็นปรปักษ์กับฉันหรอก”

“นอกเสียจากว่า พวกเขาไม่อยากอยู่ที่บริษัทฉินซื่อ กรุ๊ปอีกต่อไป” ฉินวี่เฟยยิ้มกล่าว

หลี่ฝางพยักหน้า เขาปลื้มอกปลื้มใจไม่น้อย จากนั้นก็ได้ถามขึ้นมาอีก: “แล้วฉินเสี่ยวหู่ล่ะ มันยังมาหาเรื่องเธออีกอยู่หรือเปล่า?”

ฉินวี่เฟยลังเลไปชั่วขณะ แล้วถึงส่ายหัว

หลี่ฝางรู้ทันทีว่าฉินวี่เฟยกำลังโกหกตัวเองอยู่ แล้วถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง: “มันมาหาเรื่องเธออีกแล้วใช่ไหม? เธอพูดความจริงกับฉันมา ถ้าเธอโกหก ฉันก็จะไปสืบเอง”

“อีกอย่างความสัมพันธ์ของพวกเรา เธอก็ไม่จะเป็นที่จะต้องโกหกฉัน” หลี่ฝางกล่าว

วินาทีนี้ฉินวี่เฟยก็เงยหน้าขึ้นมา จ้องมองหลี่ฝาง และเอ่ยถามด้วยแววตาที่สลับซับซ้อน: “หลี่ฝาง เราสองคนมีความสัมพันธ์แบบไหนกันเหรอ?”

“เพื่อนเหรอ?” ลมหายใจของฉินวี่เฟย จู่ ๆ ก็กระชั้นถี่ขึ้น

เพื่อน?

หลี่ฝางชะงักไปเล็กน้อย ตัวเองและฉินวี่เฟย เป็นเพียงแค่เพื่อนเหรอ?

เหอะ ๆ ความเป็นห่วงและดูแลเอาใจใส่ที่ตัวเองมีต่อฉินวี่เฟยนัน มันมากว่าคำว่าเพื่อนไปนานแล้วไม่ใช่เหรอ?”

แต่ว่า นอกจากเพื่อนแล้ว ยังเป็นอะไรได้อีกล่ะ?

ณ เวลานี้หลี่ฝางพลันไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี เพื่อไม่ให้ฉินวี่เฟยต้องเสียใจ หลี่ฝางก็ยิ้มถามขึ้นมา: “เธอคิดว่ายังไงล่ะ?”

ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนที่หลี่ฝางพูด ยังใช้นิ้วมือ ปัดไปที่ดั้งจมูกของฉินวี่เฟย

ใบหน้าของฉินวี่เฟยแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย เธอก้มหน้ากล่าว: “ฉันก็ไม่รู้ แต่ฉันรู้สึกว่า……”

พูดออกมาได้เพียงครึ่งเดียว จู่ ๆ ฉินวี่เฟยก็หยุดพูด หลี่ฝางติดตามถามต่อ: “รู้สึกอะไร?”

“รู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเราสองคน ไม้น่าจะเป็นเพียงแต่เพื่อนเท่านั้น”

ฉินวี่เฟยพูดจบ เธอก็โอบกอดหลี่ฝางทันที และกล่าว: “หลี่ฝาง หลายวันมานี้ฉันเหนื่อยจังเลย อยากจะหาไหล่ซบสักหน่อย”

“ไหล่ของฉันให้เธอยืม ซบได้ตามสบาย” หลี่ฝางกล่าวอย่างใจกว้าง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท