NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 630 ให้ร้ายหวางเสี่ยวหยวน

บทที่ 630 ให้ร้ายหวางเสี่ยวหยวน

หลี่ฝางรู้สึกตัวขึ้นมาก่อน ชั่ววินาทีที่ Land Rover พุ่งชนเข้ามา ทันใดนั้นหลี่ฝางก็ใช้ร่างกายของตัวเอง เข้าปกป้องฉินวี่เฟยเอาไว้อย่างรวดเร็ว

Land Rover ทันทีพุ่งตรงเข้ามา ตัวรถยนต์สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ถุงลมนิรภัยทำงาน และป้องกันหลี่ฝางเอาไว้

หลี่ฝางเพียงแค่รู้สึกปวดร้าวไปหมดทั้งตัว นอกนั้นก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก

แต่ฉินวี่เฟยเห็นได้ชัดว่าตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อไปแล้ว เธอสั่นไปหมดทั้งตัว

“แม่งเอ๊ย”

หลี่ฝางตะโกนด่าออกมา เขาไม่ได้สนใจความเจ็บปวดของเขา และเปิดประตูรถ แล้วเดินออกไป

รถ Land Rover ที่อยู่ตรงหน้า คุ้นคุ้นตาเป็นอย่างมาก

เป็นรถของหวางเสี่ยวหยวนนั่นเอง เพียงแต่ว่า คนที่นั่งอยู่ข้างใน จะต้องไม่ใช่หวางเสี่ยวหยวนอย่างแน่นอน

มองเห็นหลี่ฝางลงมาจากรถ คนที่อยู่ในรถคันนั้น ก็รีบหักล้อรถ แล้วพุ่งชนเข้ามาทางหลี่ฝาง

หลี่ฝางรีบขยับตัว หลบไปยังด้านข้าง

หลี่ฝางตกใจแทบตาย นึกว่าคนคนนั้นจะฆ่าเขา สุดท้ายกลับรีบขับรถ Land Rover คันนั้นหนีหัวซุกหัวซุนไป

ตรงนี้มีกล้องวงจรปิดอยู่ทุกหนแห่ง ถ้าเกิดอีกฝ่านกล้าฆ่าคน จะต้องหลบหนีไปได้ยากอย่างแน่นอน

หลี่ฝางหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วรีบโทรหาหวางเสี่ยวหยวนทันที

“พี่หยวน พี่อยู่ไหนน่ะ?” เมื่อมีคนรับสาย หลี่ฝางก็ขมวดคิ้ว แล้วซักถามหวางเสี่ยวหยวนทันที

หวางเสี่ยวหยวนชะงักไปชั่วขณะ: “เจ้านาย มีงานเหรอครับ?”

“ผมกำลังเล่นไพ่อยู่น่ะ”

หลี่ฝางถามต่อไปอีกครั้ง: “พี่เล่นไพ่อยู่กับใคร?”

อีกฝั่งของสายก็มีเสียงของเฉินเจียโล่ หวงว่างโก๋สองสามคนดังออกมา หลังจากที่หลี่ฝางได้ยิน ในที่สุดก็วางใจ

ถึงแม้หลี่ฝางจะรู้ดี คนที่ชนตัวเองเมื่อกี้ ไม่ใช่หวางเสี่ยวหยวนแน่นอน แต่เพื่อความแน่ใจ คอนเฟิร์มสักหน่อยจะดีกว่า

เพื่อป้องกันไม่ให้มีหนอนบ่อนไส้อย่างไม่รู้ตัว

หลี่ฝางพูดกับหวางเสี่ยวหยวน: “Land Roverของพี่ล่ะ?”

“รถเหรอ เมื่อกี้ลูกน้องคนหนึ่งขับออกไปแล้วครับ” หวางเสี่ยวหยวนพูดจบ ก็รับรู้ได้ถึงความไม่ปกติทันที: “เจ้านาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ?”

“หมอนั่นบอกว่าจะไปรับผู้หญิงสองคนเล่น อย่างมากสิบนาทีก็กลับมาแล้ว แต่ตอนนี้ผ่านไปสามสิบนาทีแล้ว ผมเล่นไพ่ติดลมไปหน่อย ก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก……” หวางเสี่ยวหยวนถามขึ้นมาอย่างว่องไว

“เมื่อกี้ฉันกับคุณหนูตระกูลฉินถูกคนขับรถชน คนที่ชนพวกเรา ขับรถ Land Rover ของพี่ แต่ว่า เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดจะเอาชีวิตของพวกเรา เพียงแค่ต้องการข่มขู่พวกเราแค่นั้นเอง”

หลี่ฝางกล่าว: “วางไพ่ในมือลง ก่อนเช้าพรุ่งนี้เช้า ฉันหวังว่าพี่จะให้คำตอบกับฉันได้”

“ทราบแล้วครับ เจ้านาย” หวางเสี่ยวหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

หลังจากที่วางสาย หวางเสี่ยวหยวนโมโหจนคว่ำโต๊ะเล่นไพ่

หลังจากนั้น เขาก็หยิบเอาบุหรี่ออกมามวนหนึ่ง แล้วคาบไว้ในปาก

เฉินเจียโล่และหวงว่างโก๋ต่างก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เฉินเจียโล่รีบถามขึ้นมาทันที: “ลูกพี่ เกิดเรื่องอะไรขึ้น ถึงทำให้พี่โมโหขนาดนี้?”

นี่เป็นกระดานไพ่ที่เล่นด้วยกันสี่คน นอกว่าพี่น้องสองคนของหวางเสี่ยวหยวนแล้ว ยังมีอีกคนที่ชื่ออากวง

อากวงคนนี้ ก็นับว่าเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงเดียวกัน

อากวงกล่าวอย่างเหน็บแนม: “ผมว่านะพี่หยวน พี่คงไม่ได้เสียเงินจนหัวเสียหรอกใช่ไหม?”

หวางเสี่ยวหยวนดูดบุหรี่เข้าไปคำใหญ่ จากนั้นก็เหลือบตามองไปที่อากวง เขายิ้มเล็กน้อย แล้วกล่าว: “อากวง ฉันลืมถามแก วันนี้มีอารมณ์สุนทรีย์ดีอะไร จู่ ๆ ถึงได้มาชวนพวกเราเล่นไพ่?”

อากวงกล่าวอย่างเรียบ ๆ : “ก็มาสร้างความสัมพันธ์กับพวกพี่ ๆ ไง ถ้าไม่ต้อนรับ ต่อไปฉันไม่มาแล้วก็ได้”

“ต้อนรับ ต้อนรับ จะไม่ต้อนรับได้ยังไง?”

หวางเสี่ยวหยวนยิ้มกล่าวจนจบ จากนั้นเขาก็พลันยกแขนขึ้นมา ทันในนั้นฝ่ามือหนึ่ง ก็ฟาดลงไปที่ใบหน้าของอากวง

อากวงยังไม่ทันได้รู้สึกตัวอะไร เขาก็ถูกฟาดลอยลงไปกองที่พื้นทันที

“ลูกพี่ เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงขั้นลงไม้ลงมือแล้วล่ะ?” ในวินาทีนี้เฉินเจียโล่ก็ได้ลนลานขึ้นมา

เฉินเจียโล่และหวงว่างโก๋ติดตามหวางเสี่ยวหยวนมานาน น้อยมากที่จะเห็นเขาใจร้อนแบบนี้

โดยเฉพาะอย่างเรื่องคว่ำต๊ะไพ่ หวางเสี่ยวหยวนในเมื่อก่อน ไม่มีทางที่จะทำแบบนี้

เขาเป็นคนสุขุมเยือกเย็นมาโดยตลอด วันนี้เป็นอะไรไป?

หวางเสี่ยวหยวนก้าวยาว ๆ เข้ามา แล้วยกร่างอากวงขึ้น: “น้องชาย ฉันกับแกไม่มีความแค้นกันใช่ไหม? ทำไมแกถึงได้มาทำร้ายพวกเราสามคน? ทั้งยังเป็นการทำร้ายแบบกะจะเอาให้ตาย!”

กล่าวไป หวางเสี่ยวหยวนก็เอาบุหรี่ที่อยู่ในปาก จี้ลงไปที่ดวงตาของอากวง ยังดีที่อากวงหลับตาลงเร็ว ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ดวงตาของเขา จะต้องตาบอดแน่ ๆ

“แม่งเอ๊ย!”

หวางเสี่ยวหยวนตะโกนด่าออกมา เขายกกำปั้นขึ้น และหวดเข้าไปที่ใบหน้าของอากวง ต่อนจนเขาแทบสลบไป

เพราะยังไงตามรูปร่างของหวางเสี่ยวหยวนแล้ว หมัดนี้ คนธรรมดาไม่อาจทนรับได้จริง ๆ

และอากวงคนนี้ ร่างกายก็ไม่นับว่าสูงใหญ่ แล้วจะเป็นคู่ต่อสู้ของหวางเสี่ยวหยวนได้ยังไง?

หวางเสี่ยวหยวนต่อยอากวงติดต่อกันอยู่หลายหมัด ต่อยจนเขาไม่ค่อยมีสติแล้ว และในตอนที่เฉินเจียโล่อยากจะเข้าไปห้าม กลับถูกหวงว่างโก๋ขวางเอาไว้

หวงว่างโก๋ส่ายหน้าให้กับเฉินเจียโล่ แล้วกล่าว: “เรื่องราวมีพิรุธ อีกเดียวพี่ใหญ่ก็จะอธิบายกับพวกเราเอง”

เฉินเจียโล่พยักหน้า และไม่ได้กล่าวอะไร

“พลิกโต๊ะขึ้นมา”

เมื่อได้ยินที่หวางเสี่ยวหยวนพูด เฉินเจียโล่ก็รีบจัดโต๊ะให้เข้าที่ทันที

รอจนหวางเสี่ยวหยวนต่อยจนพอ ก็กดอากวงลงไปที่โต๊ะทันที

“พูด ใครเป็นคนส่งแกมา?”

หวางเสี่ยวหยวนถามอย่างเยือกเย็น

อากวงนั่นมีชีวิตเหลือเพียงแค่ครึ่งเดียวแล้ว แต่เขายังคงกัดฟันไม่ยอมพูด

“หวางเสี่ยวหยวน ถ้าแน่จริงก็ต่อยฉันให้ตาย ไม่อย่างนั้นล่ะก็ พรุ่งนี้ฉันจะต้องหาคนมาจัดการกับพวกแกสามคนแน่” อากวงกล่าวข่มขู่อย่างเย็นชา

หวางเสี่ยวหยวนก้มหัวลง แล้วหยิบกระโถนที่อยู่บนพื้นขึ้นมา

จากนั้นก็ใช้กระโถน เล็งไปที่มือของอากวง และฟาดลงไปอย่างแรง

ชั่ววินาทีนั้น ข้อมือของอากวงก็ได้ถูกทุบจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ

อากวงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด หวางเสี่ยวหยวนเอ่ยถามอีกครั้ง: “ฉันถามแกอีกครั้ง ใครกันแน่ที่ส่งแกมา!”

“ถ้าแกไม่พูด ครั้งนี้ที่ทุบ จะไม่ใช่มือแก แต่เป็นหัวแกแทน” หวางเสี่ยวหยวนกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา

ทันใดนั้นอากวงก็พลันหวาดกลัวขึ้นมา เขามองใบหน้าที่ดุร้ายของหวางเสี่ยวหยวน รู้ว่าหวางเสี่ยวหยวนไม่ได้ล้อเล่นกับตัวเอง

“เป็นฉินเสี่ยวหู่ ฉินเสี่ยวหู่เป็นคนส่งผมมา”

อากวงกล่าว: “เมื่อก่อนผมเคยติดค้างฉินเสี่ยวหู่ วันนี้ฉินเสี่ยวหู่ได้มาหาผม จ่ายให้ผมหนึ่งล้าน บอกให้ผมมาหาพี่ แล้วยืมรถของพี่”

“ไอ้คนที่ขับรถของพี่ออกไปเมื่อกี้ มันไม่ใช่คนของผม แต่เป็นคนของฉินเสี่ยวหู่”

อากวงกล่าวอย่างขมขื่น: “นี่พี่หยวน รถคันนั้นของพี่อย่างมากก็แค่สองล้านกว่า หรือไม่ก็ให้ผมชดใช้รถให้พี่ได้ไหม?”

“ชดใช้รถ?”

หวางเสี่ยวหยวนตะคอกด่าอากวง: “แกคิดว่าไอ้เหี้ยนั้นขโมยรถฉัน?”

“ไอ้เวรนั่นคิดจะฆ่าพวกเราสามพี่น้อง!”

หวางเสี่ยวหยวนถุยน้ำลายให้กับอากวง: “ไอ้โง่อย่างแก ทำไมไม่ลองคิดดู เพราะรถคันเดียว มีค่าพ่อที่จะให้ฉันเอาชีวิตแกไหม?”

อากวงตะลึงงันไปสักพัก รู้สึกว่าตัวเองก็ได้ถูกขายไปแล้ว

“พี่ใหญ่ ตกลงเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่?” หวงว่างโก๋เอ่ยถามขึ้นมา

หลังจากที่หวางเสี่ยวหยวนรู้ว่าผู้ร้ายตัวจริงคือฉินเสี่ยวหู่ เขาก็ปล่อยอากวง แล้วเดินไปอีกด้านหนึ่งพลางกล่าว: “เรียกรวมตัวพี่น้อง ถามหาไอ้เวรเมื่อกี้นั่น”

“คืนวันนี้ ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดิน ก็ต้องหาตัวมันมาให้ได้”

“ไอ้เวรนั่นขับรถของฉัน เกือบจะชนคุณชายหลี่และคุณหนูฉินตาย แม่งเอ๊ย ชัดเจนว่ามันคิดจะโยนความผิดให้พวกเรา โชคดีที่ไม่สำเร็จ ถ้าเกิดสำเร็จขึ้นมา หัวของพวกเรา คงต้องได้เปลี่ยนที่อยู่แน่”

หวางเสี่ยวหยวนรู้ฐานะของหลี่ฝาง และรู้จักนิสัยของหลอซ่าเป็นอย่างดี

ถ้าหากหลี่ฝางถูกรถของตัวเองชนตาย พอถึงเวลานั้นหลอซ่าจะไม่ให้โอกาสตัวเองได้อธิบายเลยแม้แต่น้อย เขาจะฆ่าตัวเองทันที

ดังนั้น หวางเสี่ยวหยวนถึงได้โกรธมากขนาดนั้น

หลังจากนั้น หวางเสี่ยวหยวนก็หันไปมองอากวง แล้วกล่าว: “โทรหาลูกน้องของแก ให้พวกมันไปตามหาคน และรถ”

“แน่นอน แกสามารถไปหาฉินเสี่ยวหู่โดยตรง ให้ฉินเสี่ยวหู่มอบคนและรถออกมา”

“พูดอย่างสรุป พรุ่งนี้ก่อนที่ตะวันจะขึ้น ถ้าหากฉันยังไม่เห็นคนและรถล่ะก็ อากวง ฉันไม่สนว่าแกจะมีพรรคพวกมากแค่ไหน และไม่สนว่าคนที่อยู่ข้างหลังแกจะเป็นใคร ต่อให้เง็กเซียนฮ่องเต้มาขอร้อง ฉันก็ยังจะเอาชีวิตแกอยู่ดี”

หวางเสี่ยวหยวนกล่าวจบ เขาก็ได้จากไปทันที

และเฉินเจียโล่ก็คว้าเข้าไปที่คอเสื้อของอากวง แล้วโยนเขาเข้าไปในรถของตัวเอง

“รีบโทรโทรศัพท์ โทรเสร็จ ฉันจะพาแกไปสถานที่ดี ๆ แห่งหนึ่ง

หลีงจากที่อากวงโทรโทรศัพท์เสร็จ ก็ถูกเฉินเจียโล่จับโยนเข้าไปในกรงหมา

ฉินเสี่ยวหู่นะ ฉินเสี่ยวหู่ นับว่าฉันได้ถูกแกฆ่าแทบตายแล้ว

อากวงโทรหาฉินเสี่ยวหู่ไม่ติด เขาแอบด่าฉินเสี่ยวหู่อยู่ในใจหลายครั้ง

ตัวเองได้ถูกไอ้เหี้ยฉินเสี่ยวหู่หลอกเข้าให้แล้ว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท