NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่644 นายไม่ใช่ไอ้คนร้าย แต่ฉันใช่

บทที่644 นายไม่ใช่ไอ้คนร้าย แต่ฉันใช่

เสียงปั้งดังขึ้น ลูกกระสุนยิงผ่านร่างของโหจื่อไป

“เฮ้ย ช่วยเล็งให้มันแม่นๆหน่อยได้ป้ะวะ?” โหจื่อหันกลับไป เขาตำหนิด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง

“ไม่เสียดายลูกกระสุนหรอวะ?”

โหจื่อจ้องไปยังมือปืน

มือปืนมองโหจื่อ สีหน้าเริ่มตื่นตระหนก “มึงเป็นใคร?”

“เช้ดเข้ นี่พวกเรายังต้องมานั่งแนะนำตัวกันด้วยหรอวะ? หรือตอนไปรายงานกับพญายมจะได้ชี้ตัวถูกว่าใครฆ่ามึงงั้นสิ?”

โหจื่อเกลือกตามองบน จังหวะที่อีกฝ่ายเตรียมจะลั่นไกใส่อีกนัด เขาเป็นฝ่ายยิงสวนไปก่อนจนมือปืนคนนั้นล้มลง

“ทำไม ที่เหลือจะยืนเป็นเต่าหัวหดในกระดองอีกนานไหม?”

“โตเป็นควายแล้วยังเล่นซ่อนแอบกันอีกหรอวะ?”

โหจื่อแค่นเสียงหัวเราะ ก่อนจะค่อยๆยกปืนขึ้นมา

ตอนนี้เอง มือปืนสี่คนก็เดินออกมาจากจากคนละทิศ ทันทีที่ปรากฏตัว พวกเขาก็เตรียมพร้อมหันปากกระบอกปืนเล็งมายังจุดที่โหจื่ออยู่ เตรียมลั่นไก

แต่โหจื่อไม่ปล่อยให้พวกเขาได้มีโอกาสนั้น

ก่อนที่พวกเขาจะเดินออกมา โหจื่อได้ใส่ลูกกระสุนไว้แล้วสี่นัด

ปั้งปั้งปั้งปั้ง

ลูกกระสุนทั้งสี่ถูกยิงทะลุตรงเข้าไปในร่างของมือปืนทั้งหมด

แปะๆ

ชายผมยาวเดินออกมา เขามองหน้าโหจื่อด้วยสีหน้าชื่นชม “นายเป็นคนที่ยิงปืนเร็วที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอ”

“สนใจจะเข้าร่วมทีมกับฉันไหม?”

ชายผมยามมองโหจื่อแล้วถามขึ้น

ผมยาวของเขาเป็นสีบรอนด์ทอง ร่างสูงใหญ่ที่มองคร่าวๆน่าจะเกือบสองร้อยเซนติเมตร

“คนต่างชาติที่พูดภาษาจีนได้คล่องปรื๋อขนาดนี้ ก็หาได้ยากเหมือนกัน” โหจื่อพูดเสียงเรียบ

“ทำไม หรือนายคือหัวหน้าของพวกมัน?”

โหจื่อมองหน้าชายผมยาวแล้วถามกลับ

ชายผมยาวส่ายหน้า “หัวหน้าของเราไม่ได้อยู่ที่นี่ ปกติฉันจะเป็นคนดูแล”

“นายเล่นฆ่าลูกน้องของฉันไปสี่คน ฉันไม่รู้จะแก้ตัวกับหัวหน้ายังไง ไม่อย่างนั้น นายกลับไปกับฉัน ไปพบหัวหน้า เพราะหัวหน้าเองก็กำลังต้องการคนที่มีฝีมือแบบนายอยู่พอดี” ชายผมยาวพูด

“แล้วฉันจะไม่ถือสาเอาความเรื่องที่นายฆ่าพวกมัน อีกทั้งฉันจะช่วยปกป้องชีวิตนายให้ด้วย”

“ฉันว่าในเมื่อนายมาถึงที่นี่แล้ว ก็คงจะรู้ดีว่าคนที่อยู่ที่นี่แต่ละคนเป็นยังไง พวกเขาทุกคนสามารถฆ่านายได้ง่ายๆ”

ชายผมยาวพูดยิ้มๆ “เป็นไง จะลองพิจารณาดูหน่อยไหม?”

“นายรู้ไหม ประเทศจีนมีสำนวนนึงบอกไว้ว่า คนโง่มักจะทำอะไรพูดอะไรโดยไม่รู้จักใช้สมองไตร่ตรอง นายเหมาะกับสำนวนนี้พอดี ถ้าฉันกลัวไอ้พวกเดรัจฉานนั่น ฉันจะโผล่หัวมาที่นี่ทำไม?”

“ไอคิวอย่างนายเนี่ยนะ ฉันว่าชีวิตนี้อย่าได้ออกไปจากหลุมนี่เลย ไม่งั้นเกิดไปเจอเด็กสามขวบหลอกเข้า มีหวังฉี่ราดกันพอดี” โหจื่อพูดเหยียด

โหจื่อไม่กลัวว่าจะเสียเวลา

เพราะหน้าที่ของเขา ก็คือช่วยถ่วงเวลาให้แม่มด

เพราะงั้น ถ้าชายผมยาวนี่อยากจะต่อปากต่อคำ โหจื่อก็พร้อมจะเล่นด้วยสามวันสามคืน

“นายเป็นคนที่มีพรสวรรค์นะ เสียดายที่ทะนงตัวเกินไปหน่อย”

ชายผมยาวขมวดคิ้ว ใบหน้าเคร่งขรึม “แล้วนายจะต้องชดใช้ให้กับความทะนงตัวนี่”

“นายอย่าขู่ฉันสิ ฉันเป็นโรคหัวใจนะ ฟังดูก็รู้ว่านายกำลังข่มขู่ฉัน”

โหจื่อมองซ้ายมองขวา “โถ่เอ้ย มาตัวคนเดียวยังกล้าขู่ชาวบ้านอีกหรอ ไปเอาความมั่นนี่มาจากไหนวะ?”

“ใครว่าฉันมาคนเดียว?”

ชายผมยาวยิ้มตาหยี “พวกเขามาแล้ว”

ทันทีที่พูดจบ เสียงลิฟต์ที่กลืนไปกับผนังซึ่งตั้งอยู่อีกฝากของชั้นใต้ดินก็ดังขึ้น

จากนั้น ชายเจ็ดแปดคนก็เดินออกมาจากลิฟต์

ในที่ตรงนี้ มีทั้งมือปืน มีทั้งจอมยุทธ์

“ไม่มีใครมาก่อกวนตั้งหลายปีแล้ว” ชายผมยามหัวเราะ “ฉันถูกส่งตัวมาที่นี่ได้สามปี เป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายก่อเรื่อง ที่ผ่านมาก็เป็นพวกผู้หญิงที่สุดท้ายรับมือไม่ไหวจนกลายเป็นบ้า”

โหจื่อขมวดคิ้ว ที่แท้คนที่กำลังถ่วงเวลาอยู่ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว

“พวกเอ็งยังไม่ต้องเข้ามา”

ขณะที่คนกลุ่มนั้นกำลังจะเดินเข้ามา ชายผมยาวก็โบกมือห้าม

“ฉันอยากประลองกับเด็กนี่ก่อน”

ชายผมยาวมองหน้าโหจื่อ “ฝีมือของนายคงจะไม่เลว ทำไมไม่เก็บปืนไว้ก่อน แล้วเรามาวัดฝีมือกันสักหน่อยล่ะ?”

“หลายปีนี้ไม่ได้ออกแรง ฉันอยากจะทดสอบดูสักหน่อยว่าวิทยายุทธ์ของตัวเองถดถอยไปเท่าไหร่?”

โหจื่อพยักหน้า “วอนโดนต่อยสินะ? นายได้สมใจแน่”

โหจื่อสะบัดมือโยนเบาๆ กระบอกปืนก็กระเด็นไปไกลหลายสิบเมตร ในขณะที่ชายผมยาวเห็นดังนั้นก็อึ้ง

“นายไม่กลัวว่าฉันจะใช้จังหวะนี้ให้คนลอบยิงหรือไง?”

ชายผมยาวมองการกระทำของโหจื่ออย่างไม่อยากเชื่อสายตา

โหจื่อเอ่ยเรียบๆ “ลูกผู้ชายพูดคำไหนคำนั้น ดูเหมือนนายจะไม่ค่อยแมนเท่าไหร่ แต่คงไม่ใช่ประเภทพลิกลิ้นตัวเอง”

ชายผมยาวหัวเราะ ได้ยินคำชมกลายๆของโหจื่อ ก็แอบตัวลอยอยู่นิดหน่อย

“ดี พวกนายเดินกลับไปที่ลิฟต์ซะ ต่อไปไม่ว่าตอนจบฉันหรือไอ้เด็กนี่เป็นฝ่ายชนะ พวกแกทุกคนก็ไม่ต้องเข้ามาแส่ เข้าใจไหม?”

ชายผมยาวลั่นคำสั่งเสียงเข้ม

หลังจากที่ทุกคนเดินถอยกลับไป โหจื่อก็ยิ้ม “ดูไม่ออกเลยว่านายจะแมนมากขนาดนี้”

“หึ ถ้านายแพ้ จะต้องมากับฉัน เป็นไง?”

ชายผมยาวเอ่ยถาม

โหจื่อตอบ “ไม่ต้องพูดมาก เอาให้ชนะกันค่อยว่ากัน”

หลักจากที่ชายผมยาวพยักหน้ารับคำ ก็ตรงเข้าไปจู่โจมอีกฝ่าย

ชายผมยาวทั้งรูปร่างสูงใหญ่ ทั้งหมัดใหญ่ เมื่อแผ่พลังที่มีอยู่ออกมาทั้งร่าง ก็แทบไม่ต่างอะไรกับเสือดุร้ายตัวนึง

เขาทุ่มพลังที่หนักราวกับภูเขาทั้งลูกใส่

โหจื่อหรี่ตาเพ่งมองชายผมยาวด้วยความแน่วแน่ จังหวะที่หมัดหนักๆกำลังจะพุ่งเข้ามา โหจื่อก็ปลีกตัวหลบด้วยความตื่นตัว

“นายแรงเยอะมาก แต่ถ้าเพิ่มความเร็วขึ้นอีกหน่อย หมัดเมื่อกี๊คงสูบวิญญาณฉันไปได้ครึ่งร่าง” โหจื่อพูดเรียบๆ

“ถ้างั้นฉันจะออกหมัดเร็วขึ้นอีก”

ชายผมยาวพูด พร้อมกับเพิ่มความเร็วขึ้นจริงๆ

แต่โหจื่อไวกว่า เขาออกหมัดทุ่มไปยังแผงอกของอีกฝ่าย จนชายผมยาวเซถอยไปข้างหลังก้าวนึง

ชายผมยาวสำลัก แล้วยิ้มบางๆ “เห็นร่างผอมแห้งเป็นไม้เสียบผีแบบนี้ ไม่คิดเลยนะว่าหมัดหนักไม่เบา”

ชายผมยาวรู้สึกเซอร์ไพรส์อย่างมาก ยิ่งได้เห็นแววตาของโหจื่อ ก็ยิ่งชื่นชม

“เหอะๆ” โหจื่อยิ้มมุมปาก แต่ในใจก็ตระหนักขึ้นได้

ชายผมยาวตรงหน้านี้แข็งแกร่งกว่าเสี่ยวโจว

ถ้าเสี่ยวโจวโดนหมัดนี้ไป อย่างต่ำๆก็ต้องเซไปถึงสามก้าว

“ตาต่อไป ฉันจะต่อยนายให้ทรุดลงไปกับพื้น แล้วค่อยให้นายเลือกว่าจะตายหรือจะไปกับฉัน” ชายผมยาวพูดเสียงเย็น

เห็นได้ชัดว่าชายผมยาวกำลังเก็บแรงบางส่วนไว้อยู่

หลังจากที่ชายผมยาวพูดจบ ร่างสูงใหญ่ก็เปลี่ยนท่าทีเป็นดุร้ายยิ่งขึ้น เขามองโหจื่อด้วยสายตาเย็นยะเยียบ “ถ้าตอนนี้นายยังออมมือไว้อีก งั้นนายก็โง่เต็มที ฉันรู้นะว่านอกจากนายแล้วยังมีผู้หญิงอีกคนเข้ามาด้วย ฉันต้องจัดการนายก่อนแล้วค่อยไปจัดการยัยนั่น”

“เพราะงั้น มีของอะไรก็เอาออกมาให้หมด” ชายผมยาวพูดอย่างบ้าคลั่ง

หมัดเมื่อครู่ของโหจื่อ แม้จะไม่ได้มาจากพละกำลังทั้งหมด แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าชายผมยาวคนนี้มีทักษะที่จะรับมือสูงมาก หากเขาออกแรงทั้งหมดเพื่อเอาชนะชายคนนี้ เขาคงจะต้องสูญเสียพลังไม่น้อย

ไหนจะมีมือปืน กับจอมยุทธ์ที่ยืนอยู่ข้างหลังชายผมขาวนี่อีก

โหจื่อรู้ดี ถ้าเขาทุ่มจนเกินตัว ผลลัพธ์สุดท้ายจะมีแค่อย่างเดียว นั่นก็คือตาย

ดังนั้น โหจื่อมองหน้าชายผมขาวแล้วหัวเราะ “ก็ได้ ความจริงฉันเก่งใช้ปืนมากกว่า ไอ้เรื่องต่อยตีแบบนี้ฉันไม่ได้ถนัดเท่าไหร่”

“หมายความว่าไง?”

ชายผมขาวหรี่ตามองโหจื่อ “นายยอมแพ้?”

“ฉันหมายความว่า นายไม่ใช่ไอ้คนร้าย แต่ฉันใช่” โหจื่อส่ายหน้าหัวเราะ

แววตาของชายผมยาวเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ

“ฉันกำลังบอกว่า ฉันสู้นายไม่ได้ ก็เลยเตรียมจะใช้ปืนจ่อกะบาลแล้วยิงสมองกลวงๆของนายให้กระจุย เข้าใจหรือยังไอ้หน้าโง่?” โหจื่อฉีกยิ้มร้าย

“นายคิดว่าฉันจะยอมให้นายได้มีโอกาสไปหยิบปืนงั้นสิ?” ชายผมขาวมองระยะห่างของกระบอกปืนกับตำแหน่งที่โหจื่อยืนอยู่ ก็หัวเราะ

แต่ทันทีที่ชายผมยาวพูดจบ โหจื่อก็ล้วงเอากระบอกปืนอีกอันออกมาจากกระเป๋า หันปากกระบอกไปยังชายผมยาว พร้อมกับเหนี่ยวไก

“ไอ้โง่ ปืนสองกระบอกที่ฉันโยนทิ้งไปเพราะมันไม่มีลูกกระสุน ไม่งั้นนายคิดว่าฉันจะโยนมันทิ้งทำไม?”

สิ้นสุดเสียงปั้ง ลูกกระสุนก็ทะลุเข้าหน้าอกข้างซ้ายของชายผมขาว

“แกคิดว่าฉันจะสู้กับแกด้วยตัวเปล่าจริงๆหรือไง?” โหจื่อแสยะยิ้มใส่ร่างของชายผมยาว

“ชิบ พวกเอ็งก็โง่เหมือนมันหมดเลยหรือไงวะ?”

หลังจากที่โหจื่อลั่นไก คนที่อยู่ด้านหน้าลิฟต์ก็กรูกับเข้ามาราวกับพายุ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท