NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 636 การเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดของถังหยู่ซวน

บทที่ 636 การเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดของถังหยู่ซวน

ตกดึก หลี่ฝางกับถังหยู่ซวนเปิดห้องเพรสซิเดนสูทค้างคืน

เมื่อถึงเช้าวันถัดไป หลี่ฝางก็จัดแจงเสื้อผ้าตัวเองอย่างง่ายๆ และไปบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปกับถังหยู่ซวน

รถจอดลงตรงหน้าประตูใหญ่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ทั้งสองลงจากรถ และเตรียมตัวเข้าไป

แต่คาดไม่ถึง ขณะที่เดินมาถึงหน้าประตู หลี่ฝางกับถังหยู่ซวนก็ถูกขวางไว้

“หยุดนะ จะทำอะไร?”

บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเป็นบริษัทอันดับต้นๆ ในเมืองเอก อาคารทั้งหลังได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนา คนหนุ่มๆ อย่างหลี่ฝางกับถังหยู่ซวน รปภ.คงปล่อยให้เข้าไปง่ายๆ ไม่ได้

เมื่อกี้ระหว่างทาง หลี่ฝางได้รับข้อความจากฉินซ่างเสียน บอกว่าก่อนหน้านี้ครึ่งชั่วโมง ฉินเสี่ยวหู่ก็มาถึงบริษัทแล้ว และเรียกประชุมรวมบอร์ดบริหาร เตรียมตัวทำตามแผนของตน

ฉินเสี่ยวหู่กำลังจะทำให้บริษัทกลวง ถ้าหากบอร์ดบริหารให้ผ่าน ทรัพย์สินของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ก็จะกลายเป็นบริษัทต้มตุ๋นทันที และจากนั้น บริษัทต้มตุ๋นนี้ ไม่นานก็จะล้มละลาย เงินที่เอามา ก็จะถูกมู่หรงฉางเฟิงหุบไป

“พวกเรามาหาคน ฉินซ่างเสียน นายนาจะรู้จักนะ? เขาเป็นผู้จัดการบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปของพวกนาย” หลี่ฝางถอยออกมา จากนั้นก็โทรหาฉินซ่างเสียน

หลังจากสายติด หลี่ฝางก็ยื่นโทรศัพท์ให้รปภ.

“ถ้าหากนายไม่เชื่อ ก็ฟังเอาเอง” หลี่ฝางพูด

รปภ.คนนั้นหัวเราะเหอะๆ แล้วรับโทรศัพท์มาจากหลี่ฝาง: “ฉินซ่างเสียนใช่มั้ย?”

“ใช่ หัวหน้าผู้จัดการของที่นี่”

หลี่ฝางพูดพลางยิ้ม

หลังจากมอบเวทีให้ฉินซ่างเสียน รปภ.คนนี้จะต้องเคารพตนเองแน่ๆ

ถึงยังไง หลายสิบปีที่ผ่านมาบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ล้วนแต่เป็นฉินซ่างเสียนจัดการทุกอย่าง

ชื่อเสียงของเขา ทั้งบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ไม่มีใคร ที่จะไม่รู้จัก

แต่ใครจะคิด หลังจากรปภ.รับโทรศัพท์ไป ก็โยนโทรศัพท์ออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร

“ขอโทษนะ ฉันไม่รู้จักฉินซ่างเสียนอะไรนั่น”

“ดูจากอายุของพวกนายสองคน ไม่เหมือนว่าจะเป็นพนักงานของบริษัท ฉันแนะนำให้นะ รีบออกไป ถ้าไม่อย่างนั้น อย่ามาโทษว่าฉันไม่เกรงใจ”

รปภ.พูดอย่างดูถูก

เมื่อเห็นท่าทางของรปภ. สีหน้าของรปภ. ก็เข้มขึ้นทันที

รปภ.ของฉินซื่อกรุ๊ป กลับไม่รู้ว่าฉินซ่างเสียนเป็นใคร?

หลี่ฝางคิดว่าเรื่องนี้มันผิดปกติเล็กน้อย จึงเงยหน้าขึ้นมอง บนตึก หนังสือตัวใหญ่ๆ เขียนว่าบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป แสงแดดส่องกระทบ เป็นประกายสว่างไสว ทำให้แสบตา

หลังจากหลี่ฝางยืนยันว่าตนไม่ได้มาผิดที่ ก็ขมวดคิ้วมองรปภ. แล้วพูดยืนยัน: “ที่นี่เป็นตึกบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป นายบอกว่านายไม่รู้จักฉินซ่างเสียน?”

“งั้นฉินวี่เฟยล่ะ? ประธานบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป นายน่าจะรู้จักนะ?”

รปภ.หัวเราะอย่างเย็นชา: “ฉินวี่เฟย? ยัยนั่นยังไม่ตายเหรอ?”

“จะบอกให้นะ ฉันรู้จักแค่คนเดียว นั่นก็คือท่านหู่ ประธานบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ชื่อฉินวี่เฟยไม่ผิด แต่ตั้งแต่วันนี้ ฉินซื่อกรุ๊ป จะเป็นท่านหู่ดูแลแล้ว ถ้านายอยากจะเข้าไป ถ้างั้น ก็เอาบัตรพนักงานออกมา หรือไม่ก็ โทรหาท่านหู่” รปภ.พูดอย่างเย็นชา

หลี่ฝางถึงได้เข้าใจ ที่แท้รปภ.คนนี้ เป็นคนของฉินเสี่ยวหู่

ก็จริง รปภ.คนก่อน ถูกฉินเสี่ยวหู่เล่นงานจนเข้าโรงพยาบาลไปนานแล้ว

หลี่ฝางไม่อยากเสียเวลาอยู่ตรงนี้ เขาส่งสายตาให้ถังหยู่ซวน ความหมายคือลงมือพร้อมกัน กดรปภ.คนนั้นลง

รปภ.คนนี้สูงร้อยแปดสิบ ท่อนแขนก็มีกล้ามเป็นมัดๆ ดูแล้วจัดการไม่ง่าย

หลังจากที่ถังหยู่ซวนเข้าใจความหมายของหลี่ฝาง ก็ยิ้มอ่อน แล้วพูด: “หลี่ฝาง ให้ฉันจัดการก็พอแล้ว”

“นายเข้าไปก่อนเถอะ” ถังหยู่ซวนมองหลี่ฝาง แล้วพูด

หลี่ฝางมองถังหยู่ซวนอย่างสงสัย: “นายคนเดียวเอาไหวเหรอ?”

“ไม่มีปัญหา”

ถังหยู่ซวนยิ้ม ใบหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจ

ถึงแม้หลี่ฝางยังมีความสงสัย แต่ก็รีบ ตนจึงหยิบโทรศัพท์กลับมา หลี่ฝางตบไปที่บ่าของถังหยู่ซวน แล้วพูด: “ถ้างั้นไอ้หมอนี่ ฝากนายด้วยแล้วกัน”

ถังหยู่ซวนพยักหน้า รปภ.ก็หัวเราะฮี่ๆ พลางมองถังหยู่ซวน: “ทำไม จากที่ได้ยิน นายจะล้มฉันคนเดียวเหรอ?”

“ถูกแล้ว” ถังหยู่ซวนพูดอย่างนิ่งๆ

หลี่ฝางลุกขึ้นและเดินเข้าไปทางด้านในตัวตึก รปภ.ยื่นมือมาขวาง แต่กลับถูกถังหยู่ซวนจับไว้

“พี่ชาย ดูนี่……”

ถังหยู่ซวนยิ้มอย่างเย็นชา ต่อมาก็เหวี่ยงมัด อัดเข้าหน้าของรปภ.

“เ**ดแม่มึง”

รปภ.คนนั้นตะโกนด่าเสียงดัง แล้วง้างแขน แล้วเหวี่ยงไปที่ใบหน้า ของถังหยู่ซวน

ส่วนสองมือของถังหยู่ซวน ก็จับแขนของรปภ.ไว้ แล้วยืมแขนของเขา พยุงตัวกระโดดขึ้นไป ขี่คอของรปภ.คนนั้น

เสียงตุ้บดังขึ้น ถังหยู่ซวนใช้ขาสองข้างล็อกคอของรปภ.ไว้ จากนั้นก็กระโดดไปข้างหลัง ต่อมารปภ.คนนั้นก็ล้มลงไปนอนกับพื้น

ส่วนถังหยู่ซวน ก็ใช้มือสองข้างพยุงตัวไว้ เป็นการตีลังกาที่สวยงามมากๆ

“ต่อสู้ ไม่ได้วัดกันที่ใครตัวใหญ่กว่า!”

ถังหยู่ซวนวิ่งเข้าไป แล้วเตะไปที่ท้ายทอยของรปภ. จนเขาสลบไป

หลี่ฝางเดินมาถึงหน้าลิฟต์ ถังหยู่ซวนก็วิ่งตามมาแล้ว

หลี่ฝางหันกลับไปมองถังหยู่ซวน แล้วก็ตกใจ: “เชี่ยไอ้หมอนั่นล่ะ?”

“ถูกฉันเตะสลบไปแล้ว”

ถังหยู่ซวนยิ้มอย่างชิวๆ

หลี่ฝางทำหน้าแบบไม่อยากจะเชื่อ พลางมองถังหยู่ซวน: “เชี่ย จริงจัง?”

“ไม่เชื่อก็ลองดู” ถังหยู่ซวนชี้ไปที่ประตูหน้าตึก หลี่ฝางเห็นรปภ.นอนแน่นิ่ง ก็ตกใจทันที

หลี่ฝางมองถังหยู่ซวน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความช็อก

“นายทำได้ยังไงเหนี่ย?” หลี่ฝางถาม

“เรื่องเล็กน้อย ไอ้หมอนั่น ก็งั้นๆ นอกจากตัวใหญ่ ก็ไม่มีอะไรดีแล้ว” ถังหยู่ซวนพูดอย่างดูถูก

“กล้ามของเขา มองดูแล้วน่ากลัว แต่พอมองดีๆ แล้วก็เห็นว่า ทั้งหมดคงมีได้เพราะยา มีกล้ามแต่ใช้งานไม่ได้”

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ แล้วพูดอย่างชื่นชมเล็กน้อย: “นายก็ยังมองออกอีกนะ”

พูดไป ประตูลิฟต์ก็เปิดออก หลี่ฝางส่งข้อความให้ฉินซ่างเสียน หลังจากถามว่าอยู่ชั้นไหน ก็กดลิฟต์ขึ้นไป

“คิดไม่ถึง ไม่เจอกันแค่แป๊บเดียว นายก็เปลี่ยนเป็นร้ายกาจขนาดนี้แล้ว” ในลิฟต์ หลี่ฝางก็พูดชมถังหยู่ซวน

“ทั้งหมดเป็นเพราะอาจารย์สอนมาดี” ถังหยู่ซวนยิ้มเม้มปาก

“ลำบากมาไม่น้อยเลยใช่มั้ย?” หลี่ฝางเลิกคิ้วถาม

“อืม”

ถังหยู่ซวนไม่ได้ปฏิเสธ: “ฝึกวิชา จะไม่ลำบากได้เหรอ มีหลายครั้งที่แทบจะเอาไม่อยู่ แต่อาจารย์บอกว่า อยากจะเป็นคนเก่ง ก็ต้องทำให้เกินขีดจำกัดของตัวเองทีละนิดๆ ศักยภาพของคน ไม่มีขีดจำกัด ขอแค่ต้องพยายามต่อไป”

“ดังนั้นทุกครั้ง ตอนที่ฉันรู้สึกว่าจะตายแล้ว หรือว่าจะสลบ อาจารย์ถึงจะบอกให้หยุด” ถังหยู่ซวนพูดอย่างนิ่งๆ

หลี่ฝางคิดไม่ถึง ถังหยู่ซวนจะได้รับการฝึกฝนมาเกือบตาย

จู่ๆ หลี่ฝางก็นึกถึงชุนเซิง เวลาสั้นๆ ถังหยู่ซวน ก็สามารถเป็นคนที่มีฝีมือได้? งั้นชุนเซิงล่ะ? คิดดูแล้วสิ่งที่ชุนเซิงต้องฝึกฝน คงจะไม่สบายไปกว่าถังหยู่ซวนหรอกมั้ง?

“เมื่อคืน ฉันคิดว่านายกับโหจื่อกำลังพูดโอ้อวด ตอนนี้ฉันเชื่อแล้ว แผลที่คอของนาย เกรงว่าจะถูกหมาป่าข่วนจริงๆ ”

หลี่ฝางยิ้มอย่างซับซ้อน

เมื่อคืน หลี่ฝางไม่ได้เชื่อที่ถังหยู่ซวนพูด ถึงยังไงฝีมือของถังหยู่ซวน หลี่ฝางรู้ดีที่สุด อย่างมากก็พอๆ กับตน ความสามารถแบบนี้ จะล้มหมาป่าตัวหนึ่งได้ยังไง?

ถ้าต้องเจอกับหมาป่าจริงๆ เกรงว่าจะกลายเป็นแค่ออเดิร์ฟของหมาป่า

แต่วันนี้ หลี่ฝางเชื่อแล้ว

“หมาป่าตัวนั้น เกือบเอาชีวิตฉันไปแล้ว”

ถังหยู่ซวนพูด: “ถ้าหากฉันประมาทไปนิดเดียว เกรงว่า ฉันคงถูกหมาป่าตัวนั้นกินไปแล้ว”

“หมาป่าภูเขาแรงเยอะมาก แรงเยอะกว่าฉันมากๆ ”

“อาจารย์ เป็นคนไร้ความรู้สึก ช่างเถอะ ฉันไม่ควรโทษเขา บางทีที่เขากลายเป็นคนเก่งกาจแบบนี้ได้ ก็อาจจะเคยเจอการฝึกฝนเสี่ยงตายแบบนี้มาแล้วเหมือนกัน”

หลี่ฝางฟังออก ถังหยู่ซวนกำลังบ่นว่าโหจื่อไร้หัวใจ ถึงยังไงหมาป่าตัวนั้น ก็เป็นโหจื่อที่เตรียมไว้

แต่หมาป่าตัวนั้น เกือบจะเอาชีวิตถังหยู่ซวนไปแล้ว

พูดไปพูดมา หลี่ฝางกับถังหยู่ซวนก็มาถึงชั้นบนสุดของตึก ขณะที่ออกมาจากลิฟต์ หลี่ฝางกับถังหยู่ซวน ก็เจอกับชายสวมสูทสองคน

ถังหยู่ซวนไม่พูดมาก ควักมีดพกออกมา แล้วพุ่งเข้าใส่ สองคนตรงหน้า

ส่วนหลี่ฝาง ในตอนนั้นยังไม่ทันได้รู้สึกตัวเลย…..

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท