NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 637 คลานมาหาฉัน

บทที่ 637 คลานมาหาฉัน

ถังหยู่ซวนแม้แต่ถามก็ไม่ได้ถาม ก็ชักมีดออกมา แล้วพุ่งเข้าไปลอบทำร้ายชายสวมสูทสองคนนั้น

ตอนนั้น หลี่ฝางยังไม่รู้สึกตัว แม้แต่ชายสวมสูทสองคนนั้น ก็ยังตกใจ

ถังหยู่ซวนใช้มีดฟันเข้าไป ที่คอของชายสวมสูทคนนึง ต่อมา เลือดคาวๆ ก็พุ่งออกมาจากคอของเขา

หลี่ฝางช็อก ส่วนตาของถังหยู่ซวน ก็จ้องไปที่ชายสวมสูทอีกคนนึง

“สถานการณ์ไหนเหนี่ย?” หลี่ฝางเดินออกมาจากลิฟต์ แล้วถามถังหยู่ซวน

“สัญชาตญาณ มันบอกฉันว่า สองคนนี้ เป็นศัตรูของพวกเราในวันนี้”

ถังหยู่ซวนรู้ ชายสวมสูทสองคนนี้ รับมือได้ยากกว่า รปภ.ที่เฝ้าประตูมาก ถ้าหากไม่เริ่มลอบทำร้ายก่อน อีกครู่นึงสู้กันขึ้นมา ตนอาจจะรับมือไม่ไหว

“พวกนายเป็นใครกัน?” ชายสวมสูทที่ไม่ได้บาดเจ็บ เอ่ยปากถาม

ถังหยู่ซวนฉีกยิ้ม: “แขกที่ไม่ได้รับเชิญ”

“แขกที่ไม่ได้รับเชิญ? ทำไมต้องทำร้ายเพื่อนฉัน” ชายสวมสูทถามต่อ แต่ว่าน้ำเสียงก็เย็นชาลงไปไม่น้อย

“ช่วยไม่ได้ พวกนายสองคน ฉันสามารถจัดการได้แค่หนึ่งต่อหนึ่ง ดังนั้น ฉันแค่จัดการคนใดคนนึงก่อน บอกให้เพื่อนนายรีบไปโรงพยาบาลเถอะ ถ้าหากไปตอนนี้ เขาอาจจะไม่มีอันตรายถึงชีวิต ถ้าหากช้ากว่านี้อีกสามถึงห้านาทีล่ะก็ ฉันอาจจะโดนข้อหาฆ่าคนตายเลยนะ” ถังหยู่ซวนยิ้มอย่างเย็นชา

เมื่อถังหยู่ซวนพูดจบ ชายสวมสูทที่ได้รับบาดเจ็บ ก็รีบวิ่งขึ้นลิฟต์ไป ไม่พูดอะไรสักคำ

ถึงยังไง คนก็กลัวตายกันทั้งนั้น

แล้วก็หลอดเลือดที่คอ ถูกปาด นั่นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย

หลังจากเหลือชายสวมสูทแค่คนเดียว สีหน้าของเขา ก็ดูสงสัยไม่น้อย ถึงแม้ถังหยู่ซวนดูไปแล้วอายุเพิ่งจะยี่สิบต้นๆ แต่ฝีมือเมื่อกี้ สามารถบอกได้เลยว่าเขาไม่ใช่ย่อยๆ เลย

“หลี่ฝาง นายไปเถอะ” ถังหยู่ซวนพูดเสียงเบา

หลี่ฝางพูดอืม แล้วพูดว่า: “ระวังตัวด้วยนะ”

ในตอนนี้หลี่ฝางเพิ่งจะเข้าใจ ว่าตนกับถังหยู่ซวน ค่อยอยู่กันคนละโลกแล้ว ตนอยู่ต่อ ไม่ใช่แค่ช่วยถังหยู่ซวนไม่ได้ แถมยังจะเป็นตัวถ่วงเขาอีก

ดังนั้น หลี่ฝางจึงไม่ได้ลังเลอะไร แค่หันหลังแล้วเดินไป

และในตอนนั้น ถังหยู่ซวนกับชายสวมสูทคนนั้น ก็สู้กัน

หลี่ฝางไม่ได้ดูเขาสู้กัน แต่วิ่งตรงไป ยังห้องประชุม

เมื่อวิ่งมาถึงหน้าประตูห้องประชุม หลี่ฝางก็เห็นฉินเสี่ยวหู่กำลังว่ากล่าวฉินซ่างเสียน

“คุณอา อาหมายความว่าไง? เมื่อคืน อายังตอบตกลงผมชัดเจนเลยนี่ ทำไมวันนี้ถึงได้กลับกลอกแบบนี้?” ฉินเสี่ยวหู่ชี้หน้าฉินซ่างเสียน แล้วพูดเสียงเย็นชา

ฉินซ่างเสียนก้มหน้า ไม่กล้าพูดสักคำ

คนอื่นที่เห็นภาพนี้ ใครจะคิดว่าฉินซ่างเสียนเป็นอาของฉินเสี่ยวหู่กัน?

ถูกคนสั่งสอนอย่างกับหมาตัวนึง ฉินเสี่ยวหู่หัวเราะอย่างเย็นชา: “ทำไม ต้องให้ผมโทรหาคุณชายมู่หรงมั้ย? ให้บนตัวของพี่รอง มีรอยแผลเพิ่มอีกสักที่สองที่”

“ไม่ต้อง ไม่ต้อง” ฉินซ่างเสียนส่ายหัวทันที: “เธอเป็นพี่รองของนายนะ”

“ใช้สายสัมพันธ์ครอบครัวให้มันน้อยๆ หน่อย ผมคนนี้ ดูแค่เงิน ไม่ดูคน ถ้าอาไม่เซ็น ผู้ถือหุ้นเก่าแก่ในนี้ ก็จะไม่เซ็นตามอา งั้นแผนของผม ก็พังหมดน่ะสิ”

ฉินเสี่ยวหู่มองฉินซ่างเสียน แล้วถามเสียงเย็นชา: “ทำไม จะหลอกผมเล่นเหรอ?”

ในตอนนั้นหลี่ฝาง ก็กระแอมขึ้น ฉินเสี่ยวหู่เห็นหลี่ฝาง สายตาของฉินเสี่ยวหู่ก็ไม่ปกติ ส่วนสายตาที่ฉินซ่างเสียนมองตน ราวกับเจอผู้ช่วยชีวิตอย่างนั้นแหละ

หลี่ฝางยิ้ม แล้วพูด: “ฉินเสี่ยวหู่ เก่งแล้วนี่ แม้แต่อาของตัวเองยังสั่งสอนได้”

สีหน้าของฉินเสี่ยวหู่เลิ่กลั่กเล็กน้อย แต่หลังจากบังคับใจตัวเองได้ เขาก็พูดด้วยสีหน้าเย็นชา: “คุณชายหลี่ ทำไมจู่ๆ ก็มาถึงบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปของพวกเราได้ล่ะ?”

“ไปคุยด้านใน”

หลี่ฝางขี้เกียจอธิบายกับฉินเสี่ยวหู่แบบส่วนตัว

หลี่ฝางเปิดประตูห้องประชุม แล้วก็เดินตรงไป นั่งลงตรงที่นั่ง

“ไอ้เด็กนี่เป็นใคร?”

“ทำไมเขาถึงได้มาประชุมบอร์ดบริหารล่ะ? หรือว่า เขาจะเป็นกรรมการของบอร์ดบริหารคนนึง?”

หลังจากหลี่ฝางนั่งลง คนด้านในห้องประชุม ก็เริ่มพูดซุบซิบขึ้น

ส่วนฉินเสี่ยวหู่กับฉินซ่างเสียนก็เดินเข้ามาในตอนนี้ หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ แล้วถามฉินซ่างเสียน: “คุณลุงฉิน รบกวนคุณลงแนะนำผม ให้ทุกคนได้รู้จักหน่อยครับ”

“ซ่างเสียน ไอ้หนุ่มนี่เป็นใครกัน?” ทุกคนถามอย่างอยากรู้

ฉินซ่างเสียนกลืนน้ำลาย แล้วพูด: “เขาคือหลี่ฝาง คุณชายหลี่ ตระกูลหลี่แห่งบ้านพักตากอากาศ ฉันคิดว่าทุกคนคงรู้จักแล้ว”

“ที่แท้เป็นคุณชายหลี่นี่เอง ดูสง่างามแบบนี้เลย ดูเป็นคนมีความสามารถจริงๆ ”

หลังจากได้รู้ฐานะของหลี่ฝางแล้ว สายตาที่มองหลี่ฝางก็ดูเป็นมิตรขึ้นกันทุกคน

ฉินเสี่ยวหู่มองหลี่ฝาง แล้วถามอย่างเย็นชา: “คุณชายหลี่ สรุปแล้วคุณมาทำอะไรกันแน่? ที่นี่เป็นการประชุมใหญ่ของกรรมการผู้ถือหุ้นของฉินซื่อกรุ๊ปนะ คุณมีสิทธิ์อะไรเข้ามา?”

“ใครบอกนาย ว่าฉันไม่ใช่ผู้ถือหุ้นของฉินซื่อกรุ๊ปล่ะ?” หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ แล้วพูด: “ฉันไม่ได้เป็นแค่ผู้ถือหุ้นของฉินซื่อกรุ๊ป แถมฉันยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดด้วย”

“ถ้าหากนายไม่เชื่อ ก็ถามคุณอานายดู”

หลี่ฝางเหลือบมองฉินซ่างเสียน แล้วพูด

สายตาของทุกคน จับจ้องไปที่ฉินซ่างเสียน รอให้เขาตอบ

“ถูกแล้ว เมื่อคืน ลูกสาวของฉันฉินวี่เฟย หรือก็คือประธานกรรมการบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ได้ลงชื่อยินยอมเอาหุ้นทั้งหมดที่มี โอนให้กับหลี่ฝาง หรือคุณชายหลี่ทั้งหมดแล้ว”

ฉินซ่างเสียนพูดอย่างนิ่งๆ

เมื่อพูดออกไป ใบหน้าของทุกคน ก็โมโห

ทั้งห้องประชุมวุ่นวายไปหมด

หน้าของฉินเสี่ยวหู่ โกรธจนหน้าเขียว เขากัดฟันกรอด แล้วพูดอย่างเย็นชา: “หมายความว่าไง? เช้าวันนี้ น้องวี่เฟยเพิ่งเซ็นมอบอำนาจ ให้ฉันเป็นตัวแทนประธาน หรือว่า……”

“ไม่ต้องมาหรือว่าแล้ว เมื่อคืน ฉินวี่เฟยก็ไม่ใช่ประธานกรรมการบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปแล้ว ดังนั้นสิทธิ์ของเธอในเช้าของวันนี้ ก็ถือว่าเป็นโมฆะ”

หลี่ฝางพูด แล้วหยิบสัญญาฉบับนึงออกมา ยื่นให้ทุกคน วนกันดูรอบนึง

“นี่เป็นสำเนา สำเนาเอกสารถ่ายโอนหุ้น ทุกคนสามารถตรวจสอบได้ นอกจากนั้น คุณลุงฉินสนับสนุนผม ให้มาเป็นประธานกรรมการบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเต็มที่ ไม่รู้ว่าทุกคน มีความเห็นอะไรมั้ย?”

หลี่ฝางยิ้มพลางถาม

“ผมคิดว่า ทุกท่านที่นั่งอยู่ที่นี่ ต่างก็รู้ชัดถึงความสามารถของตระกูลหลี่ของพวกเรา ตระกูลหลี่กับตระกูลฉินร่วมมือกัน จะต้องเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งแน่ๆ ผมเชื่อว่า สองตระกูลร่วมมือกัน จะยิ่งทำให้ตระกูลฉินยิ่งพัฒนาขึ้นไปอีก”

หลี่ฝางพูดอย่างนิ่งๆ

ฉินซ่างเสียนพูดต่อ: “คุณชายหลี่ไม่ได้มามือเปล่า เขายังนำทรัพย์สิน มาให้บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปอีกพันล้าน”

“ถ้าหากทุกคนตอบรับ เงินก้อนนี้ จะโอนเข้ามาทันที”

ฉินซ่างเสียนพูดจบ ทั้งห้องประชุม ก็วุ่นวายขึ้นอีกครั้ง

“ทรัพย์สินพันล้านเหรอ? นั่นก็ดีมากเลย มีเงินก้อนนี้ งั้นเครื่องสำอางล็อตใหม่ของฉินซื่อกรุ๊ป ก็จะได้วางขายอย่างราบรื่น”

“ไม่ใช่แค่นั้น ที่ดินที่อ่าวชิงหลงผืนนั้น หลังจากที่ฉินซื่อประมูลมาได้สำเร็จ ก็ขาดเงินทุนมาตลอด ขยับไม่ได้เลย มีเงินก้อนนี้ ฉันเชื่อว่า ก็จะสามารถค่อยขยับได้แล้ว ถึงแม้จะไม่สามารถเริ่มขยับได้ทั้งหมด อย่างน้อยก็ต้องดำเนินการได้สักครึ่งนึงแหละ”

หลังจากนายท่านฉินเสียไป ฝั่งธนาคาร ก็หยุดให้เงินกู้กับตระกูลฉิน

แน่นอน เรื่องที่ธนาคารไม่อนุมัติเงินกู้ มู่หรงฉางเฟิง ก็มีบทบาทอยู่ในนั้นไม่น้อย

มู่หรงฉางเฟิงบีบตระกูลฉินจนไม่มีเงินออกสินค้าใหม่ จากนั้น ก็ใช้ที่ดินตรงนั้นบีบบังคับ ให้ตระกูลขายให้ถูกๆ ใช้ที่ดินผืนนั้น มาตัดสินอนาคตของตระกูลฉิน

ดังนั้น หลี่ฝางนำทรัพย์สินมาให้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะเป็นการมาช่วยตระกูลฉิน

“ดีมากเลย ตั้งแต่วันนี้ ทั้งเมืองเอก ใครก็ไม่มีใครอยากพูดถึงที่ดินอ่าวชิงหลงนั่นกับตระกูลฉินแล้ว ทรัพย์สินที่คุณชายหลี่นำมาวันนี้ หลังจากนี้ พวกเราก็จะเติบโตด้วยตัวเองได้แล้ว”

เพียงชั่วครู่ทุกคนก็เปลี่ยนเป็นรื่นเริง นอกจากหน้าของฉินเสี่ยวหู่ ที่ยิ่งหม่นหมองลงไปอีก

หลี่ฝางยิ้ม แล้วลุกขึ้นพูด: “พูดแบบนี้ ทุกคนคงจะยินดีให้ผมเป็นประธานกรรมการบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปแล้วใช่มั้ย?”

“คุณชายหลี่สามารถมานำพวกเราฉินซื่อกรุ๊ปได้ นั่นก็เป็นโชคดีของพวกเราแล้ว”

“ใช่แล้ว นี่ถือเป็นเกียรติของพวกเรา ทำไมพวกเราต้องปฏิเสธล่ะ?”

“พวกเรายกมือโหวตให้สองข้างเลย”

“ทุกคนปรบมือ”

ในห้องประชุม ก็มีเสียงปรบมือดังลั่นขึ้น ส่วนฉินเสี่ยวหู่ก็เดินเข้ามาในจังหวะนั้น เขามองฉินซ่างเสียน และพูดอย่างเย็นชา: “คุณอา แน่ดีนี่”

“เสี่ยวหู่……” สีหน้าของฉินซ่างเสียน ลำบากใจสุดๆ

ถึงยังไงกับฉินเสี่ยวหู่คนนี้ ฉินซ่างเสียนก็ยังไม่กล้าขัดใจ

หลี่ฝางตบไปที่ไหล่ของฉินซ่างเสียน แล้วพูด: “ลุงฉิน ยังมีผมอยู่”

“แต่หยีหรัน……” ฉินซ่างเสียนยังคงเป็นห่วงลูกสาวคนรองของตน

ฉินวี่เฟยกับฉินจื่อยี่ ยังอยู่ที่โรงพยาบาล ฉินซ่างเสียนไม่กังวล

แต่ฉินหยีหรัน วันนี้อยู่ที่ตระกูลมู่หรง ไอ้มู่หรงฉางเฟิงนั่น มันคือปีศาจชัดๆ

หลี่ฝางพยักหน้า: “ผมจะช่วยเธอออกมา”

หลี่ฝางพูดรับรอง: “ได้แน่ๆ ”

หลี่ฝางมองไปรอบๆ และบอกลา จากนั้นก็เดินออกจากประตูมา

“ฉินเสี่ยวหู่ โทรหามู่หรงฉางเฟิงเถอะ เกิดเรื่องแบบนี้แล้ว นายไม่คิดจะบอกเขาสักหน่อยเหรอ?” หลี่ฝางมองฉินเสี่ยวหู่ แล้วหัวเราะเหอะๆ

ฉินเสี่ยวหู่มองหลี่ฝาง และทำได้แค่ทำตาม ควักโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรหามู่หรงฉางเฟิง

หลังจากสายติด มู่หรงฉางเฟิงมือนึงถือแก้วเหล้า อีกมือก็โอบสาวสวยไว้อยู่ แล้วพูดอย่างพอใจสุดๆ : “สำเร็จแล้วใช่มั้ย? ฉันอยู่ที่สโมสรเจียงหนาน รอให้นายมาดื่มเหล้าฉลองเหนี่ย”

“ผิดพลาดแล้ว คุณชายมู่หรง”

ฉินเสี่ยวหู่พูดอย่างหวาดกลัว เขารู้ว่าถ้าผิดพลาดจะต้องเจอกับอะไร

เขาทำงานให้มู่หรงฉางเฟิง ผิดพลาดไม่สองสามครั้งแล้ว เกรงว่าถ้าผิดพลาดอีกครั้ง มู่หรงฉางเฟิงจะลงมือกับเขาด้วยตัวเอง

“ฉินเสี่ยวหู่ นายกำลังล้อฉันเล่นเหรอ?”

มู่หรงฉางเฟิงบีบสาวในอ้อมแขนแน่นจนหล่อนร้องโอย ในปากเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว: “ฉันไม่มีอารมณ์เล่นนะ”

“คุณชายมู่หรง เป็นแบบนี้ จู่ๆ หลี่ฝางก็โผล่มา แถมยังเอาหุ้น ในมือของฉินวี่เฟยไปจนหมด แม้แต่ฉินซ่างเสียนยังสนับสนุนเขา แล้วก็ เขายังนำทรัพย์สินมาลงหุ้นอีกพันล้าน ให้กับฉินซื่อกรุ๊ป เอามาพัฒนาที่ดินที่อ่าวชิงหลงแบบนี้ คนทั้งฉินซื่อกรุ๊ปก็สนับสนุนเขา”

ฉินเสี่ยวหู่เล่าให้ฟังจนหมด และพยายามให้มู่หรงฉางเฟิงให้อภัยเขา

มู่หรงฉางเฟิงกัดฟันกรอดแล้วพูด: “แก……มันเข้าไปได้ยังไง? ฉันได้ยินมาว่าเมื่อวานตอนกลางคืน ส้าวส้วยก็จากไปแล้ว ทำไม ไอ้คนที่ชื่อโหจื่อ ตอนนี้อยู่กับมันเหรอ?”

“ผมไม่ทราบ” ฉินเสี่ยวหู่พูดตามตรง

และในตอนนั้น ถังหยู่ซวนก็เดินเข้ามา ที่แขนเสื้อของเขา ยังมีรอยคราบเลือดอยู่ไม่น้อย

ต่อมา ฉินเสี่ยวหู่มองถังหยู่ซวน นัยน์ตาก็แสดงให้เห็นถึงความหม่นหมอง: “เจ้านาย เรื่องนี้ ทำยังไงดี? บอดี้การ์ดที่ผมพามาด้วยสองคน ถูกเก็บเรียบแล้ว”

“เอาละ นายรีบไสหัวกลับมาก่อน”

มู่หรงฉางเฟิงพูด: “จำไว้ หลังจากเข้ามาในสโมสรแล้ว ต้องคลานเข้ามาหาฉัน ทีละก้าวๆ ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะหักขาแกทิ้ง”

หลังจากบอกเบอร์ห้อง มู่หรงฉางเฟิงก็วางสายไป

“เขาอยู่ที่สโมสรเจียงหนาน?”

หลี่ฝางมองฉินเสี่ยวหู่ แล้วถาม

ฉินเสี่ยวหู่พยักหน้า พลางมองหลี่ฝาง แล้วพูด: “คุณชายหลี่ ผมทำงานพลาดมาหลายรอบแล้ว เกรงว่าคราวนี้คุณชายมู่หรงคงจะไม่เชื่อใจผมแล้ว ถ้างั้น……”

“ไม่ต้องฝันว่าจะมาอยู่กับฉันเลย อยู่กับมู่หรงฉางเฟิงต่อไป ถึงแม้จะเป็นสุนัขตัวนึง ก็ต้องเลียแข้งเลียขาให้ถึงที่สุด จำได้ใช่มั้ย?”

หลี่ฝางพูดอย่างเย็นชา

หน้าของฉินเสี่ยวหู่ แสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวัง อารมณ์ของมู่หรงฉางเฟิง ฉินเสี่ยวหู่รู้ดีกว่าใคร

คลานไปหาเขา?

ลูกผู้ชายอย่างฉินเสี่ยวหู่ ที่จะถูกย่ำยีแบบนี้ ก็มีแค่โหจื่อคนเดียวเท่านั้น

“ไป พวกเราไปด้วยกัน” หลี่ฝางพูด

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน