NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 664 ฉันเกลียดผู้ชายที่ชอบตบตีเมียที่สุด

บทที่ 664 ฉันเกลียดผู้ชายที่ชอบตบตีเมียที่สุด

เพี๊ยะๆๆ

มีคนพูดตบตีคนได้แต่ห้ามตีหน้า แต่การตบของโหจื่อทุกครั้ง ล้วนตบแรงๆ ลงบนใบหน้าของมู่หรงฉางเฟิง

ไม่นานนัก ใบหน้าของมู่หรงฉางเฟิง ถูกตบตีจนกลายเป็นหัวหมู

มู่หรงฉางเฟิงมองไปที่โหจื่อ ดวงตาเหมือนมีไฟพ่นออกมา: “แม่งนายเป็นเหี้ยอะไร ตบตีแต่หน้าฉัน ?”

“ใครให้นายหน้าตาหล่อเหลาหล่ะ?” โหจื่อหัวเราะแล้วพูดออกมา

หน้าตาหล่อเหลา?

หล่อเหลาแม่มึงสิ!

ถึงแม้จะถูกชื่นชม แต่มู่หรงฉางเฟิงไม่ได้ดีใจเลยแม้แต่น้อย

“มันก็แค่ ฉันไม่ชอบคนที่หน้าตาหล่อเหลากว่าฉันเท่านั้นเอง” โหจื่อสีหน้าดิ่งลงเล็กน้อย พูดเทริมออกมา

เสียงตบเพี๊ยะดังขึ้นอีก โหจื่อตบลงไปอีกครั้ง ครั้งนี้ตบจนมู่หรงฉางเฟิงกระเด็นออกไป

มู่หรงฉางเฟิงคลานขึ้นมาอย่างยากลำบาก แล้วมองไปที่โหจื่อ: “อย่าตบอีกเลย ถ้านายจะตบอีก……”

“ถ้าตบอีกนายจะทำยังไงเหรอ?” โหจื่อพูดขัดมู่หรงฉางเฟิงขึ้นมา และถามออกมาอย่างเยอะเย้ย

พูดตรงๆ คือ มู่หรงฉางเฟิง ทำอะไรโหจื่อไม่ได้เลย

โหจื่อมองไปที่มู่หรงฉางเฟิงแล้วพูดขึ้นว่า: “ไม่เป็นไร นายโต้ตอบได้ ฉันไม่แคร์”

โหจื่อเดินไปข้างหน้า ยกขาขึ้นถีบมู่หรงฉางเฟิง มู่หรงฉางเฟิงหลบได้ ทำให้การถีบครั้งนี้ของโหจื่อ ถีบเอียงไป

สีหน้าของโหจื่อดิ่งลง พูดเสียงเย็นชาออกมาว่า: “แม่งเหี้ยเอ๊ย นายกล้าหลบเหรอ?”

และเหตุการณ์ต่อจากนั้น ทำให้โหจื่อยิ่งโกรธเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นจึงลงมือหนักขึ้นไปอีก

ทำให้มู่หรงฉางเฟิงเกือบกลายเป็นบ้า

นายตีฉัน ฉันหลบไม่ได้เลยเหรอ?

ทำไมนาย ไม่มีเหตุผลเลย?

มู่หรงฉางเฟิงมองไปที่โหจื่อ แล้วพูดขึ้นว่า: “นายเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอ ว่านายไม่แคร์ถ้าฉันจะตอบโต้กลับ?”

“ใช่ ฉันไม่แคร์ถ้านายตอบโต้กลับ แต่ฉันไม่ได้บอกหนิ่ว่าไม่แคร์ถ้านายหลบ นายตอบโต้ได้ แต่ห้ามหลบ เข้าใจไหม?”

โหจื่อส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า: “แข้งขาของฉันไม่ค่อยดี ถ้าเกิดนายหลบหนีไป ฉันคงไล่นายไม่ทันแน่”

คำเหี้ยนับคำไม่ถ้วนเกิดขึ้นในใจของมู่หรงฉางเฟิง

คนที่ฝึกฝนวิชาตุ๊กแกท่องกำแพง บอกว่าแข่งขาตัวเองไม่ดี?

ผีเท่านั้นที่เชื่อ

มู่หรงฉางเฟิงที่ถูกทุบตีจนหมดแรง นั่งลงไปกับพื้น แล้วพูดกับโหจื่อว่า: “นายตีเลย ถ้าแน่จริง ก็ตีฉันให้ตายไปเลย”

“ในเมื่อถ้าฉันตายไป ฉินวี่เฟยก็ไม่รอดแน่นอน ถึงเวลานั้น มีสาวงามตายเป็นเพื่อน ฉันก็ไม่ถือว่าขาดทุน”

มู่หรงฉางเฟิงพูดออกมา

โหจื่อยิ้มกว้างออกมา: “เอาฉินวี่เฟยมาข่มขู่ฉัน?นายข่มขู่ผิดคนแล้วมั้ง?ฉันจะบอกนายนะ ฉินวี่เฟยกับฉัน ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันเลย เพราะฉะนั้นการตายของเธอ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเลย”

“ไม่ถูกต้อง ต้องพูดว่าไม่เกี่ยวข้องกับฉันแม้แต่นิดเดียว” โหจื่อหัวเราะเยาะแล้วพูดออกมา

พูดจบ โหจื่อถีบลงไปบนใบหน้าของมู่หรงฉางเฟิง

จากนั้นมู่หรงฉางเฟิงคลานขึ้นมา หันไปพูดกับหลี่ฝ่างว่า : “หลี่ฝาง ฉันขอบอกนาย ถ้าก่อนตีสี่ ฉันยังไม่ได้กลับไปอีก ฉินวี่เฟยผู้หญิงคนนั้น ตายแน่นอน”

“ตีสี่?” หลี่ฝางมองนาฬิกาตัวเองโดยปริยาย ตอนนี้ตีสามห้าสิบแล้ว

“ใกล้ถึงเวลาแล้วสิ?เคอๆ อย่างมาก นายมีเวลาอีกสิบนาทีที่จะปล่อยฉันกลับไป ถ้าฉันไม่ได้กลับไป นายรอเก็บศพของฉินวี่เฟยได้เลย。” มู่หรงฉางเฟิงพูดออกมา

ทันใดนั้น หลี่ฝางเริ่มกังวลขึ้นมา

หลี่ฝางหันไปมองโหจื่อแล้วพูดขึ้นว่า: “ไม่ต้องตีเเล้ว ถ้าตีอีก คงมีเรื่องเกิดขึ้นแน่ ตอนนี้ฉินวี่เฟยยังอยู่ในมือของเขาอยู่”

“มู่หรงฉางเฟิง เอาแบบนี้ไหม นายให้คนของนายปล่อยตัวฉินวี่เฟย ส่วนฉันก็ให้โหจื่อปล่อยตัวนาย?” หลี่ฝางมองไปที่มู่หรงฉางเฟิง ถามด้วยน้ำเสียงเจรจาต่อรองออกมา

มู่หรงฉางเฟิงหัวเราะเย็นชาออกมา ส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า: “นายคิดมากไปแล้ว ทุบตีฉันแบบนี้ ตอนนี้มาพูดว่าจะเปลี่ยนตัว?ใครจะไปตอบตกลง!”

โหจื่อหันไปหามู่หรงฉางเฟิง ตบลงไปที่หูของเขา ทำให้มู่หรงฉางเฟิงหูอื้อไปทันที และทำให้หูไม่ได้ยินไปชั่วขณะ

“แม่งเหี้ยเอ๊ยนายไม่ได้ยินใช่ไหม เถ้าแก่ของนายบอกว่าห้ามตีอีก” มองไปที่โหจื่อ มู่หรงฉางเฟิงตะโกนด่าออกมา

“ได้ยินอ่ะได้ยินแล้ว แต่ว่า ใครบอกนาย ว่าคนที่เป็นลูกน้อง ต้องเชื่อฟังคำสั่งของเถ้าแก่เสมอไป?”

“นายไม่เคยเจอเหรอ ลูกน้องที่ไม่เชื่อฟังคำสั่ง?”

โหจื่อยิ้มอย่างไร้ยางอายออกมา แล้วพูดขึ้นว่า: “จะบอกนายนะ คืนนี้ ฉันจะตีนายจนนายคุกเข่าลงไปแล้วเรียกฉันว่าพ่อเลย!”

“นายฝันไปเถอะ!” มู่หรงฉางเฟิงมองโหจื่อด้วยสายตาเย็นชา

โหจื่อหัวเราะเคอๆ ออกมา และไม่สนใจการห้ามปรามของหลี่ฝาง ทุบตีมู่หรงฉางเฟิงไปหนึ่งยก

หลายนาทีผ่านไป โหจื่อทุบตีมู่หรงฉางเฟิง จนเกืยบตาย

มู่หรงฉางเฟิงหายใจหอบแล้วมองไปที่หลี่ฝาง ถามออกมาว่า: “หลี่ฝาง นายอยากดูฉินวี่เฟยตายใช่ไหม?”

“อย่ามาขู่เถ้าแก่ฉัน เขาเป็นคนขี้กลัว ทนฟังคำขู่ไม่ได้”

โหจื่อหัวเราะเคอๆ แล้วพูดขึ้นว่า: “จะบอกนายนะ ฉินวี่เฟยถูกคนของพวกฉันช่วยเหลือออกไปแล้ว”

“ฉันไม่เชื่อ”

“เป็นไปไม่ได้”

สีหน้าของมู่หรงฉางเฟิงเปลี่ยนไปทันที

โหจื่อหัวเราะเคอๆ ออกมา: “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้?นายคิดว่า มีแค่พวกเราสองคนเท่านั้นเหรอที่มาช่วยคน?ทีมงานใหญ่ของพวกเรา อยู่เบื้องหลังโน่น”

“ส่วนฉินวี่เฟย ถูกคนของพวกฉันช่วยเหลือออกไปตั้งนานแล้ว”

โหจื่อมองไปที่มู่หรงฉางเฟิงแล้วพูดขึ้นว่า: “ดังนั้น นายไม่มีเงื่อนไขอะไรที่จะมาเจราจาต่อรองกับฉัน”

“ทางเลือกที่อยู่ตรงหน้านาย มีอยู่สองทาง หนึ่งคุกเข่าลงแล้วเรียกฉันว่าพ่อ จากนั้นฉันตีนายให้ตาย และฉันก็จะตั้งหลุมฝังศพให้นาย สองคือบอกฉัน ฟีนิกซ์เป็นคนของใคร?”

โหจื่อมองไปที่มู่หรงฉางเฟิง พูดออกมาด้วยสายตาที่เย็นชา

ถึงแม้โหจื่อจะให้ทางเลือกสองทางแก่มู่หรงฉางเฟิง แต่ความจริงแล้ว มีแค่ทางเลือกเดียวเท่านั้น

และหลังจากที่โหจื่อพูดออกมาว่า ฉินวี่เฟยได้ถูกคนของตัวเองช่วยเหลือออกไปแล้ว หลี่ฝางจึงไม่กังวล และไม่ได้รั้งตัวโหจื่ออีก

เวลานี้ ถึงแม้โห่จื่อตีมู่หรงฉางเฟิงจนตาย หลี่ฝางก็จะไม่ห้ามสักคำ

ส่วนสีหน้าของฉินหยีหรัน เต็มไปด้วยความสะใจ ใบหน้าของเธอ มีรอยยิ้มออกมาตลอดเวลา และในขณะที่ยิ้มอยู่นั้น ก็ได้ร้องไห้ออกมาพร้อมกัน

เพราะสุดท้ายก็มีคน ช่วยเหลือเธอจัดการเรื่องนี้เสียที

โหจื่อมองไปที่มู่หรงฉางเฟิง แล้วพูดขึ้นว่า: “ไม่ต้องสงสัย แม้แต่สังคมอิทธิพลมืดของสโมสรเจียงหนานฉันยังกล้าไปเลย นายคิดว่าแค่ฆ่าคุณชายคนหนึ่งของสี่ตระกูลใหญ่ฉันจะไม่กล้าเหรอ?”

“เคอๆ ถ้านายสงสัย ฉันคงต้องยืนยันให้นายเห็น” โหจื่อพูดจบ หยิบปืนสีทองของตัวเองออกมาจากกระเป๋า เล็งปืนไปที่ศีรษะของมู่หรงฉางเฟิง

“อยากตายหรืออยากอยู่ อยู่ในมือของนาย” โหจื่อพูดเย็นชาออกมา

สีหน้าของมู่หรงฉางเฟิง เต็มไปด้วยความกลัว

เมื่อกี้ โหจื่อแค่ใช้ความรุนแรงกับเขา แต่ความรุนแรงเป็นแค่การทำร้ายร่างกาย ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดเท่านั้นเอง

แต่สิ่งเหล่านี้ มู่หรงฉางเฟิงสามารถทนรับมันได้

อีกอย่าง หลังจากเรื่องนี้ผ่านไป ร่างกายของเขา ก็จะค่อยๆ หายดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่โหจื่อเอาปืนออกมา มู่หรงฉางเฟิงจึงได้ตระหนักถึงอะไรคือความตาย

กระสุนนัดเดียว สามารถปริดชีวิตเขาได้ทันที

“ฟีนิกซ์ เป็นคนของใครกันแน่?” โหจื่อหันไปหามู่หรงฉางเฟิง ถามออกมาอีกครั้ง: “ถ้าคำตอบของนายคือไม่รู้ กระสุนของฉัน ก็จะยิงทะลุศีรษะของนาย”

ในขณะที่มู่หรงฉางเฟิงเตรียมจะส่ายหัวนั้น เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทำให้เขารีบเปลี่ยนใจทันที

“รู้ รู้”

มู่หรงฉางเฟิงมองไปที่โหจื่อ กัดฟันเล็กน้อย แล้วพูดออกมาว่า: “แต่ถ้าฉันบอกให้นายฟัง ฉันก็จะทำให้ฟีนิกซ์โกรธ”

“เธอต้องฆ่าฉันแน่ๆ” มู่หรงฉางเฟิงพูดออกมา

“วางใจได้ ฉันจะช่วยนายเก็บเป็นความลับเอง” โหจื่อพูดออกมาว่า: “ทำไม หรือว่านายสงสัยในตัวตนของฉัน?”

มู่หรงฉางเฟิงลังเลสองสามวิ ถึงพูดออกมาว่า: “เธอเป็นคนของตระกูลตงฟาง”

มู่หรงฉางเฟิงเงยหน้าขึ้นมองโหจื่อ แล้วพูดขึ้นว่า: “ตั้งแต่ต้นจนจบ เธอก็เป็นคนของฝั่งเราอยู่แล้ว”

สีหน้าของโหจื่อ เปลี่ยนไปทันที เขาโกรธจนอยากเหนี่ยวไก่ปืนลงไป ยิงมู่หรงฉางเฟิงให้ตายเลย

สีหน้าของโหจื่อโหดเหี้ยม ถามมู่หรงฉางเฟิงอย่างไม่น่าเชื่อว่า: “นายพูดอะไรนะ?นายว่าฟีนิกซ์ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็เป็นคนของตระกูลตงฟางเหรอ?ความหมายของนายคือ เธอเป็นสายลับที่ตระกูลฟางจัดส่งมาไว้กับเราเหรอ?”

“ถูกต้อง เธอเป็นคนของตระกูลตงฟาง ชื่อจริงของเธอคือ ตงฟางหวั่นเอ๋อ”

มู่หรงฉางเฟิงดึงแขนของโหจื่อไว้ แล้วพูดขึ้นว่า: “ขอร้องนาย นายรู้คนเดียวก็พอ ห้ามบอกความลับนี้ออกไปเด็ดขาด ถ้าหากให้ฟีนิกซ์หรือคนของตระกูลตงฟาง รู้ว่าฉันเป็นคนทรยศฟีนิกซ์แล้วหล่ะก็ พวกเขา ต้องฆ่าฉันแน่ๆ”

ตอนแรกโหจื่อมีความสงสัยเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นอาการหวาดกลัวของมู่หรงฉางเฟิงแล้ว รู้สึกได้ทันที ว่าคำพูดของมู่หรงฉางเฟิง อาจเป็นความจริงก็ได้

“ฮู้” โหจื่อพ่นลมหายใจออกมา แล้วเก็บปืนลงไป

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท