NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 665 อัศวินของฉินหยีหรัน

บทที่ 665 อัศวินของฉินหยีหรัน

“ตงฟางหวั่นเอ๋อ?”

โหจื่อบ่นพึมพำสองสามคำ หันไปมองมู่หรงฉางเฟิง แล้วถามออกมาว่า: “ตระกูลตงฟาง นายรู้จักใคร?หรืออีกอย่าง คนของตระกูลตงฟางที่ไม่เปิดเผยตัว นายรู้จักกี่คน?”

“ไม่รู้จักสักคน” มู่หรงฉางเฟิงส่ายหัว

โหจื่นหยิบปืนออกมาทันที แล้วเล็งปืนไปที่ศีรษะของมู่หรงฉางเฟิง: “พวกนายล้วนเป็นคนของสี่ตระกูลใหญ่ นายกลับบอกฉัน ว่านายไม่รู้จักคนของตระกูลตงฟางเหรอ?”

“นายอย่ามาโกหกฉัน?” โหจื่อไม่เชื่อคำพูดของมู่หรงฉางเฟิง

มู่หรงฉางเฟิงเกือบจะร้องไห้ออกมา: “ฉันไม่รู้จักจริงๆ ตั้งแต่เล็กจนโต ยี่สิบกว่าปีนี้ เคยเห็นคนของตระกูลตงฟางแค่ไม่กี่คนเอง พวกเขาลึกลับกว่าตระกูลอื่น อีกอย่างฐานะพวกเขา เมื่อเทียบกับอีกสามตระกูลแล้ว พวกเขาสูงส่งกว่าเยอะมาก”

“อีกอย่างเวลาที่พวกเขาออกมา ทุกคนต่างสวมใส่หน้ากากไว้ หรือบางที ก็หาหุ่นเชิดมาเจอพวกเรา มีอยู่ครั้งหนึ่ง ฉันเคยหาคนติดตามหุ่นเชิดคนนั้น ผ่านไปไม่กี่วันหุ่นเชิดคนนั้น กลับตายไปแล้ว

“สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ คนที่ฉันส่งไปติดตามนั้น หลังจากนั้นไม่กี่วัน เสียชีวิตไปอย่างกะทันหัน”

“ฉันเคยได้รับคำเตือนจากคุณปู่ของฉัน”

“คนของตระกูลตงฟาง ค่อนข้างลึกลับ” มู่หรงฉางเฟิงพูดออกมา

โหจื่อมองไปที่มู่หรงฉางเฟิง ถามต่อไปอีกว่า: “ในเมื่อตระกูลตงฟางลึกลับขนาดนี้ ฉันขอถามหน่อย แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าฟีนิกซ์ก็คือตงฟางหวั่นเอ๋อ

“ฟีนิกซ์ คือคนเดียวที่เปิดเผยตัวตน ถึงตอนนี้”

“แม้แต่ปู่ของฉัน ก็ยังต้องเคารพเธอ การปฏิบัติการครั้งนี้ สาเหตุที่เชิญเธอมาได้ หนึ่งคือคุณปู่เป็นคนแนะนำ สองคือเธอมาด้วยความสมัครใจ เธอบอกว่า ครั้งนี้เธอสามารถเจอศิษย์น้องของเธอ น่าจะเป็นนายสิ?” มองไปที่โหจื่อ มู่หรงฉางเฟิงถามออกมาด้วยความกังวลเล็กน้อย

“เธอช่างฉลาดเหลือเกิน” โหจื่อยิ้มออกมาอย่างมีความหมาย

ตอนนี้คนที่อยู่ข้างกายของหลี่ฝาง มีคนเก่งไม่กี่คน ความจริงแล้ว การที่ตงฟางหวั่นเอ๋อเดาว่าครั้งนี้คนที่มาจะเป็นโหจื่อ ก็ไม่น่าแปลกใจ

“ฉันได้บอกความลับสุดยอดนี้ให้กับนายแล้ว ตอนนี้ ปล่อยฉันไปได้หรือยัง?” มองไปที่โหจื่อ มู่หรงฉางเฟิงถามออกมาอย่างระวัง

ณ เวลานี้ ใบหน้าของมู่หรงฉางเฟิง เต็มไปด้วยความกลัว

บางที มู่หรงฉางเฟิงไม่ได้กลัวโหจื่อ แต่ความกลัวนั้นมาจากก้นบึ้งในใจของเขาเสียมากกว่า

เขาทรยศตงฟางหวั่นเอ๋อ เขากลัวฉากที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ตงฟางเอ๋อจะรู้ ถ้าเป็นแบบนั้น เขาต้องตายแน่ๆ

โห่จื่อหันไปมองมู่หรงฉางเฟิง พยักหน้า แล้วพูดขึ้นว่า: “พาฉินวี่เฟยส่งไปที่รีสอร์ตของพวกเรา จากนั้น นายก็กลับไปได้”

“อะไรนะ?เมื่อกี้นายไม่ใช่พูดว่า ฉินวี่เฟยถูกคนของพวกนายช่วยเหลือออกไปแล้ว?” มู่หรงฉางเฟิงถลึงตาโตออกมา มองไปที่โหจื่ออย่างพูดไม่ออก

“แน่นอนฉันหลอกนาย นายคิดดูนายโตขนาดนี้แล้ว ทำไมยังไร้เดียงสาขนาดนี้อีก พวกเราออกมาอย่างเร่งรีบ จะไปเตรียมคนมากมายขนาดนั้นได้ยังไง นายไม่รู้จักใช้โทรศัพท์เช็กดูก่อนเหรอ จากนั้นค่อยเชื่อคำพูดของฉัน?” โหจื่อหันไปมองมู่หรงฉางเฟิงทำท่ามองบนใส่เขา แล้วพูดขึ้นว่า: “เห้อ ช่างน่าสงสาร คุณชายของสี่ตระกูลใหญ่ โง่จริงๆ เลย”

“ก็ยุติธรรมอยู่แล้วหนิ่ เมื่อกี้นายก็โกหกพวกฉัน ไม่ใช่เหรอ?อะไรตีสี่ไม่ปล่อยตัวกลับไป คนของนายก็จะฆ่าฉินวี่เฟย เคอๆ”

โหจื่อพูดเยอะเย้ยออกมา

“ฉันกับลูกน้องของฉัน มีคำมั่นสัญญานี้อยู่จริง ถ้าฉันไม่กลับไป ให้พวกเขาฆ่าฉินวี่เฟยได้เลย แต่ว่าเวลาไม่ใช่ตีสี่ แต่เป็นก่อนสว่าง” มู่หรงฉางเฟิงพูดออกมาอย่างซึมเศร้า จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมา

ตอนที่จะโทรศัพท์นั้น มู่หรงฉางเฟิงมองไปที่โหจื่อถามออกมายังเป็นกังวลว่า: “ครั้งนี้ นายคงไม่ได้หลอกฉันอีกหรอกนะ?”

“ถ้าหากฉันส่งฉินวี่เฟยไปถึงรีสอร์ต แล้วนายไม่ปล่อยฉันจะทำยังไง?” มู่หรงฉางเฟิงถามออกมาอย่างกังวลใจ

“เคอๆ นายคิดว่า ตอนนี้นายสำหรับฉันแล้ว ยังมีคุณค่าอะไรอีกเหรอ?” โหจื่อส่ายหัว มองไปที่มู่หรงฉางเฟิงแล้วพูดขึ้นว่า: “ความจริงแล้ว นายอยู่ในใจฉัน ก็แค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้นเอง ถ้าฉันจะฆ่านาย มันง่ายนิดเดียว”

“แต่ฉันแค่ไม่อยากทำเท่านั้นเอง”

“ฉันเป็นศิษย์น้องของฟีนิกซ์ ฝีมือการยิงปืนฉันกับของฟีนิกซ์ เสมอเท่าเทียมกัน นายกลัวกระสุนของฟีนิกซ์ แล้วนายไม่กลัวของฉันหรือไง?” โหจื่อถามออกมา

มู่หรงฉางเฟิงกลืนน้ำลายลงคอ ไม่รู้ควรพูดอะไรดี

จะตอบโต้ก็ตอบโต้ไม่ไหว ตัวเองจะพูดอะไรได้อีก?

มู่หรงฉางเฟิงมองไปที่โหจื่อ แล้วพูดออกมาว่า: “หวังว่านายจะรักษาคำพูด”

มูหรงฉางเฟิงหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาลูกน้องของตัวเองแล้วพูดขึ้นว่า: “ส่งฉินวี่เฟยไปที่หน้าประตูรีสอร์ต

พูดจบ มู่หรงฉางเฟิงวางสายลง

“ได้ละ นายกลับไปเถอะ” โหจื่อพูดกับมู่หรงฉางเฟิง

มู่หรงฉางเฟิงตาสว่างขึ้นทันที มองไปที่โหจื่อ ไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน

“เช็คเงินสดในมือของนาย ทิ้งไว้” โหจื่อพูดเทริมออกมา

เมื่อมู่หรงฉางเฟิงไดยินคำนี้ รีบวางเช็คเงินสดไว้บนพื้นทันที จากนั้นรีบออกไปอย่างรวดเร็ว หลี่ฝางหันไปมองโหจื่อ แล้วพูดขึ้นว่า: “ฉินวี่เฟยยังไม่ถูกส่งไปถึงรีสอร์ตเลย นายปล่อยเขาไปอย่างนี้ ถ้าเกิดเขาเปลี่ยนใจทำไง?”

“วางใจได้ เขาไม่กล้าหรอก”

โหจื่อหัวเราะเคอๆ แล้วพูดขึ้นว่า: “เขาทรยศตงฟางหวั่นเอ๋อ และแน่นอนเขาต้องกลัวฉันจะทรยศเขาเช่นกัน”

“อีกอย่าง นายคิดว่าเขากล้าล้อฉันเล่นเหรอ?” โหจื่อส่ายหัวแล้วยิ้มออกมา เดินไปหาเจ้าของร้าน ยื่นเช็คเงินสดที่อยู่ในมือ ให้กับเจ้าของร้าน

“นี่เป็นค่าอาหารของคืนนี้ อีกอย่าง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ถือว่านายดูละครทีวีก็แล้วกัน และห้ามไปพูดเรื่องนี้กับคนอื่น เข้าใจไหม?”

โหจื่อมองไปที่เจ้าของร้านแล้วพูดขึ้นว่า: “หนึ่งล้านหยวนเป็นค่าปิดปาก ถือว่าเป็นกำไรของนาย”

ตอนที่เจ้าของร้านรับเช็คเงินสดไปนั้น มือเริ่มสั่นขึ้นมา เพราะเขารู้สึกตื่นเต้น มองไปที่โหจื่อ เกือบจะคุกเข่าลงไปเลย

หนึ่งล้านหยวน

เขาเปิดร้านคาราโอเกะนี้ ทั้งชีวิต ก็คงจะหาเงินหนึ่งล้านหยวนไม่ได้ แต่โหจื่อแค่นี้ก็ให้เขาหนึ่งล้านหยวน

“เมื่อมีหนึ่งล้านหยวนนี้แล้ว ฉันก็สามารถแต่งงานได้แล้ว”

เจ้าของร้านตื่นเต้นจนน้ำตาเอ่อล้นออกมา ส่วนหลี่ฝางกับโหจื่อ เดินออกไปจากร้านคาราโอเกะ และขึ้นรถตัวเอง

ตลอดทาง สายตาของฉินหยีหรันที่มองโหจื่อนั้น เต็มไปด้วยความแปลกประหลาด

โหจื่อสัมผัสได้ถึงความผิดปรกติ จึงเอ่ยปากพูดขึ้นก่อนว่า: “พอละ คุณหนูใหญ่ตระกูลฉิน ถ้าคุณจะพูดขอบคุณผม ก็ไม่ต้องพูด ผมไม่ชอบความเสแสร้ง ถ้าคุณจะขอบคุณผม ก็ให้เงินผมสักสองสามล้าน หรือกี่สิบล้านเป็นค่าตอบแทนแล้วกัน”

“ขอบคุณ”

ฉินหยีหรันพูดออกมาด้วยความเขินอายเล็กน้อย โหจื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย: “เมื่อกี้บอกคุณแล้วใช่ไหม คนอย่างผม ไม่ชอบความเสแสร้ง”

“เมื่อไรถึงจะเล่นจริงจังกับผม?” โหจื่อมองบนใส่ฉินหยีหรัน

เมื่อมาถึงหน้าประตูทางเข้ารีสอร์ต เห็นรถคันหนึ่ง จอดอยู่หน้าประตูทางเข้าพอดี

ฉินวี่เฟยถูกผลักลงไปล้มอยู่ที่พื้น จากนั้นรถคันนั้นขับออกไปอย่างรวดเร็ว หลี่ฝางลงจากรถ วิ่งเข้าไปหา แล้วอุ้มฉินวี่เฟยขึ้นมา: “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”

มือและเท้าของฉินวี่เฟยถูกมัดไว้ และปากถูกเทปปิดปากไว้ หลังจากที่หลี่ฝางคลายมัดและดึงเทปออก ฉินวี่เฟยโผเข้าไปกอดหลี่ฝางไว้ แล้วร้องไห้ออกมา

“ฉันคิดว่าจะไม่ได้เจอคุณอีกแล้ว เมื่อกี้พวกเขาเอามีดออกมา บอกว่าถ้าฉันไม่เชื่อฟัง ก็จะฆ่าฉันทิ้ง”

ฉินวี่เฟยตกใจกลัวมาก พูดออกมาปากสั่น: “ยังพูดอีกว่าจะขายฉันทิ้ง”

“พวกเขาแค่ข่มขู่คุณเท่านั้นเอง นักเลงพวกนั้น รู้จักแต่ข่มขู่คน ไม่ต้องไปกลัวพวกเขาหรอก คุณอย่าลืมสิ คุณเป็นคุณหนูของตระกูลฉินนะ ประธานบริษัทของบริษัทฉินซื่อ ใครกล้าทำคุณ?” หลี่ฝางตบเบาๆ ไปที่ไหล่ของฉินวี่เฟย พูดปลอบใจออกมา

“แต่พวกเขา……อาจทำจริง มีอยู่คนหนึ่ง เกือบจะทำฉัน……” ฉินวี่เฟยหน้าแดงพูดออกมา: “โชคดีที่มีคนห้ามเขาไว้ และไล่เขาลงจากรถ”

สีหน้าของหลี่ฝางเปลี่ยนไปทันที ดูเหมือนผู้หญิงที่หน้าตาสะสวย ก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป

อย่างน้อย หน้าตาสะสวยนี้ ก็ทำให้เธอไม่ปลอดภัย

หลี่ฝางพาฉินวี่เฟยมาถึงวิลล่าของเขา หลังจากปลอบเธอให้หลับแล้ว เขาก็นอนลงข้างๆ

และในวันรุ่งขึ้น หลี่ฝางตื่นมาแต่เช้า สั่งให้คนเตรียมอาหารเช้าให้ฉินวี่เฟย และในเวลาเดียวกัน หลี่ฝางเห็นฉินหยีหรันเดินออกมาจากห้องของโหจื่อ

ฉินหยีหรันตื่นตระหนกเล็กน้อย และตอนที่ออกมานั้น ก็ได้เดินไปด้วยจัดความเรียบร้อยเสื้อผ้าตัวเองไปด้วย

เมื่อหลี่ฝางเห็นฉากนี้ ยิ้มแหยะๆ ออกมา ฉินหยีหรันคนนี้ ใช้วิธีนี้ตอบแทนโหจื่ออย่างนั้นเหรอ?

ผ่านไปสักพัก โหจื่อถึงได้เดินออกมาจากห้องของตัวเอง

หลี่ฝางทักทายกับโหจื่อ โหจื่อเดินไปหา มองไปที่หลี่ฝางแล้วถามออกมาว่า: “เถ้าแก่ ทำไมตื่นเช้าจังเลย”

“ตื่นเช้ามาออกกำลังกาย เคอๆ เมื่อคืน พี่โหจื่อคงเหนื่อยมากสินะ?” มองไปที่โหจื่อ หลี่ฝางพูดหยอกล้อออกมา

“ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เมื่อคืนช่วยนายจัดการไอ้เหี้ยมู่หรงฉางเฟิง ทำฉันเหนื่อยมาก”

โหจื่อพูดอย่างเป็นธรรมชาติออกมา

โหจื่อสมแล้วที่เป็นยอดอัจฉริยะในการพูดโกหก เขารู้ทั้งรู้ว่าหลี่ฝางหมายถึงอะไร แต่ก็ไม่รู้สึกอายเลยสักนิด

หลี่ฝางหัวเราะเคอๆ ออกมา เปิดโปงต่ออีกว่า: “ฉันว่าพี่โหจื่อ ที่นายเหนื่อยเป็นเพราะจัดการมู่หรงฉางเฟิง?หรือเป็นเพราะจัดการภรรยาของมู่หรงฉางเฟิงกันแน่?”

โหจื่อเหลือบมองหลี่ฝาง แล้วพูดขึ้นว่า: “เถ้าแก่ นายต้องปากร้ายขนาดนี้เลยเหรอ?”

“เรื่องแบบนี้ถ้ารู้ก็ไม่จำเป็นต้องพูด เหตุผลง่ายๆ แบบนี้นายไม่รู้เหรอ?ถ้านายยังทำตัวแบบนี้อีก จะไม่มีเพื่อนได้นะ” โหจื่อพูดออกมา

หลี่ฝางหัวเราะเคอๆ แล้วพูดขึ้นว่า: “ได้ละ ฉันไม่พูดก็ได้”

“เห้อ เมื่อคืน ถือว่าเหนื่อยจริง” โหจื่อบิดเอวขี้เกียจแล้วพูดขึ้นว่า: “ยังดีที่ฉันเป็นคนมีวิชา ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไป อย่างนายแบบนี้ วันนี้ทั้งวันคงลุกจากเตียงไม่ไหว”

“เธอเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?” หลี่ฝางถามออกมาอย่างสงสัย

“ทำไมจะไม่เก่ง……” โหจื่อส่ายหัว จากนั้นถามหลี่ฝางออกมาว่า: “ใช่ละ นายมีเบอร์โทรของมู่หรงฉางเฟิงไหม เมื่อกี้ฉินหยีรันไปอย่างเร่งด่วน ลืมถามเธอไปเลย”

หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูดขึ้นว่า: “มู่หรงฉางเฟิงเคยโทรหาฉัน ฉันสามารถช่วยนายหาดูได้”

“ใช่ละ นายหามู่หรงฉางเฟิงทำไมเหรอ?” หลี่ฝางถามออกมาด้วยความสงสัย

“ยังจะมีเรื่องอะไรอีก?ตราบใดที่ฉินหยีหรันไม่ได้หย่าร้างกับมู่หรงฉางเฟิง จิตใจของฉินหยีหรัน ก็จะกังวลตลอดเวลา ดังนั้นฉันจะเป็นคนจบทุกอย่างให้พวกเขาเอง” โหจื่อพูดจริงจังออกมา

หลี่ฝางมองไปที่โหจื่อแล้วถามออกมาว่า: “ฉันว่าโหจื่อ นายคงไม่ได้ตกหลุมรักฉินหยีหรันเข้าให้แล้วนะ?”

“อย่าพูดเรื่องไร้สาระ หัวใจของฉันเป็นขององค์หญิงYavinคนเดียว และฉันก็ภักดีต่อองค์หญิงYavinรักเดียวใจเดียวไม่มีวันเปลี่ยน……”

หลี่ฝางทนฟังไม่ได้อีกต่อไป: “พอละ ในเมื่อนายรักองค์หญิงYavinขนาดนั้น ฉันถามนายหน่อย เรื่องเมื่อคืนคืออะไร?นายดื่มเยอะเกินเหรอ?”

“นั่นก็ไม่ใช่ ผู้ชายอ่ะ ของที่เข้าหามาเราเอง ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด มิฉะนั้น จะถูกฟ้าผ่าได้”

โหจื่อหัวเราะเหะๆ ออกมา: “ฉันเชื่อว่าองค์หญิงYavinต้องเข้าใจฉัน”

หลี่ฝางหาเบอร์โทรของมู่หรงฉางเฟิงเจอ หลังจากที่ให้เบอร์โทรโหจื่อแล้ว ก็กลับไปที่วิลล่าของตัวเอง ฉินวี่เฟยในเวลานี้ ได้ตื่นนอนแล้ว

ฉินวี่เฟยมองหลี่ฝางแล้วถามออกมาว่า: “พี่สาวของฉันหล่ะ?”

“เธออยู่อีกห้องหนึ่ง” หลี่ฝางพูดออกมา

“เมื่อกี้ฉันฝันว่าพี่สาวของฉันเกิดอุบัติเหตุรถชน เป็นฝีมือของไอ้เหี้ยมู่หรงฉางเฟิง ตกใจหมดเลย” ฉินวี่เฟยถอนหายใจออกมา แล้วพูดขึ้นว่า: “เห้อ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ พี่สาวของฉันถึงจะหลุดออกมาจากน้ำมือของไอ้เหี้ยมู่หรงฉางเฟิงได้สักที”

“วางใจได้ พี่สาวของคุณจะหลุดพ้นได้ในเร็วๆ นี้แล้ว”

หลี่ฝางมองไปที่ฉินวี่เฟย ยิ้มแล้วพูดออกมา: “เพราะข้างกายพี่สาวของคุณ มีอัศวินผู้ยิ่งใหญ่ปรากฏตัวออกมาแล้ว”

“จริงเหรอ?”

“แน่นอนอยู่แล้ว อัศวินคนนั้นเก่งมาก สามารถหั่นสุนัขอย่างมู่หรงฉางเฟิงออกเป็นชิ้นๆ ได้ มู่หรงฉางเฟิงคนนี้เมื่อเห็นอัศวินคนนี้ ตกใจจนวิญญาณออกจากร่างไปเลย”

โหจื่อที่กำลังเดินไปออฟฟิศของลุงเฉียนนั้น จามออกมาติดต่อกันหลายครั้ง

เมื่อมาถึงหน้าออฟฟิศของลุงเฉียน เห็นลุงเฉียนกำลังนั่งอยู่ โหจื่อหัวเราะเคอๆ แล้วพูดขึ้นว่า: “ลุงเฉียน ผมมีข่าวจะมาเล่าให้ลุงฟัง”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน