NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 669 ขอโทษแล้วชดใช้เงิน

บทที่ 669 ขอโทษแล้วชดใช้เงิน

แน่นอนลู่เฟยรู้ว่าโหจื่อต้องการให้เขาทำอะไร

ก็แค่ต้องการให้ขอโทษไม่ใช่เหรอ?

แต่ คุณชายของตระกูลลู่ทั้งคน เป็นบุคคลที่มีชาติตระกูลเหนือคนอื่น จะให้ขอโทษพนักงานเสิร์ฟร้านบาร์เหล้าอย่างงั้นเหรอ?

และลู่เฟยจะทำได้ยังไง?

ลู่เฟยก้มตัวลงไม่ได้ และก้มหัวไม่ได้เช่นกัน เขามองไปที่โหจื่อ แล้วพูดขึ้นว่า: “ไม่ต้องพูดอ้อมค้อม ฟังจากที่นายพูด นายก็แค่ต้องการเรียกร้องค่าชดใช้ให้เพื่อนรักของนายไม่ใช่เหรอ?นายพูดตัวเลขออกมาดีกว่า ขอแค่นายเอ่ยปาก ฉันสัญญาว่าจะไม่มีการต่อรองใดๆ เด็ดขาด”

“ขอแค่นายเอ่ยปาก ฉันสัญญาว่าจะไม่ต่อรองใดๆ เด็ดขาด?เคอๆ !”

โหจื่อหัวเราะเคอๆ พูดย้ำคำพูดของลู่เฟย จากนั้นพยักหน้า แล้วพูดขึ้นว่า: “ได้สิ ถ้าอย่างนั้นนายให้ฉันหนึ่งแสนล้านหยวนสิ”

หลังจากที่โหจื่อพูดจบ หันไปมองลู่เฟย ถามออกมาว่า: “จำนวนฉันบอกแล้ว นายบอกเองว่าจะไม่ต่อรองราคา แต่ว่า……นายให้ได้หรือเปล่า?”

“นายเรียกราคาสูงลิ่วขนาดนี้ มีคนเรียกราคาอย่างนายแบบนี้ด้วยเหรอ?ชีวิตของคนหนึ่งคนมีค่าเท่าไหร่เอง ฉันก็แค่ต่อยเพื่อนนาย นายขอฉันหนึ่งแสนเหรียญเลยเหรอ?ปรกติต่อยคนคนหนึ่ง ชดใช้ค่าเสียหายแค่หนึ่งพันหยวนก็เพียงพอแล้วมั้ง?” ลู่เฟยขมวดคิ้วแล้วพูดออกมา

“ไหนนายบอกว่าจะไม่ต่อรองราคาไง?เห้อ นายบอกนายไม่มีเงิน นายมาเสแสร้งเหี้ยอะไรกับฉัน ขายขี้หน้าที่สุด ถ้าจะให้พูด เมื่อกี้ฉันบอกนายแล้ว นายต่อยเพื่อนฉันบาดเจ็บขนาดนี้ ทำให้หน้าของเขาน่าเกลียดขนาดนั้น และอาจทำให้แฟนเขาไม่เอาเขาอีกก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้น ความสุขของเขาก็จะพังทลายสิ้น ความสุขตีค่าด้วยราคาไม่ได้ ฉันเรียกร้องนายหนึ่งแสนหยวน ความจริงแล้วยังไม่ได้ถามเพื่อนรักฉันด้วยซ้ำ ต้าเพิง นายว่าหนึ่งแสนหยวน ชดใช้น้อยไปไหม?” โหจื่อพูดจบ ส่งสายตาให้กับต้าเพิง

ต้าเพิงพยักหน้า แล้วพูดขึ้นว่า: “ก็ต้องน้อยอยู่แล้ว ความสุขของผม ประเมินด้วยราคาไม่ได้หรอก”

“นายต้องการจะเจรจาหรือไม่?” ลู่เฟยถามโหจื่อ

วิธีการของโหจื่อ เห็นได้ชัดว่ากำลังปั่นป่วนอยู่

โหจื่อพยักหน้า แล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันบอกแล้ว ขอโทษเพื่อนรักฉันก่อน จากนั้นค่อยเจรจาเรื่องชดใช้กัน”

“ออกมาหากิน ก็ต้องมีเกียรติ ชดใช้เท่าไหร่ไม่ว่ากัน แต่ต้องให้เกียรติก่อน ให้เพื่อนรัก

ของฉันได้รับเกียรติ” โหจื่อพูดขึ้นว่า: “ศักดิ์ศรีและเงิน ฉันเอาทั้งสองอย่าง ขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง พวก

เราก็ไม่จำเป็นต้องเจรจาต่ออีก”

“ฉันรู้ว่าลูกน้องของนายรออยู่ด้านนอกบาร์เหล้า คำพูดนายคำเดียว เพื่อนรักของฉันก็ไม่มีใครรอด แต่นายก็รู้ นายหาไม่เจอไอ้เฒ่า มีแต่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่หาเจอ” โหจื่อมองไปที่ลู่เฟย ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่: “นายอยู่ในกำมือของฉัน”

“ฉันปฏิเสธการขอโทษพนักงานเสิร์ฟ” ลู่เฟยพูดเย็นชาออกมา

“เคอๆ แสดงว่านายดูถูกฉัน?เมื่อกี้ฉันบอกนายแล้ว ฉันก็เป็นพนักงานเสิร์ฟเหมือนกัน”

โหจื่อยิ้ม แล้วพูดขึ้นว่า: “ในเมื่อนายดูถูกฉัน พวกเราก็ไม่มีอะไรต้องเจรจากันอีก นาย

อยากทำอะไรเชิญตามสบาย ถ้าแน่จริง นายก็ไปตามหาพ่อนายเอง ถ้านายสามารถ

ช่วยเหลือพ่อนายออกมาได้ ถือว่านายแน่มาก”

หลังจากที่โหจื่อพูดจบ หันกลับไป พูดกับไอหน้าหนวด: “ปิดรีสอร์ต ใครกล้าฝ่าเข้ามา

ให้ฉันฆ่าทิ้งได้เลย!”

ลู่เฟยตกตะลึง เขาไม่เคยเห็นคู่ต่อสู้ที่ดื้อรั้นเช่นนี้มาก่อน

แค่ไม่พอใจคำเดียวก็หยุดเจรจาเลยเหรอ?

แม่งเอ๊ย นี่มันคนแบบไหนกัน?

มีคนเจรจาแบบนายด้วยเหรอ?

แม่งเหี้ยเอ๊ยนี่ถ้าทำธุรกิจ แล้วสามารถเจรจาค้าขายสำเร็จได้ ถึงว่านายแน่มาก!

ลู่เฟยถอนหายใจแรงๆ ออกมา เรียกตัวโหจื่อไว้: “รอก่อน ได้ ฉันรับปาก ฉันขอโทษเพื่อนรักของนาย”

“เคอๆ คิดดูดีๆ แล้วใช่ไหม?ไม่เอาศักดิ์ศรีคุณชายของนายแล้วเหรอ?ฉันจะบอกนาย ทุกคนเสมอภาคกัน อย่าไปคิดว่าตัวเองสูงกว่าคนอื่น เข้าใจไหม?”

โหจื่อเหลือบไปมองลู่เฟย พูดขึ้นอย่างเหยียดหยาม: “อีกอย่างดูท่าทางของนายแล้ว รูปร่างก็ไม่ได้สูงเท่าไหร่หนิ่”

ลู่เฟยโทรวิดีโอคอลอีกครั้ง ครึ่งค่อนวันก็ไม่มีคนรับสาย และเมื่อรับสายขึ้นมา ฝ่ายตรงข้ามคนที่ปรากฏตัวขึ้นกลับเป็นอีกคน

“เหี้ยแม่ง เพื่นรักฉันหล่ะ?” โหจื่อด่าออกมาเสียงดัง: “ไอ้เหี้ย เอาโทรศัพท์ให้เพื่อนฉัน ได้ยินไหม?”

“พี่โหจื่อ พี่โหจื่อ ฉันอยู่นี่ ฉันถูกพวกมันตีอีกแล้ว” ต้าเพิงพูดเสียงสั่นเครือลุกขึ้นยืน แล้วพูดกับโหจื่อออกมา

และเมื่อคนคนนั้นจะลงมืออีก แต่ถูกลู่เฟยรีบห้ามไหม

“หยุดเดี๋ยวนี้”

ลู่เฟยพูดเย็นชาออกมา: “ฉันบอกแกแล้ว อย่าลงมือทำอะไรพวกเขาไม่ได้ยินหรือยังไง?”

“ฉันว่าพี่เฟย ตอนนี้พูดแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร?ดูสิ หน้าตาเพื่อนรักฉันน่าเกลียดไปหมดแล้ว ใบหน้านี้ ถูกลูกน้องของนายต่อยจนเป็นหัวหมูไปแล้ว ช่างมันเหอะ มา นายมาพูดขอโทษเพื่อนรักฉันก่อน จากนั้นฉันจะบอกนายเอง ว่าควรทำยังไงต่อ ” โหจื่อยื่นหน้ากล้องไปหาลู่เฟย

สีหน้าของลู่เฟยดิ่งลง พูดขึ้นกับต้าเพิงว่า: “พี่ชาย ขอโทษด้วย”

“เคอๆ อันนี้คือการขอโทษ หรือข่มขู่พี่เพื่อนรักฉันกันแน่ มีคนขอโทษแบบนายด้วยเหรอ?ใบหน้าของนาย อย่าดุแบบนี้ได้ไหม ?” โหจื่อพูดขึ้นกับลู่เฟย: “มา ตั้งเค้าอารมณ์อีกครั้ง แล้วพูดอีกครั้งสิ”

ลู่เฟยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง อย่างไรก็ตามพ่อของเขาอยู่ในมือโหจื่อ และโหจื่อคนนี้ ดูแล้วเหมือนคนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงอีกด้วย

เมื่อต้องเผชิญกับคนแบบนี้ สิ่งที่ลู่เฟยทำได้ก็คือยอมประนีประนอมด้วย ถ้าไม่ทำเช่นนั้น เขาไม่กล้าคิดว่าเรื่องราวจะกลายไปเป็นแบบไหน

ถ้าเกิดพ่อของเขาเป็นอะไรขึ้นว่า จะกลายเป็นเรื่องใหญ่

ลู่เฟยตั้งเค้าอารมณ์สักพัก แล้วพูดขึ้นอย่างจริงใจว่า: “พี่ชาย ขอโทษด้วย เป็นความผิดฉันเอง เดี๋ยวฉันให้คนส่งพี่ชายไปโรงพยาบาลเอง”

“ครั้งนี้ใช้ได้ มา คนที่ตีเพื่อนรักฉันเมื่อกี้ เรียกเขามาหาเพื่อนรักฉัน คุกเข่าแล้วขอโทษ” โหจื่อพูดออกมา

สายตาของลู่เฟย ถลึงโต จ้องเขม็งขึ้นมาทันที

“เกินไปแล้วมั้ง?” ลู่เฟยมองไปที่โหจื่อ พูดเสียงเย็นชาออกมา

ครั้งนี้ คนที่ลู่เฟยพามา ล้วนแต่เป็นคนเก่งมีฝีมือ ไม่ใช่หมูหมากาไก่ทั่วไป

โหจื่อหัวเราะเคอๆ แล้วพูดขึ้น: “ลูกน้อง ก็ควรทำตัวเหมือนลูกน้อง ให้เขาคุกเข่าให้เพื่อนรักฉันจะเป็นอะไรไป?ถ้าฉันอยู่ที่บาร์เหล้า ฉันยิงไอ้เหี้ยนี้ทิ้งไปแล้ว”

“ตอนนี้ให้เขาแค่คุกเข่าขอโทษ ถือว่ากำไรเขามากแล้ว”

โหจื่อมองไปที่ต้าเพิงแล้วพูดขึ้นว่า: “ต้าเพิงเป็นเพื่อนของฉันโหจื่อ และฉันโหจื่อเป็นคนรักเพื่อน ทุกคนที่เป็นเพื่อนฉัน ฉันไม่ปล่อยให้พวกเขาต้องรู้สึกน้อยใจเด็ดขาด”

“คนที่ตีเพื่อนฉัน รีบคุกเข่าขอโทษเพื่อนรักของฉันซะ”

โหจื่อพูดเย็นชาออกมา: “นายสามารถปฏิเสธได้ แต่นายจำไว้ ถ้านายไม่ทำตาม ไม่ว่าไกลสุดขอบฟ้าแค่ไหน หรือหนีไปที่ใด ฉันโหจื่อ ก็จะตามไปฆ่านายถึงที่นั่น”

หลังจากที่โหจื่อพูดจบ สายตาจ้องมองไปที่ชายคนนั้น

ลู่เฟยตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ให้ลูกน้องของตัวเองคุกเข่ากับพนักงานเสิร์ฟ การกระทำนี้อาจทำให้ต้องสูญเสียความภักดีของลูกน้องก็เป็นได้

แต่ดูจากท่าทางของโหจื่อแล้ว ถ้าไม่ทำตามที่เขาสั่ง โหจื่อคงไม่ให้เขาเจอหน้าของท่านลู่แน่

“ลูกพี่ใหญ่ ไม่ต้องลำบากใจ ฉันยอมคุกเข่า” อีกฝ่ายหัวเราะเคอๆ คุกเข่าลงไปตรงหน้าต้าเพิง ยิ้มแล้วขอโทษ

หลังจากที่ขอโทษเสร็จแล้ว มองไปที่โหจื่อ: “เป็นยังไง OKหรือยัง?”

“ได้ ใช่ได้” โหจื่อพยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นมองไปที่ลู่เฟยแล้วพูดขึ้นว่า: “ดูแล้วลูกน้องของนาย รู้กาลเทศะกว่านายอีก”

“พอแล้ว มาคุยเรื่องชดใช้กันต่อดีกว่า” โหจื่อพูดออกมา

“สิบล้านหยวน เป็นไง?” โหจื่อถามออกมาอย่างจริงจัง

“สิบล้านหยวน ?” ลู่เฟยกัดฟัน

สิบล้านหยวนสำหรับลู่เฟยไม่ถือว่ามาก แต่ที่บาร์เหล้าพนักงานเยอะขนาดนั้น คนละสิบล้านหยวน ถึงแม้จะเป็นตระกูลลู่ ก็คงรับไม่ค่อยไหว

ลู่เฟยขมวดคิ้ว แล้วพูดขึ้นว่า: “ลดหน่อยได้ไหม?คนละหนึ่งล้าน น่าจะเยอะพอแล้ว”

“อะไรนะ เอ่ยปากก็หนึ่งล้านหยวน แผลบนใบหน้าของเพื่อนรักฉัน เป็นแค่แผลภายนอก ชดเชยหนึ่งล้านหยวน บ้าไปแล้วเหรอ?เดี๋ยวนายก็ฟ้องว่าฉันแบล็กเมล์อีก ห่าๆ ฉันว่าหนึ่งพัน หมายถึงหนึ่งพันหยวน”

โหจื่อหัวเราะเคอๆ ออกมา: “เพื่อนรัก หนึ่งพันพอไหม?ถ้าไม่พอ ฉันให้เขาเพิ่มอีกห้าร้อยให้นาย”

“พี่โหจื่อ พี่ตัดสินใจก็แล้วกัน แต่ถ้าได้เพิ่มอีกห้าร้อย กลับมาเพื่อนรักคนนี้เลี้ยงพี่ดื่มเหล้า” ฝั่งตรงข้ามต้าเพิงพูดออกมา

เมื่อกี้โหจื่อช่วยกู้หน้าเขาไว้ ไม่เพียงแต่ลู่เฟยที่เป็นลูกพี่ใหญ่ขอโทษเขาด้วยตัวเอง คนที่ตีเขา ยังคุกเข่าลงไปให้เขา ถึงแม้จะไม่ชดใช้เงินให้ ความโกรธแค้นของต้าเพิง ก็ระบายออกมาหมดแล้ว

โหจื่อหัวเราะเคอๆ แล้วพูดขึ้นว่า: “ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้”

พูดจบ โหจื่อหันไปหาลู่เฟยแล้วพูดขึ้นว่า: “เพิ่มให้เพื่อนรักฉันอีกห้าร้อย เป็นพันห้าร้อยเป็นยังไง”

ลู่เฟยพยักหน้า พูดอะไรไม่ออก?

โหจื่อยื่นโทรศัพท์ไปให้ลู่เฟย แล้วพูดขึ้นว่า: “โทรศัพท์ฉันชาร์จแบตเรียบร้อยแล้ว ที่นี่มีไวไฟดังนั้นนายไม่ต้องกังวลว่าจะค้างค่าโทร และไม่ต้องกังวลจะปิดเครื่อง ค่อยๆ ขอโทษเพื่อนรักพวกนี้ของฉัน อีกอย่าง คนที่บาดเจ็บหนัก ก็เพิ่มเงินให้สองสามพัน บาดเจ็บน้อย ให้พันห้าก็พอ”

“พระอาทิตย์ขึ้นละ ฉันไปหาที่ร่มเย็นพักผ่อนสักครู่ นายขอโทษเสร็จ ค่อยมาหาฉัน ฉันจะพานายไปหาไอเฒ่าพ่อของนาย” โหจื่อพูดจบ ยื่นโทรศัพท์ไปให้ลู่เฟย แล้วไปหาหลี่ฝางกับไอ้หน้าหนวด

สีหน้าของลู่เฟยไม่สู้ดีนัก ถึงแม้ในใจจะหดหู่ แต่เพื่อพ่อของตัวเองแล้ว จำเป็นต้องทำตาม

ขอโทษทีละคนๆ จากนั้น ชดใช้เงินให้

เวลาผ่านไปประมาณสิบกว่านาที ลู่เฟยเดิมเข้ามาหา ยื่นโทรศัพท์คืนให้โหจื่อ แล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันขอโทษแล้ว แล้วส่งพวกเขาไปโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ลูกน้องฉันก็ได้กลับไปแล้ว เป็นยังไง ตอนนี้พาฉันไปเจอพ่อฉันได้หรือยัง?”

“ทำแบบนี้ถึงจะถูก จะเจรจากับพวกเรา ต้องยอมก้มหัวตัวเองก่อน อย่าทำตัวสูงส่งกว่าคนอื่น จำไว้ ตอนนี้คนที่ถือไพ่เหนือกว่าคือพวกเรา สามารถพูดจาเสียงดังได้ และหยิ่งยโสได้ คนที่สามารถยื่นข้อเสนอไปเรื่อยได้ คือพวกเรา ไม่ใช่นาย”

โหจื่อมองไปที่ลู่เฟยแล้วพูดขึ้นว่า: “เข้าใจฐานะของตัวเอง และรู้ว่าตัวเองควรทำตัวยังไง”

หลังจากที่โหจื่อพูดจบ ส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า: “ถ้านายยังใช้วิธีทำตัวเหมือนคุณชายให้ฉันดูอีก นายทำยังไง ฉันก็จะทำคืนแบบนั้น ฉันรับรองว่านายหาพ่อของนายไม่เจอแน่นอน”

“ไปกัน ไปเดินเล่นที่รีสอร์ตของพวกเรากัน ข้างในบรรยากาศดีมาก” โหจื่อพูด: “ฉันพานายไปชื่นชมบรรยากาศสักรอบ”

เดินไปด้วย โหจื่อแนะนำไปด้วย: “แนะนำให้นายรู้จัก คนนี้คือไอ้หน้าหนวด เป็นเพื่อนของฉัน เมื่อก่อนเป็นคนดังคนหนึ่งในสังคมเลย แต่ตอนนี้ไม่ใช่ละ ถูกคนอื่นบีบลงมาละ”

มองเห็นลู่เฟยไม่ได้สนใจ โหจื่อขมวดคิ้ว: “ทำไม นายหูหนวกหรือไง?ฉันแนะนำเพื่อนฉันให้นายรู้จัก นายแกล้งขรึมทำไม รีบยื่นมือออกมา แล้วมาจับมือกับเพื่อนฉันซะ”

ลู่เฟยขมวดคิ้วและพูดอะไรไม่ออก จากนั้นยื่นมือออกไปอย่างช่วยไม่ได้ และจับมือกับไอ้หน้าหนวด แต่ไอ้หน้าหนวดกลับไม่สนใจเขาเลย

“ดูแล้วเพื่อนรักฉันไม่อยากรู้จักนาย และไม่อยากเป็นเพื่อนกับนาย”

โหจื่อหัวเราเหะๆ จากนั้นใช่คางชี้ไปที่หลี่ฝาง แล้วพูดขึ้นว่า: “ส่วนคนนี้ เป็นเถ้าแก่ของฉัน เป็นเจ้าของรีสอร์ต และเป็นเถ้าแก่ของบาร์เหล้าด้วย เมื่อกี้นายทำลายบาร์เหล้าของเถ้าแก่ฉัน สำหรับเงินจะชดเชยเท่าไหร่นั้น เดี๋ยวนายไปเจรจากับเถ้าแก่ฉันก็แล้วกัน”

“นายเป็นลูกชายของหลอซ่าเหรอ?” มองดูใบหน้าที่ธรรมดาของหลี่ฝางแล้ว ลู่เฟยยิ้มเหยียดออกมา: “ฉันทำลายบาร์เหล้าของนาย รอให้เสร็จธุระแล้ว ฉันจะชดใช้ค่าเสียหายให้ทั้งหมด วางใจได้”

“ไม่เพียงแต่ชดใช้ค่าเสียหายเท่านั้น นายกระทบธุรกิจฉัน จะชดใช้ยังไง?” หลี่ฝางหรี่ตาลงแล้วยิ้ม: “ถึงแม้ฉันจะไม่ขาดเงิน แต่คนอย่างฉันก็ไม่ชอบถูกเอาเปรียบ”

“เดี๋ยวฉันจะให้คนที่บาร์เหล้าคำนวณรายละเอียดค่าเสียหายที่ต้องชดใช้ แล้วส่งไปให้ตระกูลลู่” หลี่ฝางพูดออกมา

ลู่เฟยพยักหน้า ไม่ว่าต้องชดใช้เท่าไหร่ เขาก็ยินดียอมรับ ขอแค่อย่าเหมือนโหจื่อ เอ่ยปากก็ขอหนึ่งแสนล้านหยวนก็พอ

เดินรอบรีสอร์ตไปสองรอบ โหจื่อพูดสนทนาตลอดทาง ส่วนลู่เฟยนั้นรับฟังตลอดทาง และเริ่มทนไม่ไหว และเวลานี้เอง โหจื่อพูดขึ้นว่า: “แม่งเอ๊ย หิวมาก เพิ่งจะนึกขึ้นได้ เช้านี้ฉันยังไม่ได้กินอาหารเช้าเลย สามมื้อต่อวัน มื้อเช้าสำคัญที่สุด ไป ฉันเลี้ยงนายกินอาหารเช้าเอง”

ลู่เฟยโกรธเล็กน้อย: “นายจะแกล้งฉันไปถึงไหน?

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท