แน่นอนลู่เฟยรู้ว่าโหจื่อต้องการให้เขาทำอะไร
ก็แค่ต้องการให้ขอโทษไม่ใช่เหรอ?
แต่ คุณชายของตระกูลลู่ทั้งคน เป็นบุคคลที่มีชาติตระกูลเหนือคนอื่น จะให้ขอโทษพนักงานเสิร์ฟร้านบาร์เหล้าอย่างงั้นเหรอ?
และลู่เฟยจะทำได้ยังไง?
ลู่เฟยก้มตัวลงไม่ได้ และก้มหัวไม่ได้เช่นกัน เขามองไปที่โหจื่อ แล้วพูดขึ้นว่า: “ไม่ต้องพูดอ้อมค้อม ฟังจากที่นายพูด นายก็แค่ต้องการเรียกร้องค่าชดใช้ให้เพื่อนรักของนายไม่ใช่เหรอ?นายพูดตัวเลขออกมาดีกว่า ขอแค่นายเอ่ยปาก ฉันสัญญาว่าจะไม่มีการต่อรองใดๆ เด็ดขาด”
“ขอแค่นายเอ่ยปาก ฉันสัญญาว่าจะไม่ต่อรองใดๆ เด็ดขาด?เคอๆ !”
โหจื่อหัวเราะเคอๆ พูดย้ำคำพูดของลู่เฟย จากนั้นพยักหน้า แล้วพูดขึ้นว่า: “ได้สิ ถ้าอย่างนั้นนายให้ฉันหนึ่งแสนล้านหยวนสิ”
หลังจากที่โหจื่อพูดจบ หันไปมองลู่เฟย ถามออกมาว่า: “จำนวนฉันบอกแล้ว นายบอกเองว่าจะไม่ต่อรองราคา แต่ว่า……นายให้ได้หรือเปล่า?”
“นายเรียกราคาสูงลิ่วขนาดนี้ มีคนเรียกราคาอย่างนายแบบนี้ด้วยเหรอ?ชีวิตของคนหนึ่งคนมีค่าเท่าไหร่เอง ฉันก็แค่ต่อยเพื่อนนาย นายขอฉันหนึ่งแสนเหรียญเลยเหรอ?ปรกติต่อยคนคนหนึ่ง ชดใช้ค่าเสียหายแค่หนึ่งพันหยวนก็เพียงพอแล้วมั้ง?” ลู่เฟยขมวดคิ้วแล้วพูดออกมา
“ไหนนายบอกว่าจะไม่ต่อรองราคาไง?เห้อ นายบอกนายไม่มีเงิน นายมาเสแสร้งเหี้ยอะไรกับฉัน ขายขี้หน้าที่สุด ถ้าจะให้พูด เมื่อกี้ฉันบอกนายแล้ว นายต่อยเพื่อนฉันบาดเจ็บขนาดนี้ ทำให้หน้าของเขาน่าเกลียดขนาดนั้น และอาจทำให้แฟนเขาไม่เอาเขาอีกก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้น ความสุขของเขาก็จะพังทลายสิ้น ความสุขตีค่าด้วยราคาไม่ได้ ฉันเรียกร้องนายหนึ่งแสนหยวน ความจริงแล้วยังไม่ได้ถามเพื่อนรักฉันด้วยซ้ำ ต้าเพิง นายว่าหนึ่งแสนหยวน ชดใช้น้อยไปไหม?” โหจื่อพูดจบ ส่งสายตาให้กับต้าเพิง
ต้าเพิงพยักหน้า แล้วพูดขึ้นว่า: “ก็ต้องน้อยอยู่แล้ว ความสุขของผม ประเมินด้วยราคาไม่ได้หรอก”
“นายต้องการจะเจรจาหรือไม่?” ลู่เฟยถามโหจื่อ
วิธีการของโหจื่อ เห็นได้ชัดว่ากำลังปั่นป่วนอยู่
โหจื่อพยักหน้า แล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันบอกแล้ว ขอโทษเพื่อนรักฉันก่อน จากนั้นค่อยเจรจาเรื่องชดใช้กัน”
“ออกมาหากิน ก็ต้องมีเกียรติ ชดใช้เท่าไหร่ไม่ว่ากัน แต่ต้องให้เกียรติก่อน ให้เพื่อนรัก
ของฉันได้รับเกียรติ” โหจื่อพูดขึ้นว่า: “ศักดิ์ศรีและเงิน ฉันเอาทั้งสองอย่าง ขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง พวก
เราก็ไม่จำเป็นต้องเจรจาต่ออีก”
“ฉันรู้ว่าลูกน้องของนายรออยู่ด้านนอกบาร์เหล้า คำพูดนายคำเดียว เพื่อนรักของฉันก็ไม่มีใครรอด แต่นายก็รู้ นายหาไม่เจอไอ้เฒ่า มีแต่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่หาเจอ” โหจื่อมองไปที่ลู่เฟย ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่: “นายอยู่ในกำมือของฉัน”
“ฉันปฏิเสธการขอโทษพนักงานเสิร์ฟ” ลู่เฟยพูดเย็นชาออกมา
“เคอๆ แสดงว่านายดูถูกฉัน?เมื่อกี้ฉันบอกนายแล้ว ฉันก็เป็นพนักงานเสิร์ฟเหมือนกัน”
โหจื่อยิ้ม แล้วพูดขึ้นว่า: “ในเมื่อนายดูถูกฉัน พวกเราก็ไม่มีอะไรต้องเจรจากันอีก นาย
อยากทำอะไรเชิญตามสบาย ถ้าแน่จริง นายก็ไปตามหาพ่อนายเอง ถ้านายสามารถ
ช่วยเหลือพ่อนายออกมาได้ ถือว่านายแน่มาก”
หลังจากที่โหจื่อพูดจบ หันกลับไป พูดกับไอหน้าหนวด: “ปิดรีสอร์ต ใครกล้าฝ่าเข้ามา
ให้ฉันฆ่าทิ้งได้เลย!”
ลู่เฟยตกตะลึง เขาไม่เคยเห็นคู่ต่อสู้ที่ดื้อรั้นเช่นนี้มาก่อน
แค่ไม่พอใจคำเดียวก็หยุดเจรจาเลยเหรอ?
แม่งเอ๊ย นี่มันคนแบบไหนกัน?
มีคนเจรจาแบบนายด้วยเหรอ?
แม่งเหี้ยเอ๊ยนี่ถ้าทำธุรกิจ แล้วสามารถเจรจาค้าขายสำเร็จได้ ถึงว่านายแน่มาก!
ลู่เฟยถอนหายใจแรงๆ ออกมา เรียกตัวโหจื่อไว้: “รอก่อน ได้ ฉันรับปาก ฉันขอโทษเพื่อนรักของนาย”
“เคอๆ คิดดูดีๆ แล้วใช่ไหม?ไม่เอาศักดิ์ศรีคุณชายของนายแล้วเหรอ?ฉันจะบอกนาย ทุกคนเสมอภาคกัน อย่าไปคิดว่าตัวเองสูงกว่าคนอื่น เข้าใจไหม?”
โหจื่อเหลือบไปมองลู่เฟย พูดขึ้นอย่างเหยียดหยาม: “อีกอย่างดูท่าทางของนายแล้ว รูปร่างก็ไม่ได้สูงเท่าไหร่หนิ่”
ลู่เฟยโทรวิดีโอคอลอีกครั้ง ครึ่งค่อนวันก็ไม่มีคนรับสาย และเมื่อรับสายขึ้นมา ฝ่ายตรงข้ามคนที่ปรากฏตัวขึ้นกลับเป็นอีกคน
“เหี้ยแม่ง เพื่นรักฉันหล่ะ?” โหจื่อด่าออกมาเสียงดัง: “ไอ้เหี้ย เอาโทรศัพท์ให้เพื่อนฉัน ได้ยินไหม?”
“พี่โหจื่อ พี่โหจื่อ ฉันอยู่นี่ ฉันถูกพวกมันตีอีกแล้ว” ต้าเพิงพูดเสียงสั่นเครือลุกขึ้นยืน แล้วพูดกับโหจื่อออกมา
และเมื่อคนคนนั้นจะลงมืออีก แต่ถูกลู่เฟยรีบห้ามไหม
“หยุดเดี๋ยวนี้”
ลู่เฟยพูดเย็นชาออกมา: “ฉันบอกแกแล้ว อย่าลงมือทำอะไรพวกเขาไม่ได้ยินหรือยังไง?”
“ฉันว่าพี่เฟย ตอนนี้พูดแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร?ดูสิ หน้าตาเพื่อนรักฉันน่าเกลียดไปหมดแล้ว ใบหน้านี้ ถูกลูกน้องของนายต่อยจนเป็นหัวหมูไปแล้ว ช่างมันเหอะ มา นายมาพูดขอโทษเพื่อนรักฉันก่อน จากนั้นฉันจะบอกนายเอง ว่าควรทำยังไงต่อ ” โหจื่อยื่นหน้ากล้องไปหาลู่เฟย
สีหน้าของลู่เฟยดิ่งลง พูดขึ้นกับต้าเพิงว่า: “พี่ชาย ขอโทษด้วย”
“เคอๆ อันนี้คือการขอโทษ หรือข่มขู่พี่เพื่อนรักฉันกันแน่ มีคนขอโทษแบบนายด้วยเหรอ?ใบหน้าของนาย อย่าดุแบบนี้ได้ไหม ?” โหจื่อพูดขึ้นกับลู่เฟย: “มา ตั้งเค้าอารมณ์อีกครั้ง แล้วพูดอีกครั้งสิ”
ลู่เฟยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง อย่างไรก็ตามพ่อของเขาอยู่ในมือโหจื่อ และโหจื่อคนนี้ ดูแล้วเหมือนคนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงอีกด้วย
เมื่อต้องเผชิญกับคนแบบนี้ สิ่งที่ลู่เฟยทำได้ก็คือยอมประนีประนอมด้วย ถ้าไม่ทำเช่นนั้น เขาไม่กล้าคิดว่าเรื่องราวจะกลายไปเป็นแบบไหน
ถ้าเกิดพ่อของเขาเป็นอะไรขึ้นว่า จะกลายเป็นเรื่องใหญ่
ลู่เฟยตั้งเค้าอารมณ์สักพัก แล้วพูดขึ้นอย่างจริงใจว่า: “พี่ชาย ขอโทษด้วย เป็นความผิดฉันเอง เดี๋ยวฉันให้คนส่งพี่ชายไปโรงพยาบาลเอง”
“ครั้งนี้ใช้ได้ มา คนที่ตีเพื่อนรักฉันเมื่อกี้ เรียกเขามาหาเพื่อนรักฉัน คุกเข่าแล้วขอโทษ” โหจื่อพูดออกมา
สายตาของลู่เฟย ถลึงโต จ้องเขม็งขึ้นมาทันที
“เกินไปแล้วมั้ง?” ลู่เฟยมองไปที่โหจื่อ พูดเสียงเย็นชาออกมา
ครั้งนี้ คนที่ลู่เฟยพามา ล้วนแต่เป็นคนเก่งมีฝีมือ ไม่ใช่หมูหมากาไก่ทั่วไป
โหจื่อหัวเราะเคอๆ แล้วพูดขึ้น: “ลูกน้อง ก็ควรทำตัวเหมือนลูกน้อง ให้เขาคุกเข่าให้เพื่อนรักฉันจะเป็นอะไรไป?ถ้าฉันอยู่ที่บาร์เหล้า ฉันยิงไอ้เหี้ยนี้ทิ้งไปแล้ว”
“ตอนนี้ให้เขาแค่คุกเข่าขอโทษ ถือว่ากำไรเขามากแล้ว”
โหจื่อมองไปที่ต้าเพิงแล้วพูดขึ้นว่า: “ต้าเพิงเป็นเพื่อนของฉันโหจื่อ และฉันโหจื่อเป็นคนรักเพื่อน ทุกคนที่เป็นเพื่อนฉัน ฉันไม่ปล่อยให้พวกเขาต้องรู้สึกน้อยใจเด็ดขาด”
“คนที่ตีเพื่อนฉัน รีบคุกเข่าขอโทษเพื่อนรักของฉันซะ”
โหจื่อพูดเย็นชาออกมา: “นายสามารถปฏิเสธได้ แต่นายจำไว้ ถ้านายไม่ทำตาม ไม่ว่าไกลสุดขอบฟ้าแค่ไหน หรือหนีไปที่ใด ฉันโหจื่อ ก็จะตามไปฆ่านายถึงที่นั่น”
หลังจากที่โหจื่อพูดจบ สายตาจ้องมองไปที่ชายคนนั้น
ลู่เฟยตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ให้ลูกน้องของตัวเองคุกเข่ากับพนักงานเสิร์ฟ การกระทำนี้อาจทำให้ต้องสูญเสียความภักดีของลูกน้องก็เป็นได้
แต่ดูจากท่าทางของโหจื่อแล้ว ถ้าไม่ทำตามที่เขาสั่ง โหจื่อคงไม่ให้เขาเจอหน้าของท่านลู่แน่
“ลูกพี่ใหญ่ ไม่ต้องลำบากใจ ฉันยอมคุกเข่า” อีกฝ่ายหัวเราะเคอๆ คุกเข่าลงไปตรงหน้าต้าเพิง ยิ้มแล้วขอโทษ
หลังจากที่ขอโทษเสร็จแล้ว มองไปที่โหจื่อ: “เป็นยังไง OKหรือยัง?”
“ได้ ใช่ได้” โหจื่อพยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นมองไปที่ลู่เฟยแล้วพูดขึ้นว่า: “ดูแล้วลูกน้องของนาย รู้กาลเทศะกว่านายอีก”
“พอแล้ว มาคุยเรื่องชดใช้กันต่อดีกว่า” โหจื่อพูดออกมา
“สิบล้านหยวน เป็นไง?” โหจื่อถามออกมาอย่างจริงจัง
“สิบล้านหยวน ?” ลู่เฟยกัดฟัน
สิบล้านหยวนสำหรับลู่เฟยไม่ถือว่ามาก แต่ที่บาร์เหล้าพนักงานเยอะขนาดนั้น คนละสิบล้านหยวน ถึงแม้จะเป็นตระกูลลู่ ก็คงรับไม่ค่อยไหว
ลู่เฟยขมวดคิ้ว แล้วพูดขึ้นว่า: “ลดหน่อยได้ไหม?คนละหนึ่งล้าน น่าจะเยอะพอแล้ว”
“อะไรนะ เอ่ยปากก็หนึ่งล้านหยวน แผลบนใบหน้าของเพื่อนรักฉัน เป็นแค่แผลภายนอก ชดเชยหนึ่งล้านหยวน บ้าไปแล้วเหรอ?เดี๋ยวนายก็ฟ้องว่าฉันแบล็กเมล์อีก ห่าๆ ฉันว่าหนึ่งพัน หมายถึงหนึ่งพันหยวน”
โหจื่อหัวเราะเคอๆ ออกมา: “เพื่อนรัก หนึ่งพันพอไหม?ถ้าไม่พอ ฉันให้เขาเพิ่มอีกห้าร้อยให้นาย”
“พี่โหจื่อ พี่ตัดสินใจก็แล้วกัน แต่ถ้าได้เพิ่มอีกห้าร้อย กลับมาเพื่อนรักคนนี้เลี้ยงพี่ดื่มเหล้า” ฝั่งตรงข้ามต้าเพิงพูดออกมา
เมื่อกี้โหจื่อช่วยกู้หน้าเขาไว้ ไม่เพียงแต่ลู่เฟยที่เป็นลูกพี่ใหญ่ขอโทษเขาด้วยตัวเอง คนที่ตีเขา ยังคุกเข่าลงไปให้เขา ถึงแม้จะไม่ชดใช้เงินให้ ความโกรธแค้นของต้าเพิง ก็ระบายออกมาหมดแล้ว
โหจื่อหัวเราะเคอๆ แล้วพูดขึ้นว่า: “ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้”
พูดจบ โหจื่อหันไปหาลู่เฟยแล้วพูดขึ้นว่า: “เพิ่มให้เพื่อนรักฉันอีกห้าร้อย เป็นพันห้าร้อยเป็นยังไง”
ลู่เฟยพยักหน้า พูดอะไรไม่ออก?
โหจื่อยื่นโทรศัพท์ไปให้ลู่เฟย แล้วพูดขึ้นว่า: “โทรศัพท์ฉันชาร์จแบตเรียบร้อยแล้ว ที่นี่มีไวไฟดังนั้นนายไม่ต้องกังวลว่าจะค้างค่าโทร และไม่ต้องกังวลจะปิดเครื่อง ค่อยๆ ขอโทษเพื่อนรักพวกนี้ของฉัน อีกอย่าง คนที่บาดเจ็บหนัก ก็เพิ่มเงินให้สองสามพัน บาดเจ็บน้อย ให้พันห้าก็พอ”
“พระอาทิตย์ขึ้นละ ฉันไปหาที่ร่มเย็นพักผ่อนสักครู่ นายขอโทษเสร็จ ค่อยมาหาฉัน ฉันจะพานายไปหาไอเฒ่าพ่อของนาย” โหจื่อพูดจบ ยื่นโทรศัพท์ไปให้ลู่เฟย แล้วไปหาหลี่ฝางกับไอ้หน้าหนวด
สีหน้าของลู่เฟยไม่สู้ดีนัก ถึงแม้ในใจจะหดหู่ แต่เพื่อพ่อของตัวเองแล้ว จำเป็นต้องทำตาม
ขอโทษทีละคนๆ จากนั้น ชดใช้เงินให้
เวลาผ่านไปประมาณสิบกว่านาที ลู่เฟยเดิมเข้ามาหา ยื่นโทรศัพท์คืนให้โหจื่อ แล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันขอโทษแล้ว แล้วส่งพวกเขาไปโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ลูกน้องฉันก็ได้กลับไปแล้ว เป็นยังไง ตอนนี้พาฉันไปเจอพ่อฉันได้หรือยัง?”
“ทำแบบนี้ถึงจะถูก จะเจรจากับพวกเรา ต้องยอมก้มหัวตัวเองก่อน อย่าทำตัวสูงส่งกว่าคนอื่น จำไว้ ตอนนี้คนที่ถือไพ่เหนือกว่าคือพวกเรา สามารถพูดจาเสียงดังได้ และหยิ่งยโสได้ คนที่สามารถยื่นข้อเสนอไปเรื่อยได้ คือพวกเรา ไม่ใช่นาย”
โหจื่อมองไปที่ลู่เฟยแล้วพูดขึ้นว่า: “เข้าใจฐานะของตัวเอง และรู้ว่าตัวเองควรทำตัวยังไง”
หลังจากที่โหจื่อพูดจบ ส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า: “ถ้านายยังใช้วิธีทำตัวเหมือนคุณชายให้ฉันดูอีก นายทำยังไง ฉันก็จะทำคืนแบบนั้น ฉันรับรองว่านายหาพ่อของนายไม่เจอแน่นอน”
“ไปกัน ไปเดินเล่นที่รีสอร์ตของพวกเรากัน ข้างในบรรยากาศดีมาก” โหจื่อพูด: “ฉันพานายไปชื่นชมบรรยากาศสักรอบ”
เดินไปด้วย โหจื่อแนะนำไปด้วย: “แนะนำให้นายรู้จัก คนนี้คือไอ้หน้าหนวด เป็นเพื่อนของฉัน เมื่อก่อนเป็นคนดังคนหนึ่งในสังคมเลย แต่ตอนนี้ไม่ใช่ละ ถูกคนอื่นบีบลงมาละ”
มองเห็นลู่เฟยไม่ได้สนใจ โหจื่อขมวดคิ้ว: “ทำไม นายหูหนวกหรือไง?ฉันแนะนำเพื่อนฉันให้นายรู้จัก นายแกล้งขรึมทำไม รีบยื่นมือออกมา แล้วมาจับมือกับเพื่อนฉันซะ”
ลู่เฟยขมวดคิ้วและพูดอะไรไม่ออก จากนั้นยื่นมือออกไปอย่างช่วยไม่ได้ และจับมือกับไอ้หน้าหนวด แต่ไอ้หน้าหนวดกลับไม่สนใจเขาเลย
“ดูแล้วเพื่อนรักฉันไม่อยากรู้จักนาย และไม่อยากเป็นเพื่อนกับนาย”
โหจื่อหัวเราเหะๆ จากนั้นใช่คางชี้ไปที่หลี่ฝาง แล้วพูดขึ้นว่า: “ส่วนคนนี้ เป็นเถ้าแก่ของฉัน เป็นเจ้าของรีสอร์ต และเป็นเถ้าแก่ของบาร์เหล้าด้วย เมื่อกี้นายทำลายบาร์เหล้าของเถ้าแก่ฉัน สำหรับเงินจะชดเชยเท่าไหร่นั้น เดี๋ยวนายไปเจรจากับเถ้าแก่ฉันก็แล้วกัน”
“นายเป็นลูกชายของหลอซ่าเหรอ?” มองดูใบหน้าที่ธรรมดาของหลี่ฝางแล้ว ลู่เฟยยิ้มเหยียดออกมา: “ฉันทำลายบาร์เหล้าของนาย รอให้เสร็จธุระแล้ว ฉันจะชดใช้ค่าเสียหายให้ทั้งหมด วางใจได้”
“ไม่เพียงแต่ชดใช้ค่าเสียหายเท่านั้น นายกระทบธุรกิจฉัน จะชดใช้ยังไง?” หลี่ฝางหรี่ตาลงแล้วยิ้ม: “ถึงแม้ฉันจะไม่ขาดเงิน แต่คนอย่างฉันก็ไม่ชอบถูกเอาเปรียบ”
“เดี๋ยวฉันจะให้คนที่บาร์เหล้าคำนวณรายละเอียดค่าเสียหายที่ต้องชดใช้ แล้วส่งไปให้ตระกูลลู่” หลี่ฝางพูดออกมา
ลู่เฟยพยักหน้า ไม่ว่าต้องชดใช้เท่าไหร่ เขาก็ยินดียอมรับ ขอแค่อย่าเหมือนโหจื่อ เอ่ยปากก็ขอหนึ่งแสนล้านหยวนก็พอ
เดินรอบรีสอร์ตไปสองรอบ โหจื่อพูดสนทนาตลอดทาง ส่วนลู่เฟยนั้นรับฟังตลอดทาง และเริ่มทนไม่ไหว และเวลานี้เอง โหจื่อพูดขึ้นว่า: “แม่งเอ๊ย หิวมาก เพิ่งจะนึกขึ้นได้ เช้านี้ฉันยังไม่ได้กินอาหารเช้าเลย สามมื้อต่อวัน มื้อเช้าสำคัญที่สุด ไป ฉันเลี้ยงนายกินอาหารเช้าเอง”
ลู่เฟยโกรธเล็กน้อย: “นายจะแกล้งฉันไปถึงไหน?