“นายคิดว่าฉันทำอะไรนายไม่ได้จริงๆ ใช่ไหม?”
ลู่เฟยมองไปที่โหจื่อ ใบหน้าเย็นชาแล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันก็แค่ไม่อยากให้เลือดไหลออกมาเป็นลำธารเท่านั้นเอง”
“เลือดไหลออกมาเป็นลำธารเหรอ?เคอๆ ถ้าเลือดไหลออกมาเป็นลำธาร เลือดที่อยู่ในลำธารนั้น ก็ต้องมีเลือดของพ่อนายรวมอยู่ด้วย” โหจื่อยิ้มจางๆ พูดออกมา: “ถ้านายอยากทำ ก็ทำแบบนั้นได้”
“แต่นายไม่ต้องเอาเพื่อนร่วมงานเหล่านั้นมาข่มขู่ฉัน เพราะไม่มีประโยชน์อะไร ฉันกับพวกเขาเป็นแค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้น ไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไร” โหจื่อยิ้มแล้วพูดออกมา
“ไม่มีความสัมพันธ์ แล้วนายยังออกหน้าช่วยพวกเขาา?” ลู่เฟยมองโหจื่อด้วยสายตาสงสัย
“เคอๆ ฉันไม่ได้ช่วยพวกเขาออกหน้า ฉันแค่หลอกใช้พวกเขา มาดัดนิสัยนายก็เท่านั้นเองถ้านายไม่เชื่อ นายไปสอบถามดูก็ได้ ฉันเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศได้ไม่นาน รู้จักพวกเขายังไม่เกินสองเดือน ระยะเวลาสองเดือน ความสัมพันธ์ลึกซึ้งถึงไหนได้?ถึงแม้นายจะฆ่าพวกเขาทั้งหมด ฉันก็ไม่เป็นไร เพราะว่า ฉันจะช่วยพวกเขาแก้แค้น”
“แน่นอน ถ้านายต้องการข่มขู่ฉัน ฉันมีอาจารย์สองคน คนหนึ่งชื่อเมี๋ยวชุ่ย คนหนึ่งชื่อส้าวส้วย และยังมีเพื่อนอีกหลายคน ร้านกาแฟตรงข้ามมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ ผู้จัดการร้านที่ชื่อหลิงหลง และเจ้ารองเฉียน ลูกพี่ใหญ่ของฉันหลอซ่า ขอแค่นายจับตัวพวกเขาได้ สามารถมาหาฉัน หนึ่งชีวิตแลกหนึ่งชีวิต”
โหจื่อหรี่ตาลงยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า: “แน่นอน ถ้านายมีความสามารถแล้วหล่ะก็”
“ไปกันเถอะ เถ้าแก่ ไอ้หน้าหนวด ในเมื่อคุณลู่เขาไม่หิว ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปกินกันเถอะ” โหจื่อยิ้ม แล้วก้าวเดินออกไป มุ่งหน้าเดินเข้าไปที่ร้านอาหารของรีสอร์ต
เวลานี้ ความอดทนของลู่เฟย ได้ถูกโหจื่อทำลายจนหมดสิ้นไปนานแล้ว
ความจำของลู่เฟยดีใช้ได้เลย คนเหล่านั้นที่เมื่อกี้โหจื่อได้เอ่ยถึง เขาจำมันไว้หมดแล้ว เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา พูดกับอีกฝั่งที่อยู่ในโทรศัพท์ว่า: “ช่วยฉันตรวจสอบหน่อย คนที่มีสรรพนามชื่อโหจื่อ ตรวจดูว่าเขามีครอบครัวไหม ญาติ เพื่อนต่างๆ อีกอย่าง มีผู้หญิงที่ชื่อเมี๋ยวชุ่ย ตรวจสอบดู แล้วยังมีร้านกาแฟที่อยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ ไม่ว่าใช้วิธีใด ลักพาตัวมาที่รีสอร์ตนี้ให้ได้ แต่จำไว้ข้อหนึ่ง อย่าทำร้ายชีวิตพวกเขา”
หลังจากพูดจบ ลู่เฟยเดินไปหาโหจื่อ
เวลานี้ ใบหน้าของลู่เฟยมีรอยยิ้มพูดขึ้นมา
“รบกวนให้โจ๊กฉันถ้วยหนึ่ง” หลังจากที่ลู่เฟยนั่งลงแล้ว พูดขึ้นมาอย่างใจเย็น
โหจื่อเหลือบไปมองลู่เฟย แล้วพูดขึ้นว่า: “ทำไม ไม่รีบแล้วเหรอ?”
“เคอๆ ช่างเหอะ ถึงแม้ฉันจะรีบ แล้วมีประโยชน์อะไร ฉันยิ่งรีบ ความสามารถด้านการคิด ก็ยิ่งต่ำ ในเมื่อฉันมาถึงถิ่นของนายแล้ว ก็ค่อยๆ ใช้เวลากับนายก็แล้วกัน ถึงยังไง ฉันเชื่อว่านายคงไม่โง่ถึงกับทำร้ายพ่อของฉันหรอก พ่อฉันแค่ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้เท่านั้นเอง”
“ก็เหมือนอย่างที่นายพูด บรรยากาศที่นี่ดีมาก พ่อของฉันพักที่นี่สามสี่วัน ก็ไม่เลว ส่วนฉันนั้น แต่ละวันยุ่งจะตาย ก็ถึงเวลาที่ควรพักผ่อน”
มองไปที่โหจื่อ ลู่เฟยพูดขึ้นว่า: “หรือว่าหลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ นายไปเดินเป็นเพื่อนฉันอีกสองรอบสิ”
“ได้ ไม่มีปัญหา”
โหจื่อพยักหน้า พูดขึ้นว่า: “ฉันเดินไปเพื่อนนายเองรอบก็ได้”
ตอนที่พูดนั้น โหจื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วแอบส่งข้อความให้หลิงหลง ให้เขาระวังตัวหน่อย
เมื่อหลิงหลงได้รับข้อความ รถหลานคันก็ปรากฏขึ้นหน้าประตู แล้วไม่นานนัก ก็มีคนลงมาจากรถกลุ่มหนึ่ง คนกลุ่มนี้ใส่ชุดสูทร์ แว่นดำ แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี
พวกเขาเดินตรงเข้าไปที่ร้านกาแฟ แล้วกวาดมองดูคนที่อยู่ในร้านกาแฟ
เวลานี้เป็นเวลาเที่ยงพอดี พอดีกับนักเรียนของมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่เลิกเรียน คู่รักส่วนใหญ่ต่างชอบมาดื่มกาแฟที่นี่ พูดคุยกัน พลอดรักกัน
“เคลียร์พื้นที่”
ชายวัยกลางคน เอ่ยเสียงเย็นชาออกมา
และคนข้างหลังเขา เริ่มเดินเข้าหาลูกค้าที่อยู่ในร้าน ทันที
“พวกนายเป็นใคร ทำไมพวกเราต้องออกไป?”
“ใช่ กาแฟของพวกเรายังไม่ได้ดื่มเลย ทำไมพวกเราต้องยกที่นั่งให้พวกนายด้วย?”
นักเรียนพวกนี้ ไม่มีใครสนใจ และหลังจากได้ยินมีค่าชดใช้ ก็มีบางคนออกไปอย่างเต็มใจ
แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่สนใจเงิน ตะโกนเสียงดังออกมาต่อหน้าแฟนของพวกเขา
“แม่ง มีเงินนึกว่าวิเศษมากเหรอนี่มันสังคมยุคไหนแล้ว มีเงินก็นึกว่าเป็นพระเจ้าเหรอ!”
“นั่นหน่ะสิ ฉันว่าพวกนายอย่าเสียเวลาเลย อากาศร้อนอย่างนี้ยังใส่ชุดสูทร์อีก นึกว่าเป็นเศรษฐีบ้านนอกหรือไง”
“ฉันว่าคนพวกนี้ต้องชอบเจ้าของร้านหลิงหลงแน่เลย ถ้าพวกเราออกไป พี่หลิงหลงต้องถูกพวกเขาบังคับฝืนใจแน่เลย ฉะนั้น พวกเราออกไปไม่ได้”
เสน่ห์ของหลิงหลงที่อยู่ที่นี่ พูดได้เลย ว่ามีไม่น้อยเลยทีเดียว
ช่วงนี้ มีทายาทเศรษฐีมาที่ร้านกาแฟบ่อยๆ ก็เพื่อให้ได้คุยกับเจ้าของร้านสองสามคำแค่นั้น
แน่นอนก็มีเศรษฐีบ้านนอกมาเหมาที่นั่งทั้งร้าน และเมื่อเหมาก็เหมาทั้งวัน จากนั้นก็ไปตอแยหลิงหลง แต่หลิงหลงนั้นไม่แยแสเศรษฐีบ้านนอกพวกนี้เลย ดังนั้น จึงทำให้เศรษฐีพวกนี้เลิกตอแยไป
ชายแสกผมคนนี้ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย พูดออกมาตามตรงว่า: “ใช่กำลังเคลียร์สถานที่ ลงมือ”
พูดก่อน ค่อยลงมือ
คนพวกนี้ ไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว
พวกเขาเป็นไพ่คิงค์ของตระกูลลู่
และถือว่าเป็นหัวใจหลักของตระกูลลู่
คนพวกนี้ ยโสและหยาบคายมาก
“ในเมื่อพวกนายไม่ยอมออกไปดีๆ ถ้าอย่างนั้นคงต้องให้พวกนายลิ้มลองรสชาติหมัดของฉันสักหน่อยแล้ว” ชายร่างเสียงหัวเราะเย็นชาแล้วพูดออกมา จากนั้นดึงคอเสื้อของนักเรียนขึ้นมา จากนั้นลากตัว และโยนออกไปนอกร้านกาแฟ
และคนที่เหลือ ก็ใช้วิธีเดียวกัน โยนพวกเขาออกไปนอกร้านกาแฟ
พลังของคนพวกนี้เยอะมาก เวลาดึงตัวนักเรียนขึ้นมา เสมือนดึงไก่เจี๊ยบตัวหนึ่ง มองไปเหมือนไม่ได้ใช้แรงอะไรเลย
“เหี้ยแม่ง ทำฉันเจ็บจะตายแล้ว คนพวกนี้เป็นใคร กลางวันแสกๆ ก็ลงมือตีคน ยังมีกฎหมายอยู่อีกไหม ไม่ได้ ฉันจะโทรหาพี่หู ให้พี่หูสั่งสองพวกมัน”
นักเรียนของมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ มีคนที่มีฐานะไม่ธรรมดาอยู่น้อย
ชายแสกผม หลังจากที่โยนผู้ชายออกไปแล้ว ผู้หญิงพวกนั้น ต่างพากันตกใจแล้ววิ่งออกไป
และในเวลานี้ หลิงหลงได้หยุดชงกาแฟ เธอเงยหน้าขึ้นช้าๆ มองไปที่ผู้ชายแสกผมกลาง ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า: “กี่ท่าน มาดื่มกาแฟหรือมาพังร้าน?”
หลิงหลงพูดเสียงเหยียดออกมา: “ถ้าจะมาพังร้าน รังแกคนมากเกินไปไหม ฉันผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง ทำธุรกิจไม่ใช่ง่ายๆ เลย”
“ขอถามหน่อย คุณเป็นผู้จัดการร้านของร้านกาแฟนี้ใช่ไหม?” ชายแสกผมมองไปที่หลิงหลง แล้วถามออกมา
หลิงหลงส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า: “ไม่ใช่”
“ผู้จัดการร้านหล่ะ?” ชายแสกผมขมวคิ้วเข้าหากัน: “ฉันมีเรื่องต้องคุยกับผู้จัดการร้าน เชิญเธอออกมาหน่อย”
“ผู้จัดการร้าน ออกไปทำงานข้างนอกแล้ว”
หลิงหลงส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า: “ต้องขอโทษด้วย พวกคุณมาไม่ถูกเวลา ผู้จัดการร้านไปสถานที่ที่ไกลมาก เกรงว่าคงจะไม่ได้กลับมาภายในสามหรือห้าวันนี้”
“ใช่เหรอ?ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณไปกับเราด้วย” เมื่อเห็นปฏิกิริยาของหลิงหลงที่ใจเย็นแบบนี้ ชายแสกผมรู้ได้ทันที ว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงนี้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่นอน
และในเวลานี้เอง ขณะที่ชายแสกผม กำลังเตรียมตัวลงมือนั้น มีคนวิ่งเข้ามาจากข้างนอกอย่างรีบด่วน
ในมือของเขาถือดอกกุหลาบสีขาวช่อหนึ่ง วิ่งเข้ามาหาหลิงหลง
“สาวสวย คุณเจอคนร้ายใช่ไหม?”
“ช่างพอเหมาะพอดีเลย ผมเพิ่งออกจากโรงพยาบาล เพิ่งได้ข่าวรู้ว่าคุณอยู่ไหน คุณก็เจอกับเคราะห์ร้ายทันที” ฉินจื่อยี่พูดออกมาอย่างตื่นเต้น
ในเป็นโอกาสที่ฮีโร่ช่วยเหลือสาวงาม ฉินจื่อยี่ไม่ปล่อยไม่โอกาสหลุดลอยไปอยู่แล้ว
“ฉันว่าพวกนาย เป็นใครเหรอ กลางวันแสกๆ ทำตัวเป็นพวกอิทธิพลมืด รีบไสหัวออกไปได้ยินไหม ถ้ายังไม่ไสหัวออกไปอีก เดี๋ยวฉันหาคนมาจับพวกแกทั้งหมดนี้เลย” ฉินจื่อยี่ขมวดคิ้ว มองไปที่ชายแสกผมแล้วพูดออกมา
ชายแสกผมมองไปที่ฉินจื่อยี่ ถามออกมาว่า: “เคอๆ จับพวกเราเหรอ?”
“คุณช่างเก่งจริงๆ”
ฉินจื่อยี่อารมณ์เสียขึ้นมาทันที เพราะว่าเขาเป็นถึงคุณชายของตระกูลฉิน ผู้คนที่อยู่ถนนในตัวเมืองจังหวัดนี้ มีใครบ้างที่ไม่ให้เกียรติเขา?
“เคอๆ รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?ฉันจะบอกนาย ฉันชื่อฉินจื่อยี่ คุณชายใหญ่ตระกูลฉิน เถ้าแก่ร้านกาแฟร้านนี้ เป็นเพื่อนกับฉัน ฉันไม่สนว่านายเป็นลูกน้องใคร และไม่สนมาเพื่อเก็บค่าคุ้มครอง หรือจะมาหาเศษก็ช่าง โทรศัพท์หาลูกพี่ใหญ่ของนาย ถามเขาว่ารู้จักฉันไหม?”
โรคหลงตัวเองของฉินจื่อยี่กำเริบอีกแล้ว ชายแสกผมมองไปที่ฉินจื่อยี่แล้วพูดขึ้นว่า: “คือตระกูลฉินในเมืองหลวงนี้เหรอ?”
“ทำไม ยังมีตระกูลฉินตระกูลที่สองในเมืองหลวงนี้ด้วยเหรอ?