NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 670 ปัญหาของหลิงหลง

บทที่ 670 ปัญหาของหลิงหลง

“นายคิดว่าฉันทำอะไรนายไม่ได้จริงๆ ใช่ไหม?”

ลู่เฟยมองไปที่โหจื่อ ใบหน้าเย็นชาแล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันก็แค่ไม่อยากให้เลือดไหลออกมาเป็นลำธารเท่านั้นเอง”

“เลือดไหลออกมาเป็นลำธารเหรอ?เคอๆ ถ้าเลือดไหลออกมาเป็นลำธาร เลือดที่อยู่ในลำธารนั้น ก็ต้องมีเลือดของพ่อนายรวมอยู่ด้วย” โหจื่อยิ้มจางๆ พูดออกมา: “ถ้านายอยากทำ ก็ทำแบบนั้นได้”

“แต่นายไม่ต้องเอาเพื่อนร่วมงานเหล่านั้นมาข่มขู่ฉัน เพราะไม่มีประโยชน์อะไร ฉันกับพวกเขาเป็นแค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้น ไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไร” โหจื่อยิ้มแล้วพูดออกมา

“ไม่มีความสัมพันธ์ แล้วนายยังออกหน้าช่วยพวกเขาา?” ลู่เฟยมองโหจื่อด้วยสายตาสงสัย

“เคอๆ ฉันไม่ได้ช่วยพวกเขาออกหน้า ฉันแค่หลอกใช้พวกเขา มาดัดนิสัยนายก็เท่านั้นเองถ้านายไม่เชื่อ นายไปสอบถามดูก็ได้ ฉันเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศได้ไม่นาน รู้จักพวกเขายังไม่เกินสองเดือน ระยะเวลาสองเดือน ความสัมพันธ์ลึกซึ้งถึงไหนได้?ถึงแม้นายจะฆ่าพวกเขาทั้งหมด ฉันก็ไม่เป็นไร เพราะว่า ฉันจะช่วยพวกเขาแก้แค้น”

“แน่นอน ถ้านายต้องการข่มขู่ฉัน ฉันมีอาจารย์สองคน คนหนึ่งชื่อเมี๋ยวชุ่ย คนหนึ่งชื่อส้าวส้วย และยังมีเพื่อนอีกหลายคน ร้านกาแฟตรงข้ามมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ ผู้จัดการร้านที่ชื่อหลิงหลง และเจ้ารองเฉียน ลูกพี่ใหญ่ของฉันหลอซ่า ขอแค่นายจับตัวพวกเขาได้ สามารถมาหาฉัน หนึ่งชีวิตแลกหนึ่งชีวิต”

โหจื่อหรี่ตาลงยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า: “แน่นอน ถ้านายมีความสามารถแล้วหล่ะก็”

“ไปกันเถอะ เถ้าแก่ ไอ้หน้าหนวด ในเมื่อคุณลู่เขาไม่หิว ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปกินกันเถอะ” โหจื่อยิ้ม แล้วก้าวเดินออกไป มุ่งหน้าเดินเข้าไปที่ร้านอาหารของรีสอร์ต

เวลานี้ ความอดทนของลู่เฟย ได้ถูกโหจื่อทำลายจนหมดสิ้นไปนานแล้ว

ความจำของลู่เฟยดีใช้ได้เลย คนเหล่านั้นที่เมื่อกี้โหจื่อได้เอ่ยถึง เขาจำมันไว้หมดแล้ว เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา พูดกับอีกฝั่งที่อยู่ในโทรศัพท์ว่า: “ช่วยฉันตรวจสอบหน่อย คนที่มีสรรพนามชื่อโหจื่อ ตรวจดูว่าเขามีครอบครัวไหม ญาติ เพื่อนต่างๆ อีกอย่าง มีผู้หญิงที่ชื่อเมี๋ยวชุ่ย ตรวจสอบดู แล้วยังมีร้านกาแฟที่อยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ ไม่ว่าใช้วิธีใด ลักพาตัวมาที่รีสอร์ตนี้ให้ได้ แต่จำไว้ข้อหนึ่ง อย่าทำร้ายชีวิตพวกเขา”

หลังจากพูดจบ ลู่เฟยเดินไปหาโหจื่อ

เวลานี้ ใบหน้าของลู่เฟยมีรอยยิ้มพูดขึ้นมา

“รบกวนให้โจ๊กฉันถ้วยหนึ่ง” หลังจากที่ลู่เฟยนั่งลงแล้ว พูดขึ้นมาอย่างใจเย็น

โหจื่อเหลือบไปมองลู่เฟย แล้วพูดขึ้นว่า: “ทำไม ไม่รีบแล้วเหรอ?”

“เคอๆ ช่างเหอะ ถึงแม้ฉันจะรีบ แล้วมีประโยชน์อะไร ฉันยิ่งรีบ ความสามารถด้านการคิด ก็ยิ่งต่ำ ในเมื่อฉันมาถึงถิ่นของนายแล้ว ก็ค่อยๆ ใช้เวลากับนายก็แล้วกัน ถึงยังไง ฉันเชื่อว่านายคงไม่โง่ถึงกับทำร้ายพ่อของฉันหรอก พ่อฉันแค่ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้เท่านั้นเอง”

“ก็เหมือนอย่างที่นายพูด บรรยากาศที่นี่ดีมาก พ่อของฉันพักที่นี่สามสี่วัน ก็ไม่เลว ส่วนฉันนั้น แต่ละวันยุ่งจะตาย ก็ถึงเวลาที่ควรพักผ่อน”

มองไปที่โหจื่อ ลู่เฟยพูดขึ้นว่า: “หรือว่าหลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ นายไปเดินเป็นเพื่อนฉันอีกสองรอบสิ”

“ได้ ไม่มีปัญหา”

โหจื่อพยักหน้า พูดขึ้นว่า: “ฉันเดินไปเพื่อนนายเองรอบก็ได้”

ตอนที่พูดนั้น โหจื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วแอบส่งข้อความให้หลิงหลง ให้เขาระวังตัวหน่อย

เมื่อหลิงหลงได้รับข้อความ รถหลานคันก็ปรากฏขึ้นหน้าประตู แล้วไม่นานนัก ก็มีคนลงมาจากรถกลุ่มหนึ่ง คนกลุ่มนี้ใส่ชุดสูทร์ แว่นดำ แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี

พวกเขาเดินตรงเข้าไปที่ร้านกาแฟ แล้วกวาดมองดูคนที่อยู่ในร้านกาแฟ

เวลานี้เป็นเวลาเที่ยงพอดี พอดีกับนักเรียนของมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่เลิกเรียน คู่รักส่วนใหญ่ต่างชอบมาดื่มกาแฟที่นี่ พูดคุยกัน พลอดรักกัน

“เคลียร์พื้นที่”

ชายวัยกลางคน เอ่ยเสียงเย็นชาออกมา

และคนข้างหลังเขา เริ่มเดินเข้าหาลูกค้าที่อยู่ในร้าน ทันที

“พวกนายเป็นใคร ทำไมพวกเราต้องออกไป?”

“ใช่ กาแฟของพวกเรายังไม่ได้ดื่มเลย ทำไมพวกเราต้องยกที่นั่งให้พวกนายด้วย?”

นักเรียนพวกนี้ ไม่มีใครสนใจ และหลังจากได้ยินมีค่าชดใช้ ก็มีบางคนออกไปอย่างเต็มใจ

แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่สนใจเงิน ตะโกนเสียงดังออกมาต่อหน้าแฟนของพวกเขา

“แม่ง มีเงินนึกว่าวิเศษมากเหรอนี่มันสังคมยุคไหนแล้ว มีเงินก็นึกว่าเป็นพระเจ้าเหรอ!”

“นั่นหน่ะสิ ฉันว่าพวกนายอย่าเสียเวลาเลย อากาศร้อนอย่างนี้ยังใส่ชุดสูทร์อีก นึกว่าเป็นเศรษฐีบ้านนอกหรือไง”

“ฉันว่าคนพวกนี้ต้องชอบเจ้าของร้านหลิงหลงแน่เลย ถ้าพวกเราออกไป พี่หลิงหลงต้องถูกพวกเขาบังคับฝืนใจแน่เลย ฉะนั้น พวกเราออกไปไม่ได้”

เสน่ห์ของหลิงหลงที่อยู่ที่นี่ พูดได้เลย ว่ามีไม่น้อยเลยทีเดียว

ช่วงนี้ มีทายาทเศรษฐีมาที่ร้านกาแฟบ่อยๆ ก็เพื่อให้ได้คุยกับเจ้าของร้านสองสามคำแค่นั้น

แน่นอนก็มีเศรษฐีบ้านนอกมาเหมาที่นั่งทั้งร้าน และเมื่อเหมาก็เหมาทั้งวัน จากนั้นก็ไปตอแยหลิงหลง แต่หลิงหลงนั้นไม่แยแสเศรษฐีบ้านนอกพวกนี้เลย ดังนั้น จึงทำให้เศรษฐีพวกนี้เลิกตอแยไป

ชายแสกผมคนนี้ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย พูดออกมาตามตรงว่า: “ใช่กำลังเคลียร์สถานที่ ลงมือ”

พูดก่อน ค่อยลงมือ

คนพวกนี้ ไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว

พวกเขาเป็นไพ่คิงค์ของตระกูลลู่

และถือว่าเป็นหัวใจหลักของตระกูลลู่

คนพวกนี้ ยโสและหยาบคายมาก

“ในเมื่อพวกนายไม่ยอมออกไปดีๆ ถ้าอย่างนั้นคงต้องให้พวกนายลิ้มลองรสชาติหมัดของฉันสักหน่อยแล้ว” ชายร่างเสียงหัวเราะเย็นชาแล้วพูดออกมา จากนั้นดึงคอเสื้อของนักเรียนขึ้นมา จากนั้นลากตัว และโยนออกไปนอกร้านกาแฟ

และคนที่เหลือ ก็ใช้วิธีเดียวกัน โยนพวกเขาออกไปนอกร้านกาแฟ

พลังของคนพวกนี้เยอะมาก เวลาดึงตัวนักเรียนขึ้นมา เสมือนดึงไก่เจี๊ยบตัวหนึ่ง มองไปเหมือนไม่ได้ใช้แรงอะไรเลย

“เหี้ยแม่ง ทำฉันเจ็บจะตายแล้ว คนพวกนี้เป็นใคร กลางวันแสกๆ ก็ลงมือตีคน ยังมีกฎหมายอยู่อีกไหม ไม่ได้ ฉันจะโทรหาพี่หู ให้พี่หูสั่งสองพวกมัน”

นักเรียนของมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ มีคนที่มีฐานะไม่ธรรมดาอยู่น้อย

ชายแสกผม หลังจากที่โยนผู้ชายออกไปแล้ว ผู้หญิงพวกนั้น ต่างพากันตกใจแล้ววิ่งออกไป

และในเวลานี้ หลิงหลงได้หยุดชงกาแฟ เธอเงยหน้าขึ้นช้าๆ มองไปที่ผู้ชายแสกผมกลาง ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า: “กี่ท่าน มาดื่มกาแฟหรือมาพังร้าน?”

หลิงหลงพูดเสียงเหยียดออกมา: “ถ้าจะมาพังร้าน รังแกคนมากเกินไปไหม ฉันผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง ทำธุรกิจไม่ใช่ง่ายๆ เลย”

“ขอถามหน่อย คุณเป็นผู้จัดการร้านของร้านกาแฟนี้ใช่ไหม?” ชายแสกผมมองไปที่หลิงหลง แล้วถามออกมา

หลิงหลงส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า: “ไม่ใช่”

“ผู้จัดการร้านหล่ะ?” ชายแสกผมขมวคิ้วเข้าหากัน: “ฉันมีเรื่องต้องคุยกับผู้จัดการร้าน เชิญเธอออกมาหน่อย”

“ผู้จัดการร้าน ออกไปทำงานข้างนอกแล้ว”

หลิงหลงส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า: “ต้องขอโทษด้วย พวกคุณมาไม่ถูกเวลา ผู้จัดการร้านไปสถานที่ที่ไกลมาก เกรงว่าคงจะไม่ได้กลับมาภายในสามหรือห้าวันนี้”

“ใช่เหรอ?ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณไปกับเราด้วย” เมื่อเห็นปฏิกิริยาของหลิงหลงที่ใจเย็นแบบนี้ ชายแสกผมรู้ได้ทันที ว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงนี้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่นอน

และในเวลานี้เอง ขณะที่ชายแสกผม กำลังเตรียมตัวลงมือนั้น มีคนวิ่งเข้ามาจากข้างนอกอย่างรีบด่วน

ในมือของเขาถือดอกกุหลาบสีขาวช่อหนึ่ง วิ่งเข้ามาหาหลิงหลง

“สาวสวย คุณเจอคนร้ายใช่ไหม?”

“ช่างพอเหมาะพอดีเลย ผมเพิ่งออกจากโรงพยาบาล เพิ่งได้ข่าวรู้ว่าคุณอยู่ไหน คุณก็เจอกับเคราะห์ร้ายทันที” ฉินจื่อยี่พูดออกมาอย่างตื่นเต้น

ในเป็นโอกาสที่ฮีโร่ช่วยเหลือสาวงาม ฉินจื่อยี่ไม่ปล่อยไม่โอกาสหลุดลอยไปอยู่แล้ว

“ฉันว่าพวกนาย เป็นใครเหรอ กลางวันแสกๆ ทำตัวเป็นพวกอิทธิพลมืด รีบไสหัวออกไปได้ยินไหม ถ้ายังไม่ไสหัวออกไปอีก เดี๋ยวฉันหาคนมาจับพวกแกทั้งหมดนี้เลย” ฉินจื่อยี่ขมวดคิ้ว มองไปที่ชายแสกผมแล้วพูดออกมา

ชายแสกผมมองไปที่ฉินจื่อยี่ ถามออกมาว่า: “เคอๆ จับพวกเราเหรอ?”

“คุณช่างเก่งจริงๆ”

ฉินจื่อยี่อารมณ์เสียขึ้นมาทันที เพราะว่าเขาเป็นถึงคุณชายของตระกูลฉิน ผู้คนที่อยู่ถนนในตัวเมืองจังหวัดนี้ มีใครบ้างที่ไม่ให้เกียรติเขา?

“เคอๆ รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?ฉันจะบอกนาย ฉันชื่อฉินจื่อยี่ คุณชายใหญ่ตระกูลฉิน เถ้าแก่ร้านกาแฟร้านนี้ เป็นเพื่อนกับฉัน ฉันไม่สนว่านายเป็นลูกน้องใคร และไม่สนมาเพื่อเก็บค่าคุ้มครอง หรือจะมาหาเศษก็ช่าง โทรศัพท์หาลูกพี่ใหญ่ของนาย ถามเขาว่ารู้จักฉันไหม?”

โรคหลงตัวเองของฉินจื่อยี่กำเริบอีกแล้ว ชายแสกผมมองไปที่ฉินจื่อยี่แล้วพูดขึ้นว่า: “คือตระกูลฉินในเมืองหลวงนี้เหรอ?”

“ทำไม ยังมีตระกูลฉินตระกูลที่สองในเมืองหลวงนี้ด้วยเหรอ?

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท