NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 674 ประนีประนอม

บทที่ 674 ประนีประนอม

“ยังไม่ยอมแพ้อีกหรือ?”

เห็นอยู่ว่าเหอสงต่อสู้จนล้มลงไปกับพื้นแล้ว แต่ว่าเขาก็รีบลุกขึ้นมายืนใหม่ ตั้งท่าจะต่อสู้อีก ลุงเฉียนเห็นแล้วก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ยอมแพ้เถอะ เหอสง ถ้าขืนสู้ต่อไปอีก ชีวิตแกก็คงต้องทิ้งไว้ที่นี่แล้วล่ะ”

“แกรู้มั้ยว่า ทำไมแกถึงได้พ่ายแพ้?”

มองหน้าเหอสง ลุงเฉียนพูดว่า “เพราะว่าแกแก่แล้ว”

“อีกอย่างเด็กพวกนี้ อายุน้อยกว่าแกทั้งนั้น” ลุงเฉียนพูดอย่างเรียบง่าย

“เด็กเหรอ?”

มองไปยังพวกคนชุดดำ สีหน้าของเหอสงเปลี่ยนเป็นตึงเครียดมาก เขาถามลุงเฉียนอย่างสงสัยว่า

“เหล่าเฉียน แกบอกว่าพวกเขายังเป็นเด็กทั้งนั้นเลยเหรอ?”

“ใช่สิ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าแก พวกเขาไม่ใช่เด็กแล้วจะเป็นอะไร? อายุพวกเขามากสุดก็ไม่เกิน 25 ปีเท่านั้น ส่วนอายุน้อยสุดนั้นก็ยังไม่ครบ 20 เลย”

ลุงเฉียนพูดจบ สีหน้าเหอสงก็ตกตะลึงทันที

เหอสงกวาดสายตาไปยังพวกคนชุดดำ มองแล้วมองอีก จากนั้นก็หัวเราะ “20 กว่าปีเหรอ? นี่มันเป็นไปได้อย่างไร ฉันเหอสงถึงกับพ่ายแพ้ให้กับพวกเด็กๆทั้งนั้น!”

“พวกเขาไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไป” ลุงเฉียนส่ายหน้า “พวกเขาเป็นยอดฝีมือที่ผ่านการคัดเลือกจากลูกพี่แล้วฝึกฝนอย่างหนักทั้งวันทั้งคืน”

“หลอซ่าเหรอ?” เหอสงถาม

ลุงเฉียนพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว หลอซ่า หลอซ่าเป็นคนที่ฝึกฝนเด็กพวกนี้”

เหอสงส่ายหน้าแล้วยิ้ม มองหน้าลุงเฉียนแล้วถามว่า“ตอนนี้ ฉันก็ได้เข้าใจถึงชัยชนะของพวกแกเสียที พวกเด็กพวกนี้คงไม่ใช่มีแค่สี่คนมั้ง?”

“ทั้งหมดมี 18 คน พวกเขาเลยมีฉายาว่า ซือปาจี้” ลุงเฉียนพูดอย่างเรียบๆ

“เด็กทั้ง 18 คนนี้ ได้คัดเลือกจากทั้งหมด 1300 คน โดยการต่อสู้แบบแพ้คัดออก อีกอย่างเด็กทั้ง 1300 กว่าคนนี้ล้วนแต่ได้เสพยากระตุ้นประเภทสเต็มเซลล์ ในร่างกายของพวกเขาจะมีความรู้สึกเจ็บปวดน้อยมาก อีกทั้งยังมีรูปร่างที่แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปถึงกว่าสามเท่าขึ้นไป ที่จริงแล้วด้านวรยุทธ์แกไม่ได้แพ้ให้กับพวกเขาเลย เพียงแต่ว่าพละกำลังในร่างกายของพวกเขามีมากกว่าแกเท่านั้นเอง”

“แพ้ก็คือแพ้ เหล่าเฉียน แกไม่ต้องหาเหตุผลข้อแก้ตัวให้กับฉันเลย พละกำลังมันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของวรยุทธ์หรือไงล่ะ?” เหอสงยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดกับลุงเฉียนว่า “ฉันอยากพาลู่เฟยไปด้วย ได้มั้ย?”

ถ้าเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างลุงเฉียนกับเหอสงเมื่อครู่นี้ถ้าหากเหอสงชนะแล้ว ลุงเฉียนก็ตกลงให้ปล่อยลู่เฟยไป

แต่ตอนนี้ เหอสงแพ้แล้ว

ลุยเฉียนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ถ้าให้ลู่เฟยไปจากที่นี่ แกจะรับรองความปลอดภัยของเขาหรือเปล่าล่ะ?”

เหอสงพูดอย่างไม่มั่นใจว่า “ตระกูลลู่ต้องการคนดูแล เมื่อท่านลู่ไม่อยู่ ลู่เฟยก็อยู่ที่นี่ บ้านตระกูลลู่ก็ขาดผู้นำ แล้วจะเกิดความวุ่นวายขึ้น ตระกูลลู่มีประวัติที่ยาวนานกว่า 100 ปีแล้ว ตระกูลของพวกเขายิ่งใหญ่มาก ตระกูลลู่จึงจะขาดผู้นำไม่ได้แม้แต่วันเดียว ฉันหวังว่าแกคงเข้าใจความหมายที่ฉันพูดนะ”

“ลู่เฟย ไปกันเถอะ”

ยังไม่ทันรอให้ลุงเฉียนพูดอะไรอีก เหอสงก็โบกมือให้ลู่เฟย

ส่วนลู่เฟยมองดูเหอสงแล้ว ฉงนอยู่ครู่หนึ่ง พูดด้วยสีหน้างงงวยว่า “ลุงเหอครับ แล้วพ่อผมล่ะ…”

พวกเขามาคราวนี้ ก็เพื่อมารับท่านลู่กลับไปด้วย

แต่ว่าตอนนี้แม้แต่เงาของท่านลู่ พวกเขาก็ยังไม่ได้เห็นเลย ก็ต้องจากไปแล้วเหรอ?

ลู่เฟยรู้สึกไม่ค่อยพอใจ

เหอสงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “แกคิดว่าพวกเรา สามารถพาพ่อแกออกไปได้เหรอ?”

ชายผมแสกกลางตายแล้ว ลู่เฟยก็พ่ายแพ้แล้ว แม้แต่เหอสงก็พ่ายแพ้ไปด้วย……

ลู่เฟยขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “พวกเราตระกูลลู่ ไม่ได้มีเพียงแค่ไพ่ตายพวกนี้เท่านั้น”

“ผมไม่อยากจะปล่อยไปอย่างนี้” ลู่เฟยพูดด้วยสีหน้าที่หนักแน่น

ตระกูลลู่อยู่มาได้นานขนาดนี้ ก็ย่อมไม่มีแค่ยอดฝีมือเพียงไม่กี่คนอย่างแน่นอน เครือข่ายทางสังคมของพวกเขา ความสัมพันธ์ระหว่างเครือข่ายต่างๆ ล้วนแต่กว้างขวางใหญ่โตทั้งสิ้น

อีกอย่างถ้าหากตระกูลลู่ยอมทุ่มเงินเพื่อว่าจ้างยอดฝีมือจำนวนมาก แน่นอนก็ต้องเสียเงินเสียทองไปสามารถจ้างคนภายนอก

อย่างเช่นพวกทหารรับจ้างชาวต่างชาติ ขอเพียงแต่ยอมทุ่มเงินก้อนสักจำนวนหนึ่ง หลายร้อยล้าน แม้กระทั่งพันล้าน จะไม่สามารถจ้างยอดฝีมือมาได้เชียวเหรอ?”

แต่ว่า เหอสงกลับส่ายหน้า หยุดความคิดของลู่เฟยไว้ “เอาเถอะ พวกเขาไม่ใช่ศัตรูของพวกเรา ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทุ่มเทแผนการทุกอย่างเช่นนั้น ถ้าเป็นอย่างนั้นละก็ เท่ากับว่าต้องบาดเจ็บสาหัสทั้งสองฝ่ายเลย”

“พ่อคุณอยู่ที่นี่ ไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก” เหอสงพูด

ลู่เฟยขมวดคิ้ว ลังเลอยู่สักพักใหญ่ แล้วจึงพูดว่า “ฉันยอมไปจากที่นี่ แล้วก็ยอมไม่พาตัวพ่อฉันไปด้วยก็ได้ แต่ว่า ฉันอยากจะเห็นหน้าพ่อของฉัน อยากเห็นด้วยตาตัวเองว่า เขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ อยู่สบายดีหรือเปล่า?”

“อย่างน้อย ให้ฉันจากไปด้วยความสบายใจ”

หลังจากลู่เฟยเสนอความต้องการของเขาแล้ว ลุงเฉียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “แกรู้สึกว่า แกมีสิทธิ์ที่จะต่อรองกับฉันด้วยเหรอ? ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นแกหรือเหอสง ถ้าฉันพูดคำเดียวพวกแกก็ต้องถูกกักขังไว้ที่นี่”

“ถ้าฉันไม่ได้กลับไปละก็ คนของบ้านตระกูลลู่ ไม่ใช่จะแค่คนหนึ่ง หรือว่าสิบคน ที่จะต้องตามมาถึงที่นี่ แต่จะเป็นพวกคนของตระกูลลู่ทั้งหมด พวกแกคิดว่าสถานตากอากาศของพวกแก จะสามารถรับแรงกดดันจากคนมากมายอย่างนี้ได้หรือ?”

ลู่เฟยพูดว่า “พวกเราตระกูลลู่สามารถยืนหยัดอย่างยิ่งใหญ่ไปทั่วทั้งมณฑล ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความสามารถอยู่เลย”

“เจ้ารองเฉียน ฉันขอให้แกไตร่ตรองให้รอบคอบหน่อย…” ลู่เฟยพูดว่า “นี่ไม่ใช่การข่มขู่…”

ลุงเฉียนมองไปยังโหจื่อ โหจื่อพูดว่า “ให้พวกเขาได้เจอหน้ากันเถอะ เด็กคนนี้ดูแล้วก็ช่างกตัญญูเสียด้วย”

เมื่อเห็นโหจื่อพยักหน้า ลุงเฉียนก็ยอมตกลง

เหอสงและลู่เฟยเดินตามหลังพวกลุงเฉียน เมื่อมาถึงบ่อน้ำพุร้อนทางนี้ ส่วนบ่อน้ำพุร้อนทางนี้มีประตูทางเข้า เมื่อเปิดประตูก็เห็นมีถ้ำอยู่ภายใน

หลี่ฝางเคยเข้าไปครั้งหนึ่งแล้ว มู่เสี่ยวไป๋เคยถูกกักขังที่นี่ มันเป็นคุกใต้ดิน

หลี่ฝางขมวดคิ้ว ในใจคิดเป็นห่วง ท่านลู่นี่ คงไม่ใช่ถูกกักขังอยู่ห้องใต้ดินนี้นะ?

หากเป็นเช่นนั้นละก็ ถ้าลู่เฟยกับเหอสงมาเห็นเข้า จะไม่คลุ้มคลั่งหรือ?

แต่ว่าในไม่ช้า ลุงเฉียนก็พาทุกคน มาถึงสถานที่โล่งกว้างแห่งนี้ เป็นสถานที่ที่อยู่บนริมหน้าผาแห่งหนึ่ง แต่ว่าบนหน้าผาแห่งนี้ แทบจะเพียบพร้อมไปทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น อาหารเครื่องดื่ม ของใช้ทุกอย่าง

ยังมีเพื่อนสาวคนสนิทของลู่หลุ่ย ยืนอยู่ข้างหน้าท่านลู่ คอยพยุงตัวท่านลู่ไว้

เมื่อท่านลู่เห็นลู่เฟยและเหอสงมาถึงที่นี่ จึงมองไปยังลุงเฉียนและโหจื่อ หัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ ดูท่าทางพวกแกก็คงล้มเหลวกันหมดสินะ”

“มันก็ใช่ ในเมื่อตาแก่เฉียนนี่กล้าจับฉันมาขังไว้ที่นี่ ก็ต้องมีแผนการที่แยบยลแน่นอน” สายตาของท่านลู่ไม่รู้สึกแปลกใจอะไรเลย

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ดูเหมือนว่าเขาคาดเดาไว้แต่แรกแล้ว

ท่านลู่มองหน้าลุงเฉียนแล้วพูดว่า “ขอบคุณมากนะ”

“ที่ยอมให้ลูกชายฉัน มาพบหน้าฉันคราวนี้”

ลุงเฉียนหัวเราะเสียงดัง “พวกคุณพ่อลูกสองคน ต่างก็เรียกร้องในเรื่องเดียวกัน คุณว่าฉันจะปฏิเสธได้ลงเหรอ? ถ้าฉันไม่ตกลงก็จะกลายเป็นคนแล้งน้ำใจไปหรือเปล่า?”

ลุงเฉียนพูดจบ แล้วก็มองไปยังท่านลู่ “เอาล่ะ มีอะไรที่จะสั่งเสีย ก็รีบๆพูดคุยกันได้แล้ว”

“พวกแกช่วยหลบไปก่อนได้ไหมล่ะ?”

ท่านลู่ขมวดคิ้ว สีหน้าไม่ค่อยพอใจ “ฉันจะคุยกับลูกชายฉัน มันเป็นเรื่องส่วนตัวทั้งนั้น คนนอกไม่ควรจะมาฟังด้วยเป็นดีที่สุด”

ลุงเฉียนพูดว่า “งั้นไม่ได้หรอก ฉันจำเป็นต้องอยู่ด้วย ทุกคำพูดที่คุณพูดคุยนั้น ฉันก็ต้องอยู่ฟังด้วย เผื่อว่าเมื่อคุณสั่งเสียทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงแล้ว จากนั้นก็กระโดดหน้าผาลงไป งั้นความพยายามของฉันที่ผ่านมา ก็สูญเสียเปล่าไปหมดเลยเหรอ? อีกอย่าง ทางตระกูลลู่ ก็จะต้องทุ่มเททุกอย่างมาจัดการพวกเราอย่างแน่นอน ฉันไม่อยากเห็นเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น”

“ถ้าเช่นนั้นก็ให้พวกคนอื่นออกไปให้หมด คงได้มั้ง?”

ท่านลู่พูดจบแล้ว ก็โบกมือให้กับโหจื่อ โหจื่อจึงพาพวกเหอสงมายังห้องลับอีกแห่งหนึ่ง

มองดูห้องลับแต่ละห้องแล้ว เหอสงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่า พวกแกกลับมานานแล้วสิ”

“ห้องลับพวกนี้ ต้องใช้เวลาในการก่อสร้างอย่างน้อยสองปีจึงจะสร้างเสร็จ” เหอสงพูดพลางเอามือไปแตะกำแพง

“ไม่ถึงสองปีหรอก แค่ปีครึ่งเท่านั้นเอง”

โหจื่อยิ้มแล้วพูดว่า “พวกเรากลับมา ก็ต้องหารังเก่าไว้ซุกหัวนอนบ้างไม่ใช่เหรอ?”

“แกมาถึงที่นี่แล้ว ฉันก็ถือว่าแกเป็นคนกันเอง ฉันเคยได้ยินมาว่า ตอนที่แกยังหนุ่ม เคยมีอาจารย์คนเดียวกับลูกพี่ฉัน”

โหจื่อหัวเราะ“เพียงแต่ว่า สุดท้ายแกไปเป็นขี้ข้าคนอื่น”

“หรือแกจะให้ฉันไปเป็นทหารเหรอ? หรือว่า จะให้เป็นอย่างหลอซ่า…ฮ่าๆ บอกตามตรงนะ ฉันก็ชื่นชมหลอซ่ามาก ถึงขั้นที่เลื่อมใสเขามาก แต่ว่า สำหรับการใช้ชีวิตของเขาแล้ว ฉันไม่อาจจะไปเลียนแบบเขา อย่างน้อยชีวิตฉันตอนนี้ สบายกว่าเขามากเลย”

เหอสงพูดว่า “ในบ้านตระกูลลู่ นอกจากท่านลู่แล้ว ฐานะตำแหน่งของฉันไม่มีใครเทียบได้

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท