NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 677 หยิ่นเหล่ยมาหาเรื่องเหรอ?

บทที่ 677 หยิ่นเหล่ยมาหาเรื่องเหรอ?

หลี่ฝางก็ไม่ได้อธิบายอะไรมาก อย่างน้อยเมื่อคืนนี้ หลี่ฝาง ก็ยังอยู่กับฉินวี่เฟยเหมือนกัน

“ในเมื่อจะมาหาฉัน งั้นฉันก็จะเข้าไปถามดู”

หลี่ฝางหัวเราะแล้วพูดว่า “ฉันก็อยากจะดูว่า เป็นใครกันแน่ที่บังอาจใจกล้าอย่างนี้”

ความจริงแล้ว คนที่หลี่ฝางสงสัยนั้นก็มีมากมาย อย่างเช่น ซือถูเฟย มู่หรงฉางเฟิง คนพวกนี้ก็เป็นไปได้ที่จะทำเรื่องพวกนี้ออกมาได้

หลี่ฝางเดินไปตรวจหน้าคนที่ถือโปสเตอร์ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“พี่ชาย ถือป้ายทั้งวันเหนื่อยหรือเปล่า?”

“ไอ้หมอนั่น ให้เงินพวกแกเท่าไหร่ล่ะ?”

หลี่ฝางพูดว่า “ฉันให้พวกแกสองเท่าเลย เป็นยังไงล่ะ?”

คนที่ถือป้ายโปสเตอร์ มองหน้าหลี่ฝาง ดูเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของหลี่ฝาง ได้แต่ถามว่า “แกเป็นใครวะ?”

“ฉันเหรอ…ฉันชื่อหลี่ฝาง เป็นเพื่อนชายของลู่หลุ่ย”

หลี่ฝางหัวเราะเสียงดัง “แกว่ามาสิ พวกแกถือป้ายโปสเตอร์บอกรักแฟนสาวฉัน นี่มันเหมือนตบหน้าฉันหรือเปล่าล่ะ?”

“ที่แท้แกก็คือหลี่ฝางนี่เอง”

คนที่ถือป้ายโปสเตอร์แสยะยิ้ม จากนั้นก็เล็งไปตรงหน้าท้องของหลี่ฝาง แล้วก็ใช้ขาเตะเข้าไปอย่างแรง

“พวกเราหาแกมานานแล้ว”

ชายคนนั้นยิ้มด้วยสีหน้าโหดร้าย “แม้ง ไอ้หนูน้อยแกหลบหน้าหลบตาอยู่ข้างนอกนานหลายวัน พวกเราก็จนหนทาง เลยต้องหลอกใช้แฟนสาวแก”

หลี่ฝางถูกเตะจนถอยหลังไปหลายก้าว จ้องมองคนนั้นแล้วถามว่า “พวกแกเป็นใคร? หาฉันทำไม?”

“ทำอะไรเหรอ? จัดการแกไง”

คนนี้หัวเราะแล้วชี้ตรงจมูกตัวเองว่า“ฉันชื่อหวางซีกาง อำเภอหลิน…”

“หวางซีกางเหรอ?”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว ในสมองก็ครุ่นคิดอยู่หลายตลบ

ตัวเองก็ไม่เคยรู้จักกับหวางซีกางอะไรนี่เลย ยิ่งไม่เคยไปยุ่งกับคนที่อำเภอหลินเลย

ส่วนหวางซีกางคนนี้ ชี้หน้าหลี่ฝางแล้วพูดว่า “พี่น้องทั้งหลาย ลุยขึ้นไปเลย เขาคือคนที่พวกเราตามหาอยู่ จัดการให้จมดินไปเลย”

สีหน้าของหลี่ฝางเคร่งเครียดขึ้นมาทันที กลางวันแสกๆอย่างนี้อยู่หน้าประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ กล้าประกาศว่าจะทำร้ายตัวเองถึงเพียงนี้?

คนพวกนี้ก็นับว่าร้ายกาจทีเดียว

เพียงแต่ว่า เขามาผิดที่เสียแล้ว

เพราะว่าในเขตเมืองหลวงนี้ ครึ่งหนึ่งเป็นเขตคุ้มครองของหลี่ฝาง

ในเวลานั้นเอง ทันใดนั้น มีรถหลายคันขับเข้ามา ล้อมรอบคนพวกหวางซีกางเอาไว้

ส่วนเฉินฝูเซิงก็กระโดดออกมาจากรถ มองไปยังหลี่ฝางแล้วพูดว่า“เจ้านาย ไอ้หมอนี่ทำร้ายเจ้านายเหรอ?”

“เขาไม่เพียงแต่เตะฉัน ยังบอกว่าจะทำร้ายฉันให้ถึงตายเลยล่ะ”

หลี่ฝางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “จับพวกเขาให้หมดเลย แล้วสอบปากคำดูว่า ใครเป็นคนส่งพวกเขามา”

หวางซีกางคนนี้ ดูแล้วก็เหมือนพวกโง่ๆเซ่อๆ มองดูแล้วก็ไม่ใช่พวกลูกพี่ใหญ่ในยุทธภพ ยิ่งดูยิ่งเหมือนพวกจิ๊กโก๋ข้างทาง

คนที่ยืนถือป้ายโปสเตอร์ภายใต้แสงแดดจัด จะมีความเก่งกาจขนาดไหนเชียว?

เฉินฝูเซิงหัวเราะแล้วมองหน้าหวางซีกาง“ไอ้น้องชาย พวกเราไปหาที่อื่นคุยกันหน่อยไหม?

“ใครอยากคุยกับแก เม้งฉันก็ไม่รู้จักกับแกเลย” หวางซีกางด่าเฉินฝูเซิ่ง แต่สีหน้าแสดงออกถึงความหวาดผวา “รีบขยับรถพวกแกออกไป อย่าขวางทางฉันรู้ไหม!”

“แกยังคิดจะหนีอีกเหรอ?”

เฉินฝูเซิงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เมื่อกี้แกรู้ไหมว่าทำร้ายใครไป?”

“ใครเหรอ?” หวางซีกางถาม

เฉินฝูเซิงหัวเราะแล้วพูดว่า “เจ้านายของฉัน แล้วก็เป็นลูกพี่ใหญ่ของยุทธภพใต้ดินในเมืองหลวงด้วย”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หวางซีกางกลืนน้ำลายทันที แล้วมองสำรวจหลี่ฝางอีกครั้ง มองดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขานึกไม่ถึงจริงๆเลยว่า ไอ้เด็กกะโปโลตรงหน้านี้ จะเป็นถึงลูกพี่ใหญ่ในยุทธภพใต้ดินเชียวเหรอ?

หวางซีกางก็ยังไม่เชื่อ มองค้อนเฉินฝูเซิงแล้วพูดว่า “พูดล้อเล่นอะไรกัน…”

เฉินฝูเซิงหัวเราะ “ไม่เชื่อเหรอ ฉันพิสูจน์ให้แกดูดีกว่านะ!”

เฉินฝูเซิงหยิบมือถือขึ้นมา โทรออกไปครั้งเดียว ทันใดนั้น รถที่จอดอยู่ด้านข้าง ต่างขับเข้ามาหา ชั่วพริบตาเดียว คนนับร้อยก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าหวางซีกาง

“เรียกเจ้านายสิ” เฉินฝูเซิงมองไปยังหลี่ฝาง ตะโกนพูดเสียงดัง

“เจ้านาย” ผู้คนนับร้อยโค้งคำนับหลี่ฝาง แล้วเรียกอย่างพร้อมเพรียงกัน

ส่วนหวางซีกางนั้น ตกใจจนเหมือนเสียสติไปแล้ว

เขายังไงก็นึกไม่ถึงว่า ตัวเองถึงกับทำร้ายผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้

นี่มันเหมือนไปเตะโดนแผ่นเหล็กกล้าเลยนะ

เฉินฝูเซิงหัวเราะเสียงดัง “เป็นยังไงบ้าง ตอนนี้ยอมร่วมมือหรือยัง?”

“แน่นอน แกจะเลือกที่ไม่ร่วมมือก็ได้ แต่แกก็ควรคิดไตร่ตรองให้ดีนะ คนนับร้อยคนที่อยู่รอบๆนี้ ถ้าทุกคนเตะแกคนละที ก็เตะแกกลับไปยังท้องแม่แกได้แล้ว ให้แกกลับชาติไปเกิดใหม่ได้เลย” เฉินฝูเซิงมองหน้าหวางซีกางแล้วหัวเราะ

หวางซีกางมองไปยังผู้คนที่หน้าตาดุร้ายที่อยู่รอบตัว เกิดความกลัวขึ้นมาทันที “พวกแกจะพาฉันไปไหน?”

หลี่ฝางพูดว่า “จับเขาขึ้นรถไปก่อน”

เฉินฝูเซิงก็เดินเข้าไป ดึงคอเสื้อของหวางซีกาง แล้วจับเขาโยนเข้าไปในรถตู้คันหนึ่ง หวางซีกาง ถึงแม้รูปร่างใหญ่โต แต่เขาก็ไม่กล้าต่อต้านอะไรเลย

ส่วนลูกน้องของหวางซีกางนั้นก็ถูกจับขึ้นรถไปหมด หลังจากนั้นเฉินฝูเซิงก็ขับรถออกไป พาพวกหวางซีกางไปด้วย

“ฮ่าๆ ไม่รู้ว่าไอ้งั่งโผล่มาจากไหน” หลี่ฝางเดินกลับไปหาลู่หลุ่ย พูดด้วยเสียงหัวเราะ ลู่หลุ่ยเอามือลูบหน้าท้องของหลี่ฝางแล้วถามว่า “ไม่เป็นไรใช่มั้ย? เมื่อกี้ที่คุณถูกเตะบาดเจ็บหรือเปล่า?”

“ฉันอ่อนแอขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่ถูกเตะเท่านั้นเอง ไปเถอะ พวกเรากลับไปเข้าเรียนกัน”

หลี่ฝางทำเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น กลับเข้าไปในห้องเรียน

หลังจากเข้าไปในห้องเรียนแล้ว หลี่ฝางก็ได้พบกับพวกหวางเสี่ยวโก๋

เมื่อพูดคุยกันสักพักใหญ่ หลี่ซ่วยซ่วยก็เรียกหลี่ฝางไปคุยด้วย หลี่ฝางมองหน้าหลี่ซ่วยซ่วยแล้วถามว่า

“มีเรื่องอะไรเหรอ?”

“หน้าประตูทางเข้ามหาวิทยาลัย มีคนกลุ่มหนึ่งยืนถือโปสเตอร์ หลี่ฝาง แกเห็นหรือเปล่าล่ะ?” หลี่ซ่วยซ่วยถามหลี่ฝาง

หลี่ฝางพยักหน้าแล้วพูดว่า “ไม่เพียงแต่เห็นเท่านั้น ตอนนี้พวกเขาก็ถูกฉันจับไว้เรียบร้อยแล้ว ทำไมเหรอ? แกรู้จักเหรอ?”

หลี่ซ่วยซ่วยพยักหน้า มองดูหลี่ฝางแล้วพูดว่า “เขาเป็นคนอำเภอหลินบ้านฉัน”

“เออ ฉันก็เกือบลืมไป แกก็เป็นคนอำเภอหลินเหมือนกัน บอกฉันหน่อยว่า หวางซีกางคนนี้เป็นใครมาจากไหน?” หลี่ฝางมองหน้าหลี่ซ่วยซ่วย ถามอย่างสนอกสนใจ

“หวางซีกางคนนี้ เป็นพวกอันธพาลในหมู่บ้านของพวกเรา เมื่อหลายปีก่อนนั้น ซ่ามากเลย ถือว่าเป็นคนที่ไม่กลัวตายเลยทีเดียว แต่ตอนเป็นหนุ่มได้ฆ่าคนตาย เลยติดคุกไปหลายปีหลังจากออกมาแล้ว ก็กลายเป็นคนขี้ขลาดไปเลย ฉันได้ข่าวว่าตอนนี้เขาไปเป็นลูกน้องของมาเฟียคนหนึ่ง ฉายาว่าแมงป่อง คนนั้นเป็นคนที่โหดเหี้ยมมาก คนทั้งอำเภอหลินพวกเราไม่มีใครกล้าที่จะไปยุ่งกับเขาเลย”

“คนคนนี้ ชื่อเสียงโด่งดังในอำเภอหลินมากเลย พวกคนที่มีอาชีพค้าขายทั้งหลาย ต่างก็เกรงกลัวเขาทั้งนั้น”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว “แมงป่องเหรอ?”

“ใช่แล้ว บนใบหน้าของเขา สักตัวแมงป่องไว้ตัวหนึ่ง ทำให้แลดูดุร้ายมาก มีอยู่ครั้งหนึ่งฉันได้เจอกับเขา ตอนยืนอยู่ตรงหน้าเขา ฉันก็ตัวสั่นไปทั้งตัว เขายังถามฉันว่า จะไปอยู่ร่วมแก๊งกับเขาหรือเปล่า แต่ว่าตอนนั้นฉันตกใจจนเสียสติ เขาก็เลยเปลี่ยนใจ” หลี่ซ่วยซ่วยพูด

หลี่ฝางหัวเราะแล้วพูดว่า “เขาคงจะถูกใจรูปร่างของแกมั้ง แต่ก็รังเกียจที่แกใจเสาะนะสิ”

“เขาไม่ใช่คนดี ฉันไม่ไปร่วมแก๊งกับเขาหรอก แต่ถ้าให้ฉันเลือกเข้าแก๊ง ฉันก็จะเลือกตามแกดีกว่า” หลี่ซ่วยซ่วยพูด

หลี่ซ่วยซ่วยพูดต่อไปว่า “หวางซีกางคนนี้สนิทสนมกับแมงป่องมาก ฉันได้ยินมาว่าตอนที่หวางซีกางอยู่ในคุกนั้น ก็อยู่ห้องเดียวกับแมงป่องด้วย ส่วนแมงป่องนี้ก็ถูกชะตากับหวางซีกาง ที่บังเอิญเคยช่วยชีวิตแมงป่องไว้”

“ฉันรู้แล้วล่ะ” หลี่ฝางไม่ได้กลัวว่าจะไปมีเรื่องกับแมงป่อง อาจไม่แน่เบื้องหลังเรื่องครั้งนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับแมงป่องก็ได้

หลี่ฝางมองหน้าเหลี่ซ่วยซ่วย แล้วถามอย่างกะทันหันว่า “เออ แล้วแกยังติดต่อกับไห่เย่นหรือเปล่า?”

“ไม่ได้ติดต่อแล้ว ฉันได้ข่าวว่าเธอไปจากอำเภอหลินแล้ว หยิ่นเหล่ยไอ้หมอนั้นก็ไม่เอาเธอแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะออกไปหางานทำ ฮ่าๆๆ ผู้หญิงอย่างเธอ จะออกไปหางานทำ คงจะเป็นสาวบริการละมั้ง”

หลี่ซ่วยซ่วยพูดด้วยความโกรธเคือง

หลี่ฝางตบไหล่หลี่ซ่วยซ่วยเบาๆ แล้วพูดว่า “ผู้หญิงแบบนั้น ไม่คุ้มค่ากับที่เแกไปชอบหรอก”

“เออ ฉันก็ไม่ชอบเธอแล้ว”

หลี่ซ่วยซ่วยพยักหน้าแล้วพูดว่า “อีกอย่าง ตอนนี้ฉันก็มีผู้หญิงที่ชอบอยู่ในใจแล้ว”

“ใครเหรอ?” หลี่ฝางมองหน้าหลี่ซ่วยซ่วย ด้วยสีหน้าตกตะลึง

“เหมิงเหมิง เพื่อนร่วมหอเดียวกับอาซ้อใหญ่ เธอเคยดูแลฉัน ฉันรู้สึกว่าเธอเป็นคนดีถึงแม้นิสัยจะเผ็ดร้อนไปหน่อย แต่จิตใจเธอก็เป็นคนมีเมตตา” หลี่ซ่วยซ่วยพูดด้วยอาการเขินเล็กน้อยว่า “ก่อนหน้านี้ ฉันก็สารภาพกับเธอไปแล้ว”

“แม้งโว้ย?”

หลี่ฝางมองหน้าหลี่ซ่วยซ่วยอย่างไม่น่าเชื่อ “สามวันจากชายชาตรี เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเสียแล้ว”

ในความทรงจำนั้น หลี่ซ่วยซ่วยเป็นชายหนุ่มที่แสนซื่อเรียบร้อย ไม่เห็นหน้าแค่ไม่กี่วันถึงกับกล้าที่จะไปแสดงความรักเลยเชียว

หลี่ซ่วยซ่วยพูดว่า “ที่จริงแล้ว หวางเสี่ยวโก๋เป็นคนที่ช่วยจัดการให้ฉันทุกอย่าง หลังจากที่เขารู้ว่าฉันชอบเหมิงเหมิงแล้ว ก็เลยนัดเหมิงเหมิงกับซ้อใหญ่ออกมา จากนั้นก็มอมเหล้าพวกฉัน พอดื่มมากไปจนเมา เราสองคนก็เลยนอนอยู่ด้วยกัน แต่ไม่ได้ทำอะไรกันนะ”

“พอตื่นขึ้นมา ฉันก็เลยเปิดเผยความในใจให้เหมิงเหมิงรับรู้”

หลี่ซ่วยซ่วยก้มหน้าลงแล้วพูดว่า “เธอไม่ได้ปฏิเสธ หวางเสี่ยวโก๋บอกว่านี่ก็เท่ากับว่ายอมรับแล้ว”

หลี่ฝางมองหน้าหลี่ซ่วยซ่วยด้วยความชื่นชม แล้วพูดว่า “ไม่เลว ก้าวหน้าขึ้นมากเลย เหมิงเหมิงเป็นคนที่ใช้ได้เลยทีเดียว อีกทั้งหน้าตาก็ยังสะสวย รูปร่างก็ดี ถ้าแกจีบเธอได้ ก็ถือว่าเป็นความโชคดีของแกแล้ว”

“งั้นคืนนี้ เรียกเธอออกมาด้วยสิ จะได้ฉลองให้กับพวกแกด้วย” หลี่ฝางพูด

“เธอยังไม่ได้ตอบตกลงเลยนะ” หลี่ซ่วยซ่วยพูดอย่างไม่ค่อยแน่ใจ

“ที่ไม่ได้ปฏิเสธ ก็เท่ากับว่าตกลงแล้วไง? อีกอย่างพวกแกสองคนก็นอนด้วยกันแล้ว ด้วยนิสัยของเหมิงเหมิงแล้ว เธอไม่ได้ฆ่าแกก็ถือว่ายอมรับที่จะเลือกแกแล้วล่ะ” หลี่ฝางหัวเราะ

“งั้นก็ได้ เดี๋ยวฉันส่งข้อความไปถามเธอหน่อย”

หลี่ซ่วยซ่วยพูดจบ หลี่ฝางก็ตอบรับ จากนั้นก็ถามต่อไปว่า “หลี่ซ่วยซ่วย ฉันถามแกอีกเรื่องหนึ่ง หวางซีกางกับหยิ่นเหล่ยพวกเขาสนิทกันมากเหรอ?”

พอหลี่ฝางถามเรื่องนี้ขึ้นมา สายตาหลี่ซ่วยซ่วยส่องประกายวาวขึ้นมาทันที “ตอนนั้นหวางซีกางฆ่าคน ก็เป็นเพราะว่าหยิ่นเหล่ยนี่แหละ”

“แม้งเอ๊ย งั้นแกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังหวางซีกาง จะเป็นไปได้ไหมที่เป็นหยิ่นเหล่ยคอยก่อกวนอยู่?” หลี่ฝางถามพลางขมวดคิ้ว

ก่อนหน้านั้น หลี่ฝางเคยทำร้ายน้องชายหยิ่นเหล่ยจนหัก แต่ว่าหลังจากนั้น บ้านตระกูลหยิ่นก็ไม่เคยถือโทษเอาความอะไรเลย

หลี่ฝางนึกว่าตระกูลหยิ่นไม่อยากจะมีเรื่องกับตระกูลหลี่ของตัวเอง ดังนั้นจึงอดกลั้นไว้

แต่ว่า นิสัยอย่างหยิ่นเหล่ยนี้ เขาจะอดกลั้นได้นานสักเท่าไหร่เชียว?

อย่างมากพ่อเขาอบรมสั่งสอนแล้ว ก็คงอดทนได้สักพักหนึ่งเท่านั้นเอง หลังจากเวลาผ่านไปนานแล้ว เขาต้องไม่ยอมทนต่อไปอย่างแน่นอน จึงมาหาเรื่องกับหลี่ฝาง

“มีความเป็นไปได้”

หลี่ซ่วยซ่วยพยักหน้าอย่างแรง “เป็นไปได้มากที่เป็นหยิ่นเหล่ย”

“ฉันได้ยินมาว่า ตอนนี้อารมณ์ของหยิ่นเหล่ยเปลี่ยนเป็นหัวร้อนมากขึ้น เมื่อไม่กี่วันมานี้ฉันกลับไปบ้านมา ได้ข่าวว่าเขาจะส่งคนมาจัดการฉันอีกด้วย ฉันตกใจกลัวก็รีบหนีกลับเมืองหลวงคืนนั้นเลย”

หลี่ซ่วยซ่วยขมวดคิ้วแล้วมองหน้าหลี่ฝาง “เขากำลังจะแก้แค้นแกหรือเปล่า”

หลี่ฝางหัวเราะ “ก็แค่ตัวตลกที่กระโดดโลดเต้นเท่านั้นเอง เอาเถอะ กลับที่นั่งแกไปก่อน ถ้าเป็นเขาจริง งั้นฉันก็จะรับมือกับเขาสักตั้งหนึ่ง”

เมื่อถึงเวลากลางคืน หลี่ฝางก็ได้สั่งจองห้องพิเศษในโรงแรมว่างโก๋ แล้วเชิญทุกคนมาด้วย

“ขอแนะนำเพื่อนใหม่ให้พวกแกหน่อย” หลี่ฝางพูดพลางมองไปยังถังหยู่ซวนที่มาสาย

ลู่เชาก็มาแล้ว ระหว่างที่ลู่เชามานั้น หลี่ฝางเดิมทีจะเอารถปอร์เช่ 918 คันนั้น ให้กับถังหยู่ซวน แต่ว่า ถังหยู่ซวนกลับส่ายหน้าปฏิเสธ เขาบอกว่ารถคันฟอร์ดของตัวเอง ขับถนัดมือกว่า ถ้าให้เขาขับปอร์เช่ 918 เกิดปลิวว่อนขึ้นมาจะทำยังไงดี?

รอให้ทุกคนนั่งเข้าที่เรียบร้อยแล้ว หลี่ฝางก็พูดว่า “มาเร็ว จะขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับเพื่อนใหม่ ถังหยู่ซวน ตอนที่ฉันอยู่ตงไห่ได้พบกับพี่น้องที่แสนดีคนนี้ ตอนนี้เขาก็มาเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่แล้ว

“จากนี้ไปก็ขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกคนด้วย” ถังหยู่ซวนยกแก้วเหล้าขึ้น พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

ทุกคนก็เริ่มดื่มกันไป หลี่ฝางกำลังเตรียมตัวจะล้อเล่นกับเหมิงเหมิงและหลี่ซ่วยซ่วย แต่ทันใดนั้น โทรศัพท์ของหลี่ฝางก็ดังขึ้น เฉินฝูเซิงโทรมาหา

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท