NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 675 เซี่ยลู่และจางเสี่ยวเฟิง

บทที่ 675 เซี่ยลู่และจางเสี่ยวเฟิง

“ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลลู่นี้ ถ้าอยู่ในสมัยโบราณ ก็นับว่าเป็นเจ้าผู้ครองนครรัฐแล้ว” เหอสงพูดว่า “ฉันรู้สึกพอใจมากแล้ว”

“ยศถาบรรดาศักดิ์ ต้องการเมื่อไรก็ได้ ชั่วชีวิตฉัน ก็ไม่มีอะไรที่ต้องเสี่ยงภัยด้วย” เหอสงพูด

โหจื่อส่ายหน้าแล้วพูดว่า “งั้นก็ไม่เสมอไปหรอก ต่อให้แกเก่งกาจแค่ไหน ก็ล้วนเป็นการขายชีวิตตัวเองให้กับคนอื่นทั้งนั้น ส่วนลูกพี่พวกเราไม่เหมือนกัน ลูกพี่พวกเราตั้งตัวได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง ไม่ต้องดูสีหน้าของใครทั้งนั้น”

“อย่างแกนี่ ท่านลู่ไปถึงไหน แกก็ต้องคอยติดตามเขาไปทุกที่” โหจื่อพูดว่า “แกเป็นคนที่ไม่มีความใฝ่ฝันของตัวเองเสียเลย”

เหอสงส่ายหน้า ไม่มีคำอธิบายและคำแก้ตัวใดๆมากไปกว่านี้

“หลังจากที่พวกเราไปแล้ว พวกแกอาจจะสงบได้ไม่กี่วัน แต่ว่าก็ไม่นานนักหรอก” เหอสงพูดว่า “ถึงเวลานั้น สิ่งที่พวกแกชักนำเข้ามานั้น ก็จะเป็นพายุฝนฟ้าคะนองที่แท้จริง

“ตาแก่พวกนั้น ก็จะรู้เป้าหมายของพวกแกได้อย่างรวดเร็ว ถึงเวลานั้นละก็…..”

“แกเป็นห่วงพวกฉัน หรือว่าเป็นห่วงตระกูลลู่กันแน่?” เหอสงยังไม่ทันพูดจบ โหจื่อก็ย้อนถามขึ้นมาทันที

“แน่นอนต้องเป็นห่วงตระกูลลู่อยู่แล้ว” เหอสงพูด

โหจื่อพูดว่า “ท่านลู่นั้น พวกเราจะปกป้องคุ้มครองอย่างดี ส่วนตระกูลลู่นั้น ก็มอบให้แกกับลู่เฟยดูแล จะสามารถยืนหยัดผ่านไปได้หรือไม่ ก็ต้องดูความสามารถของพวกแกแล้ว ตระกูลลู่ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ถึงทุกวันนี้ ก็ไม่ใช่เพราะเหยียบข้ามศพผู้คนมามากมายทั้งนั้นเหรอ?”

“ถึงแม้สักวันหนึ่งเขาต้องดับสูญไป ก็ถือว่าเป็นเวรกรรมตามสนองเขาแล้ว”

“พวกเสนาอำมาตย์ใหญ่โต ชีวิตพวกเขามีค่ามากกว่าพวกเราหรืออย่างไร ไม่มีตระกูลไหน สามารถยืนหยัดอยู่ได้ตลอดกาลโดยไม่ล่มสลายไป” โหจื่อพูด

เหอสงกำลังจะพูดอะไรต่อ แต่ว่าประตูห้องลับนั้นก็ถูกเปิดออก ลุงเฉียนมองไปยังเหอสงพยักหน้าแล้วพูดว่า “แกกลับไปได้แล้ว”

หลังจากลู่เฟยและเหอจากไปแล้ว หลี่ฝางมองไปยังลุงเฉียนและโหจื่อ แล้วถามอย่าง ระแวดระวังว่า “ฉันเป็นคนทำให้เกิดปัญหาใหญ่แล้วใช่ไหม?”

“ทำไมฉันรู้สึกว่า ฉันเป็นคนทำลายแผนการของพวกคุณ ทำให้ทั้งหมดวุ่นวายไปหมดเลยล่ะ?” หลี่ฝางพูด

“ถ้าไม่ใช่เพราะว่าฉันให้พวกคุณไปช่วยฉินหยีหรัน พวกคุณก็คงไม่ต้องจับท่านลู่มาไว้ที่สถานตากอากาศ แล้วลู่เฟยกับเหอสงก็คงไม่มาวุ่นวายที่นี่ อีกอย่างเมื่อกี้ฉันได้ยินเหอสงพูดว่า ท่านลู่จะอยู่กับพวกเราที่นี่ไม่นาน แล้วก็จะเกิดปัญหาที่ยุ่งยากกว่าตามมาอีกด้วย”

หลี่ฝางถอนหายใจ “ถ้าเป็นเช่นนี้จริง เรื่องนี้ก็จะยิ่งยุ่งยากมากขึ้น ถือว่าฉันเป็นคนก่อเรื่องขึ้นมาหรือเปล่า?”

“ฟ้าลิขิตแล้วให้พวกเราต้องเจอวิบากกรรมครั้งนี้ โทษคุณไม่ได้หรอก” ลุงเฉียนพูดปลอบใจหลี่ฝาง

จากนั้น ลุงเฉียนก็พูดกับโหจื่อว่า “ส่งเสี่ยวฝางกลับไปด้วย”

“ให้เสี่ยวฝางไปจากสถานตากอากาศเหรอ?” โหจื่อขมวดแล้วพูดว่า “ถ้าเกิดพวกนั้นลงมือกับคุณชายน้อยล่ะแล้วจะทำยังไง?”

“ฮ่าๆๆ ถ้าพวกเขาอยากจะลงมือกับเสี่ยวฝางละก็ ภายใน3ปีนี้ มีโอกาสมากถมไป” ลุงเฉียนพูดว่า “ให้เสี่ยวฝางไปอยู่ข้างนอก สามารถทำให้ฝ่ายตรงข้ามตายใจชั่วคราวได้”

“คนรอบข้างของเสี่ยวฝาง ก็มีคนคอยจดจ้องอยู่ตลอดเวลา ถ้าเขายังไม่ปรากฏตัวออกมาสู่สายตาฝ่ายตรงข้ามแล้ว ก็ยิ่งจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามสงสัยมากขึ้น” ลุงเฉียนพูด

โหจื่อพยักหน้าแล้วพูดว่า “งั้นฉันเข้าใจล่ะ”

“ใช่ล่ะ ช่วงเวลานี้ ก็อย่าไปยุ่งกับฟีนิกซ์ก็แล้วกัน” ลุงเฉียนพูดกำชับโหจื่อว่า “เรื่องกวาดล้างทำความสะอาดบ้านแบบนี้ ไม่ต้องรอให้แกลงมือหรอก”

โหจื่อทำเบ้ปาก ไม่รู้เหมือนกันว่าฟังเข้าหูหรือไม่

ผ่านไปไม่นานนัก หลี่ฝางก็ถูกส่งตัวออกไปจากสถานตากอากาศ

หลี่ฝางไม่ได้กลับมหาวิทยาลัย แต่ไปโรงพยาบาล

เมื่อมาถึงโรงพยาบาลแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยห้องหนึ่ง

ที่นี่เป็นห้องผู้ป่วยส่วนตัว มีชายหนุ่มคนหนึ่งพักอยู่ข้างใน

หลี่ฝางเดินเข้าไป นั่งอยู่ตรงหน้าของเขา หยิบบุหรี่มา 1 มวน แล้วส่งให้เขา “สูบสักมวนไหมล่ะ?”

หลี่ฝางหยิบบุหรี่มวนหนึ่งเข้าไปยังปากของชายหนุ่มคนนี้ และจุดไฟให้ด้วย “ฉันจำได้ตอนนั้นไปโรงเรียน ฉันมักจะให้บุหรี่ไฟฟ้าแกบ่อยเลย”

“ครั้งละห้าสิบเซนต์เอง” จางเสี่ยวเฟิงหัวเราะขึ้นมา

“ทำไมถึงไว้ชีวิตฉันล่ะ?”

หลังจากที่จางเสี่ยวเฟิงสูบบุหรี่เข้าไปอย่างแรงแล้ว จากนั้นก็พูดกับหลี่ฝางว่า “ถ้าฉันเป็นแก จะไม่ปล่อยให้คนที่คิดจะฆ่าตัวเองรอดไปได้หรอก”

“ในความทรงจำของฉัน แกก็เป็นคนช่างเจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนกัน” จางเสี่ยวเฟิงพูดพลางมองหน้าหลี่ฝาง

หลี่ฝางส่งเสียงหัวเราะแล้วพูดว่า “ฆ่าแกเหรอ? มีประโยชน์อะไรล่ะ แกก็เป็นเพียงแค่เครื่องมือของคนอื่นเท่านั้นเอง ต่อให้ฆ่าแกแล้วจะทำอะไรได้ล่ะ? จะเอาตัวบงการสำคัญออกมาได้ไหม?”

“งั้นที่แกมาหาฉัน จะมาทำอะไรล่ะ?” จางเสี่ยวเฟิงถามยังไม่เข้าใจ “ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้นจริงๆ”

“ใช่สิ แกไม่รู้แน่นอนว่า ฝ่ายนั้นจะตื้นลึกหนาบางยิ่งใหญ่ขนาดไหน”

หลี่ฝางพูดว่า “แกไม่รู้อะไรสักอย่างเลย แต่กลับขายชีวิตให้เขา จางเสี่ยวเฟิง แกไม่รู้สึกว่าตัวเองน่าขำไปหน่อยเหรอ?”

“ตั้งหลายร้อยล้านเลยนะ มีอะไรน่าขำล่ะ ต่อให้มีหลุมหรางใหญ่โตอยู่ตรงหน้าแก แต่ถ้าหากหลุมพรางตรงหน้านั้นเต็มไปด้วยเงินหลายร้อยล้านอยู่ภายใน ในสายตาของแก ก็ต้องจ้องไปยังเงินหลายร้อยล้านนั่น และมองข้ามหลุมพรางนั้นไป” จางเสี่ยวเฟิงพูด

“เป็นใครก็ต้องกระโจนเข้าไปทั้งนั้นแหละ”

“แกลืมไปแล้วเหรอว่า ตัวฉันเองก็เป็นเศรษฐีร้อยล้านเหมือนกัน”

หลี่ฝางส่ายหน้าแล้วยิ้ม “ไนต์คลับของฉัน ก็มีราคาถึงสองพันกว่าล้านแล้ว นอกจากไนต์คลับแล้ว ฉันก็ยังมีทรัพย์สินอีกมากมายมหาศาล”

จางเสี่ยวเฟิงสะอึกจนพูดอะไรไม่ออก

หลี่ฝางก็ค่อยๆลุกขึ้นยืน แล้วพูดว่า “อย่างน้อยก็เคยเป็นเพื่อนเรียนมาด้วยกัน คราวนี้ฉันก็จะปล่อยแกไป”

“แกจะปล่อยฉันไปจริงเหรอ?” จางเสี่ยวเฟิงมองหน้าหลี่ฝางอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างน้อยที่สุด เขาก็เกือบฆ่าหลี่ฝางตายไปแล้ว

หลี่ฝางยิ้มแล้วพูดว่า “แท้จริงแล้ว ชะตาชีวิตแกกับตู้เฟย ก็คล้ายคลึงกันมาก เพียงแต่ว่า โชคชะตาของตู้เฟยตอนแรกดีกว่าแกหน่อย ส่วนแกนั้นเหรอ จุดสุดท้ายของชีวิต กลับดีกว่าเขาหน่อย อย่างน้อยที่สุด ฉันก็ปล่อยแกไป แต่กลับไม่ได้ปล่อยเขาไป”

หลี่ฝางลุกขึ้นแล้วยื่นตั๋วเครื่องบินใบหนึ่งให้กับจางเสี่ยวเฟิง แล้วพูดว่า “ไปจากที่นี่ อย่าได้กลับมาอีกชั่วชีวิต ถ้าให้ฉันเจอแกอีกครั้งเมื่อไหร่ ฉันจะไม่ให้โอกาสแกอีกเลย”

“ใช่แล้ว ตั๋วเครื่องบินข้างในนี้ มีข่าวที่ฉันตัดออกมาให้”

หลังจากที่หลี่ฝางวางลงแล้ว ก็เดินจากไป

จางเสี่ยวเฟิงรับเครื่องบินมา จากนั้นก็ดูข่าวที่ว่านั้น หลังจากนั้น หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงตะโกนร้องดังลั่นของจางเสี่ยวเฟิง

หลี่ฝางส่ายหน้า จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องของเซี่ยลู่

เซี่ยลู่ตอนนี้ก็ได้ทำแผลเรียบร้อยแล้ว สีหน้าของเธอซีดเสียวมาก ช่วงเวลาที่ผ่านมา เธอกินอะไรไม่ค่อยได้ ตอนที่หลี่ฝางเดินมาถึงข้างตัวเธอ เซี่ยลู่ถึงกับสะดุ้งตกใจ

“นึกไม่ถึงเลยว่าคุณยังมาพบฉันอีก”

เซี่ยลู่มองไปยังหลี่ฝาง แล้วก็หันกลับไปมองทางหน้าต่างอีกครั้ง “ฉันคิดว่าคราวนี้ คุณคงจะไม่ให้อภัยฉันอีกแล้วใช่ไหม?”

เซี่ยลู่ได้กระทำความผิดไว้หลายครั้งหลายครา ส่วนหลี่ฝางนั้น ก็ได้ให้อภัยเธอหลายครั้งแล้วเหมือนกัน เพียงแต่ว่าความผิดที่ผ่านมานั้น ยังไม่ถึงขีดจำกัดของหลี่ฝางที่จะอดกลั้นได้เท่านั้นเอง

แต่ว่าครั้งนี้ เซี่ยลู่เกือบจะทำร้ายหลี่ฝางจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้น เซี่ยลู่ก็ไม่หวังอะไรมากแล้ว

อย่างน้อย เซี่ยลู่ก็เข้าใจดีว่า สำหรับความรู้สึกของหลี่ฝางที่มีต่อเธอนั้น คงไม่มีเหลืออีกแล้ว

ตอนนี้คนที่หลี่ฝางรักชอบนั้น เป็นผู้หญิงคนอื่น คือลู่หลุ่ย เป็นหลินชิงชิง เป็นฉินวี่เฟย แต่กับเซี่ยลู่แล้ว หลี่ฝางก็คงลืมไปจนหมดสิ้นแล้วล่ะ?

หลี่ฝางส่ายหน้าแล้วพูดว่า “คุณทายผิดแล้ว คราวนี้ฉันก็ยังเลือกที่จะให้อภัยคุณเหมือนเดิม”

“ที่ฉันมาหาครั้งนี้ เป็นการมาบอกลาคุณ ฉันจำได้ว่า ประเทศที่คุณชอบที่สุด ก็คือประเทศนอร์เวย์ ดังนั้นฉันจึงจองตั๋วเครื่องบินไปนอร์เวย์ให้คุณแล้ว ยังหางานให้คุณไว้แล้วด้วย”

“เป็นพนักงานต้อนรับของภัตตาคารแห่งหนึ่ง ชั่วชีวิตนี้ของคุณ ก็ไปทำงานที่ภัตตาคารนี้แล้วกัน” หลี่ฝางก็หยิบตั๋วเครื่องบินส่งให้กับเซี่ยลู่

เซี่ยลู่สีหน้าตกตะลึง มองดูหลี่ฝาง รู้ลึกซาบซึ้งใจขึ้นมาทันที

“รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงปล่อยคุณไป?” หลี่ฝางพูดด้วยรอยยิ้ม

เซี่ยลู่ส่ายหน้า แล้วพูดว่า “คุณไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยฉันไป คุณไม่ได้รักฉันแล้ว อีกอย่างคราวนี้ฉันคิดที่จะฆ่าคุณ ทำไมคุณถึงทำคุณบูชาโทษ ไม่เพียงแต่ไม่ฆ่าฉัน อีกทั้งยังให้ฉันไปอยู่ประเทศที่ฉันชอบที่สุดด้วยล่ะ?

“ทำบุญบูชาโทษงั้นเหรอ? นั้นมันคงไม่ใช่แนวทางของฉัน จางเสี่ยวเฟิงเข้าใจฉันได้ดีกว่า คนอย่างหลี่ฝางเป็นคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้น บางทีคนเรามีชีวิตอยู่ต่อไป จะทนทุกข์ทรมานยิ่งกว่าที่ตายไปเสียอีก”

“ช่วงชีวิตของคุณหลังจากนี้ เกรงว่าจะต้องมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความสำนึกผิดตลอดเวลา” หลี่ฝางพูดด้วยรอยยิ้ม”

“มันหมายความว่าอย่างไร?” เซี่ยลู่ไม่ค่อยเข้าใจจึงรีบถาม

“ช่วงเวลานี้ คุณเคยติดต่อพ่อแม่ของคุณหรือเปล่า?” หลี่ฝางถาม

“ที่นี่ไม่มีการติดตั้งระบบสื่อสารอะไรไว้ มือถือของฉัน พวกคุณก็เอาไปแล้ว” เซี่ยลู่พูดว่า “ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ฉันนอกจากเวลานอนหลับแล้ว ก็ได้แต่มองดูทิวทัศน์ข้างนอกหน้าต่างมาโดยตลอด”

“ก็ดีเหมือนกัน ถือว่าเป็นการฝึกจิตใจรักษาสุขภาพไปในตัว”

หลี่ฝางยิ้มแล้วพูดว่า “ช่างเถอะ งั้นก็ขอบอกให้คุณรู้ดีกว่า ในใจฉันตอนนี้ก็ยังโกรธแค้นคุณอยู่ ดังนั้น ฉันก็อยากเห็นหน้าตาที่โหดร้ายของคุณ”

“พวกเราสองคนโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ฉันชอบคุณขนาดนั้น ดูแลคุณดีขนาดนั้น ไม่คิดเลยว่า หลังจากที่คุณโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว สามารถทำร้ายฉันได้ถึงเพียงนี้ จนถึงกับทำร้ายฉันเกือบตาย ฮ่าๆ เซี่ยลู่ คุณนี่ไม่ต่างอะไรกับเดรัจฉานเลยนะ”

พูดพลางหลี่ฝางยิ้มอย่างโหดเหี้ยม “ภัตตาคารที่อยู่นอร์เวย์นั้น ฉันเป็นคนที่ไปซื้อมาในราคาต่ำกว่าท้องตลาดครึ่งหนึ่ง ที่ราคาถูกขนาดนั้น เป็นเพราะว่าไม่กี่วันก่อนเกิดคดีฆาตกรรมขึ้น”

“คุณลุงเซี่ยและคุณป้าก็เสียชีวิตอยู่ในภัตตาคารนั้นด้วย มีบริกรคนหนึ่งวางยาพิษลงไปในไวน์ของพวกเขา” หลี่ฝางพูดจบ มือทั้งสองของเซี่ยลู่ ก็สั่นไปหมด ตั๋วเครื่องบินในมือเธอ ก็ตกลงบนพื้น

หลี่ฝางก็ช่วยหยิบขึ้นมา แล้วยัดใส่มือของเซี่ยลู่เหมือนเดิม “ตอนนี้คุณยังรู้สึกว่า ที่ฉันส่งคุณให้ไปทำงานที่นอร์เวย์นั้น เป็นการทำดีต่อคุณหรือเปล่า?”

หลี่ฝางหัวเราะแล้วพูดว่า “เซี่ยลู่ คุณเป็นคนที่ฆ่าพ่อแม่คุณเอง ถ้าคุณไม่โลภมาก ไม่ไปเชื่อคำพูดบ้าๆของคนพวกนั้น พ่อแม่ของคุณก็ไม่ต้องมาตายเช่นนี้”

ปฏิกิริยาตอบโต้ของเซี่ยลู่ไม่เหมือนกับจางเสี่ยวเฟิง จางเสี่ยวเฟิงตะโกนร้องเสียงดังลั่น กระโดดขึ้นลงบนเตียง แล้วทุบทำร้ายข้าวของภายในห้อง ยิ่งไปกว่านั้นยังเอาหัวไปชนกำแพง เป็นการตอบโต้ที่รุนแรงมาก

ส่วนเซี่ยลู่เมื่อเทียบกับจางเสี่ยวเฟิงแล้ว กลับนิ่งเงียบสงบอย่างมาก ตอนแรกเธอก็รู้สึกตกตะลึง จากนั้นน้ำตาก็ไหลนองเต็มหน้า เธอปาดน้ำตาออก แต่น้ำตาก็ยังไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย

เธอไม่ได้ใช้สายตาที่โกรธแค้นมองหน้าหลี่ฝาง แต่กลับรู้สึกโทษตัวเองอย่างมาก

เธอเข้าใจดีว่า พ่อแม่ของเธอไม่ใช่ถูกหลี่ฝางฆ่าตาย แต่เป็นตัวเธอเองต่างหาก

หลี่ฝางส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ใช่เฉพาะคุณ พ่อแม่ของจางเสี่ยวเฟิง ยังมีน้องสาวเขาก็ตายหมดแล้ว พวกเขาตายอย่างน่าอนาถกว่า เกิดจากอุบัติเหตุรถชน ถูกรถบรรทุกทับจนร่างแบนไปหมด”

“ตู้เฟยตายด้วยมือของฉันก็จริง แต่ว่าความแค้นระหว่างฉันกับตู้เฟย ก็ได้สะสางไปหมดแล้ว ถ้าจะพูดว่าฉันฆ่าตู้เฟยตาย งั้นเปลี่ยนเป็นพูดว่าตู้เฟยตายเพราะชดใช้ชีวิตเพื่อขอขมาฉันจะดีกว่า เขาทำร้ายฉันหลายครั้งมาก สมควรตายแล้ว แต่ว่าก่อนที่เขาจะตาย สิ่งที่ออกมาจากปากของเขา และในสมองของเขาที่คิดถึงตลอด ก็ล้วนมีแต่คุณทั้งนั้น”

หลี่ฝางส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมเพื่อนพวกเราที่เรียนมาด้วยกัน ต้องมาพบจุดจบที่เหมือนกันอย่างนี้ ตู้เฟย จางเสี่ยวเฟิง เกาเสิ้ง คุณ แล้วก็หลิวเฉียวเฉียว……”

“ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่า ความแค้นตอนเด็กของพวกเรา จะมีมากมายเพียงนี้เชียวเหรอ?”

หลี่ฝางพูดอย่างไม่เข้าใจว่า “เป็นเพราะว่าฉันมีเงินมากเกินไปใช่ไหม? ถ้าหากฉันไม่มีเงิน พวกคุณคงจะไม่ใช่เป็นอย่างนี้ อย่างมากก็เป็นแค่อันธพาลในรั้วมหาวิทยาลัยเท่านั้นเอง?”

“แต่ไม่ใช่กลายเป็นผู้ร้ายฆ่าคนอย่างนี้?” หลี่ฝางพูดด้วยความรู้สึกเสียดาย

ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนเป็นเพราะอำนาจเงินตราทั้งสิ้น แน่นอน ตู้เฟยอาจจะทำด้วยความโกรธแค้นส่วนตัวจนทำให้ตาบอดก็ได้

“เอาเถอะ ทุกอย่างก็เกิดจากการกระทำของพวกคุณทั้งนั้น พวกคุณแพ้แล้ว ฉันชนะแล้ว แต่ว่าฉันไม่ได้ดีใจอะไรเลย ถึงแม้พวกคุณเคยรังแกฉัน ฉันก็เคยคิดหวังจะให้พวกแกมีอนาคตที่เลวร้าย หรือว่าตายไปก็ยิ่งดี แต่ว่าเมื่อวันนี้มาแล้ว ฉันกลับพบว่าฉันไม่ได้ดีใจเลยแม้แต่นิดเดียว”

หลี่ฝางพูดว่า “และแน่นอน ก็ไม่ได้มีความรู้สึกผิดหวังอะไรเหมือนกัน”

“นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเราได้พบหน้ากัน” หลี่ฝางมองดูเซี่ยลู่แล้วถามว่า “ยังมีอะไรที่อยากจะพูดกับฉันอีกหรือเปล่า?”

“คำว่าขอโทษสักคำก็ไม่มีเหรอ?”

เซี่ยลู่ไม่พูดอะไรสักพักใหญ่ หลี่ฝางถามพลางส่ายหน้า อาจจะตอนนี้เซี่ยลู่ ยังอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจที่พ่อแม่ของเธอได้จากไปแล้ว

หลี่ฝางส่ายหน้า แล้วเดินออกจากห้องผู้ป่วย พลางพูดกับคนที่ยืนอยู่หน้าประตูว่า “จัดหาคน พาพวกเขาไปส่งที่สนามบินด้วย”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท