NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่687 ผู้ช่วยเหลือมาแล้ว

บทที่687 ผู้ช่วยเหลือมาแล้ว

“วันตายของคุณถึงก่อนกำหนดแล้ว”

ชางสู่มองเสี่ยวโจว พูดอย่างเย็นชา:“ถ้าจะตำหนิ ก็ตำหนิหลี่ฝางเถอะ”

“ถ้าเขาไม่ปรากฏตัว ผมอาจจะให้คุณเฝ้าศพดีๆ ให้คุณไปส่งแม่คุณครั้งสุดท้าย รอเสร็จสิ้น ก็ค่อยฆ่าคุณ แต่ตอนนี้……เหอะเหอะ ได้แต่ขอโทษคุณแล้ว”

ข้างกายของเสี่ยวโจว ยังมีอีกคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ มองดูแล้วเขาจะอายุน้อยกว่าเสี่ยวโจวไม่กี่ปี แต่เขาก็ยี่สิบกว่าแล้ว หลังจากเห็นชางสู่เข้ามา เขาก็ยืนขึ้นทันที ด่าอย่างเย็นชา:“แม่เอ๊ยคุณมาจากไหน ไสหัวไปเลย”

“ที่ปากพูดอะไรเหลวไหลอยู่เหรอ!”

“น้องชาย คุณไปก่อนเถอะ”

เสี่ยวโจวพูดนิ่งๆ:“ออกไปทางประตูหลัง”

เสี่ยวโจวพูดจบ ก็มองชางสู่ เหมือนจะขอร้อง:“เขาคือน้องชายผม มาเฝ้าศพกับผม เป็นผู้บริสุทธิ์ ปล่อยเขาไป ได้ไหม?”

ชางสู่พูดเบาๆ:“ผมรู้ว่าคุณเคยช่วยชีวิตเพื่อนผมไว้ ดังนั้น เด็กที่อยู่ข้างคุณนั้น ผมจะปล่อยเขาไป”

“คุณไปเถอะ”ชางสู่มองน้องชายของเสี่ยวโจว แล้วพูด

น้องชายของเสี่ยวโจวทำเสียงฮึดฮัด หยิบกระบองขึ้นมา วิ่งไปทางชางสู่ เสี่ยวโจวอยากจะห้าม แต่ไม่ทันแล้ว

กระบองทุบไปที่หัวของชางสู่โดยตรง ชางสู่ไม่ได้หลบ ได้แต่พูดอย่างดูถูก:“แค่ตีคนยังไม่มีแรง กินเสียข้าวสุกจริงๆ”

พูดไป ชางสู่ก็เตะออกไป จนทำน้องชายของเสี่ยวโจวล้มไปที่โลงศพ

น้องชายของเสี่ยวโจว หัวไปชนโลงศพ หมดสติไป โลงศพสั่นเล็กน้อย คิ้วของเสี่ยวโจว ขมวดขึ้นมา:“คิดไม่ถึงว่าแม่ผมเสียแล้ว ก็ยังจากไปอย่างไม่สงบอีก”

เสี่ยวโจวค่อยๆยืนขึ้นมา เขาคุกเข่ามาทั้งวัน ตอนที่ลุกขึ้น ข้อกระดูกที่เข่า ก็ส่งเสียงออกมา ชางสู่หัวเราะเหอะเหอะ พูดว่า:“ให้เวลาคุณห้านาที ขยับกล้ามเนื้อกระดูกก่อนเอาไหม?”

“ไม่ต้องหรอก”

เสี่ยวโจวส่ายหน้า มองชางสู่แล้วพูด:“ที่จริง ผมอยากสั่งสอนคุณนานแล้ว มู่เสี่ยวไป๋ชมคุณได้ทุกวัน”

“ทำไม ฟังไม่เข้าหูเหรอ?”ชางสู่หัวเราะเหอะเหอะ

“ก็นิดหน่อย”

เสี่ยวโจวมองชางสู่ ในตามีความอาฆาต

นี่คือครั้งแรกที่เสี่ยวโจวเผยให้เห็นความอาฆาตขนาดนี้ เสี่ยวโจวรู้ว่า คืนนี้ ตัวเองไม่รอดแน่นอน กลับมาที่อำเภอหลินครั้งนี้ ชางสู่พาคนมาเยอะมาก

ถึงแม้จะฟังดูดีว่า มู่เสี่ยวไป๋ที่ส่งพวกเขามางานศพ แต่ที่จริงแล้ว ส่งมาฆ่าเขา

จุดนี้ เสี่ยวโจวเดาออกนานแล้ว

เสี่ยวโจวมองชางสู่ แล้วพูด:“คุณติดตามมู่เสี่ยวไป๋ ไม่มีทางที่จะมีจุดจบที่ดี”

“ก็จะเหมือนกับที่ผมเจอ รอตัวคุณไม่มีค่าแล้ว เขาก็จะกำจัดคุณ”เสี่ยวโจวพูด ในใจก็รู้สึกอาฆาตแค้นมู่เสี่ยวไป๋สุดๆ

ยังไงหลายปีมานี้ เสี่ยวโจวก็ทำความดีความชอบชนะให้ตระกูลมู่มาไม่น้อย ไม่ว่าจะพูดยังไง ตระกูลมู่ก็ไม่ควรส่งคนมาฆ่าเสี่ยวโจว

ตอนนี้ เสี่ยวโจวเดินไปสองสามก้าว มาตรงหน้าของชางสู่:“ผมไม่อยากสู้ที่ศาลาศพ ไปที่ลานกว้างได้ไหม?”

“ผมก็ค่อนข้างเคารพผู้ตาย”ชางสู่พยักหน้า เห็นด้วย

หลังจากทั้งสองไปที่ลานกว้าง เสี่ยวโจวก็ถอดเสื้อผ้าที่ตัวของตัวเอง เขามองชางสู่ หลังจากพูดขอบคุณไป ก็พุ่งเข้ามาทันที

ความเร็วของเสี่ยวโจวนั้นไวมาก เหมือนกับเสือชีตาห์ พริบตาเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าของชางสู่ นิ้วมือของเขาทำเป็นตะขอเกี่ยว ไปที่ตัวของชางสู่ แล้วคว้าขึ้นมา

ชางสู่ขมวดคิ้ว รีบป้องกัน แต่ถูกเสี่ยวโจวจับไปที่ไหล่ ทันใดนั้น เสี่ยวโจวก็ฉีกเสื้อผ้าของชางสู่

ชางสู่ขมวดคิ้ว มองเสี่ยวโจวแล้วพูด:“ไม่น่าล่ะหวางเห้าเพื่อนผมถึงได้แพ้ให้คุณ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณจริงๆ”

แค่ยกเดียว ชางสู่ก็มองช่องว่างของหวางเห้ากับเสี่ยวโจวออก

ศัตรูตรงหน้านี้ ทำให้ชางสู่เผชิญหน้าขึ้นมา

และด้านนอก หลังจากหลี่ฝางเห็นชางสู่เข้ามาบ้านเสี่ยวโจว ก็ร้อนใจทันที เขาโทรหาเฉินฝูเซิง ถามว่า:“เกิดอะไรขึ้น ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมยังไม่ถึง?”

หลี่ฝางรอไม่ไหวแล้ว ยังไงตอนกลางวันก็ส่งที่อยู่ให้เฉินฝูเซิง และเฉินฝูเซิงก็บอกตัวเอง ว่าเขาเดินทางแล้ว แต่ตอนนี้ผ่านไปหกเจ็ดชั่วโมง ยังไม่มาอีก?

ถ้ายังไม่มาอีก งั้นเสี่ยวโจว ได้จบเห่แน่

โทรศัพท์เสร็จไม่นาน เฉินฝูเซิงก็ขับรถ มาถึงที่นี่

รถของเฉินฝูเซิง โดนกระแทกอย่างแรง บุบเข้าไปส่วน หลี่ฝางรีบถาม:“เกิดอะไรขึ้น?”

“ระหว่างทางถูกแอบโจมตี เหมือนจะเป็นคนของมู่เสี่ยวไป๋”

เฉินฝูเซิงขมวดคิ้ว พูดว่า:“ช่างเถอะ ไม่พูดแล้ว เจ้านาย รีบบอกพวกเรามาว่าชางสู่อยู่ไหน”

“คนอื่นล่ะ ผมไม่ได้ให้คุณพาคนมาเยอะๆเหรอ?”หลี่ฝางถาม

ในรถของเฉินฝูเซิง มีแค่สองคน คนหนึ่งคือจูเปิ่น อีกคนคือเสี่ยวซานจื่อ

แค่พวกเขาสามคน จะช่วยเสี่ยวโจวได้ไง?

หลี่ฝางทนไม่ไหวแทบจะบ้าออกมา เฉินฝูเซิงส่ายหน้า พูดว่า:“คนของผม ติดอยู่ที่ถนนหมดเลย”

“เกรงว่าพวกเขา จะมาถึงที่นี่ยังไม่ทันในทันที”

หลี่ฝางถอนหายใจ ชี้ไปที่บ้านของเสี่ยวโจว:“ชางสู่อยู่ข้างใน”

จูเปิ่นหยิบปืนออกมา ยื่นให้เฉินฝูเซิง ขณะเดียวกัน ในมือของเสี่ยวซานจื่อ ก็ถือปืนไว้ สามคนนี้ รีบเข้าไปในบ้านของเสี่ยวโจวทันที

และตอนนี้หลี่ฝางก็ถาม:“ยังมีอีกไหม เอามาให้ผมกระบอกหนึ่ง”

“เจ้านาย ล้อเล่นอะไรกัน ของสิ่งนี้ คุณใช้เป็นเหรอ?ถึงใช้เป็น ผมก็ไม่ให้คุณไป อันตรายเกินไป คุณยืนรออยู่ในนี้เถอะ”

เฉินฝูเซิงกลอกตาใส่หลี่ฝาง

และตอนนี้ถังหยู่ซวนก็ปรากฏตัวที่นี่:“เอาให้ผมกระบอกหนึ่ง”

“คุณ?”เฉินฝูเซิงมองถังหยู่ซวน สงสัยหน่อยๆ ยังไงอายุของถังหยู่ซวน ก็ดูแล้วไม่เยอะ และทั้งสองก็ไม่เคยเจอกัน

“คุณคือใคร?”

เฉินฝูเซิงถาม:“เหมือนว่าผมจะไม่เคยเจอคุณ”

หลี่ฝางแนะนำสั้นๆ:“ถังหยู่ซวน เพื่อนผมเอง คุณเอาให้เขากระบอกหนึ่ง”

“ในรถมี ไปเอาเองเถอะ แต่ว่า คุณใช้เป็นไหม?”เฉินฝูเซิงหัวเราะเหอะเหอะ

ถังหยู่ซวนถือปืนกระบอกหนึ่ง วางไว้ในมือ พูดว่า:“ปืนกระบอกนี้ พวกคุณทำกันเองสินะ?ข้างในมีกระสุนทั้งหมดสิบลูก เลียนแบบขั้นสูงมาก ปืนพกดั้งเดิม ใส่กระสุนได้มากสุดแค่แปดลูก”

“แต่ เสียงดังมาก หมู่บ้านนี้มีคนอาศัยอยู่เยอะ ใช้ปืนแบบนี้ ทำให้ผู้คนกระสับกระส่ายได้ง่าย”

“มีเครื่องเก็บเสียงไหม?”ถังหยู่ซวนถาม

“เหล่าพี่ชาย มืออาชีพนี่ นี่ก็ยังดูออก คิดไม่ถึงว่าคุณยังอายุน้อย แต่ชำนาญด้านนี้นะ”เฉินฝูเซิงตะลึงไปก่อน จากนั้นก็ส่งสายตาชื่นชม

“แต่ว่า มีเครื่องเก็บเสียงแค่อันเดียว”

ทันใดนั้น เฉินฝูเซิงก็พูด

“อือ เอาเครื่องเก็บเสียงมาให้ผม พวกคุณไม่ต้องใช้ปืนหรอก”ถังหยู่ซวนพูดเบาๆ

“คุณพูดอะไรน่ะ”

“ไม่ใช้ปืน?อีกฝ่ายมีตั้งเยอะ พวกเราไม่ใช้ปืน จะจัดการพวกเขาได้ไง คุณรู้ไหมคนพวกนี้มีฝีมือเก่งแค่ไหน?”เสี่ยวซานจื่อจ้องถังหยู่ซวนเขม็ง

ไม่ว่าจะเป็นเสี่ยวซานจื่อหรือว่าจูเปิ่น พวกเขาต่างเคยเห็นฝีมือพวกชางสู่แล้ว และก็ เคยเสียเปรียบไปแล้วด้วย

ครั้งที่แล้วตอนที่ช่วยน้องสาวจูเฟิ่งปิน พวกเขาก็แพ้ให้ชางสู่ แล้วยังกลายเป็นตัวประกันของชางสู่

“คนพวกนี้ ส่งให้ผมเถอะ พวกคุณเข้าไปเลย เข้าไปช่วยคน”ถังหยู่ซวนพูด

เสี่ยวซานจื่อหัวเราะเหอะเหอะขึ้นมา:“น้องชาย คุณล้อพวกเราเล่นเหรอ”

“คุณคิดว่า ผมจะเอาชีวิตมาล้อเล่นกับคุณเหรอ?”ถังหยู่ซวนพูด

“ให้เขาเถอะ”หลี่ฝางพูดขึ้นมาในตอนนี้

ยังไงก็เป็นลูกศิษย์ที่โหจื่อสอน หลี่ฝางยอมเชื่อถังหยู่ซวน

หลังจากหลี่ฝางพูด เฉินฝูเซิงก็เอาเครื่องเก็บเสียงเพียงอันเดียว ส่งให้ถังหยู่ซวน:“ผมเชื่อคุณ ผู้ชำนาญ เชื่อว่าคุณไม่ใช่แค่มีความรู้ทางทฤษฎีเท่านั้น”

“โอเค รีบไปเถอะ ไม่ว่าอย่างไร ก็ช่วยพี่ชายผมให้ได้”หลี่ฝางพูด

“เหอะเหอะ เป้าหมายแรกของพวกเรา ก็คือฆ่าชางสู่ แก้แค้นให้เพื่อนผม”

เฉินฝูเซิงพูดจบ ใบหน้าก็ดูน่ากลัว จากนั้น ทั้งสี่คน ก็วิ่งเข้าไปในบ้านของเสี่ยวโจว

ส่วนถังหยู่ซวน ถึงแม้วิ่งอยู่หลังสุด แต่ในมือเขาถือปืนสองกระบอก ตอนที่ใกล้จะถึง ก็เหนี่ยวไก ยิงไปที่คนของชางสู่

ถึงแม้จะอยู่ในระยะห่างกันมาก แต่การใช้ปืนของถังหยู่ซวน กลับแม่นยำมาก

หลี่ฝางก็เพิ่งกำชับไปว่า อย่าฆ่าพวกเขา ดังนั้นแค่ยิงขาก็พอ ถังหยู่ซวนยิงไปที่ขาอย่างเดียว และคนพวกนี้เห็นพวกถังหยู่ซวน ก็เข้าไปเฝ้าการณ์ทันที

“ผมจะเปิดทางให้พวกคุณ พวกคุณเข้าไปช่วยคน”ถังหยู่ซวนพูด

เสี่ยวซานจื่อหัวเราะอย่างเย็นชา:“พวกเราเข้าไปฆ่าคน แต่ว่าน้องชาย คุณยิงปืนได้ไม่เลวเลย ผมฝึกมาหลายปี ก็ยังไม่ดีเท่าคุณ”

ถังหยู่ซวนหน้านิ่งสุดๆ สองมือเขาถือปืน ไม่กล้าหย่อนลงเลยสักนิด ยังไงเขาก็ไม่แม่นปืนขนาดโหจื่อ ที่ยิงร้อยนัดเข้าทุกนัดได้ แค่คนพวกนี้วิ่ง อัตราความแม่นของถังหยู่ซวน ก็ลดลงแล้ว

แต่ถังหยู่ซวนก็ยังคอยเปิดทางให้ ทำให้เฉินฝูเซิงและคนอื่นๆ บุกเข้าบ้านของเสี่ยวโจว

ปืนกระบอกหนึ่งใช้เสร็จ ถังหยู่ซวนเอาที่เก็บเสียง ใส่ที่ปืนอีกกระบอกทันที。

ได้ยินเสียงปืนด้านนอกเบาๆ สีหน้าของชางสู่ เปลี่ยนไปทันที

ครั้งนี้ คนของชางสู่ ไม่ได้เอาปืนมา หมายความว่า คนที่ยิงปืน ไม่ใช่คนของตัวเองแน่

ชางสู่ในตอนนี้ ที่มุมปากมีเลือดไหล หน้าที่แต่เดิมขาวนั้น ก็ถูกเสี่ยวโจวข่วนหนัง จนเลือดไหล

ส่วนเสี่ยวโจวก็ไม่ได้ดีนัก กระดูกของเขา ถูกชางสู่ทุบหักหมด แต่เสี่ยวโจวยังคงยืนอยู่ มองดูแล้วไม่สะทกสะท้านเลย

“เหมือนคุณจะไม่เจ็บเลยนะ”ชางสู่มองเสี่ยวโจว ถามอย่างเย็นชา

เสี่ยวโจวสีหน้าราบเรียบ:“คนหนึ่งที่ใกล้ตาย จะเจ็บปวดได้ไง?”

ที่จริง เสี่ยวโจวแค่อดทนไว้ เขามองชางสู่แล้วพูด:“ถ้าคุณรอให้ผมฝังแม่ผมเสร็จ แล้วค่อยฆ่าผม ผมจะไม่ตอบโต้เลย แต่คุณรังแกกันเกินไป แม้แต่โอกาสที่ผมจะจัดงานศพแม่ตัวเองก็ไม่ให้……”

พูดไป ความโกรธของเสี่ยวโจวก็ปะทะเข้ามาอีก พุ่งเข้าไปที่ชางสู่ เข้าสู้สภาวะบ้าคลั่ง

ถึงแม้เสี่ยวโจวไม่ใช่คู่ต่อสู้ชางสู่ แต่ก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ดังนั้นสู้กันจึงไม่ออมมือ แทบจะไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดีแล้ว

ยอมให้ถูกตบ ถูกต่อยสักหมัด เสี่ยวโจวก็ไม่สนใจ แค่ทำร้ายชางสู่ได้ ก็ไม่ลังเล

“ไอ้บ้านี่ อยากตายใช่ไหม!”

ชางสู่ยังมีแรงพอ กำหมัดแน่นขึ้นมา ตอนที่เสี่ยวโจวเข้ามา เขาก็คว้าช่องว่าง ปล่อยหมัดไปที่ตำแหน่งหัวใจที่หน้าอกเสี่ยวโจว และตรงหัวใจของเสี่ยวโจว ก็จมลงไป

ที่ปากของเสี่ยวโจว อ้วกเป็นเลือด แต่มุมปาก กลับยิ้มออกมา ชางสู่เห็นรอยยิ้มนี้ ก็รู้สึกผิดปกติทันที เพราะว่าแรงตอนนี้เสี่ยวโจวใช้แรงทั้งตัว เข้ามาข้างหน้า ยื่นมือไปคว้าส่วนคอของเขา

ทันใดนั้น ชางสู่ถอยหลังไปทันที แต่ยังถูกเสี่ยวโจวคว้าคอไว้ แล้วฉีกหนังที่คอ

ทันใดนั้น ที่คอของชางสู่ ก็มีเลือดไหล

สีหน้าของเสี่ยวโจว ซีดขาวลงทันที เขายืนไม่อยู่ไปทั้งตัวแล้ว ค่อยๆล้มไปที่พื้น และชางสู่ก็ใช้มือกุมคอไว้ ตอนออกไป กลับเห็นเฉินฝูเซิง เสี่ยวซานจื่อและคนอื่นๆ ตามเข้ามาพอดี

“เอาชีวิตของเพื่อนผมมา”

เฉินฝูเซิงตะโกนออกมา วิ่งไปทางชางสู่ เสี่ยวซานจื่อกับจูเปิ่น ก็ตามไปติดๆ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท