NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่714 แกห้ามฉันไม่ได้หรอก

บทที่714 แกห้ามฉันไม่ได้หรอก

ตอนนี้แมงป่องขึ้นลิฟต์มาแล้ว

ฉ่างจื่อตามติดแมงป่องมาติดๆ คอยคุ้มกันความปลอดภัยของแมงป่องอย่างดี

คนในลิฟต์ไม่เยอะ มีแค่วัยรุ่นไม่กี่คน และไอ้หน้าหนวด

ไอ้หน้าหนวดไม่ได้แต่งตัวอะไรเป็นพิเศษ เพราะเขาไม่จำเป็นต้องกลัวว่าสถานะจะถูกเปิดเผย

จนกระทั่งลิฟต์มาถึงที่หมาย ไอ้หน้าหนวดก็ยังหาโอกาสลงมือไม่ได้

แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้หลุดโฟกัสเลย ไม่แม้แต่จะปรายสายไปทางอื่น

ห้องทำงานหยิ่นเจิ้งอยู่ชั้นบนสุดของตึก ในขณะลิฟต์มาสูงสุดได้แค่สองชั้นสุดท้ายก่อนจะถึง

ชั้นที่เหลือต้องเดินขึ้นทางบันไดเท่านั้น

วินาทีที่ประตูลิฟต์เปิด หลายคนก็อัดกันเข้ามา จนชนเข้ากับแมงป่องกับฉ่างจื่อ

“แม่งเอ้ย อยากตายหรือไง ไม่แหกตาดูบ้างว่ามีคนหรือเปล่าก็พุ่งเข้ามา?”

ฉ่างจื่อถลึงตามองคนที่พุ่งเข้ามาในลิฟต์ แล้วก่นด่า

ส่วนแมงป่องแค่พูดว่าช่างเถอะคำนึง แล้วก้าวขาเตรียมจะออกจากลิฟต์

คนสองสามคนสวมแว่นตา ใส่ชุดทำงาน แมงป่องที่แม้จะระวังตัวมากก็ไม่ได้สัมผัสถึงความผิดปกติแต่อย่างใด ดังนั้นเขาจึงผ่อนคลายลง

บริษัทตระกูลหยิ่น พนักงานชายมักจะสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ดังนั้นหากจะซ่อนอาวุธปืนย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย

และดูท่าทางของพวกเขา ที่ค่อนข้างอ่อนโยนนุ่มนิ่ม ดูยังไงก็ไม่ใช่คนที่เป็นวิทยายุทธ์หรือมีแผนการอะไร

แมงป่องใช้ชีวิตมานานขนาดนี้ แน่นอนว่าสายตาย่อมหลักแหลมอย่างมาก

แต่เขาคงคิดไม่ถึงว่า ที่ด้านหลังของตัวเองมีมีดคมกริบเล่มนึงกำลังถูกชักออกมา

“เฮ้!”

ไอ้หน้าหนวดตบบ่าแมงป่อง วินาทีที่แมงป่องเพิ่งรู้สึกตัวและหันกลับไป มีดในมือของไอ้หน้าหนวดก็ทิ่มเข้าไปในหน้าอกของแมงป่องแล้ว

ขณะที่ภายในลิฟต์เกิดความอลหม่านขึ้น ไอ้หน้าหนวดก็ทิ้งระเบิดควันแล้วฉวยโอกาสหลบหนีไป

เมื่อควันระเหยไปจนหมด ร่างของไอ้หน้าหนวดก็ไม่อยู่แล้ว

สีหน้าของแมงป่องเย็นยะเยือก

ส่วนฉ่างจื่อก็ช่วยพยุงแขนข้างนึงของแมงป่อง “ผมจะพาคุณพ่อไปโรงพยาบาล”

“ไม่ต้อง แผลแค่นี้ไม่ถึงตายหรอก โทรเรียกหมอส่วนตัวมาก็พอ” แมงป่องพูดเสียงเย็น “ขึ้นไป”

ฉ่างจื่อพยักหน้าเล็กน้อย แล้วโทรออก

เมื่อปลายสายรับ ฉ่างจื่อก็พูด “จับตาดูให้ดี คอยจับตาดูชายวัยกลางคนไว้หนวดอายุประมาณสามสิบห้า ถ้าเจอมันออกจากบริษัทตระกูลหยิ่นเมื่อไหร่ จับตัวมันมาให้ฉัน”

ฉ่างจื่อพูดกับสวีเจ๋จบก็วางสาย แล้วต่อสายถึงหมอส่วนตัว

“คุณพ่อโดนแทง หยิบกล่องยาฉุกเฉินแล้วรีบมา สถานที่คือบริษัทสำนักงานใหญ่ของตระกูลหยิ่น รีบมาด่วนๆ” ฉ่างจื่อพูดเสร็จพลันก็รีบวางสายแล้วหันมาพยุงแขนของแมงป่อง “ไม่เป็นอะไรแน่นะครับคุณพ่อ?”

“ไม่เป็นไร ตอนที่ไอ้บ้านั่นมันแทงฉันใช้มือกั้นไว้ก่อน ก็เลยไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก แผลไม่ได้ลึกไม่ถึงกับตาย อย่างมากก็แค่นอนพักสองวัน”

แมงป่องส่ายหน้า “ไม่คิดเลยว่าแค่โผล่มาที่นี่ก็โดนจับตาเข้าจนได้”

แมงป่องเริ่มรู้สึกคิดผิด ถ้ารู้ว่าแต่งตัวปกปิดแบบนี้แล้วยังตกเป็นเป้า เขาคงเอาบอร์ดี้การ์ดมาด้วยสักสิบคน

ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนคอยเคลียร์ทางให้อยู่ตลอด ตัวเองก็คงไม่ถูกลอบทำร้าย

“คุณพ่อ เรื่องที่พวกเราจะมา นอกจากไอ้แก่เจ้าเล่ห์หยิ่นเจิ้งก็ไม่มีใครรู้อีก คุณพ่อคิดว่าเป็นฝีมือมันหรือเปล่าครับ?” ฉ่างจื่อขมวดคิ้ว

“เหอะๆ การมาของเราครั้งนี้มีแค่คนสองคนที่รู้ คือนายกับหยิ่นเจิ้ง” แมงป่องยิ้มแข็งทื่อ

“นี่คุณพ่อสงสัยแม้กระทั่งผม?” ฉ่างจื่อตะลึง ดวงตาเบิกกว้าง

“นายเป็นลูกชายบุญธรรมของฉัน ฉันจะสงสัยนายได้ยังไง? แต่ที่นี่เป็นบริษัทของหยิ่นเจิ้ง ถ้ามันฆ่าฉันที่นี่จริง มันไม่กลัวผลที่จะตามมาหรอ? หรือจะบอกว่ามันโดนฉันบีบจนหมดทางเลือก?” แมงป่องพูดด้วยความเย็นชา

“แต่ก็มีความความไปได้อยู่ รอบนี้เราโจมตีไปที่ลูกชายมัน ถ้าไอ้แก่เจ้าเล่ห์นั่นจะเสียสติทำอะไรไม่ไตร่ตรองเพื่อปกป้องลูก ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” ฉ่างจื่อพูด

แมงป่องพยักหน้า “ก็มีเหตุผล”

“หยิ่นเจิ้งเป็นคนเจ้าเล่ห์ ที่ผ่านมาแสร้งทำเป็นอ่อนแอ ใครจะคิดว่าพอมันร้ายขึ้นมาก็จะโหดเหี้ยมได้ขนาดที่จะเอาฉันให้ตาย”

แมงป่องขมวดคิ้ว หากเมื่อครู่เขาไม่ได้ยื่นมืออกไปป้องกันตัว มีดเล่มนั้นคงทะลุเข้าถึงกลางหัวใจไปแล้ว

“แม่งเอ้ย ไอ้สารเลวนี่ ฉันไม่ปลอดมันไปแน่”

เดิมทีแมงป่องตั้งใจจะมาจัดการกับหยิ่นเหล่ย แต่พอมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เขาก็เริ่มมีความคิดจะลงมือกับหยิ่นเจิ้งแล้ว

ถึงแม้ว่าหากเขาทำแบบนั้น ผลที่ตามมาอาจจะหนักหน่วง แต่ในเมื่ออีกฝ่ายถึงกับลงมือฆ่าเขา งั้นแมงป่องยังต้องกลัวอะไรอีก?

แมงป่องค่อยๆเดินขึ้นไป และจุดที่เขายืนอยู่คือหน้าประตูห้องของเลขาหยิ่นเจิ้ง

เมื่อเห็นแมงป่อง เลขาของหยิ่นเจ้งก็ยิ้มแห้ง “คุณหยิ่นกำลังจัดการเรื่องสำคัญอยู่ ได้โปรดไปรอที่ห้องรับแขกก่อนนะครับ”

“ฉันเพิ่งชงกาแฟเสร็จพอดีเลยครับ”

แมงป่องยิ้มเย็นยะเยือก “ไม่ต้อง เมื่อกี๊คุณหยิ่นของแกเพิ่งจะทำการต้อนรับฉันมา ไม่จำเป็นต้องต้อนรับอีกเป็นครั้งที่สอง”

เลขาของหยิ่นเจิ้งมองหน้าแมงป่องด้วยความงุนงง “ลูกพี่แมงป่องหมายความว่ายังไงครับ?”

“เหอะๆ คิดจะเล่นละครไปอีกนานแค่ไหน? แกเป็นลูกน้องคนสนิทของหยิ่นเจิ้ง โตมาด้วยกัน มันทำอะไรคิดอะไรคงไม่มีทางปิดบังแกมั้ง? ฉันชักจะสงสัยแล้วสิว่าแผนลอบฆ่าเมื่อกี๊ แกจะเป็นคนจัดการ”

แมงป่องพูด พร้อมกับเปิดเสื้อออกจนเห็นช่วงท้อง

เลขาของหยิ่นเจิ้งเห็นเลือดที่หน้าท้องของแมงป่อง ก็พูดขึ้นกระวนกระวาย “ลูกพี่แมงป่องบาดเจ็บหรอครับ?”

“ทำไม? จะแกล้งตีหน้าซื่อหรอ? สนุกมากไหม? ฉันโดนลอบทำร้ายในลิฟต์ของบริษัทพวกแก จะบอกว่าไม่รู้เรื่องหรือไง?”

“คนลงมือ ที่หน้าอกของมันปักตราบริษัทของพวกนาย ยิ่งไปกว่านั้นพวกพนักงานคนอื่นๆยังร่วมมือกันเพื่อโจมตีฉัน”

แมงป่องพูดเสียงเย็น “อะไร? ยังไม่หยุดเล่นละครงั้นสิ?”

“ผม ผมไม่ได้เล่นละคร ลูกพี่แมงป่องผมว่านี่ต้องเป็นความเข้าใจผิดแน่” เลขาของหยิ่นเจิ้งพูด

“ในเมื่อเป็นความเข้าใจผิด งั้นแกก็รีบไปตามหามือฆ่านั่นมายืนตรงหน้าฉัน แล้วให้มันบอกฉันด้วยปากของมันว่าตกลงฉันเคยไปมีความแค้นอะไร แล้วใครเป็นคนบอกมันว่าฉันจะมา”

แมงป่องขมวดคิ้ว “ไอ้เวรนั่นมันซ่อนมีดไว้ก่อนแล้ว เห็นได้ชัดว่าเตรียมการจะฆ่าฉัน”

“คนที่รู้การมาของฉันในวันนี้ นอกจากไอ้แก่เจ้าเล่ห์หยิ่นเจิ้ง ก็มีแค่ลูกบุญธรรมของฉัน หรือแกจะบอกว่าฉันควรสงสัยลูกชายบุญธรรมงั้นสิ?”

แมงป่องพูดเสียงเย็นชา

เลขาหยิ่นเจิ้งรีบพูดบ้าง “ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะรีบไปเช็คกล้องวงจรปิดเดี๋ยวนี้ แล้วจะมารายงานคุณ ผมอยากให้ลูกพี่แมงป่องเชื่อพวกเรา คุณหยิ่นเป็นนักธุรกิจใสสะอาด ไม่มีทางลงมือทำอะไรแบบนั้นกับคุณได้ ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่เป็นเขตของเรา ถ้าคุณเป็นอะไรไปในที่นี้ ลูกน้องทุกคนของคุณคงได้แห่กันมาล้อมบริษัทเราอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ? พวกเราทำธุรกิจ เราผูกมิตรก็เพื่อความร่ำรวย อะไรที่ทำแล้วไม่ส่งผลดี เราคงไม่ทำหรอกครับ”

“หวังว่าลูกพี่แมงป่องจะลองไตร่ตรองดูดีๆ โดยเฉพาะลูกชายบุญธรรมของคุณเอง”

เลขาหยิ่นเจิ้งกระแอมสองสามที “ถ้าผมเดาไม่ผิด หลังจากที่คุณตาย คนที่จะได้ขึ้นสืบทอดตำแหน่งต่อก็คือลูกชายบุญธรรมของคุณสินะ?”

“เพราะงั้น ถ้าคุณตายไป ใครจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด ก็จะยิ่งน่าสงสัยที่สุด”

เลขาของหยิ่นเจิ้งยิ้มร้าย เขาหมุนหัวลูกศรไปที่ฉ่างจื่อทันควัน ส่วนฉ่างจื่อที่ฟังอยู่ก็โมโห เขากำหมัดแน่นแล้วชกเข้าที่หน้าของเลขาอย่างจัง

เลขาของหยิ่นเจิ้งไม่ได้หลบ เขาถูกต่อยจนล้มไปกับพื้นแล้วอยู่ในสภาพนั้นไม่ลุกขึ้น

เลขาของหยิ่นเจิ้งถูกต่อยจนฟันหลุดไปสองซี่ เขาชี้หน้าฉ่างจื่อแล้วพูด “โมโหกลบเกลื่อนงั้นสิ? หรือที่ผมพูดมันแทงใจดำคุณ?”

“ผมก็แค่คาดเดาไม่มีหลักฐานอะไร ทำไมคุณต้องรีบร้อนจะปิดปากผมขนาดนั้นเลยหรอ?” เลขาของหยิ่นเจิ้งหัวเราะหึ

“ไอ้คนตอแหล”

ฉ่างจื่อเตรียมจะใส่เข้าไปอีกหมัด แต่แมงป่องห้ามไว้ก่อน “ไม่ต้องเดือดดาลขนาดนั้น ฉันไม่มีทางเชื่อคำพูดแถกลบเกลื่อนของมันอยู่แล้ว”

“จัดการประเด็นหลักกันก่อนเถอะ”

แมงป่องก้มมองหน้าเลขาที่นั่งอยู่บนพื้น “ทำไม ที่ไม่ให้ฉันเข้าไปเพราะไอ้เด็กเปรตหยิ่นเหล่ยนั่นมันอยู่ข้างในงั้นสินะ?”

“แกห้ามฉันไม่ได้หรอก”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท