NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 710 สงครามบังเกิด

บทที่ 710 สงครามบังเกิด

ในมือของหยิ่นเจิ้งไม่ได้มีเพียงแค่ห้างสรรพสินค้าเท่านั้น ยังมีแพลตฟอร์มจัดหาสินค้าอยู่อีกมากมาย

หนึ่งในนั้นคือตลาดผักและผลไม้สด สินค้าที่ต้องจัดหาในแต่ละวัน มีจำนวนเยอะมาก ผักและผลไม้ของทั่วทั้งอำเภอหลิน หยิ่นเจิ้งผูกขาดแทบทั้งหมด

หยิ่นเจิ้งมองดูสายที่ไม่ได้รับ ภายในใจหนักอึ้ง เขารู้สึกว่าท่าไม่ค่อยจะดีนัก

หยิ่นเจิ้งที่กดรับโทรศัพท์ ยังคงแสร้งทำเป็นนิ่งเหมือนเดิม: “ลุงหลิว ทำไมจู่ ๆ ถึงได้โทรหาผมล่ะครับ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

มีเสียงแก่เล็กน้อยดังมาจากอีกฝั่งของสาย: “แย่แล้วครับ เถ้าแก่หยิ่น เพิงขายผักของเรา จู่ ๆ ก็เกิดหายนะที่ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อกี้มีรถบรรทุกขนาดใหญ่คันหนึ่งขับพุ่งชนเข้ามา ทำให้ผักที่อยู่ในเพิง ถูกชนเกลี้ยงไม่เหลือเลย จากนั้นคนขับก็ลงมาจากรถและทำร้ายคนของเราบาดเจ็บไปร้ายคน และก็ขับรถหนีไป”

“ผมได้แจ้งความไปแล้ว ตำรวจบอกว่ารถคันนี้พึ่งถูกขโมยไป……”

หยิ่นเจิ้งไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ ก็รีบกล่าวปลอบใจทันที: “ไม่ต้องกังวล ลุงหลิว เรื่องนี้ มอบให้ผมจัดการก็พอ ลุงก็อายุมากขนาดนี้แล้ว ความกดทันภายในครอบครัวก็มีมาก ลุงสบายใจได้ ความเสียหายทั้งหมด ไม่ไม่ให้ลุงต้องมารับผิดชอบหรอก”

“ขอบคุณครับ ขอบคุณครับเถ้าแก่หยิ่น” อีกฝั่งของสายมีเสียงตื้นตันใจดังออกมา

พอวางโทรศัพท์ไป หยิ่นเจิ้งยังไม่ทันที่จะได้หายใจแรง ๆ เขาก็ได้รับสายโทรเข้าจากคนขับรถขนของคนหนึ่ง ในครึ่งทาง รถขนของก็เกิดคว่ำขึ้นมา เพราะว่าในขณะที่รถขับอยู่ จู่ ๆ ก็มีคนขับรถมาเบียด

“เหล่ยเหล่ย โทรหาคุณชายหลี่ตอนนี้เลย บอกกับเขาไปว่า แกตกลงรับปากเขา” หยิ่นเจิ้งที่วางสายไป รีบพูดกับลูกชายตัวเองทันที

“พ่อครับ แบบนั้นล่ะก็ พวกเราก็ต้องแตกหักอย่างเป็นทางการกับแมงป่อง หลายปีมานี้ ถึงแม้ว่าเรากับแมงป่องจะมีเรื่องขัดแย้งอยู่ไม่หยุด แต่มันก็เป็นความขัดแย้งเพียงเล็กน้อย ไม่เคยเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร ถ้าหากทำตามที่หลี่ฝางว่า พวกเราเป็นคนประกาศเรื่องรางวัลค่าหัวนี้ออกไป งั้น……แมงป่องจะต้องมาปะทะกันซึ่ง ๆ หน้ากับพวกเราแน่นอน”

“และต่อให้พวกเราบอกกับแมงป่อง ว่าหลี่ฝางแป็นคนจ่ายเงิน แมงป่องก็ไม่ปล่อยพวกเราไปเหมือนเดิม”

คำพูดเหล่านี้ที่หยิ่นเหล่ยกล่าวมานั้น หยิ่นเจิ้งจะไม่เข้าใจได้ยังไง

“ยังไงก็ต้องรับปากเหมือนเดิม ตระกูลหลี่ได้เริ่มบีบพวกเราแล้ว ถ้าหากพวกเราไม่ยอมร่วมมือ เช่นนั้นพวกเขาก็จะลงมือโจมตีพวกเรา เมื่อกี้ฉันรับโทรศัพท์สามสายติดต่อกัน โทรศัพท์ทุกสายต่างก็กำลังบอกกับฉัน เกิดปัญหาขึ้นกับผู้จัดหาสินค้าของเรา ตระกูลหลี่รู้ข้อมูลของพวกเราอย่างชัดเจน รวมถึงเส้นทางการขนส่งของพวกเรา พวกเขาก็รู้แจ้งไปหมด

“นี่เป็นการแจ้งเตือนจากตระกูลหลี่ ถ้าหากพวกเรายังไม่รับปาก งั้นหลังจากนี้ เกรงว่าจะทำให้พวกเราได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่แท้จริง”

“สำหรับเรื่องแมงป่อง พวกเราไม่มีปัญญาไปสนใจแล้ว ถ้าหากตระกูลหลี่ยอมช่วยพวกเรา ไม่แน่ว่า พวกเราก็สามารถช่วยและยืมมือของตระกูลหลี่ จัดการกับไม้ขัดขาอย่างแมงป่องให้สิ้นซากได้

หยิ่นเจิ้งมองลูกชายของตัวเองแล้วเร่งเขา: “เอาล่ะ อย่ามัวลีลาอยู่เลย รีบโทรหาคุณหายหลี่ ให้พวกเขาหยุดมือเถอะ”

หยิ่นเหล่ยพยักหน้า แล้วกดโทรศัพท์โทรหาหลี่ฝาง

หลี่ฝางที่อยู่ในรถ มองดูสายเรียกเข้าที่รอมานาน แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร

สีหน้าของหยิ่นเหล่ยหม่นหมองลงมาทันที: “ไม่มีคนรับ”

หยิ่นเจิ้งรีบกล่าวขึ้นมา: “โทรอีก โทรจนกว่าจะรับสาย”

โทรศัพท์ของหยิ่นเจิ้งดังขึ้นตลอดเวลา แต่ในเวลานี้ เขากลับไม่อยากจะรับแล้ว เขารู้ว่าทุกครั้งที่รับสาย ล้วนต้องนำข่าวร้ายมาให้ตัวเอง

ถึงแม้ข่าวร้ายพวกนี้ หน้าที่ความรับผิดชอบไม่ได้อยู่ที่เขา และความสูญเสียของเขา ก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่ว่า เบื้องหลังของเรื่องนี้ ล้วนเป็นเพราะเขา

โทรติดต่อกันสามสาย บนใบหน้าของหลิ่นเหล่ย กระวนกระวายจนเหงื่อไหลออกมา ตอนนี้เอง หลี่ฝางถึงได้กดปุ่มรับสาย

“ทำไม คิดดีแล้วเหรอ?” หลี่ฝางเอ่ยถามพลางหัวเราะเอิ๊กอ๊าก

หยิ่นเหล่ยพยักหน้า กล่าว: “คุณชายหลี่ คุณต้องการให้ผมประกาศเรื่องรางวัลค่าหัวนี้ออกไปเมื่อไหร่?”

“ตอนนี้เลย……” หลี่ฝางกล่าว

“ตอนนี้? รีบขนาดนั้นเลยเหรอครับ แต่ว่าทางผมยังไม่ได้เตรียมตัวเลย” หยิ่นเหล่ยขมวดคิ้วกล่าว

หยิ่นเหล่ยกำลังคิดว่า ก่อนที่จะประกาศออกไป ยังไงก็ควรที่จะวางแผนให้ดีก่อนไม่ใช่เหรอ?

แต่ทว่า หลี่ฝางกลับไม่ให้เวลานั้นกับเขาเลย

หลี่ฝางยิ้มอย่างเรียบ ๆ : “ทางฝั่งแมงป่อง ก็ไม่ได้เตรียมพร้อมเหมือนกันไม่ใช่เหรอ……ช่างเหอะ ฉันให้เวลานายเตรียมตัวครึ่งชั่วโมงแล้วกัน อีกครึ่งชั่วโมงให้หลัง ฉันหวังว่าจะได้ยินข่าวที่ฉันต้องการฟัง ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็ โทรศัพท์ของพ่อนาย จะมีสายโทรเข้าอย่างไม่หยุด”

หลี่ฝางนับว่าตรงไปตรงมา ไม่ได้ปิดบังอะไรเลยสักนิด เขาบอกออกมาตรง ๆ ว่าเหตุการณ์เมื่อสักครู่ เป็นฝีมือตัวเอง

หลังจากที่วางสาย หยิ่นเหล่ยก็พูดกับพ่อของตัวเอง: “คุณชายหลี่ให้เวลาพวกเราแค่สามสิบนาที”

“กระชั้นชิดแบบนั้นเชียว? เดิมทีอยากจะวางแผนก่อนสักหน่อย ดูเหมือนว่า จะไม่ทันแล้ว”

หยิ่นเจิ้งขมวดคิ้ว กล่าว: “ช่วยฉันนัดพบจางซินหยู่หน่อย”

“ฉันจำได้ว่า น้องชายของจางซินหยู่ จางซินเฟย เป็นลูกน้องคอยทำงานให้แมงป่องใช่ไหม?”

หยิ่นเจิ้งถามอย่างไม่แน่ใจ

ใช้ชีวิตอย่างสงบมานาน หยิ่นเจิ้งไม่ได้รับตาดูแมงป่อง อย่างเข้มงวดสักเท่าไหร่

“ใช่ครับ จางซินเฟยตอนนี้ได้เป็นลูกน้องของแมงป่อง นับว่าเป็นคนพอจะมีชื่ออยู่บ้างแล้ว” หยินเหล่ยพึ่งพูดจบ แล้วเหมือนจะนึกอะไรได้ขึ้นมา

“พ่อครับ พ่อคงไม่ได้คิดจะให้จางซินเฟย……”

หยิ่นเจิ้งหัวเราะหัว ๆ ขึ้นมา แล้วกล่าว: “ถ้าหากเขากล้าพอ ก็จะดีไม่น้อยเลย แต่ว่า ฉันจำได้ว่าไอ้หนุ่มนั่นไม่ค่อยจะมีความทะเยอทะยานสักเท่าไหร่”

“ลองดูก่อนแล้วกัน ตอนนี้ไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่านี้แล้ว”

หลังจากที่หยิ่นเจิ้งกล่าวจบ ก็โบกมือ ให้ลูกชายของตัวเองออกไปก่อน

เวลาครึ่งชั่วโมง ถึงแม้จะเร่งรัด แต่หยิ่นเจิ้งก็ไม่อยากที่จะไม่ทำอะไรสักอย่างเลย

ถึงแม้เงินรางวัลค่าหัวนี้ หลี่ฝางจะเป็นคนจ่าย แต่ว่า ในเมื่อตระกูลหยิ่นเป็นตัวแทนประกาศ ก็จะต้องร่วมรับผิดชอบด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ถึงเวลานั้น แมงป่องโมโหขึ้นมา จะต้องมาลงที่ตระกูลหยิ่นอย่างแน่นอน

หลี่ฝางนั่งอยู่ในรถ และโทรหาลุงเฉียน; “ลุงเฉียนครับ เรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว สองพ่อลูกตระกูลหยิ่นได้รับปากแล้ว โอนเงินไปให้พวกเขาเถอะ โอนเยอะหน่อยนะครับ”

“ค่าเสียหายของพวกเขา ก็จ่ายให้พวกเขาด้วยแล้วกัน” หลี่ฝางกล่าว

ลงเฉียนอืมตอบรับ: “ครั้งนี้ แมงป่องไฟไหม้ตูดแล้ว”

……

ครึ่งชั่วโมงให้หลัง ตระกูลหยิ่นกระจายข่าวไปยังสถานบันเทิงในอำเภอหลิน ผ่านทางข่าวซุบซิบวงใน

ใครสามารถฆ่าแมงป่องได้ ก็จะได้รับเงินรางวัลค่าหัวจำนวนหนึ่งพันล้าน

ทุกคนต่างก็สืบหาที่มาของข่าว สุดท้าย ล้วนสืบมาได้ว่า ข่าวนี้มีหยิ่นเหล่ยลูกชายของหยิ่นเจิ้งเป็นคนกระจายข่าวออกมา และผู้ว่าจ้าง เป็นคุณชายคนหนึ่งที่มาจากเมืองเอก

ในตอนนี้ เงินก็ได้ถูกโอนเข้าบัญชี และมีตระกูลหยิ่นเป็นคนดูแล

พูดง่าย ๆ ก็คือ ตอนนี้มีตระกูลหยิ่นเป็นนายหน้า ถ้าใครสามารถฆ่าแมงป่องได้ ก็ไปรับเงินที่ตระกูลหยิ่นได้เลย

ทันใดนั้น โทรศัพท์ของหยิ่นเหล่ย ก็มีสายโทรเข้าอยู่ไม่หยุด เพื่อนของหยิ่นเหล่ยหลายคน ต่างก็ต้องการคอนเฟิร์มว่าข่าวนี้จริงหรือไม่ และหยิ่นก็เพียงตอบกลับไปอย่างอ้อมค้อม เขาเพียงแค่ช่วยเพื่อนคนหนึ่งของเขาเท่านั้นเอง

หลังจากที่ได้รับการยืนยัน วงการผู้อิทธิพลของอำเภอหลิน ก็คึกคักวุ่นวายขึ้นมาทันที

“เชรด คุณชายหยิ่นบ้าไปแล้วหรือเปล่าเนี่ย ถึงได้กล้ารับปากช่วยเหลือเรื่องนี้? ถ้าแมงป่องได้ยินข่าวเข้า จะไม่จัดการคุณชายหยิ่นอย่างหนัดกเลยเหรอ?

“ฮ่า ๆ ก็นั่นน่ะสิ คราวนี้มีเรื่องน่าสนุกให้ดู เจ้าพ่อสู้กับเจ้าพ่อ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฝ่ายไหนจะชนะ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ จะไม่จบง่าย ๆ อย่างแน่นอน”

“หนึ่งพันล้าน……ใจใหญ่มากเลยจริง ๆ พวกนายว่า คุณชายตระกูลไหนของเมืองเอก ที่ใจใหญ่ และยังโกรธแค้นแมงป่องขนาดนั้น?

“พวกเราก็ไม่รู้ และก็ไม่กล้าถาม เหอะ ๆ ฉันคิดว่า ไม่ถึงหนึ่งวัน ผู้ร้ายตัวจริงที่แอบซ่อนอยู่ด้านหลัง จะต้องโผล่หัวออกมาแน่”

“พวกเรามองดูอยู่เฉย ๆ ดีกว่า ไม่แน่ว่า สำหรับพวกเราแล้ว ถือว่าเป็นโอกาส หลายปีมานี้ ตระกูลหยิ่นผูกขาดธุรกิจมากมายขนาดนั้น อยู่ที่อำเภอหลินแห่งนี้ ตระกูลหยิ่นกินเนื้อ พวกเรากินน้ำมาโดยตลอด ไม่แน่ว่า การทำธุรกิจของตระกูลหยิ่นในอนาคต จะลำบากขึ้นไม่น้อย พอถึงตอนนั้น พวกเราก็สามารถถือโอกาสหาผลประโยชน์ได้”

“ใช่แล้ว นกกับหอยไม่ปรองดองกัน ถูกชาวประมงจับไปทั้งคู่ สุดท้ายคนที่ได้เปรียบ จะต้องเป็นพวกเราอย่างแน่นอน”

ในเวลานี้ พวกทายาทเศรษฐีกลุ่มหนึ่ง ได้รวมตัวกันอยู่ ในตอนที่พวกเขาคุยกันถึงเรื่องนี้ ต่างก็หัวเราะจนตัวงอ

สงครามชนิดนี้ เป็นสิ่งที่พวกเขาอยากจะเห็นมากที่สุด

“ใช่แล้ว พวกนายพนันว่าใครจะชนะ? เดิมทีตระกูลหยินและแมงป่องก็สู้กันทั้งในที่เปิดเผยและในที่ลับมาโดยตลอด ฉันเดาว่าครั้งนี้ จะต้องเกิดสงครามการต่อสู้ขึ้นอย่างแน่นอน พวกเรามาพนันกันหน่อยไหม ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ?”

“ฉันลงแมงป่อง พนันด้วยรถสปอร์ตคันนั้นของฉัน”

“ฉันก็ลงแมงป่อง เงินพนันหนึ่งล้าน”

ไม่มีใครลงฝั่งตระกูลหยิ่นเลย ทั้งหมดลงให้แมงป่องเป็นฝ่ายชนะ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท