NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 721 คนที่ไปยุแหย่ด้วยไม่ได้

บทที่ 721 คนที่ไปยุแหย่ด้วยไม่ได้

“ขอบใจที่พวกนายมากันนะ”

หลี่ฝางไปต้อนรับด้วยตัวเอง พูดขึ้นด้วยสีหน้ารู้สึกขอบคุณ

ส้งเคอเดินเข้ามาคนแรก จับไหล่ของหลี่ฝางเอาไว้”คุณชายหลี่ คุณอย่าพูดแบบนี้สิครับ คุณมาขอความช่วยเหลือจากพวกเรา มันก็ถือเป็นเกียรติของพวกเรามากแล้วนะครับ”

หวงเจ๋ก็พูดตามขึ้นมา”ใช่ครับ การที่คุณชายหลี่ติดหนี้ชีวิตของพวกเรา ก็ถือเป็นเกียรติเป็นศรีที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเราแล้วล่ะครับ”

หลี่ฝางยิ้มๆ ก่อนจะพูดขึ้น”วางใจได้ น้ำใจในครั้งนี้ ฉันจะจดจำเอาไว้ในใจเลย”

หลี่ฝางพูดจบ ก็ชำเลืองมองไปยังจ้าวเสี่ยวตาว”นายก็มาเหมือนกันเหรอ?”

เมื่อก่อน หลี่ฝางกับจ้าวเสี่ยวตาวทะเลาะกันอยู่ไม่น้อย แถมจ้าวเสี่ยวตาว ก็อยู่พวกเดียวกับมู่เสี่ยวไป๋อีกด้วย

จ้าวเสี่ยวตาวพยักหน้า ประมาณว่าปล่อยวางไปไม่ได้

หวางซวงพยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้น”คุณชายหลี่ ผมเป็นคนลากมาเองครับ”

“ความเข้าใจผิดก่อนหน้านี้……”

หวางซวงยังไม่ทันพูดจบ หลี่ฝางก็พูดขึ้นมาต่อ”เรื่องก่อนหน้านี้ ฉันลืมไปตั้งนานแล้ว ไหนๆก็ยอมมากันแล้ว จากนี้ไปทุกคนก็เป็นพี่น้องกัน ไม่ต้องเกรงใจกับฉันขนาดนี้แล้วก็ได้”

“ฉันคิดว่าส้งเคอน่าจะพูดกับพวกนายแล้วนะ ว่าที่เชิญพวกนายมาในครั้งนี้ ไม่ใช่ให้พวกนายมาเที่ยวเล่นกัน แต่ให้พวกนายมาช่วยไปจัดการทำลายสถานที่สักสองสามแห่ง”

หลี่ฝางพูดขึ้น”แถมเจ้าของของสถานที่เหล่านี้ สถานภาพก็ไม่ได้ธรรมดาทั่วไป”

ก่อนจะมา จริงๆแล้วส้งเคอได้บอกกับพวกเขาไปแล้วหนึ่งรอบ แต่หลี่ฝางก็ยังอยากจะพูดซ้ำอีกหนึ่งครั้งอยู่ดี”ชื่อว่าแมงป่อง มีชื่อเสียงมากในอำเภอหลิน ถ้ามีใครกลัวล่ะก็ สามารถกลับไปได้เลย หรือไม่ก็ไม่ต้องกมาช่วยฉันในครั้งนี้ก็ได้ ฉันไม่ว่าพวกนายแน่นอน ถึงยังไงเรื่องนี้ ก็อาจจะต้องเสี่ยงอันตรายอยู่แล้ว”

หลี่ฝางพูดขึ้น”ฉันส่งคนไปรักษาความปลอดภัยให้กับพวกนายให้ถึงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่มีสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือสิ่งที่ไม่คาดคิด ฉันคิดว่าพวกนายก็น่าจะรู้กัน……”

“วางใจได้ครับ คุณชายหลี่ ก็แค่ไปก่อเรื่องทำลายสถานที่เองไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่ว่าพวกเราจะไม่เคยทำมาก่อนนี่”

“ใช่ พี่ เรื่องอื่นอาจจะไม่ค่อยเก่งมาก แต่ถ้าเป็นเรื่องนี้ พวกเราทำกันบ่อยมาก”

“แมงป่องคนนี้ พวกเราก็เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาบ้าง ถ้าพวกเรากลัวเขาล่ะก็ พวกเราก็คงจะไม่มาแล้วล่ะครับ ในเมื่อมาแล้ว พวกเราก็ไม่กลัว คุณชายหลี่ คุณจัดสรรวางแผนเลยครับ พวกเราจะลงมือพร้อมกัน หรือว่าจะแยกกันไปตามที่ต่างๆ?”หวงเจ๋พูดไปยิ้มไป ดูแล้วคงจะไม่สนใจเลยสักนิดสินะ

ทายาทเศรษฐีพวกนี้ ล้วนแต่เป็นคนที่มีวงศ์ตระกูลระดับสูงเป็นแบ็คกราวด์ทั้งนั้น ถ้าแมงป่องคิดที่จะจัดการพวกเขา ก็ต้องคิดให้ดีก่อน

ถ้าจัดการไปเพียงแค่คนเดียว นั่นก็เท่ากับว่าไปก้าวก่ายตระกูลธุรกิจตั้งหนึ่งตระกูล

แม้ว่าแมงป่องจะไม่ใช่คนของเมืองเอก แต่ก็ไปยุแหย่คนจำนวนมากมายขนาดนั้นไม่ได้

“ลงมือพร้อมกัน แมงป่องเป็นเจ้าของสถานที่เยอะแยะมากมาย”

หลี่ฝางหันไปมองไอ้หน้าหนวด จากนั้นไอ้หน้าหนวดก็วิ่งเข้ามาทันที ก่อนจะเอากระดาษมาให้กับเขาหนึ่งแผ่น

“เอาล่ะ ไปจัดกากรตามล่า ไปจัดการทำลายที่นั่น ฉันจะจัดหาคนไปปกป้องพวกนาย หรือไม่พวกนายก็ลุยด้วยตัวเองเลย หลังจากเข้าไปแล้ว ก็บริโภคได้ตามใจชอบเลย แล้วมาคิดบัญชีที่ฉันทั้งหมด พอเสร็จแล้ว ก็ไปชำระหนี้กับเฝิงจื่อหลิน”

หลี่ฝางชำเลืองมองเฝิงจื่อหลิน

เฝิงจื่อหลินก็เป็นหนึ่งในพรรคพวกนี้ เป็นคนที่สุภาพเรียบร้อยที่สุด เขาดูแล้วไม่เหมือนกับพวกคนที่ชอบปะปนอยู่ในผับในบาร์ แต่ว่า เขากลับอยากที่ไปลองดูด้วยตัวเองสักครั้ง แสวงหาแรงกระตุ้นในการทำลายสถานที่สักหน่อย

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ ไม่ได้ห้ามหรือรั้งเขาเอาไว้

เวลาใกล้ค่ำ หยิ่นเจิ้งขับรถพาคนมาถึงยังสถานที่ของตระกูลหลี่

ด้านหลังของหยิ่นเจิ้ง มีรถตามมาห้าคัน ภายในรถห้าคันนี้ มีแต่บอดี้การ์ดทั้งหมด

หลี่ฝางมองภาพตรงหน้านี้ ก่อนจะยิ้มอย่างรู้สึกสนใจขึ้นมา”ทำให้คุณหวาดกลัวกันขนาดนั้นเชียวเหรอ?”

“คุณชายหลี่ จะบอกคุณตรงๆเลยแล้วกัน ผมคนนี้ กลัวตายที่สุด ผมเปิดเผยหน้าตาให้กับแมงป่องแล้ว ตอนนี้แมงป่องกำลังส่งคนมาสอดส่องทุกการเคลื่อนไหวของผม ถ้าข้างตัวผมมีคนน้อยล่ะก็ พวกมันจะต้องลงมือจัดการผมแน่นอน แล้วกลับไปรับรังวาลกับแมงป่อง”

หยิ่นเจิ้งพูดขึ้น”ผมต้องพาคนไปด้วยเยอะๆ ในใจถึงจะรู้สึกสบายใจ”

“อื้อ คนของผมมาถึงกันแล้ว สถานที่นี้ของตระกูลหลี่ไม่มีที่ให้อยู่มากขนาดนั้น แถมต่อให้มี สภาพแวดล้อมก็ลำบากมากๆ ผมส่งคนไปช่วยคุณ คุณก็เตรียมอาหารการกินที่พักอาศัยให้ด้วยแล้วกัน คงจะไม่เป็นปัญหาอะไรใช่ไหม?”หลี่ฝางพูดถามขึ้นอย่างนิ่งๆ

“ผมเคลียร์โรงแรมห้าดาวของผมให้ว่างเรียบร้อยแล้วครับ ในช่วงนี้ ปิดทำการอยู่ หรือพูดได้ว่า ช่วงนี้ คนของคุณสามารถมาอยู่ในโรงแรมได้ตามสบายเลยครับ แถมที่นั่นก็มีแต่คนของผมทั้งนั้น ปลอดภัยแน่นอน”

หยิ่นเจิ้งพูดยิ้มๆ

หลี่ฝางหยักหน้ายอย่างพออกพอใจ”เหอะๆ ทุ่มเททำงานดีมาก”

“ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับแมงป่องอยู่ในช่วงตึงเครียด ช่วงบ่าย ภายในครัวหลังภัตตาคารแห่งหนึ่งของผม จู่ๆก็ถูกคนเอากระสอบงูมาทิ้งเอาไว้ แม้ว่าจะไม่มีพิษ แต่ก็ทำให้พนักงานของผมต่างพากันรับไม่ได้ ภัตตาคารแห่งนั้น ผมปิดไปเรียบร้อยแล้ว แผนการของแมงป่องคนนี้มันช่างโหดร้ายจริงๆ แต่ว่า ถ้ามันไม่ให้ผมได้ใช้ชีวิตอยู่ดีๆ มันก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่ดีเหมือนกัน”

“มันเป็นเจ้าของเขตอินเตอร์เน็ตคาเฟ่เขตหนึ่ง ผมเลยหาแฮกเกอร์จากข้างนอกมาหนึ่งคน จากนั้นก็แฮกอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ของมัน เชื่อว่าครั้งนี้ อินเตอร์เน็ตคาเฟ่ทั้งหมดในเขตอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ของมัน ระบบเป็นอัมพาตไปหมดเรียบร้อยแล้ว”

หยิ่นเจิ้งยิ้มอย่างรู้สึกสนใจ”ลุยเลย ผมไม่กลัวหรอก ผมมีเงินมากกว่าแมงป่องเยอะ ผมจะดูซิว่าใครจะทนเอาไว้ไม่ไหวก่อนกัน”

หลี่ฝางมองหยิ่นเจิ้ง พร้อมกับพูดยิ้มด้วยความดีใจ”คุณฉลาดเฉลียวขนาดนี้ ผมดีใจจริงๆ ผมแค่กลัวว่าคุณได้รับความเสียหายไปเล็กน้อยแล้วจะแสดงสีหน้าไม่พอใจเสียอีก”

“ลมฝนผ่านไป สายรุ้งก็จะโผล่ขึ้นมา ตอนนี้ผมเข้าใจคำพูดนี้แล้ว”

หยิ่นเจิ้งพูดยิ้มๆ”คุณชายหลี่ คุณวางใจได้ ทรัพย์สินพันกว่าล้านของตระกูลหยิ่นของผม ต่อให้ไม่ต้องทำธุรกิจตั้งแต่ตอนนี้จนถึงปลายปี ก็ยังคงเป็นบริษัทชั้นนำของอำเภอหลินอยู่ดี”

หลี่ฝางพยักหน้ายิ้มๆ จากนั้นก็พูดขึ้น”ผมจะลงมือในคืนนี้”

“ผมรู้ว่าความสัมพันธ์ของคุณกับจ้าวโหย่วฉายไม่เลวเลย หวังว่าถึงตอนนั้นคุณจะไปขอความช่วยเหลือจากเขา ให้เขาร่วมมือได้นะ”

หลี่ฝางพูดขึ้น

หยิ่นเจิ้งขมวดคิ้วพูดถามขึ้น”คุณชายหลี่มีแผนการอะไรครับ? จำเป็นต้องให้จ้าวโหย่วฉายช่วยเหลือเหรอ? เรื่องที่ผิดกฎหมายแบบนี้ จ้าวโหย่วฉายไม่ทำหรอกนะครับ แถมเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับผมมานานขนาดนี้ ผมไม่อยากทำให้เขาเสียหายด้วย”

หลี่ฝางพยักหน้า พูดขึ้น”วางใจได้ ผมรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง”

“เห็นรถหรูพวกนั้นแล้วหรือยัง?”หลี่ฝางชี้ไปที่รถหรูที่จอดเรียงกันตรงทางเข้า

หยิ่นเจิ้งพยักหน้า พูดขึ้น”ทางด้านของเมืองเอก มีทายาทมหาเศรษฐีมาจำนวนไม่น้อย อันนี้ผมได้ยินมาบ้างแล้วครับ”

“คืนนี้ พวกเขาจะไปยังสโมสรต่างๆ เช่นพวกKTVอะไรแบบนี้ของแมงป่อง ไปอุปโภค ไปใช้บริการ หลังจากที่ดื่มเหล้ากันเยอะแล้ว พวกเขาก็จะหาเรื่องก่อความวุ่นวาย ทำลายสถานที่ต่างๆของแมงป่อง ในสถานที่นี้ของแมงป่อง มีแต่ของไม่ใสสะอาดทั้งนั้น ผมก็หวังว่าตอนที่พวกเพื่อนทายาทมหาเศรษฐีเหล่านี้ของผมก่อเรื่องขึ้น จ้าวโหย่วฉายจะลุกขึ้นมา แยกงานออกจากเรื่องส่วนตัว”

“ไม่สนว่าจะเป็นการจับไปคุมขังหรือว่าอะไร ก็ได้หมด”

หลี่ฝางยิ้มๆ ก่อนจะพูดขึ้น”ขอแค่ให้จ้าวโหย่วฉายมาทันเวลาเท่านั้น ไม่ให้พวกเขาถูกคนของแมงป่องรังแกก็พอแล้ว”

หยิ่นเจิ้งพยักหน้า พูดขึ้น”สบายมาก เดี๋ยวผมจะโทรไปหาจ้าวโหย่วฉาย ให้เขาจัดการวางแผนลงมือก่อน ไปจับตาดูที่ละแวกใกล้ๆสโมสรนั่นซะ”

“ให้เขาระวังตัวด้วย อย่าให้แมงป่องรู้ตัวล่ะ”หลี่ฝางพูดขึ้น

หยิ่นเจิ้งพยักหน้า เดินมาริมๆ โทรออกไปหาจ้าวโหย่วฉาย

หลังจากอาหารมื้อค่ำผ่านไป พอได้กินอาหารเชิงเกษตรแบบแท้ๆแล้ว พวกของเฝิงจื่อหลิน หวงเจ๋ หวางซวง จ้าวเสี่ยวตาว ก็เลือกพวกอันธพาลมาคนละสองคน แล้วเริ่มแยกย้ายกันไปตามสถานที่ต่างๆของตัวเอง

หลังจากที่กลุ่มคนพวกนี้จากไปแล้ว หยิ่นเจิ้งก็เผยให้เห็นถึงแววตาที่ดูซับซ้อน”คิดไม่ถึงว่าคุณชายหลี่จะรู้จักเพื่อนเยอะขนาดนี้นะครีบ ผมได้ยินมาว่าคุณชายหลี่เป็นคนนิสัยตรงไปตรงมาไม่ยอมจำนนต่อใครง่ายๆ ไม่ยอมอยู่ด้วยกันกับทายาทมหาเศรษฐี แถมเนื่องด้วยเหตุผลเฉพาะบางอย่าง ดูเหมือนว่าคุณจะเพิ่งเป็นทายาทมหาเศรษฐีได้ไม่นานใช่ไหม?”

หลี่ฝางพยักหน้า พูดขึ้น”จากผู้ชายธรรมดาจนๆคนหนึ่งที่ไม่มีข้าวดีๆกินไม่มีเสื้อดีๆใส่ กลายเป็นคุณชายหลี่ในทุกวันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นภายในเวลาแค่สองสามเดือนเท่านั้น”

“เหอะๆ ระยะเวลาสั้นมาก สามารถหาเพื่อนได้เยอะขนาดนี้ มันยากมากๆแล้วครับ แถมประเด็นสำคัญก็คือความสัมพันธ์ของพวกเขากับคุณ ก็ลึกซึ้งมากว่าการคบกันเพื่อผลประโยชน์อีกด้วยนะครับ”

“คุณกำลังจะบอกว่า ผมกับพวกเขา คบกันด้วยใจอย่างนั้นสินะ?”หลี่ฝางพูดขึ้นอย่างยิ้มๆ

“ใช่ครับ ข้างๆกายของเสี่ยวเหล่ยก็มีเพื่อนที่เป็นทายาทมหาเศรษฐีแบบนี้อยู่กลุ่มหนึ่งเหมือนกัน แต่ว่าคนพวกนั้น ส่วนใหญ่ก็ประจบประแจงเสี่ยวเหล่ยกันทั้งนั้น จนทำให้เสี่ยวเหล่ยเหริงทะนงตัว นิสัยของเขาก็เลยเปลี่ยนเป็นหยิ่งผยองทันที แม้ว่าเขาจะทำเรื่องผิดๆ แต่ก็ไม่มีใครบอกเขาว่าสิ่งที่ทำอยู่มันผิด ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็ เขาก็คงจะไม่ล้มเหลวพ่ายแพ้ต่อคุณชายหลี่หรอกครับ”หยิ่นเจิ้งพูดขึ้นด้วยสีหน้าซับซ้อน

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ”ลุงหยิ่นกำลังว่าผมอยู่ใช่ไหม?”

“ไม่ได้ว่า นั่นเป็นลูกชายของผม คุณเล่นทำซะลูกชายของผมหมดสภาพแบบนั้น ในใจของผมไม่ได้มีคำบ่นหรือคำด่าอะไรคุณเลยแม้แต่คำเดียว คำพูดนี้ คุณคงจะไม่เชื่อสินะ? แต่ว่า ต่อให้ผมต่อว่าคุณ ก็ไม่กล้าทำอะไรอยู่ดี พวกเราตระกูลหยิ่นมีสถานภาพระดับไหน ในใจผมรู้ดี ผมไม่ใช่แมงป่อง ไม่ได้มีความกล้ามากมายขนาดนั้น ถึงจะไปยุแหย่กับพวกคุณตระกูลหลี่ได้หรอกครับ”

หยิ่นเจิ้งยิ้มอย่างอมทุกข์พร้อมกับพูดขึ้น”พ่อของคุณเป็นบุคคลในตำนาน คุณท่านรองเฉียนที่อยู่กับเขา ก็ยิ่งเป็นอัจฉริยะทางด้านธุรกิจอีก พวกเขาร่วมมือกัน ทั้งชีวิตนี้ของผมไม่มีทางไปสู้ได้หรอกครับ”

“ผมก็หวังว่าจะมีใครสักคนไปช่วยเตือนสติให้กับเสี่ยวเหล่ย ช่วยสั่งสอนเขา ให้เขาได้ทราบได้จำ แต่บทเรียนนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นบทเรียนที่ใหญ่ไปหน่อย”

หยิ่นเจิ้งพูดขึ้นด้วยสีหน้าหดหู่

“บางครั้งหยิ่นเหล่ยมักจะทำอะไรเกินกว่าเหตุ ตอนแรกที่ผมไปช่วยเขา เขาก็ยุแหย่จนผมเริ่มโมโหอยู่เหมือนกัน”หลี่ฝางพูดอธิบายไป อยากที่จะขอโทษ แต่กลับไม่ได้ขอโทษ

หลี่ฝางคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด

หยิ่นเจิ้งหัวเราะเหอะๆ ก่อนจะพูดขึ้น”จริงๆแล้ว จุดจบของเสี่ยวเหล่ย ไม่ถือว่าน่าอนาถใจมากนัก ถ้าคนที่เสี่ยวเหล่ยไปก้าวก่าย เป็นทายาทมหาเศรษฐีชั้นสูงที่จิตใจเหี้ยมโหดล่ะก็ จะต้องไม่ใช่แค่เสี่ยวเหล่ย แม้แต่ผมก็จะต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยแน่ๆ”

“แม้ว่าตอนนี้ผมจะมีทรัพย์สินมากมาย มีคนถึงพันคน แต่ในสายตาของตระกูลชั้นนำระดับสูงพวกนั้นแล้ว แทบจะไม่มีค่าอะไรเลยด้วยซ้ำ ถ้าไปก้าวก่ายพวกเขาแล้วล่ะก็ บางทีพวกเขาอาจจะฆ่าพวกเราตายได้อย่างง่ายเลยก็ได้”

หยิ่นเจิ้งขมวดคิ้วพูดขึ้น”มีคุณชายคนหนึ่งชื่อว่าเซี่ยจือชิว ชอบแข่งรถมาก ในตอนแรกสุด เขาเอาแต่เก็บซ่อนตัวมาโดยตลอด เสี่ยวเหล่ยเจ้าลูกชายคนนี้ หลังจากที่พ่ายแพ้ให้กับเขาไปหลายครั้ง ก็คิดที่จะใช้แผนการชั่วร้ายไปตามราวีเขา โชคดีที่ผมรู้ทัน ตรวจสอบสถานภาพของเซี่ยจือชิวทัน ทำให้พวกเราตระกูลหยิ่นรอดจากภัยพิบัติครั้งนั้นมาได้”

หยิ่นเจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆหนึ่งที ก่อนจะพูดขึ้น”ถ้าผมรู้ช้ากว่านี้แค่นิดเดียว พวกเราตระกูลหยิ่นก็คงจะไม่เหลือซากแล้วแน่ๆ”

“เซี่ยจือชิว”หลี่ฝางได้ยืนชื่อชื่อนี้ ก็หัวเราะเหอะๆออกมา

คนที่ขับรถแลมโบกินี่ก่อนหน้านี้ไม่ใช่หรือไง กลับแพ้ให้กับส้าวส้วยนักแข่งมืออาชีพคนนั้นน่ะเหรอ?

“เขาสุดยอดมากเลยเหรอ?”หลี่ฝางถามขึ้นมาด้วยความสนใจ

“คุณชายหลี่รู้จักเขา?”หยิ่นเจิ้งถาม

หลี่ฝางพยักหน้า พร้อมกับพูดขึ้น”เคยติดต่อพูดคุยกันครั้งหนึ่ง ไม่ได้เจอกันซึ่งๆหน้า ถือว่าเคยเจอกันก็แล้วกัน”

“พละกำลังของเซี่ยจือชิว เกรงว่าจะอยู่ในระดับพอๆกับพวกคุณตระกูลหลี่ ถึงขนาดที่มีบางจุด ที่เขายังเก่งกาจกว่าตระกูลของพวกคุณอีกนิดหน่อยด้วย คุณควรจะรู้ว่าเขามาจากที่ไหน”หยิ่นเจิ้งพูดขึ้น”คุณเรียกผมว่าลุง ฉะนั้นผมก็จะบอกแนะนำคุณก็แล้วกัน คนพวกนี้ อย่าไปยุแหย่ด้วยจะดีกว่า”

“ไม่ว่าคุณจะก่อเรื่องอะไรก็ตามในเมืองหลัก พ่อของคุณก็ปกป้องคุ้มกันคุณได้ แต่ถ้าคุณออกจากเมืองหลักนี้ไปล่ะ?”

หยิ่นเจิ้งพูดขึ้น”แต่ว่าเซี่ยจือชิวไม่เหมือนกัน ไม่ว่าเขาจะไปก่อเรื่องที่เมืองไหนก็ตามทั่วทั้งประเทศนี้ ก็จะมีคนคอยช่วยเหลือเขาอยู่ทุกที่”

หลี่ฝางยิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไร บางทีหยิ่นเจิ้งอาจจะไม่ได้กำลังขู่เขาอยู่ สถานภาพของตัวเองกับเซี่ยจือชิว ถ้าเทียบกันแล้ว อาจจะต่างกันอยู่นิดหน่อยจริงๆก็ได้

พอพูดถึงเซี่ยจือชิว หลี่ฝางก็นึกถึงโก่เอ๋ออย่างช่วยไม่ได้ สถานภาพของโก่เอ๋อคนนี้ ใหญ่โตมาก ขนาดเกิดเรื่องขึ้นที่ตงไห่ แค่โทรศัพท์ไปหาโก่เอ๋อสายเดียว ก็จัดการเรื่องทุกอย่างให้คลี่คลายลงได้แล้ว

แต่แค่ไม่รู้ว่า สถานภาพของโก่เอ๋อกับเซี่ยจือชิว สรุปแล้วใครสุดยอดกว่ากันแน่……

ในตอนนี้เอง มือถือของหลี่ฝางก็ดังขึ้น

“เกมใกล้จะเริ่มแล้ว”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท