NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 726 จิตใจที่แน่วแน่ของเสี่ยวถิง

บทที่ 726 จิตใจที่แน่วแน่ของเสี่ยวถิง

“ฉันก็แค่เดาเท่านั้น”

หลี่ฝางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

หลี่งฝางแค่คาดเดาเท่านั้นจริงๆ แต่กลับไม่คิดว่า จะเดาถูก

เรื่องความลับของห้องทำงานหยิ่นเจิ้ง ลุงเฉียนเป็นคนบอกเขา แต่ลุงเฉียนก็บอกหลี่ฝางเช่นเดียวกัน ความลับนี้มีแค่เสี่ยวถิงคนเดียวเท่านั้นที่รู้

หรือมีนัยยะนอกเหนือจากนี้ก็คือ ถ้าหลี่ฝางพูดความลับนี้ออกไป นั่นก็เท่ากับว่าเสี่ยวถิงไม่ซื่อสัตย์

“เขาเป็นยังไงบ้าง?”หลี่ฝางถามขึ้นมาหนึ่งประโยค

ทางด้านของไอ้หน้าหนวดก็ยิ้มเบาๆ พร้อมกับพูดขึ้น“ยืนจ้องมองบ้านของตัวเองอยู่นานสองนานราวกับคนเสียสติ พูดกับเขาเขาก็ไม่ตอบ ไม่รู้ว่าหูหนวกหรือว่าตาบอดกันแน่?”

“พาเขามาอยู่ใกล้ๆฉันดีกว่า”หลี่ฝางพยักหน้าพูดขึ้น รู้ว่าเสี่ยวถิงแค่รับแรงกระตุ้นนี้ไม่ไหวเท่านั้น ไม่ได้เสียสติไปจริงๆ

เขาก็ถือว่าเป็นคนที่ผ่านอุปสรรคความทุกข์ยากลำบากมากับหยิ่นเจิ้ง หลี่ฝางเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่มีทางทำให้เขาพังทลายลงแน่นอน แต่ในช่วงนี้ ปมในจิตใจของเขา คงจะยากที่จะคลายออก

ไม่ว่ายังไง หยิ่นเจิ้งก็เป็นพี่น้องที่ดีที่สุดของเขา

ฝ่าฟันความยากลำบากมาจนถึงทุกวันนี้ ใครจะไปเชื่อว่าพี่น้องที่ผ่านชีวิตมาด้วยกัน จะลงมือฆ่าตัวเองแบบนี้ล่ะ?

มีรถคันหนึ่งมาจอดตรงหน้าของหลี่งฝาง เสี่ยวถิงลงมาจากรถ ก่อนจะพูดขึ้น“คุณชายหลี่ ขอบคุณที่คุณช่วยชีวิตผมนะครับ”

“แต่แค่ผมไม่เข้าใจ ว่าทำไมคุณถึงช่วยชีวิตผม?”

เสี่ยวถิงมองหลี่ฝาง พร้อมกับถามขึ้น“อีกอย่างคุณรู้ได้ยังไงว่าหยิ่นเจิ้งจะฆ่าผม?”

“คนที่ส่งข้อความนั่นไปให้แมงป่อง จริงๆแล้วเป็นผมเอง”หลี่ฝางยิ้มๆ พูดขึ้น“ดังนั้นการที่หยิ่นเจิ้งฆ่าคุณ สาเหตุครึ่งหนึ่งก็เป็นเพราะว่าผม”

“แล้วอีกครึ่งล่ะครับ?”เสี่ยวถิงถามต่อ

“มาจากส่วนลึกในใจของเขา คิดที่จะกำจัดคุณ เพื่อจะได้ไม่เป็นอันตรายภายหลัง”หลี่ฝางพูดขึ้นอย่างนิ่งเรียบ

เสี่ยวถิงส่ายหัว พูดขึ้น“เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้ หยิ่นเจิ้งจะฆ่าผมได้ยังไง? เขาจะต้องเข้าใจผมผิดแน่ๆ”

หลี่ฝางหัวเราะ พูดขึ้น“พวกคนที่ฆ่าคุณพวกนั้น คุณน่าจะรู้จักใช่ไหม?”

“พวกเขาเป็นพวกอันธพาลที่ยอมทำเรื่องเสี่ยงตายที่หยิ่นเจิ้งเลี้ยงเอาไว้ ผมเป็นคนให้เงินกับพวกเขาเอง แถมวันนี้ผมก็เป็นคนที่พาพวกเขามายังอำเภอหลินด้วย แต่แค่คิดไม่ถึงว่า ภารกิจแรกที่พวกเขามาที่นี่ ก็คือกำจัดผม”

เสี่ยวถิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดต่อ“ผมอยากจะโทรศัพท์ไปหาหยิ่นเจิ้งมากจริงๆ ถามเขา ว่าทำไมถึงต้องทำขนาดนี้!”

“คุณรู้ทุกสิ่งทุกอย่างของหยิ่นเจิ้ง จนถึงตอนนี้ เขาใกล้จะประสบความสำเร็จได้กลายเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของอำเภอหลินแล้ว ถึงตอนนั้น เขาไม่อยากให้ใครหน้าไหนที่อาจจะกลายเป็นภัยคุกคามเขาได้ในอนาคตมีชีวิตอยู่อีกต่อไป แม้ว่าจะเป็นพี่น้องที่ดีที่สุดของเขาก็ตาม”

หลี่งฝางพูดขึ้น“คุณถือว่าเป็นคนที่กุมหัวใจของหยิ่นเจิ้งเอาไว้เลย ถ้าวันหนึ่งคุณเกิดทรยศหักหลังเขาขึ้นมา เขาต้องตายแน่ๆ”

เสี่ยวถิงส่ายหัวพูดขึ้นอย่างสุดชีวิต“ต่อให้ตาย ผมก็จะไม่ทรยศหักหลังหยิ่นเจิ้งแน่นอน”

“ถ้าแมงป่องจับตัวภรรยาของคุณแล้วก็ลูกของคุณไปล่ะ?”หลี่ฝางมองเสี่ยวถิงพร้อมกับถามขึ้น“ตอนที่แมงป่องใช้ภรรยาและลูกของคุณมาข่มขู่คุณ คุณจะเลือกอะไร?”

ตอนนี้ เสี่ยวถิงก็เป็นใบ้ขึ้นมาทันที

เขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ฝั่งหนึ่งก็เป็นพรรคพวกพี่น้องของตัวเอง อีกฝั่งก็เป็นคนในครอบครัว

หลี่ฝางหัวเราะ ก่อนพูดขึ้น“เห็นแล้วยังล่ะ คุณก็เริ่มลังเลแล้วเหมือนกัน ดังนั้น ถ้าพูดกันตามสภาพแล้ว หยิ่นเจิ้งกำจัดคุณ ก็ถือว่าถูกแล้ว”

เสี่ยวถิงไม่ได้พูดอะไร แต่หันไปมองภรรยาและลูกของตัวเอง ก่อนจะพูดขึ้น“ในตอนแรก ตอนที่ผมกับหยิ่นเจิ้งไม่มีเงิน ก็อาศัยพึ่งพาภรรยาของผม เธอคอยช่วยเหลือพวกเราทางด้านการเงิน ในตอนแรกเขาเคยพูดเอาไว้ ว่าถ้าวันไหนประสบความสำเร็จแล้ว จะไม่ลืมความดีของผมและภรรยาของผมแน่นอน น่าเสียดาย ตอนนี้แม้แต่ภรรยาของผมเขาก็ไม่ยอมปล่อยไป”

“ภรรยาของผม ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น เขากำจัดผมแค่คนเดียวก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมต้องกำจัดภรรยาและลูกของผมด้วย?”

น้ำเสียงของเสี่ยวถิง เปลี่ยนเป็นโมโหเกรี้ยวกราดขึ้นมา

“เรื่องนี้ต้องโทษผม ตอนที่ส่งข้อความไปให้กับแมงป่อง คุณมีหลักฐานเพียงพอที่บอกว่าไม่ใช่ฝีมือของคุณ แต่ความลับนี้ นอกจากคุณแล้ว ยังมีใครรู้อีก? หยิ่นเจิ้งเดาไม่ออก แต่ผู้ที่ต้องสงสัยที่สุดก็คือภรรยาของคุณ”หลี่ฝางพูดขึ้น

“แล้วลูกของผมล่ะ? ทำไมต้องฆ่าพวกเขาด้วย”เสี่ยวถิงพยายามกลั้นความโกรธเอาไว้

หลี่งฝางยิ้มๆพูดขึ้น“ถ้าคิดจะถอนหญ้าก็ต้องถอนทั้งรากถอนทั้งโคนถ้าปล่อยเอาไว้จะเป็นปัญหาภายหลังได้ หลักเหตุผลนี้คุณคงจะเข้าใจนะ เขากลัวลูกๆของคุณจะไปแก้แค้นให้กับคุณยังไงล่ะ”

เสี่ยวถิงนิ่งขรึมลงอีกครั้ง ไม่ได้พูดอะไรอยู่นานสองนาน

หลี่ฝางก็ไม่ได้ถามอะไรเสี่ยวถิงต่ออีกอย่างเข้าใจสถานการณ์ แต่ตบๆลงที่ไหล่ของเขา

ผ่านไปประมาณห้านาที ไอ้หน้าหนวดก็หยิบตั๋วเครื่องบินออกมาสองสามใบ หลี่งฝางยื่นตั๋วเครื่องบินให้กับเสี่ยวถิง พร้อมกับพูดขึ้น“นี่เป็นตั๋วเครื่องบินระดับเฟิร์สคลาสที่บินไปนอร์เวย์จำนวนสี่ใบ อีกสองชั่วโมง เครื่องบินจะบินแล้ว”

เสี่ยวถิงมองตั๋วเครื่องบินในมือของหลี่งฝางอย่างเหม่อลอย จากนั้นก็ยิ้มๆ“คุณช่วยชีวิตผม แล้วก็ปล่อยให้ผมไป?”

“ไม่ทำแบบนี้ แล้วจะให้ทำแบบไหนล่ะ?”หลี่ฝางถามขึ้น

“ผมนึกว่า คุณช่วยชีวิตผมแล้ว ก็จะให้ผมช่วยคุณจัดการกับหยิ่นเจิ้งซะอีก”เสี่ยวถิงพูดยิ้มๆ

หลี่ฝางส่ายหัว พูดเขึ้น“หยิ่นเจิ้งเป็นเพื่อนร่วมงานของผม หลังจากที่ผมกับเขาร่วมมือกันกำจัดแมงป่องทิ้งแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีก ทำไมผมต้องไปต่อกรกับเขาด้วย? ศัตรูของผมก็มากพออยู่แล้ว ไม่อยากจะเพิ่มปัญหาให้กับตัวเองอีก”

“เหอะๆ คุณคิดว่าเขาจะปล่อยคุณไปเหรอ? คุณเล่นงานซะลูกของเขาสภาพเป็นแบบนั้นแล้ว หรือคุณคิดว่าหยิ่นเจิ้งจะยอมปล่อยไปทั้งอย่างนี้หรือไง ถ้าพ่อของคุณหลอซ่ากลับมาไม่ได้ เขาจะมาแก้แค้นคุณเป็นคนแรกแน่นอน เชื่อไหมล่ะ?”เสี่ยวถิงพูดขึ้น

“หลายวันก่อนหน้านี้ หยิ่นเจิ้งก็พาพวกอันธพาลที่ทำเรื่องเสี่ยงอันตรายให้กับเขามาถึงยังอำเภอหลิน ผมเป็นคนต้อนรับเอง แล้วเนื้อหาที่หยิ่นเจิ้งเจรจาพูดคุยกับพวกเขา ก็คือหาโอกาสในการกำจัดคุณ แต่ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไร จู่ๆเขาก็ล้มเลิกแผนการนี้ไป”

เสี่ยวถิงพูดขึ้นเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม“แต่ที่ผมรู้ก็คือ พวกคุณตระกูลหลี่ ส่งคนไปเจรจาความร่วมมือกับตระกูลหยิ่น แทนที่จะบอกว่าเป็นการร่วมมือกัน สู้บอกว่าเป็นการชดเชยให้น่าจะเหมาะกว่านะ”

“แต่คุณเคยคิดบ้างไหม คนแบบหยิ่นเจิ้ง เขายังขาดแคลนเงินอีกเหรอ? เขามีทรัพย์มูลค่าตั้งหลายพันล้านแล้ว ชีวิตนี้ก็ใช้ไม่หมด ถ้าเขาจะยอมละทิ้งการแก้แค้น ก็จะมีแค่เขารู้สึกกลัวเท่านั้น เขากลัวที่พ่อของคุณคือหลอซ่า แล้วก็ยิ่งกลัวพลังอำนาจของตระกูลหลี่ของพวกคุณด้วย”

เสี่ยวถิงพูดขึ้น

สีหน้าของหลี่ฝางเปลี่ยนไป

หลี่ฝางมองเสี่ยวถิง พร้อมกับถามขึ้น“คุณอยากจะอยู่ช่วยผมต่อ?”

“ไม่ใช่”เสี่ยวถิงส่ายหน้า

“ถ้าอย่างนั้นคุณบอกเรื่องพวกนี้กับผมหมายความว่าไง? อย่านะบอกว่าคุณจะจุดประเด็นสงครามระหว่างผมกับหยิ่นเจิ้ง จากนั้นก็จะเข้ามาช่วยผมอย่างนั้นเหรอ?”หลี่ฝางขมวดคิ้วถามขึ้น

เสี่ยวถิงพยักหน้า พูดขึ้น“ผมไม่ได้จะช่วยคุณ แต่ผมช่วยตัวเองแก้แค้นต่างหากล่ะ ถ้าไม่ใช่ไอ้หน้าหนวด ภรรยากับลูกของผม ก็คงตายไปนานแล้ว”

เสี่ยวถิงรับตั๋วเครื่องบินมาจากมือของหลี่ฝางพร้อมกับพูดขึ้น“คุณคิดจะให้ผมนั่งเครื่องบินหนีไป เหอะๆ ขอเถอะคุณชายหลี่ คุณคิดว่าผมเต็มใจไหม? ผมทำงานหนักเพื่อหยิ่นเจิ้งมาทั้งชีวิต สละให้เขาไปทั้งชีวิต แต่สุดท้าย กลับมีจุดจบแบบนี้เนี่ยนะ คุณว่าผมจะยอมหนีไปเฉยๆไหม?”

“ถ้าเป็นคุณ คุณจะไปไหม?”เสี่ยวถิงมองหลี่ฝาง พร้อมกับถามกลับไป

หลี่ฝางส่ายหัวพูดขึ้น“ถ้าเป็นผมล่ะก็ ผมจะให้หยิ่นเจิ้งชดใช้ในสิ่งที่เขาทำลงไป”

เสี่ยวถิงพยักหน้า ก่อนจะพูดขึ้น“ดังนั้น ผมไม่เพียงแต่จะไม่หนีไปแล้ว ยังจะอยู่ต่อเพื่อจัดการกับหยิ่นเจิ้งด้วย ผมอยากถามคุณชายหลี่หน่อย ว่าคุณจะต่อกรกับหยิ่นเจิ้งไหม? ถ้าสู้ล่ะก็ ผมจะอยู่ฝ่ายเดียวกับคุณ”

“ถ้าคำตอบของผมคือไม่ คุณก็จะไปพึ่งพาแมงป่องแทนใช่ไหม?”หลี่ฝางมองเสี่ยวถิง เดาความคิดความอ่านของเขาออก

“ใช่ ตอนนี้ ศัตรูของผมก็คือหยิ่นเจิ้ง ใครเป็นศัตรูกับหยิ่นเจิ้ง คนนั้นก็คือมิตรสหายของผม”

เสี่ยวถิงมองหลี่ฝางพร้อมกับพูดขึ้น“แต่ว่า ผมไม่อยากไปร่วมมือกับแมงป่อง ผมอยากอยู่ช่วยคุณ ถึงยังไง คุณก็เป็นคนช่วยชีวิตผม”

“ผมไม่เพียงแต่จะแก้แค้น แต่จะตอบแทนบุญคุณด้วยเช่นกัน”เสี่ยวถิงพูดขึ้น“ทรัพย์สินของหยิ่นเจิ้งมูลค่าประมาณสองพันกว่าล้าน ถ้าแมงป่องพ่ายแพ้ล่ะก็ มูลค่าทรัพย์สินของเขาก็น่าจะสองเท่าตัว ขอแค่คุณยอมร่วมมือกับผม ผมมีวิธี ที่จะทำให้ทรัพย์สินของหยิ่นเจิ้งกลายเป็นของคุณทั้งหมด”

“เรื่องเงินผมไม่เอาสักแดงเดียว ขอแค่เศษเงิน ให้ลูกๆของผมได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายก็พอแล้ว”เสี่ยวถิงพูดขึ้น

หลี่ฝางมองเสี่ยวถิง หลังจากมองอยู่นานสองนานแล้ว จึงพูดขึ้น“ผมค่อยให้คำตอบคุณพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”

“แต่ว่า ต่อให้ผมไม่รับปากคุณ ก็ไม่ได้หมายความว่าให้คุณไปช่วยแมงป่องนะ”หลี่ฝางพูดขึ้น

ล้อเป็นเล่น

ถ้าเสี่ยวถิงไปพึ่งพาแมงป่องในตอนนี้ หยิ่นเจิ้งก็จบเห่ทันที ถ้าหยิ่นเจิ้งจบเห่ นั่นก็เท่ากับว่าหมากล้อมเกมนี้ หลี่ฝางก็จะแพ้ไปด้วยนั่นเอง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท