NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 730 ส่งโลงศพไปให้ก็แล้วกัน

บทที่ 730 ส่งโลงศพไปให้ก็แล้วกัน

ผู้จัดการล็อบบี้คนนั้น สีหน้าอึดอัดทันที

เขาจะไปดูแลจัดการแทนหลี่ฝางได้ยังไงล่ะ?

เขาเป็นคนของท่านจวน

ผู้จัดการล็อบบี้ยิ้มอย่างอึดอัด ก่อนจะพูดขึ้น“คุณชายหลี่ คุณอย่าล้อเป็นเล่นสิครับ ผมติดสัญญากับคุณชายจวนอยู่นะครับ ถ้าผมหนีไป จะต้องชดใช้เงินค่าผิดสัญญาก้อนใหญ่เลยนะครับ”

หลี่ฝางพยักหน้า พูดขึ้น“ฉันรู้ แต่แกไม่ต้องกลัว เงินค่าผิดสัญญา ฉันจะชดใช้ให้เอง”

เงินแค่นี้ ถือว่าจิ๊บจ๊อยมากสำหรับหลี่ฝาง

แต่ผู้จัดการล็อบบี้จะกล้ารับปากเหรอ?

ถ้าเขาคิดจะเปลี่ยนงาน ท่านจวนไม่มีทางปล่อยเขาไปง่ายๆแน่นอน

“คุณชายหลี่ คุณรอสักครู่นะครับ”ผู้จัดการล็อบบี้เช็ดเหงื่อที่ใบหน้า ก่อนจะไปเรียกไอ้เด็กซน

ไอ้เด็กซน คือลูกชายที่ท่านจวนเลี้ยงดูจนโต

เขาเป็นคนแคระ แม้ว่ารูปร่างจะเล็กแกรน แต่ว่าเขาก็อยู่ข้างกายของท่านจวนมานานหลายปี แถมมีความสามารถไม่น้อย

ท่านจวนไม่อยู่ สถานที่ผับบาร์ต่างๆพวกนี้ไอ้เด็กซนถือว่ามีอำนาจสูงสุด

ผ่านไปสิบนาที

ก็มีคนที่ดูคล้ายเด็กคนหนึ่งเดินออกมาจากข้างในร้าน

“คุณชาย คุณมาแล้ว ในบาร์มีแขกที่รับมือยากอยู่สองคน พวกเขาทำให้แขกของพวกเราพากันหนีออกไปหมด”มีพนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามา พูดฟ้องทันที

“เอาล่ะ เตรียมห้องไพรเวทหนึ่งห้อง จากนั้นก็พาแขกวีไอพีสองคนนี้เข้าไปในห้องนั้น”

ไอ้เด็กซนพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ

ไอ้เด็กซนไม่กินทุเรียน แล้วก็ไม่กินเต้าหู้เหม็นด้วย ดังนั้นจึงบีบจมูกเอาไว้ พลางเดินไปรอที่ห้องไพรเวท

ในเวลานี้เอง ผู้จัดการล็อบบี้ก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าของหลี่ฝาง“คุณชายหลี่ คุณชายของพวกเรา เรียกให้คุณไปหาครับ เขาอยากจะคุยกับคุณสักหน่อย”

หลี่ฝางสบถเหอะ ใช้มือโอบเอวสาวสวยสองคนที่อยู่ข้างๆ พร้อมกับพูดยิ้มๆ“นี่แกมาวุ่นวายอะไรกับฉันด้วย? ที่ฉันมาที่บาร์ ก็เพื่อมาพูดคุยกับสาวๆ ไม่ใช่มาหาคุณชายอะไรนั่นของพวกแกซะหน่อย”

“ตอนนี้ในบาร์ของฉันไม่มีพวกสาวๆแล้ว ก็เลยมาเที่ยวที่บาร์ของพวกแก พวกแกอย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้จะมาหาเรื่อง ฉันสาบานได้”หลี่ฝางพูดขึ้น“ถ้าฉันไม่ได้มาหาเรื่องจริงๆ ออกไปขอให้แกโดนรถชนตาย”

ผู้จัดการล็อบบี้หน้าบึ้งตึงทันที ไม่รู้ว่าคำพูดของหลี่ฝาง เป็นแค่การล้อเล่น หรือว่าข่มขู่กันแน่?

ถึงยังไงจากสถานภาพของหลี่ฝางแล้ว การจะฆ่าเขาให้ตาย มันง่ายนิดเดียว

ผู้จัดการล็อบบี้พูดขึ้นด้วยสีหน้าอมทุกข์“แต่คุณชายของพวกเรารออยู่ในห้องไพรเวทเรียบร้อยแล้วนะครับ คุณชายหลี่ เอางี้ไหม เดี๋ยวผมเรียกให้พวกสาวๆไปด้วยกันกับคุณก็แล้วกัน?”

“นั่นก็พอได้อยู่”

หลี่ฝางพยักหน้า ลุกขึ้นยืน“ใช่แล้ว เอาเต้าหู้เหม็นพวกนี้ไปด้วย ฉันเสียดายของ”

หลี่ฝางมาหยุดอยู่ตรงหน้าของโหจื่อ ก่อนจะพูดขึ้น“ไปกันเถอะ มีเรื่องต้องให้ทำแล้ว”

โหจื่อตามไปด้วย ยกไหล่ๆ ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องไพรเวท

“คุณชายที่นี่ มีประวัติภูมิหลังอะไรบ้าง?”ตอนอยู่ระหว่างทาง หลี่ฝางถามขึ้นอย่างอดไม่ได้

เกี่ยวกับคนแคระคนนี้ หลี่ฝางเคยเจอแค่ครั้งเดียว

ก็คือตอนที่อยู่ที่สถานตากอากาศ ในครั้งนั้น เขาส่งข้อมูลเกี่ยวกับหมาทิเบตันมาให้กับตระกูลหลี่

ตอนที่เจอกันครั้งที่แล้วก็ยังเป็นมิตรสหายกันอยู่ แต่เจอกันตอนนี้ แทบจะกลายเป็นศัตรูกันแล้ว

การเปลี่ยนแปลงรอบๆตัวนี้ ช่างยิ่งใหญ่จริงๆ

“เขาน่ะ ปีนี้ก็ใกล้จะอายุสามสิบปีแล้ว แต่ดูแล้วเหมือนกับเด็ก เขาสำเร็จวิชามาจากวัดเส้าหลิน เคยฝึกฝนวิชาหัวเหล็กมา แล้วก็วิชากระดูกแข็งอีกมากมาย แต่ว่าวางใจได้ ต่อให้ร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็กันกระสุนไม่ได้อยู่ดี”โหจื่อพูดดูถูกขึ้น

“พวกเรากับท่านจวน ไม่ได้มีความโกรธแค้นกันขนาดนั้น ไม่ถึงกับต้องใช้กระสุนหรอก”หลี่ฝางพูดกำชับโหจื่อไปหนึ่งประโยค

โหจื่อแค่หัวเราะเหอะๆ ไม่ได้พูดอะไร

ชั่วพริบตา ทั้งสองคนก็มาถึงยังห้องไพรเวทของไอ้เด็กซน

จากนั้น ผู้หญิงกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่ง ที่ในมือถือทุเรียนกับเต้าหู้เหม็น ก็มาถึงที่นี่เช่นกัน

ไม่นาน ไอ้เด็กซนก็ทำท่าสูดๆจมูก ท่าทางทนไม่ได้

หลี่ฝางเห็นแบบนี้ ก็รีบยื่นเต้าหู้เหม็นหนึ่งกล่องไปให้กับไอ้เด็กซนทันที“มาสิครับ พี่ๆ ลองชิมดู เต้าหู้เหม็นแท้ๆจากเมืองฉางซาเลยนะครับ ถึงกลิ่นจะเหม็น แต่รสชาติอร่อยมาก”

ไอ้เด็กซนส่ายหัว พูดขึ้นอย่างเย็นชา“ผมไม่กินของสิ่งนี้”

“บอกให้พวกสาวๆไปพักผ่อนก่อน แล้วพวกเรามาคุยธุระจริงจังกันเถอะ”ไอ้เด็กซนพูดขึ้น

หลี่ฝางสบถเหอะ ก่อนพูดตอบ“ไม่ได้สิครับ จะให้พวกสาวๆไปได้ยังไง? สำหรับพวกเราแล้ว นี่มันก็เป็นเรื่องที่จริงจังนะครับ”

หลี่ฝางโอบสาวสวยเอาไว้ ไม่ปล่อยให้พวกเธอจากไป

ส่วนไอ้เด็กซนก็ขมวดคิ้ว เขารู้ความหมายของหลี่ฝางดี

ความหมายก็คือเขาไม่อยากพูดคุยเจรจานั่นเอง

ไอ้เด็กซนมองหลี่ฝาง ก่อนจะพูดขึ้น“ดูเหมือนคุณชายหลี่คงจะชอบเที่ยวเล่นจริงๆนะครับ? ให้ผมทำบัตรสมาชิกให้เอาไหมครับ ให้ฟรีๆเลย?”

“ใจดีจริงๆนะครับ แต่ว่าคุณต้องทำหลายๆใบหน่อยนะ ผมกับพรรคพวกพี่น้อง มาเที่ยวที่บาร์ของพวกคุณทุกวัน”หลี่ฝางหัวเราะๆพร้อมกับพูดขึ้น

“แต่ว่าพี่น้องของผมก็เหมือนกับผม ชอบกินเต้าหู้เหม็นเหมือนกัน บาร์ของพวกคุณก็ไม่มีกฎห้ามว่าไม่ให้พาอาหารเข้ามาใช่ไหมล่ะ?”หลี่ฝากถามขึ้นอย่างยิ้มๆ

ไอ้เด็กซนตะโกนเรียกให้ผู้จัดการล็อบบี้เข้ามา พูดสั่งขึ้นต่อหน้าหลี่ฝาง“ออกไปติดป้ายหน้าร้านว่าห้ามไม่ให้แขกนำอาหารเข้ามาเดี๋ยวนี้”

หลี่ฝางได้ฟังแบบนั้นสีหน้าก็นิ่งขรึม ยืนอยู่ตรงข้ามกับไอ้เด็กซนพร้อมกับพูดขึ้น“นี่พี่ชาย หมายความว่ายังไง ไม่อยากให้ผมกับพวกพี่น้องของผมมาเที่ยวอย่างนั้นสินะ?”

“คุณชายหลี่ คุณมาเที่ยวเล่นหรือมาสร้างปัญหา?”ไอ้เด็กซนก็ไม่อ่อนข้อให้หลี่ฝางอีกต่อไป พูดฉีกกระชากหน้าไปตรงๆทันที

หลี่ฝางพูด“เหอะๆ แล้วทำไมผมต้องมาสร้างปัญหาด้วยล่ะ? คุณรู้ไหม?”

“พวกหญิงบริการในบาร์ของพวกเรา ถูกพวกคุณดึงตัวไปจนหมดแล้ว”หลี่ฝางพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา

“พวกเธอสมยอมเอง ผมไม่ได้ดึงตัวพวกเธอมาเลยแม้แต่นิดเดียว” ไอ้เด็กซนส่ายหัวพูดขึ้น

“เหรอ? ถึงคุณจะไม่ได้เปิดปากพูดออกไปเองว่าดึงตัวพวกเธอมา แต่คุณกลับเพิ่มส่วนแบ่งให้กับสาวๆบริการในร้านของตัวเองตอนที่เกิดเรื่องขึ้นกับพวกเรา มิหนำซ้ำยังจัดหาอาหารที่พักพร้อมกับตบรางวัลให้อีก ที่คุณทำนี่คือทำให้ใครดูอย่างนั้นเหรอ? ไม่ใช่ทำให้คนอื่นดูหรอกหรือไง?”

“คุณพูดยอกย้อนอ้อมค้อมเพื่อที่จะบอกกับทุกคน ว่าที่นี่ของคุณยินดีต้อนรับพวกเธอทุกคนอย่างนั้นสินะ”

หลี่ฝางชี้ไปยังพวกผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังพร้อมกับพูดขึ้น“พวกผู้หญิงที่อยู่ข้างในนี้ สิบคนมีห้าคนที่เคยทำงานในบาร์ขอมผม”

“ความสัมพันธ์ของพ่อของผมและท่านจวนก็ดีมาก ถือว่าเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันเลย ดังนั้น ผมคิดมาตลอดว่าพวกเราคือเพื่อนกัน ไม่ใช่ศัตรู แต่พวกคุณ กลับได้ทีขี่แพะไล่ เปิดประตูรับคนของผมไปเป็นของตัวเอง ทำให้กิจการผับบาร์ของผมตกต่ำลง สรุปแล้วคุณคิดอะไรอยู่กันแน่?”

หลี่ฝางถามขึ้นอย่างเย็นชา

ไอ้เด็กซนเงยหน้าขึ้นมามองหลี่ฝาง สบถหึก่อนพูดขึ้น“ทรัพย์สินของตระกูลหลี่มีมากมายมหาศาลพอๆกับของรัฐ ที่แท้กลับให้ความสำคัญกับธุรกิจเล็กๆน้อยๆพวกนี้ด้วยอย่างนั้นสินะ ผมยังนึกว่าพวกคุณจะไม่ใส่ใจมันซะอีก”

หลี่ฝางหรี่ตาพูดยิ้มๆ“ต่อให้ไม่ใส่ใจ ต่อให้พวกเราไม่สนเงินเล็กๆน้อยๆพวกนี้ แต่ว่า คุณก็ไม่ควรจะอาศัยตอนที่พวกเรากำลังล้มมาซ้ำเติมกันแบบนี้”

“เงินเลี้ยงดูลูกน้องผม ก็มาจากผู้หญิงพวกนี้ทั้งนั้น”หลี่ฝางพูดขึ้น

“คุณชายหลี่หมายความว่า ลูกน้องของคุณ เกาะผู้หญิงกินอย่างนั้นเหรอ?”ไอ้เด็กซนหัวเราะเยาะเย้ย

หลี่ฝางขมวดคิ้ว

ตอนแรกหลี่ฝางนึกว่าพอตัวเองระเบิดโมโหออกมาแล้วไอ้เด็กซนจะยอมคืนสาวๆพวกนี้ให้กับตนเองแต่โดยดี แต่คิดไม่ถึงว่า อีกฝั่งกลับแทบจะไม่เห็นตนเองอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ

ส่วนโหจื่อที่อยู่ข้างๆ พอเห็นหลี่ฝางเริ่มท่าไม่ดีแล้ว จึงออกมาอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป

“ไอ้เด็กซนคุณยังห่วงหน้าตาอยู่ไหม ตอนเด็กคุณก็กินนมจนเติบโตมาไม่ใช่หรือไง ทุกคนต่างก็ล้วนต้องพึ่งพาผู้หญิงจนเติบใหญ่กันทั้งนั้น ไม่มีใครหัวเราะเยาะใครได้หรอก ผมจะบอกคุณตรงๆเลยแล้วกัน ที่พวกเรามาในวันนี้ก็เพื่อขอความเป็นธรรมกับคุณ ถ้าพวกคุณยังคงคิดถึงมิตรภาพอันเก่าแก่ของพวกเราล่ะก็ ช่วยคืนสาวๆพวกนี้กลับมาให้พวกเราด้วย”

“คำพูดของคุณ แทนหลอซ่าได้ไหม? ”ไอ้เด็กซนมองโหจื่อ ยิ้มๆอย่างดูถูกดูแคลน

สถานะของโหจื่อในตระกูลหลี่ อยู่ต่ำกว่าตำแหน่งของไอ้เด็กซนที่อยู่ฝั่งท่านจวนเยอะมาก

หลี่ฝางรีบพูดขึ้นทันที“แทนได้แน่นอนอยู่แล้ว”

“จริงๆ เสแสร้งแกล้งทำไปก็ไม่มีความหมายอะไร ท่านจวนพอเกิดเรื่องขึ้นก็ป่วยขึ้นมา พอเกิดเรื่องอีกก็ป่วยอีก ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป พรุ่งนี้ผมจะสั่งโลงศพชั้นหนึ่งอย่างดีส่งไปให้เขาถึงบนเขาเลย พอวันที่เขาตาย ก็จะได้ไม่ต้องวิ่งเต้นไปจองให้วุ่นวายกัน”

โหจื่อพูดขึ้นอย่างเย็นชา

คำพูดนี้ของโหจื่อไปกระตุกหนวดเสือของไอ้เด็กซนเข้า ไอ้เด็กซนลุกขึ้นมาทันที โหจื่อกลับหยิบปืนออกมาเล็งไปที่หัวของเขาก่อน“เตี้ยแบบนี้ ตอนนั่งกับตอนยืนมันต่างกันตรงไหน?

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท