NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 744 จดหมายจากต่างแดนฉบับสุดท้าย

บทที่ 744 จดหมายจากต่างแดนฉบับสุดท้าย

สีหน้าของหลี่ฝางกระอักกระอ่วนเล็กน้อย คำพูดของลุงเฉียน ก็แทงใจดำกันไปหน่อยนะ

หลี่ฝางเม้มปาก ไม่พูดอะไร

ลุงเฉียนหัวเราะเหอะๆ แล้วพูด: “เพราะว่านายไม่มีความสามารถ ที่จะจัดการกับความกลัว และยิ่งไม่มีความสามารถ ที่จะสู้กับพวกคนเลวที่ลอบทำร้าย ในตอนนั้นลูกพี่ใหญ่กล้าที่จะปะทะกับคนเลวที่มีอำนาจพวกนั้น นั่นก็เพราะว่าเขามีฝีมือแข็งแกร่ง คนเลวพวกนั้นพอเห็นเขา ต่างก็กลัวกัน”

“ไม่ว่าลูกพี่ใหญ่จะตัดเส้นทางหาเงินของพวกมัน คนพวกนั้น ก็ไม่กล้ามาล้างแค้น”

ลุงเฉียนพูด: “ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปยังไง ในสังคม คนแข็งแกร่งมักจะมีอำนาจ เรื่องนี้ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง”

หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูด: “ผมอ่อนแอไป”

“ลุงเฉียน ผมจะกลายเป็นคนแข็งแกร่ง เหมือนชุนเซิงได้มั้ย?” หลี่ฝางมองลุงเฉียน แล้วถาม

ลุงเฉียนส่ายหน้า แล้วพูด: “ไม่ได้”

“เพราะอะไร? พื้นฐานของผมก็น้อยกว่าชุนเซิงไม่มาก ทำไมเพียงระยะเวลาสั้นๆ ชุนเซิงถึงกลายเป็นคนมีฝีมือ ทำไมผมถึงเป็นไม่ได้?”

“ยังมีถังหยู่ซวน ตอนนี้เขา อยู่ตัวคนเดียวได้แล้ว” หลี่ฝางขมวดคิ้ว และพูดอย่างรับไม่ค่อยได้

ลุงเฉียนก็ยังคงส่ายหน้า แล้วพูด: “นายเห็นแค่พวกเขากลายเป็นคนแข็งแกร่ง แต่กลับไม่เห็นว่าเขาต้องประสบกับอะไรมา โดยเฉพาะชุนเซิง นายรู้มั้ย? เขาเกือบจะตายไปตั้งหลายรอบ นายลองถกเสื้อเขาดูสิ บนตัวเขา มีแต่รอยแผลเป็นจากการผ่าตัด แล้วก็ถังหยู่ซวน นายคิดจริงๆ เหรอว่าระยะเวลาสั้นๆ เขาจะถูกโหจื่อฝึกจนกลายเป็นคนเก่งมีฝีมือ? นั่นก็เพราะว่าถังหยู่ซวนแอบใช้ ยาปรับปรุงยีนของมนุษย์แค่นั้น”

เมื่อได้ยินข่าวนี้ จู่ๆ หลี่ฝางก็ช็อกไป: “ถังหยู่ซวนใช้ยาปรับปรุงยีนมนุษย์?”

“ใช่แล้ว นี่เป็นความลับระหว่างพวกเรา แม้แต่โหจื่อก็ไม่รู้ โหจื่อคิดมาตลอดว่าถังหยู่ซวนเป็นอัจฉริยะ แต่ที่จริงแล้ว ร่างกายของเขามันพิเศษกว่าคนอื่นแค่นั้น ร่างกายของเขา เข้ากับยาได้เป็นอย่างดี เมื่อเทียบกับถังหยู่ซวน ชุนเซิงก็ไม่ได้โชคดีเลย ชุนเซิงสูญเสียประสาทสัมผัส ความรู้สึกเจ็บปวดไปแล้ว และประสาทสัมผัส อีกหลายอย่างเขาของก็หายไปเหมือนกัน”

“ชีวิตของชุนเซิง ต้องเพิ่งยามาช่วยเท่านั้น ทุกครั้งที่ใช้ยา ร่างกายของเขาก็จะน็อคไป ไม่ต้องถึงสองปี ชุนเซิงก็จะตาย”

ลุงเฉียนส่ายหน้า แล้วพูด: “ถังหยู่ซวนเป็นเคสที่ประสบความสำเร็จ แต่ว่า อายุขัยของเขา คงลดหายไปประมาณสามสิบปี”

“อะไรนะ?” หลี่ฝางขมวดคิ้ว: “ทำไมถึงไม่บอกผมสักคำ ถังหยู่ซวนเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผม ลุงทำการวิจัยกับตัวเขา อย่างน้อยก็น่าจะผ่านการเห็นด้วยการผมก่อนมั้ย?”

“ยังจำครั้งก่อนที่ถังหยู่ซวนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้มั้ย? ความจริงแล้ว อุบัติเหตุครั้งนั้น ถังหยู่ซวนเข้าขั้นวิกฤตแล้ว ร่างกายของเขา ได้รับการปะทะอย่างรุนแรง เป็นยาปรับปรุงยีนมนุษย์ที่ช่วยเขาเอาไว้”

“ตั้งแต่ตอนนั้น ร่างกายของเขาก็บึกบึนขึ้นมา ดังนั้นฉันถึงให้โหจื่อรับเขาไว้เป็นศิษย์ สอนวิชาให้เขา”

ลุงเฉียนพูด: “ยาปรับปรุงยีนของมนุษย์ยังไม่สำเร็จ มีความเสี่ยงสูง ดังนั้นพวกเราจึงไม่ใช้กับร่างของนาย”

หลี่ฝางไม่ได้พูดอะไรต่อ

“ผมอยากจะเจอแม่ผมสักครั้ง” หลี่ฝางพูด: “แม่อยู่ที่ไหน? ผมไม่ได้เจอแม่มานานแล้ว”

“เธอออกเดินทางไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อวาน ก็ออกจากเมืองเอกไปแล้ว” ลุงเฉียนพูด: “ที่จริง เธออยากจะเจอนายก่อนค่อยไป แต่ว่า เธอกลัวว่าถ้าเจอนาย จะทำใจไปจากที่นี่ไม่ได้”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว และถามด้วยสีหน้าสงสัย: “แม่ของผม ไปหาพ่อผมใช่มั้ย?”

ลุงเฉียนพยักหน้า ตอบรับการคาดเดาของหลี่ฝาง: “ถูกแล้ว ไม่ใช่แค่แม่ของนาย ซือปาจี้ ส่วนใหญ่ก็ตามแม่นายไปด้วย ไปด้วยกันแล้ว”

ในตอนนั้น หลี่ฝางก็รู้สึกถึงความร้ายแรงจริงๆ ของเรื่องนี้

หลี่ฝางมองลุงเฉียน และถามอย่างร้อนรน: “ลุงเฉียน ลุงบอกกับผมมาตามตรงได้มั้ย ทางฝั่งพ่อผม สถานการณ์ไม่ดีเลยจริงๆ เหรอ”

“ฉันได้ข่าวมาไม่มาก ฉันรู้แค่นิดเดียว นั้นก็คือลูกพี่ใหญ่ทำหน้าที่สำเร็จลุล่วงแล้ว ที่จริง หลังจากที่ทำหน้าที่สำเร็จ ก็สามารถกลับมาอย่างปลอดภัย แต่ว่า ข้างกายเขามีคนทรยศ มีคนเอาเส้นทางของพวกเขา ไปเปิดเผย”

“พวกเขาเจอคนดักซุ่มโจมตี ถูกล้อมเอาไว้ในป่า ด้านในนั้นไม่มีสัญญาณ ดังนั้นเกิดเรื่องอะไรด้านในนั้น ฉันเองก็ไม่รู้”

“สี่วันแล้ว ที่พวกเราไม่ได้รับการติดต่อจากฝั่งนั้นเลย ดังนั้นแม่ของนายจึงรอไม่ไหว พาซือปาจี้ไปแล้ว”

ลุงเฉียนพูด: “ถ้าหากลูกพี่ใหญ่รับมือจนมีคนไปช่วยทัน ก็ต้องมีชีวิตรอดกลับมาแน่ๆ”

ใจของหลี่ฝางหล่นวูบ พอได้ยินแบบนั้น: “ถ้ากลับกัน นั่นคง……”

ลุงเฉียนพยักหน้า แล้วพูด: “ลูกพี่ใหญ่ไม่ใช่เซียน……”

หลี่ฝางสูบหายใจเข้าลึก แล้วหาโซฟานั่งลง พลางมองลุงเฉียน หลี่ฝางพูดทุกคำพูด

ลุงเฉียนมองหลี่ฝาง แล้วถาม: “อยากถามอะไร ก็ถามมาเถอะ”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว แล้วพูด: “ถ้าหากพ่อของผมเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นมาจริงๆ งั้นพวกเรา ควรทำยังไง?”

หลี่ฝางรู้ ตอนที่พ่อของตนไปนั้น ได้จัดแจงเรื่องทั้งหมดเอาไว้แล้ว

ลุงเฉียนพูด: “ถ้าหากลูกพี่ใหญ่ไม่กลับมาจริงๆ งั้นฉันจะพานายไม่จากประเทศนี้”

“ไปหาคุณท่านหลี่ ถ้าหากลูกพี่ใหญ่ตาย ก็มีแต่คุณท่านหลี่ ที่สามารถรับประกันความปลอดภัยของนายได้”

ลุงเฉียนพูด: “แล้วก็ คนของคุณท่านหลี่ ก็กำลังเดินทางมา”

ดวงตาหลี่ฝางเบิกกว้างมองลุงเฉียน แล้วถาม: “หมายความว่าไง?”

“ด้านในป่านั่น มนุษย์อยู่ได้มีขีดจำกัดวัน แค่เจ็ดวันเท่านั้น ดังนั้นอย่างมากสุดสามวัน ถ้าหากยังไม่ได้ข่าวว่าลูกพี่ใหญ่มีชีวิตรอดออกมา งั้นพวกเราก็จำเป็นต้องรับมือกับแผนที่เลวร้ายที่สุด”

“ด้านในป่านั่น ไม่ใช่แค่บึงน้ำและสัตว์ที่ดุร้ายพวกนั้น ยังมีแก๊สพิษ พวกบึงนั่นลูกพี่ใหญ่ยังสามารถหลีกเลี่ยงได้ สัตว์ดุร้ายก็ฆ่าลูกพี่ใหญ่ไม่ตาย แต่แก๊สพิษ จะเอาชีวิตของทุกคน” ลุงเฉียนถอนหายใจ แล้วพูด: “ที่จริง แม่ของนายไม่ให้ฉันพูดเรื่องพวกนี้กับนาย แต่ฉันรู้ นายเป็นผู้ใหญ่แล้ว นายมีสิทธิ์ที่จะรู้”

“สามปีก่อน ลูกพี่ใหญ่พาแม่นายและพวกเรา จากไปโดยไม่บอกสักคำ ก็หลอกนายไปแล้วครั้งนึง ดังนั้นครั้งนี้ ฉันไม่คิดจะโกหกนายแล้ว” ลุงเฉียนพูด

“นั่นก็แปลว่า หลังจากนี้สามวัน พ่อผมจะอยู่หรือตาย ก็จะมีคำตอบออกมาใช่มั้ย?” หลี่ฝางทุบหัวตน ถามด้วยใจลอย

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท