มู่เสี่ยวไป๋หน้าเสียสุดๆ ให้เขาเรียกหลี่ฝางว่าพ่อต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ มันทนทุกข์ยิ่งกว่าความตายซะอีก
มู่เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้วพลางพูด:“แกก็แค่บังเอิญโชคดี และคนของฉันก็อาหารเป็นพิษพอดี ไม่งั้นแกจะชนะได้ยังไง?”
“บางทีแกอาจวางยาในอาหารของเขา แกถึงได้เป็นอย่างตอนนี้”
มู่เสี่ยวไป๋เถียงข้างๆคูๆ
หลี่ฝางรู้สึกหมดคำจะพูดทันที มู่เสี่ยวไป๋อ้างเหตุผลสารพัดเพื่อไม่ยอมรับ
“เป็นชายชาตรี แกเป็นลูกผู้ชายหน่อยได้ไหม พูดอย่างไรก็อย่างนั้น อย่าพอแพ้แล้วอ้างนู่นอ้างนี้ตลอด ทุกอย่างที่แกพูดมา อย่าว่าแต่ฉันเลย แกลองถามคนด้านหลังแกดูว่าเชื่อไหม?แถมยังบอกว่าฉันวางยาส้งผิงอีก ฉันรู้จักเขา?วันนี้ฉันกินข้าวกับเขางั้นเหรอ?”
หลี่ฝางขมวดคิ้วพูด:“พูดมั่วซั่วสุดๆ”
“ไม่ว่าจะพูดยังไง แกไม่ได้ทำให้ส้งผิงแพ้ แค่เมื่อกี้เขาไม่สบาย ดังนั้นครั้งนี้ไม่นับ เมื่อกี้แกพูดแล้วไม่ใช่เหรอ?ว่าฉันเลือกได้2คน ส้งผิงแค่หนึ่งคนในนั้น ฉันจะเลือกมาอีก1คน ถ้าแกยังชนะอีกฉันจะยอมรับความพ่ายแพ้”มู่เสี่ยวไป๋พูด
หลี่ฝางหัวเราะออกมา สีหน้าเย้ยหยัน
เห็นๆอยู่ว่าเมื่อกี้พูดว่าถ้าชนะส้งผิง มู่เสี่ยวไป๋ก็จะเรียกตนว่าพ่อ แต่ตอนนี้ตนต้องชนะอีกคนหนึ่งถึงจะนับ?
แต่หลี่ฝางยังไงก็ได้ จึงพยักหน้ายินยอม:“โอเค แกเลือกสิ”
มู่เสี่ยวไป๋หันไปมองชางสู่ ที่จริงถ้าตามเจตนาเดิมของมู่เสี่ยวไป๋คือเลือกชางสู่
ยังไงในบรรดาคนเหล่านี้ มู่เสี่ยวไป๋วางใจชางสู่ที่สุด
ถ้าชางสู่ลงมือด้วยตัวเอง จะไม่มีทางผิดพลาดเลย
แต่เป้าหมายที่ชางสู่มาในครั้งนี้คือจัดการโหจื่อ
มู่เสี่ยวไป๋เข้าใจดี ถ้าตนเลือกชางสู่ โหจื่อไม่อยู่เฉยแน่
ดังนั้นมู่เสี่ยวไป๋จึงทำได้เพียงเลือกคนอื่น
ชางสู่ขมวดคิ้ว สีหน้าค่อนข้างอึดอัด:“ผมจะเลือกให้คุณชายอีกคน”
“ไม่ต้องแล้ว ฉันเลือกเอง”
เห็นได้ชัดว่ามู่เสี่ยวไป๋อารมณ์เสีย เพราะเมื่อครู่ชางสู่เกือบทำเอามู่เสี่ยวไป๋ขายหน้าต่อหน้าทุกคน
มู่เสี่ยวไป๋กวาดตามอง หาคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม หมอนี่น่าจะสูงอย่างต่ำสัก190ซม. แถมรูปร่างสูงใหญ่ ดูน่ากลัวมาก
มู่เสี่ยวไป๋ชี้ไปยังคนตัวสูง มองเขาพลางถาม:“แกชื่ออะไร?”
“ผมชื่อส้งเป่าเอ๋อ”ชายร่างสูงพูด
มู่เสี่ยวไป๋มองบนใส่เขา:“แกตัวสูงขนาดนี้ ทำไมตั้งชื่อดูสาวขนาดนี้?ช่างเถอะ มานี่ซิ”
ส้งเป่าเอ๋อยังดูตกใจกลัวนิดหน่อย เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหลี่ฝางเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาไม่กลัวเด็กน้อยอย่างหลี่ฝางแน่นอน
แต่เมื่อครู่ที่ส้งผิงพ่ายแพ้ให้กับหลี่ฝาง
ผ่านไปนานแล้วส้งผิงยังจมอยู่กับพื้นเหมือนเดิม ไม่มีวี่แววว่าจะยืนขึ้นเลยแม้แต่น้อย
และส้งเป่าเอ๋อยังรู้ดีว่าส้งผิงได้อาหารเป็นพิษ เพราะวันนี้เขาสองคนกินอาหารเหมือนกัน
ถ้าอาหารเป็นพิษจริง แล้วทำไมตนถึงไม่เป็นอะไร?
อีกทั้งส้งเป่าเอ๋อและส้งผิงมาจากชนบท แม้ส้งผิงจะดูผอมแห้งแรงน้อยไปหน่อย แต่ทุกครั้งที่ต่อสู้ ส้งเป่าเอ๋อล้วนโดนส้งผิงอัดน่วมตลอด
ขนาดส้งผิงยังล้ม ส้งเป่าเอ๋อไม่มีความมั่นใจขึ้นมาทันที
“ฉันจะบอกให้นะ แกลุยเลย ไม่ต้องทำอะไรที่ไร้ประโยชน์ เพียงแค่แกชนะไอ้คนตรงหน้าได้ ฉันรับรองว่าต่อไปแกสุขสบายแน่นอน”
มู่เสี่ยวไป๋พูดกับส้งเป่าเอ๋อ
แม้ส้งเป่าเอ๋อค่อนข้างกังวล แต่เมื่อมองลูกพี่ใหญ่ชางสู่ แล้วหันไปมองมู่เสี่ยวไป๋ จึงทำได้แค่ฝืนสู้
ส้งเป่าเอ๋อไม่ประมาท เพราะเขารู้ดีว่าไม่ควรดูคนแค่ภายนอก
เขาและส้งผิง เป็นข้อโต้แย้งที่ง่ายที่สุด
ถ้าใครแข็งแกร่งกว่าคือคนนั้นเก่ง งั้นทำไมส้งผิงถึงรังแกตนซ้ำแล้วซ้ำเล่าล่ะ?
ส้งเป่าเอ๋อเดินเข้าไป มองหลี่ฝางด้วยท่าทางดุดันโหดร้าย
เขาจะไม่เป็นเหมือนส้งผิง ที่ใช้ลูกเล่นเยอะ และยอมให้หลี่ฝางออกก่อน2-3ท่า เมื่อเขาเดินไปตรงหน้าหลี่ฝางก็ลงมือทันที
ตอนนี้ถังหยู่ซวนและซินปาร้อนใจสุดๆ
แต่โหจื่อกลับผ่อนคลายและเรียบเฉยอย่างไร้ที่ติ
ภาพเมื่อครู่โหจื่อเห็นอย่างชัดเจน โหจื่อรู้ว่าหลี่ฝางได้รับสืบทอดเลือดของหลอซ่าแล้วจริงๆ
แม้หลี่ฝางในตอนนี้ยังไม่ได้รับการฝึกอย่างถูกต้อง และไม่สามารถใช้พลังของเลือดได้ แต่ถึงแม้ให้สู้กันมั่วไปสักยก คนอย่างส้งเป่าเอ๋อก็ทำอะไรหลี่ฝางไม่ได้หรอก
หลอซ่าเป็นคนน่ากลัว ที่สามารถฆ่ากลุ่มนักต่อสู้ยอดฝีมือได้ด้วยพลังของตนเพียงคนเดียว
อย่างส้งเป่าเอ๋อ ดีสุดก็แค่มีกล้ามเนื้อแข็งแรงก็แค่นั้น
ส่วนมู่เสี่ยวไป๋กับชางสู่ ก็ยิ้มและหัวเราะกันอย่างมีความสุข ราวกับตอนนี้หลี่ฝางแพ้แล้วอย่างไรอย่างนั้น
และสายตาที่หลี่ฝางมองส้งเป่าเอ๋อดูกลัวเล็กน้อย ยังไงตัวสูงขนาดนี้คงรับมือกับคนอย่างหลี่ซ่วยซ่วย
ยืนตรงหน้าส้งเป่าเอ๋อ หลี่ฝางรู้สึกเหมือนเป็นเด็กตัวเล็กๆอย่างไรอย่างนั้น
ส้งเป่าเอ๋อปล่อยออกไปหนึ่งหมัด แต่หลี่ฝางไม่เลือกแข็งชนแข็ง เขาเลือกที่จะหลบหมัดอย่างสบายๆ
ส้งเป่าเอ๋อขมวดคิ้ว แล้วปล่อยหมัดจู่โจมต่อ ยิ่งไปกว่านั้นยังใช้เท้า แต่ในสายตาหลี่ฝาง การเคลื่อนไหวเหล่านี้เหมือนช้าสุดๆ
หลี่ฝางหลบได้สบายๆ มองส้งเป่าเอ๋อพลาง:“ทำไมเคลื่อนไหวช้าจัง?”
ส้งเป่าเอ๋อที่ได้ยินการพูดเย้ยหยันแบบนี้ ก็โมโหขึ้นมาทันที ทันใดนั้น ส้งเป่าเอ๋อก็ปล่อยหมัดออกมาพร้อมกัน2ข้างและเพิ่มความเร็ว
ส่วนหลี่ฝางมองการเคลื่อนไหวเหล่านี้ เหมือนดูภาพสโลว์โมชั่นก็ไม่ปาน เขาเบี่ยงตัว ไม่เพียงหลบหมัดของส้งเป่าเอ๋อพ้น แถมยังไปประจันหน้ากับส้งเป่าเอ๋อ
หลี่ฝางยกขาถีบไปยังท้องน้อยของส้งเป่าเอ๋อ
ส้งเป่าเอ๋อสีหน้าเจ็บปวกมาก จากนั้นหลี่ฝางก็กระโดดขึ้น จับผมส้งเป่าเอ๋อ จากนั้นดึงลงไปด้านล่าง แล้วโยนลงไป
ในขณะเดียวกันหลี่ฝางก็ยกเข่าขึ้น ใช้เข่าเสยคางส้งเป่าเอ๋อ
ส้งเป่าเอ๋อโดนเต็มๆ ล้มลงไปบนพื้นอย่างแรง เป็นลมหมดสติไป
และการกระทำนี้ไม่เพียงทำให้ถังหยู่ซวนกับซินปาตกตะลึง ยังทำให้มู่เสี่ยวไป๋กับชางสู่คาดไม่ถึงอีกด้วย
มู่เสี่ยวไป๋มองหลี่ฝางพลางกลืนน้ำลาย สีหน้าเขาดูแปลกๆ เห็นได้ชัดว่าไม่อยากเชื่อสิ่งทั้งหมดตรงหน้า
เหมือนฝันไป
หลี่ฝางยิ้มเบาๆ รู้สึกได้ถึงการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของร่างกายตัวเอง เขายิ้มอย่างใจเย็นพลางมองมู่เสี่ยวไป๋:“ตอนนี้เรียกพ่อได้แล้วใช่ไหม?