NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่765 กองกำลังลึกลับของหลี่ฝาง

บทที่765 กองกำลังลึกลับของหลี่ฝาง

มู่เสี่ยวไป๋หน้าเขียวซีกหนึ่งม่วงซีกหนึ่ง

ส้งผิงแพ้เพราะประมาทคู่ต่อสู้ แต่มู่เสี่ยวไป๋กลับอธิบายส้งผิงแพ้เพราะอาหารเป็นพิษ ก็แล้วไป

แล้วส้งเป่าเอ๋อล่ะ?

การต่อสู้ของหลี่ฝางกับส้งเป่าเอ๋อเมื่อครู่ เรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้ที่แท้จริง

คนนับร้อยที่ชั้นหนึ่งล้วนเห็นกันอย่างชัดเจน ว่าหลี่ฝางอาศัยพละกำลังของตน ล้มคนที่สูงกว่าตนเป็นคืบลงกับพื้น

ตอนนี้ต่อให้เป็นมู่เสี่ยวไป๋ก็ไม่มีทางปฏิเสธได้แล้ว

แต่ให้มู่เสี่ยวไป๋เรียกหลี่ฝางว่าพ่อต่อหน้าทุกคน ข้อนี้มู่เสี่ยวไป๋ทำไม่ได้แน่นอน

ดังนั้นจึงจะมู่เสี่ยวไป๋เล่นลูกไม้อย่างหน้าด้านๆ

มู่เสี่ยวไป๋มองบนใส่หลี่ฝางพลางพูด:“ฉันพูดเล่นกับแกเฉยๆ แกคิดจริงจังงั้นเหรอ?”

“เมื่อกี้ฉันแค่แกล้งคนโง่ก็แค่นั้น”มู่เสี่ยวไป๋พูดจบ มองหลี่ฝาง:“แม้ฉันคิดไม่ถึงว่าแกจะล้มทั้งส้งเป่าเอ๋อและส้งผิงได้ แต่ต่อให้แกกลายเป็นยอดฝีมือ แล้วยังไง?”

“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกจะชนะคนนับร้อยข้างหลังฉันได้?”

มู่เสี่ยวไป๋พูดอย่างเยือกเย็น:“วันนี้ฉันเหนื่อยแล้ว และเหนื่อยกับไอเชี่ยนี้”

“ฮ่าๆ แกจะเทียบว่าคนของใครเยอะกว่ากับฉันงั้นเหรอ?”หลี่ฝางหัวเราะพลางส่ายหน้า

“ใช่ ฉันจะเทียบกำลังคนกับแก ทำไม?”มู่เสี่ยวไป๋หัวเราะเยาะ:“ถ้าแน่จริงแกก็โทรเรียกคนมาสิ”

“ฉันจะบอกให้ ด้านหวางเสี่ยวหยวนกับเฉินฝูเซิง โดนท่านจวนจับตามองไว้แล้ว ถ้าพวกเขากล้ามาช่วยแก เขตอิทธิพลของพวกเขาก็รอโดนพังยับได้เลย”

มู่เสี่ยวไป๋พูดอย่างเยือกเย็น เห็นได้ชัดว่าเขาวางแผนทั้งหมดไว้แล้ว

“ในเมื่อแกจะเทียบกำลังคน งั้นฉันก็จะเทียบกับแก”

หลี่ฝางหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาซุนจิ้น

“นายเข้ามาได้แล้ว”หลี่ฝางพูดกับซุนจิ้นที่อยู่ในสาย

ส่วนซุนจิ้นมาถึงตั้งนานแล้ว แต่แค่ยังไม่ได้รับคำสั่งจากหลี่ฝางก็เท่านั้น ตอนนี้ในเมื่อหลี่ฝางโทรมาหาแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องหลบรอเป็นอาหารยุงอยู่ด้านนอกแล้ว

ใช้เวลาแค่แป๊บเดียว ทั้งไนต์คลับก็จะโดนคนของซุนจิ้นล้อมไว้หมดแล้ว

ซุนจิ้นเดินมาหาหลี่ฝางเพียงลำพัง พลางก้มหัวอย่างเคารพ:“คุณชาย คน300คนรวมกันอยู่หน้าประตูแล้วครับ รอแค่คุณออกคำสั่ง ”

หลี่ฝางพยักหน้า มองมู่เสี่ยวไป๋พลางถาม:“มู่เสี่ยวไป๋ แกจะแข่งกำลังคนกำฉันไม่ใช่เหรอ?แกเอาคนมาด้วยกี่คนล่ะ?”

“100หรือ150คน?”หลี่ฝางยิ้มอย่างดูถูก

มู่เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้ว มองซุนจิ้น แล้วพูดกับลูกน้องข้างๆทันที:“ออกไปดูสิ ว่าด้านนอกมี300คนจริงไหม แม่งเอ้ย 300คน ต่อให้จ้างจากตลาดแรงงานก็เกินพอแล้ว”

เห็นได้ชัดว่ามู่เสี่ยวไป๋ไม่เชื่อที่ซุนจิ้นพูด คิดว่าซุนจิ้นโม้

แต่เมื่อคนของมู่เสี่ยวไป๋ออกไป ก็กลับมารายงานอย่างเร็ว เพียงแต่สีหน้าที่กลับมาดูเปลี่ยนไป:“คุณชาย ด้านนอกดำมืดไปหมด เป็นคนทั้งนั้น”

“แม่ง แก แกไปเรียกคนมาจากตลาดแรงงานจริงเหรอเนี่ย”มู่เสี่ยวไป๋พูดเย้ยหยัน

จากนั้นมู่เสี่ยวไป๋โทรหามู่หรงฉางเฟิง ผลสรุป มู่หรงฉางเฟิงกลับปิดเครื่อง

“เล่นบ้าอะไร?”

มู่เสี่ยวไป๋รู้สึกเรื่องยิ่งน่าปวดหัว ต่อให้เป็นคนมาจากตลาดแรงงาน แต่ก็เป็น300คนที่ยากจะรับมือ

มู่เสี่ยวไป๋เดินไปที่ประตู มองกลุ่มคำที่ดำมืดพลางพูด:“พอได้แล้ว นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ยังไม่กลับบ้านไปนอนกอดลูกกอดเมียอีกแต่กลับมาทำโอทีก่อเรื่องที่นี่ เป็นบ้ากันหมดแล้วรึไง”

“ฉันถามหน่อย พวกมันจ้างมาเท่าไหร่?ฉันจะให้เป็นสองเท่า กลับบ้านไปซะ”มู่เสี่ยวไป๋ดึงมาคนหนึ่งพลางพูด

แต่คนคนนี้กลับไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย

คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนในหมู่บ้านจูเก่อ พวกเขาเลื่อมใสศิลปะการต่อสู้ ล้วนเป็นเด็กฝึก

ส่วนชางสู่มองจากไกล ก็มองออกว่าคนพวกนี้แปลกๆ มาจากตลาดแรงงาน ทำไมถึงมีออร่าประเภทนี้ได้?

พวกเขายืนด้วยกันแล้วดูน่ากลัวและโหดร้ายกว่าคนของตนมาก

ชางสู่เดินไปหามู่เสี่ยวไป๋พลางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง:“คุณชาย มันดูแปลกๆ พวกเขาเหมือนไม่ได้มาจากตลาดแรงงาน”

“งั้นพวกมันมาจากไหน?”มู่เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้ว:“ทำไมฉันไม่เคยรู้ได้ยิน ว่าหลี่ฝางยังมีกองกำลังเยอะแบบนี้”

“พวกแกเป็นใคร?”มู่เสี่ยวไป๋มองพวกเขาพลางพูด

แต่คนของตระกูลจูเก่อกลับไม่สนใจมู่เสี่ยวไป๋ เหมือนเป็นใบ้อย่างไรอย่างนั้น

มู่เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้วอย่างกลัดกลุ้มพลางพูด:“เราทำยังไงดี?”

ตอนนี้มู่เสี่ยวไป๋ขี่หลังเสือแล้วลงยากแล้ว ถ้าออกไปถนนด้านนอกก็โดนคนของตระกูลจูเก่อขวางไว้หมดแล้ว

แต่ถ้าไม่ไป ก็มีความแปลกประหลาดของหลี่ฝาง บวกกับโหจื่อ แถมยังมีคนของตระกูลจูเก่ออีก300กว่าคน……

คนร้อยกว่าที่ตนพามา เห็นได้ชัดว่าช่วยอะไรไม่ได้มาก

แผนฆ่าหลี่ฝางในครั้งนี้ ล้มเหลวอย่างเห็นได้ชัด

“ชางสู่ คิดหาวิธีสิ ฉันต้องหนีไปจากที่นี่”มู่เสี่ยวไป๋พูดอด้วยความกลัวสุดๆ

ความรู้สึกที่โดนคน300คนล้อม เหมือนขาดอากาศหายใจอย่างไรอย่างนั้น

หลี่ฝางเดินไปด้านหน้า2-3ก้าว ก็มาถึงตรงหน้ามู่เสี่ยวไป๋:“มู่เสี่ยวไป๋ ไม่ว่าจะแข่งกำลังคนหรือแข่งคุณภาพ แกก็แพ้หมด แกคงสงสัยว่าพวกเขามาจากไหนสินะ?ฉันบอกพวกแกก็ได้ พวกเขาล้วนเป็นคนของตระกูลจูเก่อ”

“คนของตระกูลจูเก่อ?”มู่เสี่ยวไป๋หน้าถอดสี

“ใช่ ตระกูลจูเก่อมีหมู่บ้านอยู่หนึ่งแห่ง เรียกว่าหมู่บ้านจูเก่อ ทุกคนในหมู่บ้านนั้นล้วนเรียนศิลปะการต่อสู้ ”หลี่ฝางมงมู่เสี่ยวไป๋ ยิ้มอย่างเย้ยหยันพลางพูด:“ดังนั้นก็คิดว่าถ้าสู้กัน คนของแกจะสู้คนของตระกูลจูเก่อได้ไหมล่ะ?”

“โกหก ตระกูลหลี่ของแกทำลายตระกูลจูเก่อ คนในหมู่บ้านจูเก่อจะถวายชีวิตให้แกได้ยังไง?”มู่เสี่ยวไป๋ไม่เชื่อสิ่งที่หลี่ฝางพูดแม้แต่น้อย

หลี่ฝางหัวเราะออกมา:“พวกเขาไม่ได้ถวายชีวิตให้ฉัน แต่ถวายชีวิตให้ซุนจิ้นต่างหาก ตอนนี้ผู้นำตระกูลจูเก่อคือซุนจิ้น”

“สำหรับคนในหมู่บ้านจูเก่อ ผู้นำตระกูลเป็นใครนั้นไม่สำคัญ ที่สำคัญคือถ้าผู้นำคนนั้น สามารถเข้าไปในสถานที่ต้องห้ามของพวกเขาได้อย่างอิสระ และคนที่สามารถเข้าไปในสถานที่ต้องห้ามได้อย่างอิสระได้ ก็จะกลายเป็นหัวหน้าของพวกเขา”

หลี่ฝางพูดพลางยิ้ม:“ช่างเถอะ พูดเรื่องไร้สาระอะไรพวกนี้กับแกไปทำไมกัน”

“มู่เสี่ยวไป๋ ฉันรู้ว่าแกมาเพื่อฆ่าฉัน”หลี่ฝางขมวดคิ้ว ระหว่าหน้าผากเผยให้เห็นความดุร้าย:“แกน่าจะเข้าใจนิสัยฉันดี ฉันเป็นพวกชอบใช้หนามยอกเอาหนามบ่งมาตลอด ในเมื่อแกจะฆ่าฉัน ฉันจะไม่โทษแก”

หลี่ฝางยิ้มอย่างเยือกเย็น:“ดังนั้น วันนี้ในปีหน้าก็คือวันระลึกการตายของแก”

“ไม่ ไม่”มู่เสี่ยวไป๋ส่ายหน้าทันที พลางร้องตะโกน:“อย่าฆ่าฉัน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท