NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 754 จางกงหมิงมาแล้ว

บทที่ 754 จางกงหมิงมาแล้ว

“แกจะฆ่าท่านจวนจริงๆเหรอ?” หลี่ฝางก็ยังมองโหจื่อด้วยความไม่มั่นใจ

ยังไงซะตั้งแต่เมื่อก่อน หลี่ฝางรู้ดี ไม่มีใครที่กล้าขัดคำสั่งของพ่อของตัวเองหลอซ่า

โหจื่อหัวเราะ แล้วพูดว่า “ทำไม มีอะไรไม่ดีรึไง? ไอ้แก่นั้นจะเก็บเขาเอาไว้ทำไม ข้างในมีแต่เลือดชั่วๆ เก็บเขาไว้ ไม่ช้าหรือเร็วจะต้องกลายเป็นภัย ในเมื่อลูกพี่ตัดใจฆ่าเขาไม่ได้ งั้นฉันจะตัดสินใจแทนลูกพี่เอง”

“ต่อให้หลังจากนี้ลูกพี่จะลงโทษฉัน หรือไล่ฉันออกไป ฉันเองก็ไม่กลัว” โหจื่อพูดด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา

หลี่ฝางไม่ได้ห้ามโหจื่อ ความจริงความคิดของหลี่ฝาง ก็เหมือนกับหลี่ฝาง

ท่านจวนควรที่จะรีบกำจัดทิ้งทันที

เหมือนคนแบบนี้ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไว้ชีวิตของเขา

พอพูดจบ โหจื่อก็พุ่งตรงเข้าไปยังวิลล่าจูเซียน หลี่ฝางที่อยู่ข้างนอก หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ ยังไม่ทันสูบบุหรี่จนหมด โหจื่อก็กลับออกมาแล้ว

หลี่ฝางมองโหจื่อ ค่อยๆเผยยิ้มออกมาแล้ว “เร็วจัง?”

โหจื่อส่ายหัว ทำหน้าเครียด พูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยว่า “ไอ้เย็ดแม่เอ๋ย ไอ้จิ้งจอกเฒ่าหนีไปซะได้”

“วิลล่าจูเซียนแห่งนี้มีหลายประตู ตอนฉันเข้าไปกลับไม่เจอใคร”

โหจื่อเพิ่งพูดจบ จู่ๆวิลล่าจูเซียนก็มีเสียงดังปังขึ้นมา

โหจื่อกอดหลี่ฝาง แล้วเคลื่อนตัวหนีไปไกลๆ จากนั้นก็หมอบลงกับพื้น

“ไปเร็ว” โหจื่อทำหน้าเครียด รู้สึกได้ถึงความผิดปรกติ “เวลาของฉันเหลือไม่มาแล้ว ถ้าเกิดท่านจวนพาคนกลับมา พวกเราคงจบสิ้นแล้ว”

“ท่านจวนก็เหมือนงูพิษ ต่อให้ลูกพี่จะไว้ชีวิตของเขา เขาก็คงไม่ซาบซึ้ง พอจับพวกเราได้ เขาจะต้องใช้ประโยชน์จากพวกเรา เพื่อใช้จัดการกับลูกพี่และอาจารย์แน่นอน” โหจื่อจับแขนของหลี่ฝาง แล้วมุ่งตรงไปอย่างข้างในรถ

ฤทธิ์ยาที่อยู่บนร่างกายของโหจื่อ อย่างมากก็มีฤทธิ์ได้แค่ครึ่งชั่วโมง และตอนนี้ ก็ผ่านไปแล้วกว่ายี่สิบนาที โหจื่อขึ้นรถ แล้วสตาร์ทรถ ขับออกไปทันที เป้าหมายคือสถานตากอากาศ

ขับรถออกไปได้หลายนาที ตอนที่เพิ่งมาถึงเขตเมือง ทันใดนั้น ก็มีรถน่าสงสัยคันนึง ไล่ตามมา

โหจื่อทำหน้าเครียด รีบหยิบมือถือขึ้นมา แล้วโทรไปหาลุงเฉียน

และในเวลานี้เอง มีรถสปอร์ตคันนึง พุ่งตรงเข้ามา ชนรถของหลี่ฝาง

รถของหลี่ฝาง ถูกชนจนปลิวไปหลายสิบเมตร

หลี่ฝางมองไปยังที่ไกลๆ มองเห็นเงาที่คุ้นเคย และคนๆนี้ ดูเหมือนจะเป็นเซี่ยจือชิว

หลี่ฝางงงเล็กน้อย ทำไมเซี่ยจือชิวถึงอยู่ที่นี่??

แถมยัง มาชนรถของตัวเองอีก?

ไม่ว่าจะยังไง ตัวเองและเซี่ยจือชิวก็ไม่เคยมีความแค้นกันมาก่อน

ไม่มีเหตุผลที่เซี่ยจือชิวต้องเป็นศัตรูกับตัวเอง และนี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆอย่างอุบัติเหตุ ไอ้เซี่ยจือชิว มันชัดมากว่าเขาเข้ามาพุ่งชนตัวเอง

รถของเซี่ยจือชิว ค่อยๆถูกเปิดออกมา เขาถอดหมวกกันน็อค แล้วหันไปพูดกับหลี่ฝาง “ฉันชื่อว่าเซี่ยจือชิว พวกเราเคยเจอกันที่เขาหมาป่า”

“คุณชายหลี่ ฉันรู้จักคุณ คิดว่า คุณเองก็น่าจะรู้จักฉันถูกไหม?” พอมองหลี่ฝาง เซี่ยจือชิวก็ยิ้มออกมา

หลี่ฝางเหล่ตาลงเล็กน้อย แล้วเผยแววตาที่โกรธแค้นออกมา “ทำไมถึงชนพวกเรา?”

“ฮ่าๆ ง่ายมาก ครั้งที่แล้วฉันแพ้เลยรู้สึกไม่พอใจ อยากจะแข่งกับคนขับรถนั้นอีกครั้ง เพราะงั้น ฉันอยากจะวานคุณชายหลี่ช่วยส่งคำพูดของฉันให้หน่อย วันที่หนึ่งของเดือนหน้า ฉันจะจัดการแข่งรถ ถึงเวลานั้น ฉันหวังว่าเทพแห่งการขับรถคนใหม่ที่เจอในเขาหมาป่า จะเข้าร่วมกับแข่งขันของฉัน”

เซี่ยจือชิวพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเกิดเขาไม่มาล่ะก็ งั้น ตระกูลหลี่ก็จะกลายเป็นศัตรูของฉัน ธุรกิจทุกอย่างที่ของตระกูลหลี่ที่อยู่ในเมืองเอก ล้วนถูกขัดขวาง”

“สถานตากอากาศจะถูกปิด สถานบันเทิงเองก็ต้องถูกปิด ถ้าเกิดแกไม่เชื่อล่ะก็ สามารถลองดูได้ว่าฉันจะมีความสามารถนั้นรึเปล่า”

พอเซี่ยจือชิวพูดจบ ก็ขับรถจากไปทันที

พอเซี่ยจือชิวจากไป ก็มีรถหลายคัน มาล้อมรอบ หลี่ฝางและโหจื่อ เอาไว้

มู่เสี่ยวไป๋เดินออกมาจากข้างในรถ เขายิ้มออกมา มองไปยังหลี่ฝาง แล้วพูดว่า “คุณชายหลี่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

หลี่ฝางมองมู่เสี่ยวไป๋ แล้วถามว่า “แกคิดจะอะไร?”

“ฉันเองก็ไม่รู้ ฉันรู้แค่ว่า คนของตระกูลตงฟาง บอกว่าต้องการตัวแก เพราะงั้น ภารกิจของฉันก็คือจับตัวแกก็เท่านั้นเอง”

พอมู่เสี่ยวไป๋พูดจบ ก็โบกมือ แล้วพูดว่า “จับตัวคุณชายหลี่มา ส่วนโหจื่อคนนั้น ฆ่าเขาซะ”

“ฉันทนเขามานานแล้ว” มู่เสี่ยวไป๋พูดด้วยเสียงที่เย็นชา

จากนั้นก็มีคนกลุ่มคนเดินมาทางนี้ หลี่ฝางเริ่มร้อนรนขึ้นมา

หลี่ฝางมองโหจื่อ โหจื่อในตอนนี้ เริ่มไร้เรี่ยวแรงแล้ว เขาอยากจะยืนขึ้นมา แต่ก็ถูกหลี่ฝางกดลงไป

“สามสิบนาที ได้ผ่านไปนานแล้ว อย่าฝืนตัวเองเลย” หลี่ฝางพูดอย่างช่วยไม่ได้

พอพูดจบ หลี่ฝางก็หยิบปืนออกมาหนึ่งกระบอก แล้วเล็งไปที่หัวของตัวเอง “มู่เสี่ยวไป๋ ถ้าเกิดฉันเดาไม่ผิด สิ่งที่ตระกูลตงฟางต้องการ คือคุณชายหลี่แบบเป็นๆถูกไหม”

“ถูกแล้ว” มู่เสี่ยวไป๋พยักหน้า

หลี่ฝางพูด “งั้นพวกเรามาตกลงกัน ฉันสามารถไปกับแกได้ แต่แกต้องตกลงกับฉันอย่างนึง ปล่อยโหจื่อไปซะ”

“ไม่งั้นล่ะก็ ต่อให้ฉันต้องยิงตัวเอง ก็จะไม่ตามพวกแกไปไหนทั้งนั้น”

หลี่ฝางพูดด้วยเสียงที่เย็นชา

ว้าว คุณชาย คุณอย่ามาทำตัวเท่แถวนี้ได้ไหม อาจารย์ส้าวส้วยมักจะแย่งความเด่นของผมไปก็ช่างเถอะ แม้แต่คุณก็ยังจะมาแย่งความเด่นของผมอีกเหรอ” โหจื่อลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก ยื่นมือออกไปจะเอาปืนบนมือของหลี่ฝาง แต่ก็ถูกหลี่ฝางหลบไปได้

“แม้แต่ปืนที่อยู่บนมือของฉัน แกยังแย่งไปไม่ได้เลย” หลี่ฝางพูดต่อ “โหจื่อ แกควรพักผ่อนได้แล้ว แกช่วยฉันมาหลายครั้งแล้ว ถึงเวลาที่ฉันต้องช่วยแกสักครั้งแล้ว”

หลี่ฝางมองมู่เสี่ยวไป๋ แล้วถามว่า “เป็นยังไง? แกจะตกลงหรือไม่ตกลงกันแน่?”

“ไม่ตกลง” มู่เสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างเย็นชา “หลี่ฝาง ถึงแม้พวกเราจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ความแค้นระหว่างพวกเรา กลับมีไม่น้อย เหมือนเทียบกับสิ่งที่ตกลงกับตระกูลตงฟาง ฉันหวังให้แกตายไปมากกว่า”

“เพราะงั้น ถ้าเกิดแกต้องการจะฆ่าตัวตายล่ะก็ รีบทำเลย”

“จะบอกอะไรแกสักอย่าง ต่อให้แกตายไป ฉันก็ไม่ยอมปล่อยโหจื่อ ฮ่าๆ” มู่เสี่ยวไป๋ยิ้มด้วยความเย็นชา

หลี่ฝางมองมู่เสี่ยวไป๋ แล้วทำหน้าเครียดออกมา

และเวลานี้ คนสวมหน้ากากสี่คนนั้น ก็ยังตามมาไม่ถึง

ไอ้โหจื่อขับรถเร็วเกินไป คนสวมหน้ากากสี่คนนั้นต่อให้วิ่งไวขนาดไหน กว่าจะถึงที่นี่ เกรงว่าอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสิบนาที

อยากจะถ่วงเวลาให้มู่เสี่ยวไป๋อยู่ที่นี่สิบนาที เกรงว่ามันยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์สักอีก

มู่เสี่ยวไป๋เข้าใจความสำคัญของเวลาดี ถ้าเกิดยืดต่อไป ก็เหมือนกับรอกองหนุนของลุงเฉียน

มู่เสี่ยวไป๋พูดอย่างรวดเร็วว่า “ลงมือเลย ฆ่าโหจื่อทิ้งซะ แล้วจับคุณชายหลี่ขึ้นรถ ถ้าเกิดเขาอยากจะฆ่าตัวตายล่ะก็ ปล่อยให้เขาทำเลย”

หลี่ฝางทำหน้าเครียด แล้วเหนี่ยวไกปืน ยิงไปทางมู่เสี่ยวไป๋

ในเมื่อมู่เสี่ยวไป๋ไม่ยอมประนีประนอม งั้นหลี่ฝางก็คงต้องเลือกที่จะตายไปพร้อมกับเขา แต่ว่าฝีมือการยิงปืนของหลี่ฝางแย่มาก ยิงไม่โดนสักนิด

แต่ว่าก็ยังสามารถทำให้มู่เสี่ยวไป๋กลัวได้ เขาหมอบลงไปทันที จากนั้นก็หลบอยู่กลางหลังผู้คน

ถึงแม้บนมือของหลี่ฝางจะมีปืนอยู่ แต่ว่าคนพวกนี้ กลับไม่มีใครกลัวแม้แต่น้อย

“ขับรถชนเขาซะ”

คนของมู่เสี่ยวไป๋ ขึ้นรถ แล้วขับไปชนทางหลี่ฝาง

และในเวลานี้ รถคันนึง จู่ๆก็ปรากฏออกมา แล้วเดินมาทางนี้

ตอนแรกหลี่ฝางคิดว่าคนของลุงเฉียนมาถึงแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่า คนที่ลงมากลับเป็นจางกงหมิงกับอู๋เฟย

บนมือของจางกงหมิงถือปืนอยู่หนึ่งกระบอก จากนั้นก็เล็งไปยังคนแก่คนนึง แล้วเดินมาอยู่ตรงหน้าของมู่เสี่ยวไป๋

“จางกงหมิง แกดูสินี่เป็นใครกัน”

จางกงหมิงพูดด้วยเสียงหัวเราะ แล้วใช้ปืนเล็งไปยังหัวสมองของนายท่านมู่

มู่เสี่ยวไป๋พอเห็นคุณปู่มู่ ก็เรียกออกไปว่า “คุณปู่”

“แม่งเอ๋ย จางกงหมิง แกมันหมาที่เลี้ยงไม่เชื่อง กล้าหักหลังฉันงั้นเหรอ” มู่เสี่ยวไป๋พูดด้วยความโกรธ “ชางสู่ล่ะ ช่างสู่ไปไหนแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาอยู่ปกป้องคุณปู่ในบ้านรึไง?”

“แกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชางสู่ด้วยซ้ำ” มู่เสี่ยวไป๋พูด

จางกงหมิงหัวเราะ แล้วพูดว่า “แกพูดถูกแล้ว ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชางสู่จริงๆนั่นแหละ แต่ว่าครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ แมงป่องที่อยู่ในอำเภอหลินโทรมา ขอความช่วยเหลือจากชางสู่ และชางสู่ ก็ตัดสินใจออกไปด้วยที่ไม่ต้องคิดให้มากความ”

“ชางสู่ให้หวางเห้าอยู่ปกป้องปู่ของแก แต่หวางเห้า……ไม่อยากจะปกป้องปู่ของแกแม้แต่น้อย”

จางกงหมิงพูดไป พร้อมกับส่งสัญญาณผ่านสายตาให้กับอู๋เฟย “นอกจากปู่ของแก พ่อแม่ของแก ก็ล้วนอยู่ในกำมือของฉัน ทั้งบ้านตระกูลมู่ ครึ่งชั่วโมงก่อน ถูกฉันยึดเอาไว้แล้ว”

“เพราะงั้น แกรีบปล่อยน้องชายของฉันจะดีกว่า ไม่งั้นล่ะก็ ฉันจะให้แกได้จัดงานศพพ่อแม่และปู่ของแก แกเชื่อไหม” จางกงหมิงพูดขู่ด้วยเสียงที่เย็นชา

มู่เสี่ยวไป๋กัดฟัน มองจางกงหมิงด้วยความไม่พอใจ

เวลานี้ มู่เสี่ยวไป๋อยากจะฆ่าจางกงหมิงให้ตายคามือ

“แกรู้ไหม ที่แกหักหลังฉัน แกต้องรับผลกรรมอะไรบ้าง?” มู่เสี่ยวไป๋พูดขู่ด้วยเสียงที่เย็นชา

“ฉันรู้ดี คงต้องหนีไปชั่วชีวิตถูกไหม” จางกงหมิงพูดอย่างชิวๆ “แต่เมื่อเทียบกับชีวิตน้องชายของฉัน มันก็แค่เรื่องเล็กน้อย”

“จางกงหมิง แกลืมไปรึเปล่า แกยังมีเมียอยู่หนึ่งคน ชื่อว่ายิงจื่อ?” มู่เสี่ยวไป๋พูดขู่ต่อว่า “รึว่าแม้แต่ความเป็นความตายของเธอ แกก็ไม่สนงั้นเหรอ?”

“เพราะงั้น การแลกเปลี่ยนจึงต้องเท่าเทียบ บนมือของฉันไม่ได้มีญาติของแกแค่คนเดียว ฉันมีชีวิตคนทั้งบ้านของแก เพราะงั้น แกต้องคืนยิงจื่อให้กับฉัน แล้วปล่อยน้องชายฉันไป”

จางกงหมิงพูดต่อ “ส่วนคลิปที่ฉันฆ่าคน และคลิปที่เพื่อนพ้องของฉันฆ่าคน ช่างเถอะ แกเก็บเอาไว้ได้เลย ต่อให้ฉันบอกให้แกลบทิ้ง แกก็คงเตรียมสำรองเอาไว้แล้ว”

“ก่อนที่ฉันจะทำเรื่องพวกนี้ ก็ได้ถามเพื่อนพ้องของฉันเอาไว้แล้ว พวกเขาได้ตัดสินใจแล้ว ที่จะตายไปพร้อมกับฉัน” จางกงหมิงพูดด้วยไม่แคร์อะไร

“แต่ก่อนหน้านั้น พวกเขาอยากจะช่วยน้องชายไปพร้อมกับฉัน” จางกงหมิงพูด

มู่เสี่ยวไป๋ทำหน้าเครียด แล้วพูดว่า “ฉันสามารถปล่อยยิงจื่อได้ และสามารถลบคลิปทิ้งทั้งหมด ให้อิสระกับพวกแก ให้เงินกับพวกแก ให้ทุกอย่างที่พวกแกต้องการ แต่ หลี่ฝางฉันไม่สามารถมอบให้พวกแกได้”

“นี่เป็นความอ่อนข้อที่สุดของฉันแล้ว”

มู่เสี่ยวไป๋พูดด้วยเสียงที่เย็นชาว่า “หลี่ฝางแค่คนเดียวเท่านั้นเอง ตอนนั้นที่อยู่ตรงสะพาน แกเกือบจะโยนเขาลงไป แล้วฆ่าเขาด้วยมือของตัวเอง แค่นี้ก็เพียงพอที่จะบอกได้ว่า ภายในใจของหลี่ฝาง แกไม่ได้สำคัญขนาดนั้นแล้ว”

“แกลองคิดถึงผู้หญิงของแกให้ดีๆ ยังมีเพื่อนพ้องที่ร่วมเป็นร่วมตายกับแกอีก ฉันคิดว่า หลี่ฝางแค่คนเดียวเมื่อเทียบกับคนจำนวนเยอะขนาดนั้น คงจะไม่มีค่าขนาดนั้นถูกไหม”

“ถ้าเกิดแกช่วยหลี่ฝาง นั่นก็เท่ากับเป็นศัตรูของสี่ตระกูลใหญ่ ถึงเวลานั้น ต่อให้แกหนีไปสู่ขอบโลก ก็ไม่แน่ว่าจะหนีรอดไปได้” มู่เสี่ยวไป๋พูดเตือนจางกงหมิง

ใบหน้าของจางกงหมิง ได้เผยสีหน้าลำบากใจออกมาจริงๆ

จางกงหมิงติดตามมู่เสี่ยวไป๋มานานขนาดนี้ เคยเห็นความน่ากลัวของสี่ตระกูลใหญ่มาแล้ว

ตอนนั้นต่อให้เป็นหลอซ่า ก็ยังถูกสี่ตระกูลใหญ่ไล่ออกไปนอกประเทศ แถมยังเกือบถูกฆ่าจนหมดอีก

และเหล่าเพื่อนพ้องที่อยู่ข้างหลัง จะเอาไปเทียบกับหลอซ่าได้ยังไงกัน

ถ้าเกิดถูกสี่ตระกูลใหญ่หมายตา เหล่าเพื่อนพ้องของตัวเอง……

จางกงหมิงกวาดสายตามอบเพื่อนพ้องของตัวเอง ตัดสินใจอย่างยากลำบาก

“พวกแกตตัดสินใจเอาเองเถอะ” จางกงหมิงมองอู๋เฟยแวบนึงแล้วพูดว่า “หลี่ฝางเป็นน้องชายของฉัน ไม่ว่าจะยังไง ฉันก็ต้องช่วยให้ได้ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของฉัน แต่พวกแกนั่นไม่เหมือนกัน พวกแกยังมีทางเลือก”

“พี่หมิง พี่พูดเรื่องบ้าอะไรกัน พวกเราตั้งแต่เลือกที่จะติดตามพี่ ก็เคยบอกไปแล้ว พวกเราจะตามคุณไปทุกที่ ด้วยที่ไม่สนว่าพี่จะทำอะไร พี่รนหาที่ตาย พวกเราก็จะตายไปพร้อมกับพี่ พี่ล้มเหลว พวกเราก็จะล้มเหลวไปพร้อมกับพี่ ยังไงซะ ตอนที่พี่มีเนื้อ พวกเราก็แย่งเนื้อพี่กิน ตอนที่พี่ลงนรก พวกเราเองก็จะ เรียงตามพี่ไปด้วย”

“ในเมื่อคุณชายหลี่เป็นน้องของพี่ งั้นก็เป็นพี่น้องของพวกเราเหมือนกัน เมื่อพี่น้องต้องการความช่วยเหลือ ไม่มีทางที่พวกเราจะยืนดูเฉยๆ

เพื่อนพ้องคนนึงที่อยู่ข้างๆจางกงหมิง พูดขึ้นมา “ว่างั้นไหม พวกเรา?”

“ตอนนั้นคุณชายหลี่ช่วยพวกเราออกมาจากพี่เสือ พวกเรายังจำได้ดี ถือซะว่าตอบแทนบุญคุณก็แล้วกัน” มีคนพูดเสริมขึ้นมา

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท