NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่762 หลี่ฝางสู้1ต่อ2

บทที่762 หลี่ฝางสู้1ต่อ2

หลี่ฝางก้าวยาวๆไปอีก3ก้าว ใกล้มู่เสี่ยวไป๋มาก

ตอนรู้มู่เสี่ยวไป๋กลัวเล็กน้อย แม้ชางสู่ยืนอยู่ด้านหลังเขา สามารถปกป้องเขาได้ตลอดเวลา แต่มู่เสี่ยวไป๋ยังคงรู้สึกหวั่นๆอยู่ในใจ

“แกรนหาที่ตายเหรอ ถึงได้เข้ามาใกล้ฉันขนาดนั้น?”

มู่เสี่ยวไป๋มองหลี่ฝางพลางขมวดคิ้วเป็นปม:“ทำไม แกคงไม่ได้คิดจะสู้กับฉันด้วยตัวคนเดียวหรอกนะ?”

หลี่ฝางยิ้มอย่างเย้ยหยัน:“แกกล้าไหมล่ะ?”

“ฮ่าๆ น่าขำสิ้นดี นี่มันสมัยไหนแล้ว ยังเล่นลูกไม้สู้คนเดียวอยู่อีก อยากสู้คนเดียวย่อมได้ แกสู้กับลูกน้องฉันไปเถอะ ฉันเลือกให้แล้ว”

มู่เสี่ยวไป๋พูดอย่างยิ้มๆ

มู่เสี่ยวไป๋รู้ว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ฝางแน่นอน ยังไงเมื่อก่อนก็เคยสู้กันตั้งหลายครั้ง ไม่มีครั้งไหนที่ไม่โดนหลี่ฝางอัดเอา

แต่มู่เสี่ยวไป๋ก็รู้อย่างแจ่มแจ้ง ว่าหลี่ฝางเป็นแค่อันธพาลระดับเล็กๆ ที่จริงไม่ได้มีฝีมืออะไร

ดังนั้นที่สู้แพ้หลี่ฝาง ล้วนเป็นเพราะตนโง่เกินไป

มู่เสี่ยวไป๋ภูมิใจเล็กน้อย คนที่เขาเอามาด้วยในครั้งนี้ล้วนเป็นคนเก่ง เขามาจากตระกูลซือถูที่มู่หรงฉางเฟิงพามา

ล้วนเป็นนักต่อสู้ที่มีทักษะแม่นยำ

ทุกคนสามารถฆ่าอันธพาลกระจอกๆ2-3คนได้ด้วยมือเปล่า

คนแบบหลี่ฝางยิ่งไม่ต้องพูดถึง

“ฉันไม่เหมือนแก ฉันเป็นคุณชาย เป็นคุณชายมาตั้งแต่เล็กจนโต ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี แต่แกนั้นไม่ใช่ แกออกบวชเป็นพระไปแล้วแม้ตอนนี้ถือว่าเป็นคุณชายแล้ว แต่เป็นแค่คุณชายที่จู่ๆก็รวยขึ้นมา พอเกินเรื่องก็รู้แต่จะออกโรงเอง ฮ่าๆ แกอยากออกโรงเองย่อมได้ ถ้าแกไม่กลัวขายหน้า ก็สู้กับคนที่อยู่ด้านหลังฉัน”

มู่เสี่ยวไป๋เห็นหลี่ฝางไม่พูดอะไร ก็หัวเราะออกมาด้วยความเย้ยหยัน:“ทำไม กลัวแล้ว?”

หลี่ฝางมองมู่เสี่ยวไป๋พลางพูด:“แกเอาแต่พูดว่าฉันเป็นไอ้ขี้ขลาด แต่วันนี้พอเกิดเรื่องขึ้นก็ยืนหลบอยู่แต่ด้านหลัง”

“ฉันว่าคำว่าไอ้ขี้ขลาดนี้ ไว้เรียกแกยังจะเหมาะกว่าอีก”

หลี่ฝางพูดจบอย่างใจเย็น มองชางสู่ อยากสู้ซึ่งๆหน้ากับชางสู่ แต่หลี่ฝางคิดๆดูแล้วก็ยังเป็นกังวล

เพราะยังไงพละกำลังของชางสู่นั้นสูงกว่าหวางเห้า และสูงยิ่งกว่าเสี่ยวโจว

แม้ตัวเองถูกดัดแปลงพันธุกรรมแล้ว แต่ไปท้าสู้เขาโดยตรงไม่ได้

แต่ถ้าหาพวกมาอย่างชุ่ยๆสักคน หลี่ฝางก็คิดว่าค่อนข้างน่าอาย

หลี่ฝางหรี่ตามองมู่เสี่ยวไป๋พลางพูด:“มู่เสี่ยวไป๋ ถ้าแกเป็นลูกผู้ชายละก็ อย่านั่งบนตัวผู้หญิงดีกว่า ออกมารับการท้าสู้ของฉัน ถ้าแกกลัวฉันอนุญาตให้แกหาผู้ช่วยได้คนหรือสองคน”

“ว่าไงนะ?”

มู่เสี่ยวไป๋มองหลี่ฝาง เหมือนฟังไม่ชัดอย่างไรอย่างนั้น:“เมื่อกี้แกพูดว่าไงนะ?”

“ฉันบอกว่าถ้าแกกลัว ให้เอาลูกน้องมาช่วยแกได้1-2คน”หลี่ฝางพูดอย่างใจเย็น

มู่เสี่ยวไป๋ยิ้มเยาะ:“แกหมายถึง แกจะสู้กับพวกเรา2-3คนเพียงลำพัง?”

หลี่ฝางพยักหน้าพลางพูด:“ใช่ แต่เงื่อนไขแรกแกต้องยอมรับว่าแกกลัวฉัน”

“ได้ ฉันยอมรับว่าฉันกลัวแก”

มู่เสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างเยือกเย็น:“แต่แกจำไว้หลี่ฝาง อีกเดี๋ยวจะให้แกชดใช้กับความบ้าของแก ทำเรื่องที่ไม่อยากทำเพื่อรักษาหน้า ฉันจะคอยดูว่าเดี๋ยวแกจะจบยังไง”

มู่เสี่ยวไป๋พูดจบ สายตาก็เผยความหน้าเนื้อใจเสือ

และขณะนั้นเอง มู่เสี่ยวไป๋ก็ยืนจากตัวสาวแผนกต้อนรับ เขามองชางสู่พลางพูด:“เลือกคนที่ไม่ได้เรื่องออกมาให้ฉัน”

“ดูว่าในหมู่คนของแกใครไม่ได้เรื่องที่สุด ก็ให้มันออกมาเป็นตัวช่วยฉัน”มู่เสี่ยวไป๋ขยิบตาให้ชางสู่

ชางสู่เข้าใจสิ่งที่มู่เสี่ยวไป๋จะสื่อทันที จึงพยักหน้าพลางพูด:“ส้งผิง ออกมาหน่อย แกไปสู้พร้อมกับคุณชายมู่”

คนที่ชื่อส้งผิงเคยชกมวยใต้ดิน เขารู้จักชางสู่หลายปีแล้ว

ดังนั้นที่ส้งผิงมาเป็นลูกน้องชางสู่ เป็นเพราะตอนที่พวกเขารู้จักกันได้พนันกันเอาไว้ ตอนนั้นชางสู่และส้งผิงตกลงกันไว้แล้ว ว่าถ้าส้งผิงล้มลงต่อหน้าชางสู่ภายใน30วินาที ส้งผิงจะเป็นลูกน้องให้ชางสู่

แต่ถ้าส้งผิงไม่ล้มลงภายใน30วินาที วันหน้าชางสู่ต้องรับปากส้งผิงเรื่องหนึ่ง

ผลสุดท้ายแน่นอนว่าส้งผิงแพ้ อีกทั้งส้งผิงยังโดนชางสู่อัดล้มลงกับพื้นภายในเวลาแค่15วินาที

ด้วยความสามารถของชางสู่ สามารถจัดการได้ภายในเวลา15วินาที ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ศักยภาพของเขาได้แล้ว

อย่างน้อย อย่างถังหยู่ซวน เขาอาจไม่สามารถจัดการชางสู่ได้ภายในเวลา15วินาที

ส่วนส้งผิงไม่ได้ตัวสูงและบึกบึนนัก ดูธรรมดามากๆ แต่พละกำลังกลับเต็มเปี่ยม เมื่อมู่เสี่ยวไป๋เห็นส้งผิง ก็จ้องชางสู่ตาเขม็ง

มู่เสี่ยวไป๋เหมือนกำลังบอกว่าฉันต้องการไก่อ่อนหนึ่งคน แกเอาไก่อ่อนมาให้ฉันจริงๆงั้นเหรอ?

แต่ชางสู่อ่านสายตามู่เสี่ยวไป๋ออก จึงพูดขึ้นเสียงเบาๆ:“คุณชาย คุณไม่ต้องห่วงผมกล้ารับประกัน ว่าส้งผิงจัดการหลี่ฝางได้ภายในเวลาไม่เกิน10วินาที”

มู่เสี่ยวไป๋จึงพยักหน้า มองส้งผิงอย่างพอใจพลางพูด:“เดี๋ยวจัดไม้ตายให้ฉันเลยนะ ฆ่าหลี่ฝางซะ”

“จบเรื่องแล้วฉันจะให้รางวัลแก10ล้าน”มู่เสี่ยวไป๋พูดอย่างเรียบๆ

เงิน10ล้านสำหรับมู่เสี่ยวไป๋แม้ไม่เยอะ แต่สำหรับลูกน้องอย่างส้งผิง ปกติต่อให้เขาอยู่กับชางสู่ไปตลอดชีวิต ก็คงไม่ได้เงินเยอะขนาดนี้

แต่ตอนนี้เพียงแค่จัดการคนคนหนึ่ง ก็ได้รับเงินจำนวนมากมายทันที

ได้เงินก้อนนี้ส้งผิงก็สามารถออกจากเมืองเอกนี่ได้แล้ว ไปที่ที่ไม่มีคนรู้จักตน ซื้อบ้านหลังใหญ่ๆ แล้วก็หาสาวสวยมาเป็นภรรยา ไม่เพียงได้บอกลาเรื่องรบราฆ่าฟัน ยังมีชีวิตอย่างสุขสบายไปทั้งชาติ

ส้งผิงซาบซึ้ง พูดรับรองกับมู่เสี่ยวไป๋:“คุณชายมู่ คุณไม่ต้องห่วง ผมไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน”

“ขึ้นอยู่กับแกแล้วนะ”มู่เสี่ยวไป๋ยิ้มๆพลางเดินไปด้านหน้าพร้อมส้งผิง

ทั้งสองเดินมาตรงหน้าหลี่ฝาง พอเห็นหลี่ฝาง มู่เสี่ยวไป๋ก็ไอออกมาเล็กน้อยแล้วพูด:“หลี่ฝาง นี่เป็นลูกน้องที่ไม่ได้เรื่องที่สุดของฉัน ถ้าแกสู้เขาได้ถึงจะมีสิทธิ์มาสู้กับฉัน”

“เลือกมาคนเดียวงั้นเหรอ?เมื่อกี้ฉันบอกแกแล้วนะว่าเลือกได้2คน”

หลี่ฝางพูดอย่างใจเย็น

ขอเพียงแค่คนๆนั้นไม่ใช่ชางสู่ หลี่ฝางก็ไม่กังวลและกลัว

มู่เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้ว มองหลี่ฝางพลางพูดอย่างโกรธๆ:“หลี่ฝาง แกขี้โม้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?ถ้าแกชนะส้งผิง ฉันจะเรียกแกว่าพ่อเลยเอาสิ”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท