NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 746 คนที่ทำร้ายลูกพี่หลิน

บทที่ 746 คนที่ทำร้ายลูกพี่หลิน

หลี่ฝางจับใบหน้าของฉินวี่เฟยเบาๆ พูดด้วยใบหน้าที่อ่อนโยนว่า “ถูกอย่างที่เธอพูดแหละ ตอนนี้ ฉันเหลือแค่เธอคนเดียว”

พอทำกับฉินวี่เฟยเสร็จอีกรอบ หลี่ฝางก็ใส่เสื้อผ้า แล้วออกไปที่หน้าทางเข้าสถานตากอากาศ เพื่อไปรับหูเฟย

หูเฟยมาคนเดียว สีหน้าของเขา ดูเครียดเล็กน้อย

“เข้ามา?” หลี่ฝางถามไปหนึ่งประโยค

หูเฟยส่ายหัว แล้วพูดว่า “ช่างเถอะ ไม่เข้าไปดีกว่า คุณชายหลี่ ถ้าเกิดสะดวก พวกเราไปคุยข้างในรถกันเถอะ”

หลี่ฝางพยัหน้าเล็กน้อย แล้วเข้าไปข้างในรถของหูเฟย

พอขึ้นรถ หูเฟยก็ยื่นกองรูปภาพให้กับหลี่ฝาง หลี่ฝางถามด้วยใบหน้าที่มึนงง “นี่คืออะไร?”

หูเฟยแสร้งทำเป็นเร้นลับซับซ้อน จึงพูดไปว่า “ลองเปิดดูก็จะรู้เอง”

หลี่ฝางก้มหน้ามอง กองรูปภาพพวกนี้ แต่ละรูปล้วนเป็นภาพถ่ายที่โดนฆาตกรรม

คนพวกนี้ ล้วนตายอย่างอนาถ และมันชัดเจนมากกว่า ล้วนถูกคนอื่นฆ่าตาย

หลี่ฝางทำหน้าเครียด พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะพอใจว่า “เช้าขนาดนี้ คุณให้ผมดูรูปพวกนี้ทำไม กะจะไม่ให้ผมกินข้าวแล้วใช่ไหม?”

“ก็แค่พวกรูปภาพเท่านั้นเอง ไม่ได้กะให้คุณไปดูศพพวกนี้ด้วยตัวเองสักหน่อย” หูเฟยพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ

“คุณชายหลี่ คุณไม่รู้สึกว่าคนพวกนี้ ดูคุ้นๆบ้างเหรอ?” หูเฟยมองหน้าหลี่ฝาง แล้วพูดถามขึ้นมา

หลี่ฝางส่ายหน้า แล้วพูดว่า “ไม่คุ้น แถมไม่รู้จักสักคน”

“ไม่รู้จักจริงๆ หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้จัก? คุณชายหลี่ มิตรภาพระหว่างเรา คงไม่ถึงกลับต้องปิดบังกันหรอกใช่ไหม?” หูเฟยพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าขนลุก

หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูดว่า “รู้จัก ทำไมเหรอ? คนพวกนี้ ส่วนใหญ่เป็นเจ้านายของไนท์คลับ หรือไม่ก็นักเลงของเมืองเอก ล้วนเป็นพวกสีเทาของเมืองเอก และเป็นคนที่มีชื่อเสียง”

พอมองไปยังหูเฟย หลี่ฝางก็ทำหน้าตึงเครียดขึ้นมาทันที แล้วพูดว่า “ไม่ใช่มั้ง พี่หู คุณสงสัยว่าการตายของคนพวกนี้ ล้วนเป็นฝีมือของผมงั้นเหรอ?”

“ฉันเข้าใจผิดงั้นเหรอท” หูเฟยถามหลี่ฝาง พร้อมกับมองหลี่ฝาง

“ผมไม่ได้เก่งขนาดนั้น” หลี่ฝางพูดด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด

“แน่นอนว่าคุณไม่มีฝีมือขนาดนั้น แต่ว่าลูกน้องของคุณมี…….” หูเฟยหัวเราะอย่างเย็นชา “ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำงานอย่างรอบคอบ ไม่เหลือหลักฐานอะไรเอาไว้ในที่เกิดเหตุ แต่ว่า ในระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งวัน แต่กลับสามารถจัดการคนพวกนี้ได้ทั้งหมด คนที่สามารถทำแบบนี้ได้ นอกจากตระกูลหลี่ของพวกคุณ ก็ไม่น่าจะมีใครอื่นแล้ว?”

“ฮ่าๆ คุณอย่ามาใส่ร้ายคนดีสิ พี่หู นอกจากตระกูลหลี่ของพวกเรา ทางด้านท่านจวนเอง ก็น่าจะทำได้ไม่ใช่รึไง” หลี่ฝางพูด

“แต่พวกที่ตายอยู่ในนี้ หนึ่งในสาม เป็นลูกน้องท่านจวน” หูเฟยพูด

หลี่ฝางหัวเราะ แล้วพูดว่า “คุณก็ถือซะว่าท่านจวนกำลังกวาดล้างก็พอแล้ว”

“คุณชายหลี่ พวกเรามาพูดกันอย่างเปิดอกกันดีกว่า ผมรู้มาว่าก่อนที่ลูกพี่หลินจะตาย ได้ทิ้งสมุดรายชื่อเอาไว้ รายชื่อพวกนั้น อยู่ในมือของคุณรึเปล่า”

หูเฟยพูดต่อ “ผมสงสัยว่า คนที่ตายพวกนี้ ก็คือคนในสมุดรายชื่อ”

หลี่ฝางหัวเราะ แล้วมองไปยังหูเฟย “แกอยากให้ฉันพูดความจริง แล้วทำไมตัวแกถึงไม่ยอมพูดความจริงล่ะ? ลูกพี่หลิน คนที่ต้องการฆ่าเขาคือแกใช่ไหมล่ะ?”

“พูดบ้าอะไร” หูเฟยรีบพูดแก้ตัวด้วยความร้อนคนว่า “ทำไมฉันต้องอยากให้เขาตายด้วยล่ะ?”

“เดิมทีแกควรจะจับลูกพี่หลินไปขังในห้องขังเดี่ยว ทำไมถึงไม่ทำแบบนั้น อีกอย่างนะ แค่หัวขโมยคนนั้น จะสามารถแย่งปืนเพื่อนร่วมงานของแกได้เหรอ? ต่อให้แย่งไปได้ หัวขโมยธรรมดา จะกล้าเหนี่ยวไกเหรอ? แถมยังเล็งเป้าที่หัวอีก รึว่าทั้งหมดนี้ ไม่ใช่แผนที่แกวางเอาไว้แต่แรกเหรอ?”

หลี่ฝางเหล่ตาลงพร้อมหัวเราะ แล้วพูดว่า “พอแล้ว แกเองก็ไม่ต้องมาปิดบังอะไรกับฉันหรอก ฉันลองไปสืบดูแล้ว ธุรกิจของตระกูลสวี นอกจากจะมีธุรกิจที่ขาวสะอาดแล้ว ยังมีธุรกิจที่ไม่สะอาดอยู่ด้วย ถ้าเกิดฉันเดาไม่ผิดล่ะก็ แกก็คงมีส่วนร่วมกับธุรกิจนี้ ไม่มากก็น้อยถูกไหม?”

“ฉันไม่มี” หูเฟยส่ายหัวแล้วพูดว่า “ถึงแม้ฉันจะรักเงิน แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องทำผิดกฎหมาย”

“งั้นน้องสาวแกล่ะ น้องสาวแกทำอะไรบ้าง ไม่ต้องให้ฉันพูดมากใช่ไหม ตอนนี้น้องสาวแกอยู่ไหน ทำอะไรอยู่ อยู่กับคนแบบไหนกัน……”

หลี่ฝางทำหน้าเครียด แล้วพูดว่า “ฉันจะบอกแกตรงๆก็แล้วกัน สมุดรายชื่อนั้น อยู่ในมือของฉันจริงๆนั่นแหละ อีกอย่าง ฉันยังเห็นข้างในสมุดรายชื่อ มีชื่อของหูเสี่ยวน่าว ชื่อน้องสาวของแก”

“ถึงแม้ฉันจะรู้ สิ่งที่หูเสี่ยวน่าวทำ อาจจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก แต่ว่า ถ้าเกิดลูกพี่หลินใช้น้องสาวแกมาข่มขู่แก ให้แกปล่อยเขาไป แล้วแกจะเลือกทางไหนกันล่ะ?”

หลี่ฝางถาม

หลี่ฝางรู้ดี ยัยหูเสี่ยวน่าว เรียกได้ว่าเป็นคนที่มีความผูกพันกับหูเฟยมากที่สุด เพราะงั้น เพื่อหูเสี่ยวน่าวแล้ว หูเฟยสามารถทำได้ทุกอย่าง

สีหน้าของหูเฟย จู่ๆก็ซีดลงในทันที เขาจับหัวของตัวเองแป๊บนึง แล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้เป็นคนฆ่า ลูกพี่หลิน แต่ว่า เป็นความจริงที่ฉันไม่คิดจะปกป้องเขา”

“ในตอนที่ฉันจับลูกพี่หลินกลับไป เขาก็ถูกคนอื่นเล็งหัวเอาไว้มากมายแล้ว เดิมทีฉันกะจะปกป้องเขาเอาไว้ แต่ว่า เวลานั้นเอง ที่น้องสาวฉันข้ามาหาฉัน……”

หลี่ฝางพูดตัดบทของหูเฟย จู่ๆสีหน้าก็หนักอึ้ง “แกว่าไงน่ะ คนที่ฆ่าลูกพี่หลิน คือน้องสาวแกงั้นเหรอ?”

“มันไม่ใช่แบบนั้นอยู่แล้ว แต่ว่า การตายของลูกพี่หลิน จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับน้องสาวฉันอย่างแน่นอน ตอนนี้ น้องสาวฉันอยู่กับมู่เสี่ยวไป๋ น้องสาวฉัน ใช้ชีวิตอยู่กับมู่เสี่ยวไป๋แล้ว น้องสาวฉันรั้งฉันเอาไว้ ก่อนที่พวกคุณจะมา มู่เสี่ยวไป๋ก็เข้าไปพบกับลูกพี่หลินก่อน ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่ว่า หลังจากที่ลูกพี่หลินได้พบกับมู่เสี่ยวไป๋ ก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว”

หูเฟยพูดต่อว่า “ฆาตกรที่ฆ่าลูกพี่หลินจริงๆ ก็คือมู่เสี่ยวไป๋ ส่วนน้องสาวของฉัน ก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด”

หลี่ฝางหายใจออกอย่างดัง แล้วพูดว่า “แกมันไอ้สารเลว”

พอหลี่ฝางฟังจนจบ ก็โมโหซะจนจับคอเสื้อของหูเฟยขึ้นมา แล้วงัดหมัดซัดใส่ไปเต็มแรง

ถ้าเกิดลูกพี่หลินไม่ตายล่ะก็ บางทีหลินชิงชิงก็คงไม่ไปไหน อย่างน้อย ตัวเขากับหลินชิงชิง ยังสามารถคืนดีกันได้ แต่ตอนนี้ พอลูกพี่หลินตาย ใจที่หลินชิงชิงมีให้กับตัวเขาเอง ก็ตายจากไปด้วย

เพราะงั้น เวลานี้ไม่มีทางที่หลี่ฝางจะไม่โมโห? ไม่เกลียดหูเฟย

หูเฟยไม่ได้ตอบโต้ แต่กลับพูดออกมาว่า “แกต่อยเถอะ ฉันสมควรโดนแล้ว”

หลังจากที่หลี่ฝางต่อยไปหลายหมัด ก็ปล่อยหูเฟย จากนั้นก็พูดเสียงเซ็งๆว่า “ต่อให้ต่อยแกจนตาย แล้วมันยังไง เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว”

หลังจากที่ต่างก็เงียบไปนาทีกว่า หูเฟยมองไปยังหลี่ฝาง แล้วพูดว่า “คนพวกนั้น พวกแกเป็นคนฆ่างั้นเหรอ?”

หลังจากที่หูเฟยพูดความจริง หลี่ฝางเองก็ไม่ได้ปิดบังอีกต่อไป “ถูกแล้ว เป็นฝีมือคนของฉันเอง พวกมันล้วนสมควรตาย”

“ทำไมแกถึงไม่ยอมส่งสมุดรายชื่อให้กับฉัน?” หูเฟยจ้องมองไปยังหลี่ฝาง

“เดิมทีฉันก็กะจะมอบให้กับแก แต่ว่า โหจื่อกลับบอกฉันว่า คนอย่างแกหมดความน่าเชื่อถือล้ว” หลี่ฝางมองหูเฟยด้วยความโกรธ แล้วพูดว่า “โหจื่อพูดถูกแล้ว เดิมทีแกสามารถปกป้องลูกพี่หลินได้ แต่แกตั้งใจแกล้งหูทวนลม จึงทำให้ลูกพี่หลินถูกฆ่า”

“ถ้าลูกพี่หลินไม่ตาย มีคนมากมายที่นอนไม่หลับ ถ้าลูกพี่หลินไม่ตาย น้องสาวฉันก็คงต้องตาย เขาทนไม่ไหวหรอก พอไปถึงมือลูกพี่ของฉัน เขาจะต้องเปิดปากพูดออกมาหมดแน่”

หูเฟยพูดอย่างเห็นแก่ตัวว่า “ถึงเวลานั้นน้องสาวฉันก็คงจะถึงจุดจบ ฉันเองก็มีความเป็นไปได้ที่จะลงเหว่ไปด้วย”

“ตอนนี้น้องสาวแกอยู่ที่ไหน?” หลี่ฝางจ้องมองหูเฟย แล้วถามขึ้นมา “คงไม่ใช่ว่ายังอยู่กับมู่เสี่ยวไป๋หรอกน่ะ?”

หูเฟยหยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เขาถูกมู่เสี่ยวไป๋ล้างสมองแล้ว ถึงกระทั่ง ฉันสงสัยว่าเธอจะชอบมู่เสี่ยวไป๋เข้าแล้ว ไม่ว่าฉันจะพูดยังไง เธอก็ไม่ยอมมาหาฉัน แต่กลับไปอยู่กับมู่เสี่ยวไป๋ เธอพูดกับฉันว่า ต่อให้มู่เสี่ยวไป๋จะใช้ประโยชน์จากเธอ ทำร้ายเธอ เธอก็ยังยินดีที่จะอยู่กับมู่เสี่ยวไป๋”

หลี่ฝางกัดฟันด้วยความโกรธ แล้วพูดว่า “น้องสาวแกช่างเป็นคนที่ปัญญาอ่อนสักจริงๆ”

หูเฟยไม่ได้พูดอะไรมาก

หลี่ฝางพูดว่า “แผนในตอนนี้ก็คือ พวกเราต้องหาวิธีช่วยน้องสาวแกออกมา จากเงื้อมมือมือของมู่เสี่ยวไป๋ ไม่งั้นล่ะก็ ไม่ช้าก็เร็วแกจะต้องทำงานให้กับมู่เสี่ยวไป๋ จนถึงขั้นหันมาต่อกรกับฉันอย่างแน่นอน”

“ไม่มาทาง ฉันไม่มีทางเป็นพวกเดียวกับมู่เสี่ยวไป๋ คุณชายหลี่ เรื่องนี้คุณวางใจได้เลย” หูเฟยพูดอย่างมั่นใจ

หลี่ฝางมองหูเฟยด้วยหางตา “วางใจ? แกบอกให้ฉันวางใจ? ตอนนี้ฉันยังสามารถเชื่อแกได้อีกเหรอ? แกเริ่มที่จะโกหกฉันแล้ว”

หลี่ฝางถอดหายยาว แล้วพูดว่า “ก่อนที่น้องสาวแกจะกลับมาอยู่กับแก ฉันจะไม่มีทางเชื่อใจแกอีกแล้ว”

“อีกอย่าง แกมาหาฉันหมายความว่ายังไง?” หลี่ฝางมองไปยังหูเฟย แล้วหัวเราะออกมา “จะจับฉันงั้นเหรอ?”

หูเฟยส่ายหน้า แล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้จะมาจับแก ไม่มีหลักฐาน อีกอย่างไม่มีทางที่จะทำอย่างนั้น อย่างไงซะคนพวกนั้น ก็ล้วนแต่เป็นคนที่สมควรตาย ฉันแค่อยากจะบอกแกว่า คนพวกนี้จะไม่ตายไปเปล่าๆแบบนี้อย่างแน่นอน ตอนนี้ทั้งเมืองเอก เข้าสู่ความวุ่นวายแล้ว”

“นอกจากคนของแก ทุกที่ล้วนมีคนตาย คนที่เหลือต่างก็เล็งมาที่พวกแก และคนของพวกแก ยังถูกแบ่งออกไปกลุ่มนึง เพื่อไปช่วยหยิ่นเจิ้งต่อกรกับแมงป่องที่อำเภอหลิน ฉันอยากจะเตือนแกสักหน่อย แกจะต้องระวังตัวเองเอาไว้ให้ดีๆ”

หูเฟยพูดต่อ “ระวังคนอย่างท่านจวนให้ดี หลายปีมานี้ อำนาจของท่านจวน ไม่เพียงแค่ไม่ได้อ่อนแอลง แต่มันกลับ ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”

“ทั้งสายและความสัมพันธ์ของเขา มีอยู่ตลอด” หูเฟยพูดเตือนให้กับหลี่ฝาง

หลี่ฝางหัวเราะ แล้วพูดว่า “ไอ้คิ้วหนานั้น เป็นคนของท่านจวน ถูกไหม?”

หูเฟยพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เขาเป็นคนที่ท่านจวนสนับสนุนขึ้นไป ถึงแม้หลายปีมานี้ เจ้าคิ้วหนาจะไม่ได้รับใช้ท่านจวนแล้ว แต่ถ้าเกิดท่านจวนเปิดปากพูด คิดว่าเจ้าคิ้วหนาก็คงจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน”

“หรือก็คือ ลูกพี่หลินถ้าเกิดถูกเจ้าคิ้วหนาพาไปล่ะก็ มีความเป็นไปได้สูงที่สุดท้ายจะตกไปอยู่ในเงื้อมมือของท่านจวน?” หลี่ฝางซักถามต่อ

หูเฟยหยักหน้าเล็กน้อย “ท่านจวนและลูกพี่หลินร่วมมือกันอย่างลับๆ ยังไงซะ ท่านจวนก็ทำเพื่อเงิน ขอแค่มีเงินที่เพียงพอ ถึงจะทำให้ตัวเองยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้”

หลี่ฝางไม่ได้โต้แย้ง สิ่งที่หูเฟยพูด มันก็ถูกอย่างที่ว่ามาจริงๆนั่นแหละ

ขอแค่มีเงิน ถึงจะสามารถเพิ่มอำนาจให้กับตัวเองได้ อย่างเช่นตระกูลลี่ ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะตระกูลหลี่เก็บทัรพย์สมบัติไว้มากมาย ตอนนี้ตระกูลหลี่ ก็คงจะไม่สามารถครอบเมืองเอกได้ครึ่งนึงหรอก

“พอแล้ว ฉันเข้าใจแล้ว” หลี่ฝางโบกมือ แล้วพูดว่า “แกไปเถอะ”

“เรื่องน้องสาวแก พวกเราต้องใส่ใจเป็นพิเศษ พวกเรามาร่วมกันหาวิธี ดึงเธอออกมาจาก มู่เสี่ยวไป๋ แกน่าจะเข้าใจดีกว่าฉันว่ามู่เสี่ยวไป๋เป็นคนยังไง ติดตามเขา ไม่มีทางที่น้องสาวแกจะลงเอยด้วยดี” หลี่ฝางพูด

“ฉันเริ่มหาวิธีไปแล้ว” หูเฟยพูด

“แต่ขอคุณชายหลี่ อย่าทำร้ายเธอ” หูเฟยจ้องมองหลี่ฝางด้วยความไม่ไว้วางใจ

หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูดว่า “ฉันรับประกันได้แค่ว่า จะให้เธอมีชีวิตอยู่”

“จริงสิ อย่าเคลื่อนไหวต่อไปเลย ฉันรู้ดี คนที่อยู่ในรายชื่อ พวกแกแค่จัดการไปแค่หนึ่งในสาม แต่พวกที่ยังเหลืออยู่ พวกแกอย่าไปแตะต้องเป็นการดีที่สุด ถ้าเกิดยังทำต่อไป ทั้งเมืองเอก จะต้องอยู่ในความวุ่นวายจริงๆแน่”

ก่อนที่หูเฟยจะจากไป ก็หันมาพูดกับหลี่ฝางหนึ่งประโยค

หลี่ฝางไม่ได้พูดอะไร ความจริงรายชื่อพวกนั้น หลี่ฝางแค่มองผ่านๆ ไม่ได้มองอย่างละเอียดว่ามีกี่คน หรือใครบ้าง

หลี่ฝางถือกองรูปภาพหนาๆที่อยู่ในมือ แล้วเริ่มคิดขึ้นมาว่า ตายไปขนาดนี้ ยังแค่หนึ่งในสาม?

ธุรกิจของลูกพี่หลินนี้ มันใหญ่ขนาดไหนกันแน่

หลี่ฝางส่ายหัว แล้วเดินเข้าไปข้างในสถานตากอากาศ เพิ่งเดินเข้ามา ก็เจอกับลุงเฉียน

ลุงเฉียนเอามือไขว้หลัง ราวกับว่ากำลังรอหลี่ฝาง

พอเห็นหลี่ฝาง ลุงเฉียก็หัวเราะ “ไอ้หูเฟยมาหาแกเหรอ?”

หลี่ฝางอืมไปหนึ่งคำ แล้วก็มอบรูปภาพพวกนั้นให้กับลุงเฉียน “นี่เป็นบันทึกเหตุการณ์ของเมื่อวาน หูเฟยเดาได้แล้ว เขาเดาได้ว่าเป็นฝีมือของพวกเรา”

“เขาให้พวกเราเกรงใจหน่อย อย่าทำต่อไปเลย”

ลุงเฉียนหัวเราะเยาะ “เกรงใจ? พวกเราเกรงใจมาสามปีแล้ว อีกอย่างแค่ตัวเขา ก็คิดที่จะหยุดสิ่งที่พวกเราจะทำงั้นเหรอ?”

“การลงทัณฑ์แทนสวรรค์ จะหยุดไม่ได้

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท