NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 749 ไปงานเลี้ยงกับโหจื่อ

บทที่ 749 ไปงานเลี้ยงกับโหจื่อ

วลาเดินไปเรื่อยๆจนถึงกลางคืน

ท้องฟ้าค่อยๆเปลี่ยนเป็นความมืด มีรถออฟโรดสีดำหนึ่งคัน ปรากฏออกมาที่ทางเข้าสถานตากอากาศ

ข้างในรถออกโรด มีคนลงมาสองคน คนแรกเป็นผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง บนปากของเขาเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ ตาไม่อยู่กับร่องกับรอย และก็ไม่รู้ว่ากำลังมองที่ไหนอยู่

ส่วนอีกคนนึง ก็คือลูกบุญธรรมของท่านจวน คนที่ถูกเรียกว่าไอ้เด็กซนอย่างแคระ

หลี่ฝางเดินออกไป ตอนแรกกะจะตามไปทีหลัง

พอเห็นพวกเขา หลี่ฝางก็ทำหน้าเครียด พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะพอใจ “ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันไปเองได้ ไม่ต้องให้พวกแกไม่รับก็ได้”

“ก็กลัวว่าคุณจะไม่รู้ทางไปไง คุณชายหลี่”

ไอ้เด็กซนมองผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางแวบนึง แล้วพูดว่า “พอแล้ว ขึ้นรถเถอะ นำทางให้กับคุณชายหลี่”

“คุณชายหลี่ ฉันได้ข่าวมาว่าช่วงนี้คุณมีเรื่องกับคนจำนวนมาก ฉันจึงเชิญกลุ่มๆนึงมาช่วยนำทางให้กับคุณ ระหว่างทาง คุณจะได้ไม่ต้องเจอกับอันตรายอะไร”

“พวกเราเชิญคุณมา ถ้าเกิดระหว่างทางเกิดอะไรขึ้นมา พ่อบุญธรรมของผมคงเสียหน้าเป็นอย่างมาก”

ไอ้เด็กซนยิ้มแล้วถามกลับไปว่า “คุณว่างั้นไหม คุณชายหลี่?”

ประโยคนี้ของไอ้เด็กซน เป็นการบอกใบ้หลี่ฝางเรื่องเมื่อเช้าที่เกือบจะโดนจับตัวไปอย่างชัดเจน

หลี่ฝางเดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว และเห็นว่าข้างหลังรถออฟโรด มีรถสิบกว่าคันตามมาด้วย พวกเขาล้วนรออยู่ที่ทางขึ้นเขา

หลี่ฝางทำหน้าเครียด แล้วมองไปยังไอ้เด็กซน “แกพาคนมาเยอะขนาดนี้ มาเพื่อที่จะปกป้องฉัน รึว่ามาเพื่อที่จะแสดงอำนาจขู่ฉันกันแน่?”

“แน่นอนว่าต้องมาเพื่อปกป้องคุณชายหลี่อยู่แล้ว ขู่งั้นเหรอ? คนแค่นี้ จะสามารถทำให้ตระกูลหลี่กลัวได้รึไง?” ไอ้เด็กซนส่งเสียงเฮิงพร้อมหัวเราะ

หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูดต่อจากประโยคของไอ้เด็กซนว่า “มันก็จริง แค่คนพวกนี้ ไม่สามารถทำให้ตระกูลหลี่กลัวได้หรอก แต่ว่า ฉันเองก็ไม่ต้องการให้คนพวกนี้ปกป้องฉัน”

“โหจื่อแค่คนเดียว ก็มีความสามารถมากพอที่จะปกป้องฉันแล้ว” หลี่ฝางมองไปยังโหจื่อแวบนึง แล้วพูดออกมา

“คุณชายหลี่ พวกเรารีบไปกันเถอะ พ่อบุญธรรมของผมรอต้อนรับคุณที่วิลล่าจูเซียนแล้ว” ไอ้เด็กซนพูดไป พร้อมกับกระโดนเข้าไปนั่งข้างในรถออฟโรด

รถพวกนี้สตาร์ทออกนำทางไปก่อน ส่วนหลี่ฝางก็ตามข้างหลังไปติดๆ

พอมาถึงเขตเมือง จู่ๆก็มีรถคันนึง ปรากฏออกมาอยู่ข้างหลังรถของหลี่ฝาง

หลี่ฝางทำหน้าเครียด รีบถามโหจื่อไปว่า “คนพวกนี้เป็นใครกัน?”

“จะไม่สนทำไมว่าเป็นใครกันแน่? ยังไงซะ ก็ไม่ใช่คนของพวกเรา” โหจื่อพูดอย่างชิวๆแล้วหัวเราะออกมา แล้วหันไปคุยกับหลี่ฝางว่า “คุณชาย นั่งดีๆล่ะ”

จากนั้น โหจื่อก็เหยียบคันเร่ง แล้วขับแซงรถไปหลายคัน จนมาถึงแถวของรถออฟโรด

หันไปคุยกับผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง โหจื่อหัวเราะแล้วพูดว่า “ฉันว่าเพื่อน แกต้องการที่จะปกป้องคุณชายของพวกเราไม่ใช่รึไง ฉันเห็นว่าพวกคนข้างหลังเหมือนจะวางแผนทำอะไรสักอย่าง พวกแกยังไม่รีบลงมืออีกเหรอ?

ไอ้เด็กซนทำหน้าเครียด หยิบมือถือขึ้นมา แล้วหันไปพูดกับคนข้างหลังว่า “หยุดรถข้างหลังเอาไว้ ลองดูสิว่าเป็นคนของใครกันแน่”

โหจื่อแค่ยิ้มด้วยใบหน้าที่เจ้าเล่ห์ จากนั้นก็เร่งสปีด ส่วนผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางเองก็เร่งความเร็วตามไป

เพียงไม่นาน รถข้างหลัง ก็ถูกทิ้งห่างสักแล้ว และในเวลานี้ หลี่ฝางดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงอะไรที่มันผิดปกติ

หลี่ฝางมองไปยังโหจื่อ แล้วถามว่า “คนที่อยู่ข้างหลัง แกไม่รู้จริงๆเหรอว่าเป็นใคร?”

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง?” โหจื่อหัวเราะอย่างชิวๆ

“เมื่อกี้ฉันเห็นน่ะ พวกเขาหยิบอาวุธออกมาแล้ว แถมดูเหมือนยังใช้ปืนอีก” หลี่ฝางทำหน้าเครียด “คนพวกนี้ เป็นคนของท่านจวนน่ะ ภายในเมืองเอกแห่ง่นี้ มีสักกี่คน ที่กล้าแตะต้องคนของท่านจวนกันน่ะ?”

“ทำไมจะไม่มีล่ะ ซือถูเฟย มู่หรงฉางเฟิง…….และคนของสี่ตระกูลใหญ่ ล้วนมีแต่คนใจกล้า”

โหจื่อพูดต่อ “ก่อนหน้านี้ที่สี่ตระกูลใหญ่ยอมปล่อยท่านจวนเอาไว้ เป็นเพราะว่าท่านจวนไปใช้ชีวิตอยู่บนเขา ไม่สนไม่ถามเรื่องภายนอก แต่การแย่งชิงในครั้งนี้ เขากลับกุมเมืองเอกไปครึ่งนึง ตอนนี้ ยังเชิญคุณไปกินข้าวอีก เรื่องนี้พอไปถึงหูของสี่ตระกูลใหญ่ จะต้องคิดว่าท่านจวนต้องการจะที่จะทำความสนิทสนมกับพวกเราเป็นแน่ เพราะงั้น พวกเขาจึงลงมือขั้นเด็ดขาดกับลูกน้องของท่านจวน มันก็ดูสมเหตุสมผล”

หลี่ฝางมองโหจื่อด้วยความสงสัย แล้วถามว่า “เป็นแบบนั้นเหรอ? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามันไม่ใช่ยังไงไม่รู้?”

ตอนนี้ท่านจวน พยายามยืนอยู่ตรงกลาง จนกระทั่ง เขาหันไปร่วมมือกับลูกพี่หลิน ทำให้เป็นศัตรูทางด้านธุรกิจกับตระกูลหลี่

เรื่องนี้พอจะเรียกได้ว่า ท่านจวนและตระกูลหลี่ ได้วาดเส้นแบ่งไว้ชัดเจนแล้ว

เพราะงั้น ก่อนที่สี่ตระกูลใหญ่จะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างชัดเจน ทำไมถึงต้องรีบลงมือ แล้วเหมือนกับเป็นศัตรูกับท่านจวนด้วยล่ะ?

นั่งรถเพียงแป๊บเดียวก็มาถึงวิลล่าจูเซียน นี่เป็นวิลล่าจูเซียนส่วนบุคคล เป็นถิ่นของท่านจวน

หลังจากที่ถึงวิลล่าจูเซียน รถที่อยู่ข้างหลัง ก็ยังกลับมาไม่ถึงสักที

ไอ้เด็กซนรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ จึงทำหน้าเครียด แล้วพูดกับตัวเองว่า “เกิดอะไรขึ้น รถของพวกเราขับช้าขนาดนี้ ทำไมพวกเขาถึงยังไม่ตามมาอีกล่ะ?”

ต่อมา ไอ้เด็กซนก็หยิบมือถือขึ้นมา แล้วกดโทรออกไป แต่ไม่ว่าจะลองกี่ครั้งก็โทรไม่ติด

เวลานี้ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางก็พูดขึ้นมาว่า “ช่างเถอะ อย่าไปสนพวกเขาเลย เรื่องนี้ต้องมาก่อน คุณชายหลี่มาแล้ว รีบเชิญคุณชายหลี่เข้าไปข้างในเถอะ”

ไอ้เด็กซนพยักหน้า แล้วหันไปพูดกับหลี่ฝางว่า “คุณชายหบี่ เชิญข้างใน”

หลี่ฝางตามไอ้เด็กซน และผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง เข้าไปข้างในวิลล่าจูเซียน วิลล่าจูเซียนแห่งนี้กว้างใหญ่มาก แต่ว่าคนเฝ้ากลับมีไม่เยอะ แต่หลี่ฝางก็สามารถรับรู้ได้ว่า คนพวกนี้ ล้วนเป็นยอดฝีมือ

ตอนที่มาถึงตรงหน้าของท่านจวน ข้างกายท่านจวน ยังมีคนนั่งอยู่หนึ่งคน เป็นผู้หญิงคนนึง เธอสวมหน้ากากเอาไว้ และสวมชุดฮั่นฝู

โหจื่อส่งเสียงเฮิงออกมา มองผู้หญิงคนนั้นแวบนึง แล้วพูดว่า “จะแกล้งทำเป็นคนจนทำไม นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ยังใส่หน้ากากอยู่อีก ทำไมเหรอ ไม่มีหน้าไปเจอคนอื่นรึไง ตอนนี้ฝีมือการทําศัลยกรรมดีขนาดนี้ ถ้าเกิดหน้าเกิดขี้เหร่ ก็สามารถไปศัลยกรรมได้ ทำไมต้องใส่หน้ากากด้วย”

ผู้หญิงสวมหน้ากากคนนั้นแกล้งทำเหมือนไม่ได้ยิน และก็ไม่ได้โมโห ทำแค่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ส่วนท่านจวนก็หัวเราะออกมา เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ “โหจื่อเอ๋ยโหจื่อ ปากของแก ยังไม่ไว้หน้าใครเหมือนเดิมเลยนะ”

โหจื่อเดินเข้าไปนั่ง มองท่านจวนแล้วยิ้มออกมา “ท่านจวน นี่ไม่ใช่การพูดไม่ไว้หน้าใคร ฉันแค่พูดตรงไปหน่อยก็เท่านั้นเอง”

ท่านจวนพยักหน้า เพื่อบอกว่าเข้าใจแล้ว จากนั้นท่านจวนก็มองหลี่ฝางแวบนึง โบกมือเรียกแล้วพูดว่า “รีบนั่งเถอะ เสี่ยวฝาง นี่เป็นวิลล่าจูเซียนของลุงจวน ไม่ต้องเกรงใจ ทำตัวเหมือนเป็นบ้านของตัวเองได้เลย”

“ทำเหมือนเป็นบ้านตัวเอง? ท่านจวนใจกว้างขนาดนี้เลยเหรอ? นี่ต้องการที่จะเอาวิลล่าจูเซียนมอบให้กับคุณชายของพวกเราเลยงั้นเหรอ?” โหจื่อจงใจที่จะเปลี่ยนความหมายที่ท่านจวนพูดออกมา

ท่านจวนเปลี่ยนสีหน้า มองไปยังหลี่ฝางแล้วหัวเราะออกมา พูดอย่างใจกว้างว่า “ถ้าเกิดเสี่ยวฝางชอบล่ะก็ สามารถเอาไปได้เลย”

“คุณชาย ที่นี่อากาศบริสุทธิ์ขนาดนี้ แถมยังเงียบสงบ ฉันคิดว่าคุณจะต้องชอบแน่ๆถูกไหม?” โหจื่อยักคิ้วขึ้นมา แล้วมองไปยังหลี่ฝางแวบนึง

แน่นอนหลี่ฝางเข้าใจความหมายที่โหจื่อต้องการจะสื่บ ไอ้โหจื่อมันต้องการให้ตัวเองรีบตอบตกลงทันที

และวิลล่าจูเซียนแห่งนี้ มันกว้างใหญ่จริงๆ แถมมีทั้งภูเขาและน้ำ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นสวรรค์แห่งการพักผ่อน คิดว่า กว่าจะสร้างแบบนี้ออกมาได้คงเสียเงินไปไม่น้อย

หลี่ฝางพยักหน้า แล้วหันไปขอบคุณท่านจวนด้วยสีหน้าที่ซาบซึ้งแล้วพูดว่า “ต้องขอแสดงความขอบคุณกับท่านจวนก่อน วิลล่าจูเซียนแห่งนี้ ผมขอแล้วกัน”

สีหน้าของท่านจวนไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่สีหน้าของไอ้เด็กซนและผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง กลับเปลี่ยนไปแล้ว

“คุณชายหลี่ พ่อบุญธรรมของผมแค่พูดล้อเล่นกับคุณเท่านั้นเอง ทำไมคุณถึงเอามาคิดจริงจังล่ะ? นี่เป็นสถานที่พักพิงของพ่อบุญธรรม ไม่มีทางที่จะมอบให้กับคนอื่นง่ายๆ” ไอ้เด็กซนส่งเสียงเฮิงด้วยความเย็นชา

ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “วิลล่าจูเซียนแห่งนี้ท่านจวนของพวกเราซื้อมาเมื่อเจ็ดปีก่อน ตอนนั้นที่ซื้อ ราคาก็ขึ้นหลักสิบล้าน ตอนนี้ สถานที่แห่งนี้ได้ทำการปรับปรุงไปหลายครั้ง น้ำบนภูเขาท่านจวนเองก็ใช้เวลาและความพยายามเป็นอย่างมากในการปรับเปลี่ยน เงินที่ใช้ปรับปรุงไปก็ไม่ต่ำกว่าร้อยล้าน มูลค่าของที่นี่ก็ไม่ต่ำกว่าห้าร้อยล้าน คุณชายหลี่ คุณค่อนข้างจะหน้าด้านไปหน่อยน่ะ”

“ทุบทำลายร้านเหล้าของพวกเรา ฆ่าคนของพวกเรา พอเปิดปากพูด ยังต้องการคฤหาสน์ของพวกเราที่มีมูลค่ากว่าห้าร้อยล้านอีก” สีหน้าของผู้ชายสวมเสื้อลายพราง จู่ๆก็เปลี่ยนเป็นความเย็นชา

ชัดเจนว่า เขาไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่

ไม่รอให้หลี่ฝางพูดจบ โหจื่อก็พูดด้วยเสียงที่เย็นชาว่า “พูดบ้าอะไรกันน่ะ นอนไม่อิ่มใช่ไหม? ถ้าเกิดนอนไม่อิ่มก็กลับไปนอนที่คอกหมูของแกสัก ใครฆ่าคนของพวกแกกันล่ะ? ปากของแก สิ่งที่พูดออกมามีแต่ขี้ อีกอย่าง คฤหาสน์แห่งนี้ท่านจวนต้องการมอบให้กับคุณชายของพวกเรา คนที่ขอก่อนไม่ใช่คุณชายของพวกเราสักหน่อย ถ้าเกิดให้ไม่ได้ ก็อย่าพูดแต่แรกสิ”

“อีกอย่างน่ะ ท่านจวนที่เป็นคนใหญ่คนโต จะสนเงินแค่ห้าร้อยล้านรึไง?”

“พูดแล้วคืนคำ ท่านจวนจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”

โหจื่อหัวเราะฮิๆ มองไปยังท่านจวนแล้วพูดว่า “ท่านจวน คุณสองคนที่อยู่ข้างกายของคุณ กลับทำให้คุณเสียหน้าสักได้

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท