NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 766 ข้อตกลง3ข้อ

บทที่ 766 ข้อตกลง3ข้อ

มู่เสี่ยวไป๋รู้ตัวว่าตัวเองต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน ในใจก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

ก่อนหน้านั้น มู่เสี่ยวไป๋ได้ดูถูกหลี่ฝางมาตลอด

เขาคิดว่าหลอซ่าจากไปแล้ว ส้าวส้วยก็ไปแล้ว เมี๋ยวชุ่ยก็พาแม่มดและซือปาจี้คนส่วนใหญ่ไปกันหมดแล้ว ก็คงเหลือจำนวนคนไม่เท่าไหร่แล้ว

ลุงเฉียนไม่สามารถออกไปจากสถานตากอากาศได้ สถานตากอากาศต้องการคนคอยเฝ้าระวังปกป้องอยู่ อย่างน้อย นั่นเป็นสถานที่ที่กักขังท่านลู่ไว้ ถ้าหากว่ามีคนจำนวนน้อยเกินไป คนของบ้านตระกูลลู่ก็จะฉวยโอกาสนี้ บุกเข้ามาช่วยท่านลู่ออกไปได้

อย่างไรก็ตาม มู่เสี่ยวไป๋ไม่เชื่อแน่นอนว่า หลี่ฝางยังจะมีกำลังคนเหลืออีกมากมาย

มีท่านจวนอยู่เบื้องหลังที่คอยช่วยควบคุมหวางเสี่ยวหยวนและเฉินฝูเซิงคนพวกนั้นไว้ มู่เสี่ยวไป๋รู้สึกว่า คนจำนวนนับร้อยของตัวเองนั้น จะสามารถเอาชนะหลี่ฝางได้อย่างแน่นอน

แต่ว่าเขานึกไม่ถึงเลยว่า ซุนจิ้นกลับกระโดดออกมา แล้วยังพาคนจำนวน300กว่าคนมาด้วย แต่ละคนก็เป็นนักสู้ฝีมือดีทั้งนั้น

มีกำลังคนมากมายขนาดนี้อยู่ในมือ อย่าว่าแต่เขามู่เสี่ยวไป๋เลย ต่อให้ท่านจวนออกหน้า ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถจัดการหลี่ฝางได้

ตอนนี้ คนจำนวนกว่า300คนนี้ ได้ล้อมรอบทางออกของมู่เสี่ยวไป๋ไว้แล้ว

คนของมู่เสี่ยวไป๋ทั้งหมด ก็กลายเป็นหมูในอวยไปเสียแล้ว

หลี่ฝางมองดูมู่เสี่ยวไป๋ พูดกระเซ้าว่า “เป็นไง ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วยังล่ะ?”

“หลี่ฝาง ปล่อยฉันไปเถอะ ถ้าครั้งนี้คุณปล่อยฉันไป วันหลังฉันจะไม่มาปรากฏตัวตรงหน้าคุณอีกต่อไปเลย แล้วยิ่งไม่มาหาเรื่องรบกวนคุณอีกด้วย ได้ไหมล่ะ?” มู่เสี่ยวไป๋มองดูหลี่ฝางแล้วพูดด้วยสายตาที่อ้อนวอน

หลี่ฝางส่ายหน้า “ไม่ได้หรอก”

“ถึงแม้คนของคุณจะมากก็จริง ถ้าเกิดต่อสู้ขึ้นมาจริงๆแล้ว คุณแน่ใจหรือว่าคุณจะไม่สูญเสียอะไรเลย?” มู่เสี่ยวไป๋เห็นว่าพูดขอร้องแล้วไม่ได้ผล จึงเปลี่ยนเป็นคำพูดข่มขู่

แต่ว่า หลี่ฝางก็ไม่กลัวอะไรเลย

ทว่า คำพูดของมู่เสี่ยวไป๋ก็เป็นความจริงอยู่ จำนวนคนที่เขาพามาด้วยนั้น ก็ไม่ใช่น้อยเลย

มู่เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ถ้าหากพวกเราต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆ ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะทำให้บาดเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่าย อย่าให้คนที่อยู่เบื้องหลังเป็นตาอยู่คอยรับผลประโยชน์ฝ่ายเดียวเลย”

หลี่ฝางส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ถ้าหากฉันบอกว่าฉันไม่สนล่ะ?”

“คนเราเมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่เรืองอำนาจ หากไม่ฆ่าศัตรูของตัวเอง เช่นนั้นแล้วตอนที่เขาอยู่ในช่วงเวลาขาลง เขาก็เหมือนได้ขุดหลุมสำหรับฝังตัวเองไว้แล้ว มู่เสี่ยวไป๋ พวกเราก็ได้ประมือกันหลายหนแล้ว แกเป็นคนอย่างไร ฉันรู้แจ่มแจ้งที่สุด ดังนั้นไม่ต้องมาทำเสแสร้งกับฉันเลย”

หลี่ฝางพูดอย่างเยือกเย็น

“มู่เสี่ยวไป๋ ต่อให้แกคุกเข่าต่อหน้าฉัน แล้วเรียกฉันว่าพ่อ วันนี้ฉันก็ไม่อาจจะปล่อยแกไปได้”

หลี่ฝางพูดด้วยสีหน้าเ ที่เยือกเย็น

ตอนนี้ สีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ ก็เริ่มเครียดขึ้นมา เขานึกไม่ถึงเลยว่าคราวนี้หลี่ฝางจะมีท่าทีที่เด็ดเดี่ยวเช่นนี้ ไม่ให้โอกาสตัวเองแม้แต่นิดเดียว

มู่เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ต้องการให้ตายด้วยกันทั้งสองฝ่ายจริงเหรอ?”

“ใช่แล้ว วันนี้ถ้าไม่ใช่เป็นวันตายของแก ก็ต้องเป็นวันมรณะของฉัน”

หลี่ฝางพูดอย่างเยือกเย็น

ก่อนหน้านั้น หลี่ฝางมีความวิตกกังวลหลายอย่าง เช่น จางกงหมิงก็ยังอยู่ตรงหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ ถ้าจะฆ่ามู่เสี่ยวไป๋ แล้วจางกงหมิงล่ะ ก็จะต้องได้รับอันตรายอย่างแน่นอน

อีกอย่างตอนนี้ หลินชิงชิงได้จากไปแล้ว ลูกพี่หลินก็ตายแล้ว จางกงหมิงก็ได้ออกไปจากมู่เสี่ยวไป๋แล้ว

ยันต์ป้องกันตัวของมู่เสี่ยวไป๋ ไม่มีเหลืออีกแล้ว

ดังนั้น ต่อให้หลี่ฝางจะสังหารมู่เสี่ยวไป๋ในตอนนี้ ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย?

มู่เสี่ยวไป๋กัดฟันไว้แน่น ตอนนี้เขาตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ แน่นอนที่เขาก็ไม่อยากตายไปพร้อมกับหลี่ฝาง ไม่ถูกต้องแล้ว หากเกิดการต่อสู้ขึ้นมา ไม่ใช่บาดเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่เขาต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถูกสังหารมากกว่า

มู่เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้ว น้ำเสียงก็อ่อนลงมาอีกครั้ง เขามองหน้าหลี่ฝางแล้วพูดว่า “ให้โอกาสฉันอีกครั้งเถอะ ไม่ว่าคุณจะยื่นเงื่อนไขอะไรให้ฉันก็ได้ทั้งนั้น”

“ไม่ว่าคุณจะให้ฉันทำอะไร ฉันก็จะพยักหน้ายอมตกลงทั้งนั้น ฉันไปถล่มไนต์คลับของคุณ ก็จะชดใช้ไนต์คลับแห่งใหม่คืนให้คุณ หลี่ฝาง วันนี้ฉันไม่ได้ทำร้ายคุณแม้แต่ปลายนิ้วเลย คุณก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องเอาชีวิตฉัน ฉันรู้ว่าคราวนี้เป็นความผิดของฉันเอง พวกเรามานั่งลงค่อยๆเจรจาปรึกษาเรื่องชดใช้ค่าเสียหายกันดีกว่านะ”

มู่เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “หลี่ฝาง ฉันยังไม่อยากตาย”

ท่าทีของมู่เสี่ยวไป๋นั้น ร้อนรนแล้วก็สิ้นหวัง หลี่ฝางดูออกว่า คำพูดของมู่เสี่ยวไป๋ตอนนี้ มันออกมาจากใจจริงทั้งนั้น

ส่วนหลี่ฝางนั้น ก็ไม่เคยคิดที่จะปล่อยมู่เสี่ยวไป๋ไป

อย่างน้อย มู่เสี่ยวไป๋ก็เคยได้ทำผิดมามากมายหลายครั้งแล้ว ถ้าหากคราวนี้ปล่อยเขาไป งั้นตัวเองก็คงมีจิตใจที่เมตตามากเกินไปแล้ว

หลี่ฝางส่ายหน้า แล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่าแกไม่อยากตาย ในโลกนี้ไม่มีใครอยากจะตายทั้งนั้น แต่แกทำความผิดไว้อย่างหนึ่ง นั่นก็คือรนหาที่ตายครั้งแล้วครั้งเล่า”

หลี่ฝางพูดจบ ก็ยื่นมือออกมาทันที พุ่งตรงไปจับคอของมู่เสี่ยวไป๋ไว้ แล้วพูดว่า “ความจริงแล้ว ฉันเคยให้โอกาสแกครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งก่อนที่อยู่ร้านกาแฟ ตระกูลหลี่ก็เคยยื่นคำขู่กับตระกูลมู่แล้ว ส่วนตอนนั้นแกก็น่าจะถือโอกาสนั้นออกไปจากเมืองหลวง แต่ว่าแกทำไมจึงไม่จากไปล่ะ ทำไมจะต้องไปมั่วสุมกับมู่หรงฉางเฟิง รวมหัวกับซือถูเฟยพวกนั้นวางแผนกันว่าจะกำจัดฉันยังไง?”

“เป็นเพราะแกรนหาที่ตายเอง โทษฉันไม่ได้หรอก” หลี่ฝางพูด แล้วผลักมู่เสี่ยวไป๋ลงไปกับพื้นอย่างแรง

มู่เสี่ยวไป๋หายใจกระหืดกระหอบหลายครั้ง แล้วพูดว่า “ตอนนั้นฉันก็อยากจะจากไปจริงๆ แต่ว่า ธุรกิจของตระกูลมู่หลายสิบปีที่ผ่านมา ก็ล้วนอยู่ในเมืองหลวงทั้งนั้น จะให้คนของตระกูลมู่ทั้งหมดไปจากเมืองหลวงด้วยกัน พวกเราจะยอมรับได้อย่างไรกันล่ะ แล้วในเวลานั้นพอดีที่พ่อของคุณไม่อยู่แล้ว ท่านจวนก็ทรยศพวกคุณตระกูลหลี่ แปรพักตร์ไปอยู่กับสี่ตระกูลใหญ่ ตระกูลตงฟางก็ปรากฏตัวขึ้น ตระกูลหลี่พวกคุณก็ถูกโดดเดี่ยวและมีศัตรูมากมายอยู่รอบด้าน ดังนั้น ฉันจึงคิดว่าฉันจะมีโอกาสที่จะพลิกจากความพ่ายแพ้มาเป็นชัยชนะได้ ฉันรู้สึกว่าตระกูลมู่พวกเราจึงไม่จำเป็นที่จะต้องจากไป”

“โดยเฉพาะตอนที่ทุกคนต่างก็พูดกันว่า พ่อของคุณเสียชีวิตอยู่เมืองนอกแล้ว ฉันก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น ไม่เพียงแต่ฉันจะไม่จากไปแล้ว อีกทั้งยังจะต้องฆ่าคุณให้ได้ ก็เลยเข้าแก๊งเดียวกับสี่ตระกูลใหญ่ แต่ว่าฉันผิดไปแล้ว ฉันดูถูกคุณมากเกินไป ฉันดูถูกคุณครั้งแล้วครั้งเล่า มองว่าคุณเป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง คิดว่าคุณคงไม่มีพิษสงอะไร นึกว่าคุณก็เพียงแค่อาศัยบารมีของพ่อ อาศัยส้าวส้วยที่อยู่เบื้องหลังคุณ จึงสามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ถึงทุกวันนี้ ดังนั้น ในการต่อสู้กันแต่ละครั้ง ฉันก็ต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมาโดยตลอด แต่ว่าวันนี้ฉันกลับพบว่า แท้จริงแล้ว คุณได้ก้าวเกินหน้าฉันไปมากอย่างไม่รู้ตัว การควบคุมจิตใจอารมณ์ของคุณล้ำลึกกว่าฉันมาก คุณรู้จักความอดทนมากกว่าฉัน คุณมีตระกูลจูเก่อ สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แต่ว่าคุณกลับไม่เคยที่จะใช้งานพวกเขาเลย”

มู่เสี่ยวไป๋ส่ายหน้า มองดูหลี่ฝางแล้วพูดด้วยสีหน้าที่สับสนว่า “วันนี้ฉันจึงยอมรับแล้วฉันพ่ายแพ้ให้แก่คุณ ก่อนหน้านั้นการพ่ายแพ้ของฉันแต่ละครั้ง ฉันมีความรู้สึกว่านั่นเป็นการพ่ายแพ้ให้กับคนรอบข้างของคุณ คุณเพียงแต่มีโชควาสนาที่ดีกว่าฉัน ได้เปรียบมากกว่าฉันนิดหน่อยเท่านั้นเอง”

“หลี่ฝาง ฉันขอถามคุณอีกครั้ง คุณจะยอมปล่อยฉันสักครั้งได้หรือไม่ ขอเพียงคุณไว้ชีวิตฉัน ฉันยอมกลายเป็นคนพิการ เหมือนพี่ชายฉัน ฉันจะยอมทิ้งขาทั้งสองข้างไว้ที่นี่เพื่อเป็นค่าชดเชย เท่านี้พอจะชดใช้ให้คุณได้หรือยังล่ะ?”

มู่เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ฉันกลายเป็นคนพิการแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะมาข่มขู่คุณได้แล้ว พูดตามจริงแล้ว คุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องตามฆ่าสุดฤทธิ์อย่างนี้หรอก”

หลี่ฝางสีหน้าหวั่นไหวเล็กน้อย ตามความจริงแล้ว หลี่ฝางก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่า มู่เสี่ยวไป๋จะพูดเช่นนี้ออกมาได้ ยอมที่จะหักขาทั้งสองข้างของตัวเอง เพื่อที่จะรักษาชีวิตของตัวเองให้รอดอย่างนั้นเหรอ?”

หลี่ฝางหัวเราะ มองหน้ามู่เสี่ยวไป๋แล้วพูดว่า “แกกลัวตายถึงขนาดนั้นเชียวเหรอ?”

มู่เสี่ยวไป๋ไม่พูดอะไรเลย ได้แต่พยักหน้า ยอมรับคำถามของหลี่ฝาง

ตอนนี้หลี่ฝางก็เริ่มจะลังเลแล้ว การสังหารมู่เสี่ยวไป๋นั้น สำหรับตัวเองแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเช่นกัน อีกอย่างผู้คนนับร้อยพวกนี้ ถ้าต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆแล้ว งั้นจะต้องเกิดความวุ่นวาย กลายเป็นเรื่องใหญ่โตอย่างแน่นอน

ข้างนอกก็ยังมีสี่ตระกูลใหญ่และท่านจวนคอยเฝ้ามองอยู่ ถ้าเกิดเช่นนั้นแล้ว จะต้องไม่สงบสุขอย่างแน่นอน

ถึงเวลานั้น เกรงว่าตัวเองจะต้องหาที่หลบซ่อนไปสักพัก ดังนั้น หลี่ฝางคิดแล้ว ตัดสินใจจะปล่อยมู่เสี่ยวไป๋ไป

“ฉันไม่ฆ่าแกก็ได้ แต่แกต้องยอมตกลงเงื่อนไขของฉัน 3 ข้อ”

หลี่ฝางพูดพลางมองหน้ามู่เสี่ยวไป๋

มู่เสี่ยวไป๋แววตาส่องประกาย มองดูหลี่ฝางแล้วพูดว่า “คุณว่ามา ฉันยอมตกลงทั้งนั้น”

“ข้อที่1 ฉันจะต้องหักขาทั้งสองข้างของแก ทำให้แกไม่สามารถที่จะไปทำชั่วได้อีก และก็เป็นการชดใช้หนี้สำหรับการกระทำที่โง่เขลาของแก” หลี่ฝางพูด

สีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ถึงแม้จะดูไม่ค่อยดีนัก แต่ก็พยักหน้ายอมตกลง อย่างน้อย ข้อเสนอนี้ เขาเป็นคนเสนอขึ้นมาเอง เขาก็ได้ทำใจมาก่อนแล้ว ถึงแม้ว่าเขาไม่อยากจะกลายเป็นคนพิการ แต่ว่าก็ยังดีกว่าที่ไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป มันก็แค่ขาทั้งสองข้างเท่านั้น ไม่เห็นจะมีอะไรเลย

“ส่วนข้อที่ 2 ต่อไปนี้ตระกูลมู่จะต้องทำตามคำสั่งของตระกูลหลี่ ส่วนแก ต่อไปก็จะต้องอยู่ที่นี่ เป็นตัวประกันให้ฉัน ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากฉันก็ห้ามออกจากที่นี่ไป”

หลี่ฝางพูดอย่างเรียบง่าย

มู่เสี่ยวไป๋ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่า ตระกูลมู่พวกเราไม่สามารถอยู่อย่างเฉยเมยได้แล้ว”

หลี่ฝางหัวเราะแล้วถามว่า “แกจะตกลงหรือว่าไม่ตกลงล่ะ?”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท