NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 753 ฉันมาเพื่อเขาแค่คนเดียว

บทที่ 753 ฉันมาเพื่อเขาแค่คนเดียว

การคุกเข่าของฟีนิกซ์ในครั้งนี้ ไม่มีการยืนขึ้นอีกแล้ว

เลือดสดๆไหลออกมาเรื่อยๆ ถ้าเกิดตรวจสอบดีๆก็จะพบว่า พื้นแข็งๆแห่งนี้ มีรอยแตกปรากฏออกมา

ฟีนิกซ์ใช้การตายของตัวเองเพื่อขอโทษเมี๋ยวชุ่ย เพียงแต่ว่าใบหน้าของเมี๋ยวชุ่ย กลับไม่มีสีหน้าที่แสดงออกว่าให้อภัยเลยแม้แต่น้อย

สีหน้าของท่านจวน ดูแย่เป็นอย่างมาก……

ฟีนิกซ์ตายในวิลล่าจูเซียนของเขา การตายของฟีนิกซ์ เขาจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตระกูลตงฟางจะต้องเอาความโกรธมาลงที่ท่านจวนอย่างแน่นอน……

“ตายแล้ว?”

ท่านจวนกลืนน้ำลายตัวเอง แล้วเดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน แล้วอุ้มฟีนิกซ์ขึ้นมา

ฟีนิกซ์ในตอนนี้ ไม่มีลมหายใจอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว

บนพื้นไม่เพียงแค่ถูกฟีนิกซ์เอาหัวโขกจนเกิดรอยแตกออกมา มันอย่างเต็มไปด้วยคราบเลือด

“ทำไมแบบนี้แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร?”

เมี๋ยวชุ่ยถอนหายใจ แล้วหันหน้าไปอีกทาง ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

เมื่อฟีนิกซ์ตายแล้ว คนของตระกูลตงฟาง จะต้องไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆอย่างแน่นอน

เมี๋ยวชุ่ยเดินมาอยู่ตรงหน้าหบี่ฝาง “มาให้แม่ดูหน้าลูกชัดๆสิ”

“แม่ แม่พูดแบบนี้หมายความว่าไง” หลี่ฝางยิ้มแห้งๆแล้วพูดว่า “ทำอย่างกับว่าต่อไปจะไม่ได้เจอกันแล้วยังไงยังงั้น”

หลี่ฝางรู้สึกว่าคำพูดนี้ของแม่ตัวเอง แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก

ทำไมมันถึงดูเหมือนกับว่ากำลังบอกลาตัวเองล่ะ?

ทันใดนั้น หลี่ฝางก็ทำหน้าเครียด แล้วมองไปยังแม่ของตัวเอง พูดออกมาด้วยจิตใจที่ไม่สงบว่า “แม่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่รึเปล่า?”

“ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นทั้งนั้น”

เมี๋ยวชุ่ยปลอบหลี่ฝาง แต่ความไม่สบายใจของหลี่ฝาง ก็ยังหนักอึ้งเหมือนเดิมรอบข้าง

โหจื่อ แม่มด และชายชุดดำสองคน ได้เข้าสู่การตีตอบโต้กลับพระอรหันต์ทั้งสิบแปดคน

โดยเฉพาะโหจื่อ หลังจากที่ได้กลืนยาลงไป ก็ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

หลี่ฝางมองดูความดุร้ายของโหจื่อ ถามเพื่อเปลี่ยนหัวข้อคุยว่า “แม่ เมื่อกี้ที่โหจื่อดื่มมันคืออะไรกันเหรอ? ผมขอสักขวดได้ไหม?”

“เป็นยาที่สามารถกระตุ้นศักยภาพของตัวเองออกมาได้ ช่วงระยะเวลาสั่นๆมันสามารถช่วยให้ร่างกายของแกเข้าสู่สภาวะที่แข็งแกร่งที่สุดได้ แต่หลังจากที่ยาหมดฤทธิ์ ทั้งร่างจะเข้าสู่สภาวะที่เหนื่อยล้า ทุกอวัยวะของร่างกาย จะต้องเข้าสู่การพักผ่อน ไม่งั้นล่ะก็ ร่างกายจะต้องรับภาระอย่างหนัก ราวกับบาดเจ็บภายใน” พอเมี๋ยวชุ่ยพูดจบ ก็ลังเลไปพักนึง “ต้องลำบากเป็นอย่างมากกว่าจะผสมยาแบบนี้ออกมาได้ เพราะงั้นบนตัวของฉันเองก็มีไม่เยอะ”

“แกเก็บเอาไว้ป้องกันตัวเองก็ดีเหมือนกัน ถ้าเกิดเจอกับสถานการณ์ที่มันอันตรายจริงๆ ก็กลืนมันลงไป แต่แกต้องจำเอาไว้ให้ดีๆ ภายในครึ่งชั่วโมง จะต้องหนีออกมาจากอันตรายให้ได้ แล้วต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ให้ร่างกายค่อยๆเข้าสู่สภาวะปรกติ แล้วค่อยเคลื่อนไหวอีกที” เมี๋ยวชุ่ยพูดเตือนหลี่ฝาง

พอเมี๋ยวชุ่ยพูดจบ ก็พุ่งตัวเข้าไปยังกลางวงข้างใน เป็นตัวนำพวกโหจื่อ แล้วฆ่าพวก พระอรหันต์สิบกว่าคนจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว

เอาตรงๆ สถานการณ์แบบนี้ หลี่ฝางเคยเห็นแค่ไม่กี่ครั้ง

หลี่ฝางเองก็เคยเห็นการฆ่าคนมาแล้ว แต่เหมือนกับแบบนี้ที่ไม่คิดจะไว้ชีวิตใครสักคน หลี่ฝางกลับรู้สึกว่ายากที่จะยอมรับเรื่องแบบนี้

ไม่ว่าจะยังไง ชีวิตสิบกว่าคน ก็จบลงไปแบบนี้แล้ว

แต่สำหรับเมี๋ยวชุ่ยและพวกโหจื่อแล้ว ดูราวกับเป็นเรื่องธรรมดา

พอฆ่าพวกพระอรหันต์พวกนี้จนหมดแล้ว เมี๋ยวชุ่ยก็มองไปยังท่านจวน แล้วพูดว่า “กรงเล็บของแก ถูกฉันถอนออกจนหมดแล้ว บอดี้การ์ดของแก ตอนนี้ก็มีสภาพเดียวกันกับพวกพระอรหันต์”

ความจริงท่านจวนเดาได้ตั้งแต่แรกแล้ว สู้กันนานขนาดนี้ บอดี้การ์ดของเขา ก็ยังไม่มีใครเข้ามา ดูเหมือนว่า น่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับ บอดี้การ์ดของเขา

ท่านจวนราวกับไม่ได้ยิน ดูเหมือนว่า เขายังยึดติดอยู่กับ การตายของตงฟางหวั่นเอ๋ออยู่

หลี่ฝางลุกขึ้นมา แล้วเดินตามโหจื่อ ออกมาจากวิลล่าจูเซียน

ข้างนอกวิลล่าจูเซียน มีชายชุดดำหลายคน ยืนเรียงกันอยู่

และวิลล่าจูเซียนแห่งนี้ไม่ว่าที่ไหน ก็เห็นแต่ศพนอนกองอยู่บนพื้น ต่อให้มีบางคนที่ยังมีลมหายใจอยู่ แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขยับตัวได้แล้ว

หลี่ฝางกลับไม่เห็นผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางกับไอ้เด็กซน รถของพวกเขาที่จอดอยู่ข้างนอกวิลล่าจูเซียน เองก็หายไปแล้ว

ดูเหมือนว่า จะหนีไปแล้ว

เวลานี้ ก็มีเครื่องบินส่วนตัว ปรากฏออกมากลางอากาศ

หลังจากที่ค่อยๆจอดลงมา เมี๋ยวชุ่ยมองหลี่ฝางอย่างอาลัยอาวรณ์ แล้วพูดว่า “ลูก แม่ต้องไปแล้ว”

หลี่ฝางรู้ดีว่าแม่ของตัวเองกำลังจะไปที่ไหน เพราะงั้นจึงไม่ได้ถามอะไรมาก

และหลี่ฝางเองก็เข้าใจดีว่าที่ๆกำลังจะไปมันอันตรายขนาดไหน ตอนแรกหลี่ฝางกะจะเปิดปากห้าม แต่ว่าพอลมถึงคอ ก็กลืนกลับไป หลี่ฝางเข้าใจเป็นอย่างดี แม่ของตัวเอง เมื่อตัดสินใจที่จะทำแล้ว ต่อให้ตัวเองจะพูดยังไง ก็คงทำอยู่ดี

หลี่ฝางมองไปยังแม่ของตัวเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวังและความอาลัยอาวรณ์ “แม่ พาคุณพ่อกลับมาให้ได้นะ”

“จะต้องพาคุณพ่อกลับมาได้นะ” ตอนนี้ ภายในใจของหลี่ฝาง เต็มไปด้วยความเป็นห่วงและความร้อนรน

เดิมที หลี่ฝางแค่ต้องเป็นห่วงพ่อของตัวเอง แต่ตอนนี้ กลับต้องเป็นห่วงแม่ของตัวเองอีกด้วย

ทั้งสองคนเป็นคนที่ใกล้ชิดกับตัวเองมากที่สุดในโลกนี้……

มีบางครั้งหลี่ฝางก็โกรธแค้นตัวเอง โกรธตัวเองที่ไร้ความสามารถ ถ้าเกิดตัวเองมีความสามารถมากกว่านี้ ก็สามารถช่วยพวกเขาได้ หรือถ้าเกิดช่วยพวกเขาได้ล่ะก็ มันคงจะดีไม่น้อย

ตอนที่เมี๋ยวชุ่ยกำลังเดินเข้าไปยังเครื่องบิน โหจื่อทนไม่ไหวจึงถามออกไป “จะปล่อยเขาไปแบบนี้จริงๆเหรอ?”

“แกหมายถึงท่านจวนเหรอ?” เมี๋ยวชุ่ยถาม

โหจื่อพยักหน้า แล้วพูดว่า “ตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องง่ายๆอย่างให้เขายอมแพ้พวกเราแล้ว ตอนนี้ท่านจวนได้ร่วมมือกับพวกสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ปล่อยเขาไป ก็เหมือนเลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้”

“หลายปีมานี้ จิ้งจอกเฒ่าอย่างท่านจวน หลบซ่อนอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด ค่อยๆขยายอำนาจของตัวเอง ถ้าไม่กำจัดเขา เกรงว่าอนาคตจะเป็นการเพิ่มศัตรูให้กับพวกเราอีกคนนึง”

โหจื่อพูดอย่างไม่พอใจ

ตอนนี้ ฟีนิกซ์ฆ่าตัวตายแล้ว

พระอรหันต์สิบแปดคนเอง ก็ถูกแม่มดกับโหจื่อสังหารจนหมดแล้ว

และบอดี้การ์ดของท่านจวนที่อยู่ในวิลล่าจูเซียนแห่งนี้ ก็ถูกซือปาจี้ที่เมี๋ยวชุ่ยพามา สังหารหรือทำให้กลายเป็นคนพิการจนหมดแล้ว……

เพราะงั้นทั่วทั้งวิลล่าจูเซียน เรียกได้ว่าเหลือแค่ตาแก่แย่ๆอย่างท่านจวนแค่คนเดียวแล้ว

และการฆ่าคนแก่คนนึง ไม่ต้องพูดถึงยอดฝีมืออย่างโหจื่อ แม้แต่หลี่ฝาง ก็ยังสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย

เพราะงั้น นี่จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะฆ่าท่านจวนทิ้งซะ

เมี๋ยวชุ่ยในเตอนนี้กลับส่ายหัวออกมา “เขาเคยเป็นผู้นำของลูกพี่พวกแก เคยมีบุญคุณต่อลูกพี่ของพวกแก ก่อนที่ลูกพี่พวกแกจะออกเดินทาง ได้ให้คำสั่งเอาไว้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องไว้ชีวิตของเขา”

“ลูกพี่รู้ว่าท่านจวนร่วมมือกับศัตรูงั้นเหรอ?” โหจื่อรู้สึกตกใจเล็กน้อย

ถ้าเกิดหลอซ่ารู้อยู่แล้วว่าท่านจวนจะทรยศ รู้ว่าร่วมมือกับศัตรูตั้งแต่แรกแล้วล่ะก็ ทำไมยังเลือกที่จะเชื่อใจเขา และยังร่วมมือกับเขาอีกล่ะ?

โหจื่อไม่เข้าใจเล็กน้อย

เมี๋ยวชุ่ยพยักหน้า แล้วพูดว่า “เขาเดาออกอยู่แล้ว”

“แต่ว่า เขาก็ยังเลือกที่จะปล่อยท่านจวนเอาไว้ ไว้ชีวิตของเขาเอาไว้ก่อน รอให้พวกเรากลับมาค่อยว่ากันอีกที” พอเมี๋ยวชุ่ยพูดจบ ก็ก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า มุ่งตรงไปยังทางเครื่องบิน

และคนสวมหน้ากากส่วนใหญ่ ก็เดินตามไปพร้อมกัน เหลือเอาไว้แค่สี่คน ให้เดินตามหลี่ฝาง

ในเวลานี้ แม่มดก็ตบไหล่อของโหจื่อ แล้วพูดว่า “ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแกแล้ว ปกป้องคุณชายให้ดีๆล่ะ”

พอพูดจบ แม่มดเองก็เดินไปยัง เครื่องบินที่กำลังจะบินขึ้น

โหจื่อมองแม่มด แล้วถามว่า “เธอเองก็จะไปเหรอ?”

ดูเหมือนว่า นี่เป็นการตัดสินใจกะทันหันของแม่มด และก็ยังไม่ได้รับการยินยอมจากเมี๋ยวชุ่ย เมี๋ยวชุ่ยหันกลับมา มองไปยังแม่มดแล้วพูดว่า “เธออยู่ที่นี่แหละ”

“ไม่ ฉันเองก็จะไปด้วย”

แม่มองมองเมี๋ยวชุ่ย แล้วพูดว่า “ไม่ว่าคุณจะยอมรับหรือไม่ ฉันก็ไปอยู่ดี ที่ฉันมาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อคนๆนึง นั่นก็คือส้าวส้วย ตอนนี้ส้าวส้วยตกอยู่ในอันตราย ฉันจะเอาแต่นั่งดูอยู่เฉยๆได้ยังไงกัน?”

“ก่อนหน้านี้ ฉันบาดเจ็บอยู่ ตอนนี้ บาดแผลของฉันก็หายดีแล้ว ต่อให้ครั้งนี้พวกคุณไม่พาฉันไปด้วย ฉันก็คงไปด้วยตัวเองอยู่ดี” ใบหน้าของแม่มดเต็มไปด้วยความแน่วแน่

โหจื่อก้มหน้าให้กับเมี๋ยวชุ่ย แล้วพูดว่า “อาจารย์ พาแม่มดไปด้วยเถอะ”

“พูดตรงๆ ฉันเองก็ไม่อยากอยู่ที่นี่ อยากจะตามพวกคุณไปด้วยเหมือนกัน” โหจื่อพูดต่อ “ไม่ว่าจะยังไงมีคนเพิ่มคนนึง ก็เท่ากับมีความหวังเพิ่งขึ้นอีกหน่อย”

ในที่สุดเมี๋ยวชุ่ยก็ยอมให้แม่มดตามไปด้วย แม่มดหันกลับมา แล้วพูดขอบคุณโหจื่อ แล้วเดินเข้าไปยังเครื่องบิน

หลังจากที่เครื่องบินบินออกไป โหจื่อก็โบกมือลา

หลี่ฝางมองโหจื่อ แล้วพูดว่า “พวกเราเองก็ไปเถอะ”

“ไป?”

โหจื่อหัวเราะ ใบหน้าเผยความเย็นชาออกมา “ข้างในบ้านยังมีจิ้งจอกเฒ่าอยู่คนนึงที่ยังไม่ได้กำจัด”

“หมายความว่าไง?” หลี่ฝางพูดถาม ด้วยความมึนงง

“ฉันจะไปฆ่าเขา” โหจื่อพูดด้วยเสียงที่เย็นชา

หลี่ฝางมองโหจื่อด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อกี้โหจื่อเพิ่งจะตกลงกับแม่ของตัวเองว่า จะไม่แตะต้องท่านจวน แต่ตอนนี้แม่ของตัวเองเพิ่งออกไป โหจื่อก็เปลี่ยนความคิดทันที

“รอฉันหนึ่งนาที” โหจื่อพูด

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน